ตอนที่ 4 ทลาย [อ่านฟรี]
ตอนที่ 4 ทลาย
ผู้แปล Doramartin
“เสี่ยวหนู อย่าเพิ่งร้องไห้ รีบอธิบายมาอย่างละเอียด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” หลินหานเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของหญิงรับใช้ และพูดทันที
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่สงบนิ่งของนายน้อย ดูเหมือนเสี่ยวหนูจะสงบจิตสงบใจได้ แต่ดวงตาคู่งามสื่อความเศร้าที่ไม่สามารถปกปิด กล่าว "มีข้อความใหม่จากระดับสูงประกาศลงมา ว่าจะจัดงานน้ำชาแห่งวิถียุทธในสิบวันหลังจากนี้ แต่กระนั้น ห้าวันหลังจากนี้ การประลองเล็กๆระหว่างศิษย์วัยเยาว์ภายนอกจะถูกจัดขึ้นก่อน ยี่สิบห้าคนแรกจะได้รับเลือกให้เข้าสำทำเนียบภายใน และเข้าร่วมงานน้ำชาแห่งวิถียุทธที่จะจัดขึ้นในสิบวันให้หลัง การประลองเล็กๆอีกห้าวันหลังจากนี้ ศิษย์ทำเนียบภายนอกทุกคนจะต้องเข้าร่วม โดยเฉพาะศิษย์จากสาขา หากไม่สามารถติดหนึ่งใน 25 อันดับได้ จะถูกขับไล่ และส่งกลับไปยังตระกูลสาขาดั้งเดิม "
"อะไรนะ? ส่งกลับไปยังตระกูลดั้งเดิม" หลินหานสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เขารู้ชัดเจนมาก สิ่งนี้หมายถึงอะไร มันคือการขับไล่อย่างโหดร้ายของสำนักตระกูลหลิน
หลินหานรู้ว่า การประลองศิษย์ภายนอกที่จะเกิดขึ้นในอีกห้าวันหลังจากนี้คงไม่สามารถเข้าสู่หนึ่งใน 25 อันดับได้ เขาเป็นเพียงศิษย์ภายนอกต่ำต้อย เขาอาจถูกโจมตีโดยตรงจากสำนักตระกูลหลิน และถูกส่งกลับไปที่บ้านเกิดของเขา
"ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น!"
ทันใดนั้น ดวงตาของหลินหานก็แปรเปลี่ยนเป็นเฉียบแหลม เขาเคยสาบานว่าเขาจะไม่กลับไปที่บ้านเกิดของเขาถ้าเขายังไม่อยู่เหนือคนอื่น
"นายน้อย ควรทำอย่างไรดี?" เสี่ยวหนู หญิงรับใช้ถามด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
“เสี่ยวหนู เจ้าไม่ต้องกังวล นายน้อยของเจ้าจะไม่ยอมให้เจ้าที่ติดตามข้า ต้องกลับไปที่หมู่บ้านฉางหยุนอันเป็นบ้านเกิด” หลินหานสัญญา เพื่อให้เสี่ยวหนูสงบใจลง
ณ เมืองต้วนเทียน เป็นเมืองใหญ่ภายใต้รัฐเยียน การที่สำนักตระกูลหลินสามารถครอบครองพื้นที่ส่วนหนึ่ง ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
สำหนักตระกูลหลิน แบ่งออกเป็น ทำเนียบภายนอกและทำเนียบภายใน ทำเนียบภายในล้วนเป็นบุคคลผู้เป็นอัจฉริยะ ถึงแม้ว่าทำเนียบภายนอกจะได้รับการฝึกฝนที่ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ยังมีคนที่เป็นเหมือนมังกรหลับ
ตัวอย่างเช่น หลินเจว่ลี่ที่เป็นคู่รักหลินเม่ยเอ๋อ ซึ่งเป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับที่สี่แห่งทำเนียบภายนอก ครองพลังจตุสวรรค์ ได้แปรเปลี่ยนปราณถ่องแท้ในร่างกายให้กลายเป็นสสารถ่องแท้ แข็งแกร่งหาใดเปรียบ
