ตอนที่ 3 พิการ [อ่านฟรี]
ตอนที่ 3 พิการ
ผู้แปล Doramartin
หลินสือ
พลัน หลินหานก็คิดถึงเรื่องการนัดระหว่างเขาและหลินสือเมื่อวานนี้
ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีทางหนีรอด
เช่นนั้น ก็จงสู้!
หลินหานหยุดการซ้อมโจมตีทันที เปลวไฟสีทองในใจลุกโชตช่วงอย่างเงียบๆ เป็นตัวชักนำในการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างของหลินหานให้เพิ่มความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมถึงร่างกาย วิญญาณและเจตจำนงค์
ในตอนนี้ เขาไร้ความหวาดกลัวในดวงตา เผชิญหน้าดวงตาที่เย็นชาของหลินสือซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
"เอ๋? สายตาของเจ้านี่ เหตุใดจึงแปรเปลี่ยนเป็นเฉียบคม และแตกต่างจากยามปกติเช่นนี้?" หลินสือรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของหลินหานได้ในพริบตา
ทันใดนั้น ในใจของเขาก็รู้สึกถึงอันตรายได้อย่างลางๆ
เมื่อคิดได้ดังนี้ สายตาที่หลินสือมองตาหลินหานยิ่งเย็นชากว่าเดิม เหมือนสัตว์ร้ายที่เลือกจะกัดกินคน จิตสังหารพรั่งพรู
"ถึงกับปล่อยจิตสังหารประจัญข้าอย่างโจ่งแจ้ง?" หลินหานเป็นคนฉลาดมาก ในเวลานี้เขาเห็นจิตแห่งการสังหารจากดวงตาของหลินสือ
"มาเลย ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้ด้วยหนึ่งหมัด!" หลินสือกรีดร้อง
น้ำเสียงพึ่งจบลง
บูม!
ร่างสูงกำยำของหลินสือ เดินกดดันเข้ามาทางหลินหาน เขาชกออกไปหนึ่งหมัด บนหมัด ปรากฏพลังปราณส่องแสงยิบยับ จับตัวก่อเกิดรูปร่างของเสือ
“ถึงกับใช้ทักษะการต่อสู้ระดับกลาง หมัดพยัคฆาเกรียงไกร!” ในฝูงชนรอบ ๆ มีเสียงอุทานอย่างฉับพลันออกมา
"หมัดพยัคฆาเกรียงไกร? ทักษะการต่อสู้ระดับกลาง? เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าหลินสือจะเป็นศฺษย์จากตระกูลหลัก แต่พลังของเขาคือขอบเขตทวิสวรรค์เท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับทักษะการต่อสู้ระดับกลาง"
“เจ้าคงไม่รู้เรื่องนี้ ได้ยินมาว่า สถานะของหลินสือไม่ธรรมดา เขามีพี่ชายที่เป็นอัจฉริยะในทำเนียบภายใน นอกจากนี้ พ่อของพวกเขาถูกลือว่าเป็นบุคคลยิ่งใหญ่อันเป็นชนชั้นระดับสูงของตระกูลหลิน ...”
"ระดับความชำนาญต่อทักษะการต่อสู้แห่งวิถียุทธ แบ่งออกเป็น ขั้นก่อตัว ขั้นกลาง ขั้นสูง ขั้นอณูสัมฤทธิ์ ขั้นอุรุสัมฤทธิ์ ขั้นบริบูรณ์ หลินสือมีพรสวรรค์ หลินสือมีพรสวรรค์ หมัดพยัคฆาเกรียงไกรระดับกลางนี้ เขาสามารถรวบรวมพลังปราณ ก่อเป็นรูปร่างพยัคฆา เห็นได้ชัดว่าถึงขั้นอณูสัมฤทธิ์ มิน่า เขาจึงมั่นใจในตัวเองแถมป่าวประกาศว่า สามารถเอาชนะหลินหานลูกศิษย์จากสาขาได้ภายในหนึ่งหมัด"
บัดนี้ ศิษย์แห่งสำนักตระกูลหลินจำนวนไม่น้อยที่อยู่รอบๆต่างสื่อความเเปลกใจเล็กน้อยบนใบหน้า พร้อมจ้องมองภาพที่กำลังจะเกิด
มีคนจำนวนมากคิดว่าหลินหานโชคอับเฉา เพราะต้องเจอกับหลินสือผู้มีวิทยายุทธระดับกลาง ได้แต่รับความพ่ายแพ้
"พยัคฆากู่ก้องคำราม พลังทะยานฟ้า"
สายตาของหลินสือสื่อความเหี้ยมโหดแว่บหนึ่ง พร้อมระเบิดปราณถ่องแท้ของวิถียุทธิ์ทวิสวรรค์ในพริบตา พุ่งไปทางหลินหาน ต้องการจัดการหลินหานให้เปผ้นอัมพาตเสียครึ่งร่าง
"โหดมาก!"
หลินหานเปี่ยมความเย็นชาในหัวใจ "ในเมื่อเจ้าไม่ไร้ปราณีต่อคนในตระกูลเดียวกัน เช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเห็นใจอะไร"
"ฝ่ามือมังกรผงาด!"
หลินหานตะโกนอย่างเย็นชาทันที เขาเผชิญหน้ากับหมัดรุนแรงของหลินสือ ด้วยหนึ่งฝ่ามือ
"ฮ่าฮ่าฮ่า! ขำจนจะบ้าตาย เจ้าหลินหานใช้วิชายุทธิ์ระดับต่ำเผชิญหน้ากับศัตรุ ไม่เท่ากับรนหาที่ตายเหรอ?"
"เป็นแค่สวะจากสาขา เป็นเรื่องปกติที่ไม่รู้ความ ดูสิมันจะตายยังไง!"
"ช่างไร้เดียงสาเสียจริงๆ..."
ครานี้ พอเห็นว่าหลินหานไม่หลบ ทั้งยังโจมตีกลับด้วยฝ่ามือ ลูกศิษย์ภายนอกจำนวนไม่น้อยที่อยู่รอบๆต่างพากันเราะดังลั่นจนท้องแข็ง สื่ออารมณ์ดูถูกดูแคลน
"เอ๋? มันช้าลง?'ในพริบตาที่หลินสือพุ่งจู่โจมเข้ามา หลินหานเพ่งมอง กลับกลายเป็นว่าการเคลื่อนไหวของหลินสือแปรเปลี่ยนเป็นช้าลงจนถึงที่สุด ทั้งยังมีการไหลรั่วของท่วงท่าแห่งวิชายุทธิ์ เพียงพริบตาเดียวหลินหานก็ตระหนักได้
เปลวไฟสีทองมอบพลังในการตรวจจับอย่างดีเยี่ยมแก่เขา
เพียงเวลากระพริบตาหลินหานก็หาสาเหตุเจอ
วิธีการใช้เปลวเพลิงสีทอง ยากแท้หยั่งถึงเฉกเช่นการมีตัวตนของภูติผี!
"ฆ่า!"
เวลาเพียงพริบตาเดียว มุมปากของหลินหานแสยะยิ้มอย่างเยาะหยัน ฟาดฝ่ามือออกไป ร้องคำรามแห่งมังกรกู่ก้องในอากาศ
เพี๊ยะ!
เสียงแตกของเลือดเนื้อ กระดูกได้ดังสนั่นขึ้น
"อ้ากกกกก!"
ต่อจากนั้น เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น สายตาที่สื่อความฉงนใจของผู้คน มองเห็นร่างๆหนึ่งกระเด็นลอยไป
เขาคือหลินสือ!
เขาถูกพลังจากฝ่ามือของหลินหานโจมตีจนลอยไป ไม่มีพลังจะตอบโต้กลัยด้วยซ้ำ
แต่หลินหานยังอยู่ที่เดิม ยืนตัวตรงแต่งชุดเขียวอยู่ที่ตรงนั้น ดุจหอกดั่งกระบี่ เปล่งประกาย ช่วงเวลานี้มีคนมากมายไม่กล้ามองตาเขาตรงๆ
"สวรรค์! เอาชนะได้ในหนึ่งการโจมตีจริงๆ แต่คนที่แพ้คือหลินสือ!"