"ศิษย์ทำเนียบภายนอกมีทั้งหมดหลายร้อยคน ก่อนหน้านี้ข้าเอาชนะหลินสือ แต่เขาเป็นหนึ่งในคนอ่อนแอที่สุด การเอาชนะเขาไม่ได้มีความหมายแต่อย่างใด" หัวใจของหลินหานรับรู้อย่างชัดเจนมาก แม้ว่าพลังกาย ปราณ์ จิตของจะถูกเปลวไฟสีทองที่อยู่ในสมองแปรสภาพใหม่ แต่ความแข็งแกร่งยังไม่เพียงพอที่จะโดดเด่น
เวลาห้าวัน จะบอกว่านานก็ไม่นานนัก จะบอกว่าสั้นก็ไม่สั้น
ถ้าต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง ก็มีสองวิธี: ขั้นแรก เพื่อฝึกฝนทักษะการต่อสู้ศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงยิ่งกว่า อย่างที่สอง ต้องเพิ่มตบะ
"ก่อนอื่นต้องเพิ่มตบะก่อน ตบะจึงจะเป็นพื้นฐาน!" หลินหานตัดสินใจในใจอย่างรวดเร็ว
เขามองไปที่เสี่ยวหนู และพูดว่า: "ภายในสามวันนี้ เจ้าเพียงแค่ต้องส่งอาหาร ถ้าใครคนอื่นจะเข้ามา จงปฏิเสธทั้งหมด"
“เจ้าค่ะ นายน้อย” เสี่ยวหนูพยักหน้าทันที
ตึง!
ประตูห้องถูกปิด หลินหานนั่งทำสมาธิ สื่อสารกับเปลวไฟสีทองในสมองของเขา เริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาระดับสูงที่ได้รับสืบทอดมา เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่
เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ ศิลปะการต่อสู้นี้ได้มาจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า เป็นธรรมดาที่จะมีคุณสมบัติพิเศษของตัวเอง ไม่เพียงแต่จะหลวมรวมร่างกายของหลินหานอย่างต่อเนื่อง ยังทำให้เขาแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จึงสามารถดูดกลืนพลังฟ้าดินที่ในอากาศได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเสริมสร้างต้นกำเนิดชีวิตของหลินหาน
ตูม ตูม ตูม......
ในเวลานี้ หลินหานยังคงนั่งขัดสมาติอยู่ที่นั่น ในใจท่องมนต์ของเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ พลังที่มีอยู่ในอากาศรอบๆถูกดูดกลืน ผสานเข้ากับร่างกายของเขาทันที
ภายใต้อิทธิพลของเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ เลือดเนื้อ กระดูกและแม้กระทั่งวิญญาณก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้น ปราณถ่องแท้ที่อยู่ในร่างกายของหลินหานก็เพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน
การประลองทำเนียบภายนอกที่จะเกิดขึ้นอีกวันหลังจากนี้ หลินหานรู้ว่าอย่างน้อยๆเขาต้องก้าวสู่วิชายุทธิ์จตุสวรรค์ หลอมรวมปราณถ่องแท้ให้กลายเป็นสสารถ่องแท้ จึงจะสามารถโดดเด่นกว่าคนหลายร้อยคน แล้วติดหนึ่งใน25อันดับ
สามวันเต็มๆ หลินหานยังอยู่ในห้องทึบๆ ดูดกลืนพลังแห่งฟ้าดินในอากาศรอบๆ หมุนเปลี่ยนให้เป็นพลังของตัวเอง เพิ่มตบะของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน
คนปกติ ต่อให้เป็นปรมาจารย์ยุทธิ์แห่งวิถียุทธิ์นวสวรรค์ เกรงว่ายังไม่มีวิธีการอันน่ากลัวอย่างการดึงพลังในอากาศทั้งฟ้าและดินเช่นนี้
แต่ เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ช่วยทำให้หลินหานทำได้ วิชาที่ไร้เทียมทานนี้ มีความสามารถอย่างน่าสะพรึงที่ทำให้สิ่งร้ายๆกลายเป็นปาฏิหาริย์
และเป็นโชคดีนี้ ทำให้หลินหานไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ประหม่าที่ไม่มีพลังงานให้ดูดกลืน เพราะโดยปกติแล้ว จอมยุทธิ์ส่วนใหญ่ดึงพลังจากหินวิญญาณที่แฝงปราณวิญญาณ
อย่าวเช่นหลินหานที่ใช้ความสามารถพิศดารในการแย่งชิงมาจากอากาศแห่งฟ้าดิน ยังไม่เคยพบเจอที่ใดมาก่อน
สำหรับหลินหานแล้ว อากาศแห่งฟ้าดิน คือขุมทรัพย์หินวิญญาณที่เขาสามารถดึงมาใช้อย่างไม่หมดไม่สิ้น
หลินหานฝึกตนอย่างยากลำบากวันเเล้ววันเล่า
ในที่สุดก็ถึงวันที่สามยามเช้าตรู่ พลังอันแก่กล้าปะทุ พร้อมเสียงคำรามมังกรเบาๆดังขึ้น
หลินหานประสบผลตามใจหวัง เขาทลายได้อีกครั้ง ยุทธตรีสวรรค์
ต่อจากนั้น ปราณถ่องแท้ในร่างกายได้รวมกันแน่นเป็นสสารถ่องแท้ วิชามหายุทธจตุสวรรค์ ขอบเขตนักพรตวิชายุทธ
หลินหานเปิดประตูห้อง แล้วเดินไปยังทิศทางหนึ่ง
ที่ตรงนั้น มีตำหนักโบราณตั้งอยู่ คือ'ตำหนักยุทธ' ของสำนักตระกูลหลิน ด้านในมีทักษะยุทธมากมาย ศิษย์แห่งสำนักตะกูลหลินที่ก้าวสู่ทวิสวรรค์ ก็สามารถเข้ามาเลือกวิทยายุทธเพื่อฝึกฝนได้
บัดนี้ หลินหานย่างก้าวสู่ยุทธิ์ตรีสวรรค์ จึงมีคุณสมบัติที่จะเข้าไป ต้องทราบก่อนว่า ก่อนหน้านี้เขาไม่แม้แต่จะสามารถลูบคลำประตูของตำหนักยุทได้
ระหว่างทาง เมื่อมองไปที่ต้นไม้และดอกไม้ที่คุ้นเคย หลินหานนถอนหายใจเล็กน้อย เมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังเป็นแค่มดปลวก เป็นตัวตนที่ต่ำต้อย คิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านไปสองสามวัน เขาก็ครอบครองตบะแห่งยุทธิ์ตรีสวรรค์
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลินหานเดินมาได้ครึ่งทาง เขาก็พบ "คนรู้จัก" สองคน
นั่นคือ เพื่อนในวัยเด็กของเขา หลินเหม่ยเอ๋อ และชายหนุ่มคนหนึ่งที่กอดอยู่ข้างกายนาง แน่นอนว่าเขาเป็นอัจฉริยะอันดับสี่แห่งทำเนียบภายนอก นามว่า หลินเจว๋เตา
“ต้องการไปที่ตำหนักยุทธิ์อีกแล้ว? หลินหาน ตื่นได้แล้ว บางครั้งคนเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับตัวตนของตัวเอง เจ้ามิใช่อัจฉริยะอันอับหนึ่งแห่งหมู่บ้านฉางหยุนอีกต่อไป” เพียงหลินเหม่ยเอ๋อเอ๋ยปากพูด นางก็เยาะเย้ยถากถาง
หลินหาน ในสายตาของหลินเหม๋ยเอ๋อเป็นดั่งความแปดเปื้อนของนาง ในวันนี้หลินหานไม่คู่ควรกับการเป็นเพื่อนในวัยเด็กของนาง