"เป็นไปได้ยังไง? ยุทธิ์ของหลินสือถึงระดับทวิสวรรค์แล้ว ทั้งยังเรียนรู้ 'หมัดพยัคฆาเกรียงไกร'อันเป็นวิถียุทธิ์ระดับกลางได้ถึงขั้นอุรุสัมฤทธิ์ แต่กลับพ่ายแพ้แก่หลินหาน?"
ศิษย์ภายนอกจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนคิดว่าจะได้ดูเรื่องสนุก จึงทำให้รู้สึกอึ้งทึ่ง สื่ออารมณ์อย่างน่าเหลือเชื่อ
"เป็นความสามารถที่น่ากลัวมาก พลังกายเนื้อทรงพลัง..." แต่ มีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่มีวิสัยทัศน์การมองเห็นไม่ธรรมดา ได้พูดพึมพำ คล้ายกับจะมองเห็นสาเหตุ
แต่ในเวลานี้ หลินหานเดินก้าวมาด้านหน้า มองหลินสือที่เอนตัวอยู่บนพื้นเลือดไหลออกจากปาก แล้วพูดว่า หนึ่งหมัด เจ้าแพ้แล้ว!"
หลินหานกล่าว น้ำเสียงเย็นชา แล้วหันหลังเพื่อจะเดินออกไปไป คล้ายกับว่าคร้านที่จะพูดพิรี้พิไรกับหลินสือ
"เจ้า.." บัดนี้ สีหน้าของหลินสือสื่ออารมณ์ยากจะเชื่อ
หลินหาน ศิษย์ต่ำต้อยจากสาขา เอาชนะเขาได้ในการโจมตีเดียว?
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!
ครานี้ สายตาของหลินสือแสดงความเหี้ยมโหด แล้วดึงมีดสั้นจากเอวออกมาหนึ่งด้าม เปี่ยมความมุ่งร้าย เขาพุ่งตัวเข้าไปแทงจากด้านหลังของหลินหาน
"หืม? ยังกล้าลอบโจมตีข้า?"
หลินหานมีพลังตรวจจับอย่างเฉียบคม ฉับพลันที่ตระหนักจิตสังหารมุ่งร้ายที่พุ่งมาจากด้านหลังดุจดั่งงูพิษ เขาก็หันกลับไปทันที
"แคร่ก!"
หนึ่งฝ่ามือของหลินหานฟาดออกไป โจมตีจนแขนข้างนั้นของหลินสือหักทันที เสียงดัง'เคร้ง'มีดสั้นร่วงหล่นสู่พื้น
"อ้ากก!" แขนถูกโจมตีจนแตกหัก เลือดหลั่งไหล พลัน หลินสือแผดเสียงตะโตนอย่างคบุ้มคลั่ง "เจ้านอกคอก เจ้ากล้าหักแขนข้า?"
"เจ้าคิดจะลอบสังหารข้า ข้าไม่เพียงแค่จะหักแขนข้างเดียวของเจ้า แต่ข้าจะทำลายจุดตันเถียนของเจ้า ทำให้เจ้าแบกรับความสิ้นหวังและความเจ็บปวด!"
แต่ไหนแต่ไรมา หลินสือมิเคยมีความรู้สึกเห็นใจและความปราณีต่อศัตรู เขาหยีบมีดสั้นที่อยู่บนพื้น แล้วเดินไปทางหลินสือ
"เจ้า... เจ้าอย่าเข้ามานะ!" หลินสื่อเผยความหวาดกลัวบนใบหน้า
"สายไปแล้ว! เจ้าสร้างความอัปยศแก่ข้าเป็นเวลานาน ตอนนี้ยังลอบจะทำร้ายข้า อยากให้ข้าตาย ความแค้นนี้ ข้าจักต้องชำระ"
หลินหานยิ้มอย่างเย็นชา เขาจ้วงมีดที่อยู่ในมือ เกิดเสียงดัง'ฉึก'ทันที เเทงทะลุหน้าท้องของหลินสือ
จุดตันเถียน ถูกแทงทะลุทันที พิการ
หลินสือรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดนั้น จึงส่งเสียงร้องโหยหวน
ศิษย์จำนวนมากที่อยู่รอบๆ ร่างกายต่างแข็งทื่อ พวกเขามองไปทางหลินหาน สายตาสืออารมณ์อย่างที่ไม่เคยปรากฏในวันปกติ นั่นคือความนับถือ
....
เวลาครึ่งชั่วยาม หลินหานเดินออกจากสำนักตระกูลหลิน เดินมาถึงพื้นที่รกร้าวนอกเมืองต้วนเทียน เริ่มการวึกฝนวิชายุทธิ์ 'หมัดมังกรผงาด'
เมื่อครู่สามารถทำให้หลินสือหมดสภาพด้วยการโจมตีเดียว เป็นเพราะพลังยุทธิ์ของเขาทลายสู่ทวิสวรรค์ อีกอย่าง เพลิงเทพ ยังเพิ่มความแข็งแกร่งแก่ร่างกาย เลือด และปราณถ่องแท้แก่ตัวเขาเอง
"ดูเหมือนว่าเบื้องหลังของหลินสือจะไม่ธรรมดา บางที วิกฤติใหญ่กำลังมาเยือน ข้าจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองยิ่งขึ้น!"
หลินหานครุ่นคิดในใจ เเล้วเริ่มฝึกในฝ่ามือมังกรผงาด
แพี๊ยะ... เพี๊ยะ... เพี๊ยะ
เกิดเสียงฝ่ามือดังขึ้นในอากาศอย่างดังสนั่น
เพี๊ยะ!
ในที่สุด เกิดเสียงฝ่ามือเก้าครั้งดังขึ้นติดต่อกัน
หลินหานยินดีปรีดายิ่ง พูดพึมพัมกับตัวเองทันที " ฝ่ามือมังกรผงาด แม้เป็นเพียงวิชายุทธิ์ระดับต่ำ แต่ได้ยินมาว่า หากฝึกฝนจนถึงขั้นบริบูรย์ จะสามารถเกิดเสียงโจมตี9ครั้งติดต่อกัน พลังเทียบเท่าวิชายุทธิ์ระดับกลาง! ข้าในตอนนี้ แค่ฝึกฝนไปเรื่อยๆก็สามารถโจมตีให้เกิดเก้าเสียง หรือว่า เปลวเพลิงสีทอง ทำให้ความสามารถในการหยั่งรู้ของข้าเปลี่ยนไปประหนึ่งปีศาจเช่นนี้?"
หลินหานปริติยืนดีในหัวใจ แต่ไหนแต่ไรมา เขาคืออัจฉริยะในด้านการฝึกตนทุกๆด้าน
อีกอย่าง หลินหานรู้สึกได้อย่างลางๆ ว่าเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ในสมองของเขา กำลังแปรสภาพและเพิ่มความแข็งแกร่งแก่ของกายของเขาอย่างเงียบๆ....
ครึ่งชั่วยามผ่านไป หลินหานหอบใจเปี่ยมสุขล้น กลับไปยังห้องเก่าๆของตัวเองที่อยู่ภายในสำนักตระกูลหลิน
เขากำลังเตรียมตัวที่จะพักผ่อน แต่ในเวลานี้ เสียงของข้ารับใข้ เสี่ยวหนู ดังขึ้นจากด้านนอกอย่างกะทันหัน
"นายน้อย แย่แล้ว ระดับสูงของสำนักได้ออกกฎเกณฑ์ใหม่ พวกเราอาจจะถูกส่งกลับหมู่บ้านฉางหยุน" หญิงรับใช้พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น วิ่งเขามาในห้องแล้วพูดทันที