ดังนั้น เมื่อนางได้พบกับหลินหานในครานี้ หลินเหม๋ยเอ๋อจึงมีท่าทางดูแคลน และพูดต่อว่า: "หลินหาน หลังจากที่จบการประลองของทำเนียบภายนอกแล้ว จงกลับไปที่หมู่บ้านชางหยุนเสียเถอะ คนธรรมดา ใช้ชีวิตธรรมาดาดๆไปตลอดชีวิต ก็มีความสุขเหมือนๆกัน "
"เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร มีคุณสมบัติอะไรที่จะมาสอนข้า?" ทันใดนั้น หลินหานพูดตะคอกออกมา และน้ำเสียงเย็นชา
"อะไรนะ? หลินหาน เจ้า ... เจ้าพูดว่าไงนะ?!!" หลินเหม่ยเอ๋อกรีดร้องทันที ใบหน้าที่มีเสน่ห์สื่ออารมณ์อย่างรู้สึกน่าเหลือเชื่อ
คนที่ตำต้อย เฉกเช่นขยะนี่ กล้าพูดกับตัวนางเช่นนี้เหรอ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นความเย็นชาในลูกตาของหลินหานอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หลินเหม่ยเอ๋อก็ตัวสั่นเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้
"พี่เตา!" พลัน นางจึงเริ่มขอความช่วยเหลือจากหลินเจว๋เตาทันที
"คุกเข่าลง หักแขนตัวเองข้างหนึ่ง แล้วเจ้าจะสามารถมีชีวิตอยู่ อย่าให้ข้าต้องพูดครั้งที่สอง" หลินเจว๋เตาเอ๋ยปากพูด น้ำเสียงเย็นยะเยือก วางอำนาจบาดใหญ่ แฝงความเหี้ยมโหด
เวิง!
หลินเจว๋เตามีท่าทางดูเย็นชา พร้อมปลดปล่อยพลังของยุทธิ์จตุสวรรค์ แล้วเดินกดดันเข้าไปหาหลินหาน พลังบังคับให้คุกเข่าลง
"หึ!"
แต่ทันใดนั้นหลินหานส่งเสียงหึอย่างเย็นชา มังกรผงาดสีทองห้ากรงเล็บพุ่งออกมาจากไฟสีทอง มันแหงนหน้าขึ้นฟ้าร้องคำรามในจิตของเขา ทำให้หลินหานที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันทางวิญญาณ ถูกปลดปล่อยจากพลังยับยั้งของหลินเจว๋เตาทันที
เขายืนอยู่ที่นั่น ใบหน้ายิ้มเยาะ ร่างกายไม่ไหวติง
“เอ๋? ค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย” หลินเจว๋เตาสื่ออารมณ์ความประหลาดใจเล็กน้อย แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ปลดปล่อยจิตสังหาร
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันเป็นกฏข้อห้าม หลินเจว๋เตาจึงยังไม่ลงมือ เขามองดูหลินหานและยิ้มเยาะหยัน พูดว่า: "ยังมีเวลาอีกสองวัน การประลองแห่งทำเนียบภายนอก ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างน่าสยดสยอง"
หลินเจวเตาพูดข่มขู่อย่างเปิดเผย ไม่มีการปิดบัง
นี่ คือความคิดของผู้แข็งแกร่ง
พูดจายกตนข่มท่านและไม่มีเหตุผล!
"ข้าจะรอเจ้า แต่ ข้าเชื่อว่า สุดท้ายแล้ว คนที่ต้องตาย ... คือเจ้า" หลินหานหัวเราะเยาะ แล้วเดินตรงผ่านด้านข้างของทั้งสองคน เดินไปที่ตำหนักยุทธ
"หึ ข้าจะล่อยให้เจ้าโลดเต้นอีกสองสามวัน" หลินเจว๋เตามองที่ด้านหลังของหลินหานซึ่งกำลังเดินจากไป ดวงตาของเขาแสดงความโหดร้ายที่แฝงเร้น