ตอนที่ 17 ประลองวิชาเรียนรู้กันและกัน [อ่านฟรี]
ตอนที่ 17 ประลองวิชาเรียนรู้กันและกัน
ผู้แปล Doramartin
หลินหรูเยียน?
หลินหานเผยอคิ้วเล็กน้อย
ธิดาผยองแห่งท้องนภา มาหาเขาทำไม?
"มีธุระอะไร?" หลินหานไร้คลื่นอารมณ์บนใบหน้า เขามองร่างอรชรที่อยู่ในศาลา สายตาสื่ออารมณ์ฉงนใจ
"ข้าอยากรู้ เพราะอะไรเจ้าจึงผงาดในทำเนียบภายนอกได้ในเวลากะทันหันเยี่ยงนี้" หลินหรูเยียนเอื้อนเอ่ย ดวงตาคู่งามมองหลินหาน สื่อความฉงนใจ
ในขณะที่นางเอ่ยปากถาม สายตาก็พิจารณาสีหน้าการเปลี่ยนแปลงของหลินหาน
แต่ หลินหานมีสภาสะจิตใจที่กล้าแข็งยิ่ง ไม่สื่ออารมณ์ใดใดบนใบหน้า เพียงแค่ชำเลืองมองสาวงาม พูดด้วยรอยยิ้ม "คนที่คู่ควรจะผงาด ย่อมผงาดเป็นธรรมดา"
คนที่คู่ควรจะผงาด ย่อมผงาดเป็นธรรมดา
น้ำเสียงของหลินหานเยือกเย็น ฟังดูแล้วไม่แฝงอารมณ์ แต่ให้ความรู้สึกถึงความอวดเบ่งและเชื่อมันในตัวเองอย่างแรงกล้า
เพียงแต่ คำตอบนี้คล้ายกับทำให้หลินหรูเยียนไม่พอใจ หญิงสาวหน้านิ่วคิ้วขมวด พูดอย่างต่อว่า "หลินหาน เจ้ากำลังแกล้งเฉไฉ"
"ข้าพูดความจริง!"
หลินหานยิ้ม จากนั้นก็พูดว่า "หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อน!"
แม้นหลินหรูเยียนจะงดงาม งดงามจนมิอาจมีใครเทียบ เพียงแต่ หลินหานไม่ใช่คนประเภทที่มองเห็นสาวงามแล้วอ่อนระทวยจนเดินไม่ไหว
เจตจำนงค์ของเขาแรงกล้า สภาวะจิตใจรู้เดียงสายิ่งกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมาก
อีกอย่าง หลังจากที่พลัง ปราณ วิญญาณผ่านการแปรเปลี่ยนโดยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง หลินหานจึงมีความมั่นคงที่มากขึ้นกว่าคนทั่วไป และความมุทะลุของเด็กหนุ่มได้ลดลงเช่นกัน
หลินหานรู้ซึ้งดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับตัวเองในยามนี้คือการเพิ่มพลัง เขาจะได้เจิดจรัสในการประลองแห่งทำเนียบภายนอกและงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทธ สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้คน
นี่ จึงจะเป็นเป้าหมายหลักของเขา
"ตาบ้าหลินหาน เมินข้าอีกแล้ว..."
หลินหรูเยียนมองหลินหานจะหันหลังเดินออกไป จึงพูดขึ้นทันทีว่า "เอาละเอาละ ไม่ถามหาเหตุผลของเจ้าก็ได้ อันที่จริง..ที่ข้ามาหาเจ้าครั้งนี้ ก็เพราะอยากประลองฝีมือเรียนรู้กันและกัน!"
"ประลองฝีมือกับข้า?" หลินหานประหลาดใจ
"ใช่ แม้นมีคนมากมายสงสัยในพลังของเจ้า แต่ในคราที่เจ้าจัดการหลินเจี้ยนได้ในหนึ่งดาบ ข้าก็รู้แล้วว่าหากเจ้าระเบิดพลังที่แท้จริงออกมา ต้องทรงอานุภาพอย่างยิ่ง"
กระโปรงของหลินหรูเยียนพริ้วไหว ราวกับดอกบัวเซียนล่องลอยไปตามลม นางพูดต่อ "พรุ่งนี้จะเริ่มงานประลองทำเนียบภายนอก ข้าหวังว่าจะได้ประลองกับเจ้าก่อนถึงวันนั้น บางที พวกเราอาจจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากอีกฝ่ายก็นเป็นได้ แล้วพัฒนาพลังด้วยกัน"
เมื่อหลินหานได้ฟังน้ำเสียงที่มิแสดงการล้อเล่น เขาจึงครุ่นคิดแล้วพยักหน้า
หลินหรูเยียนนางนี้ ตบะก้าวสู่ยุทธปัญจสวรรค์ มีอันดับสามแห่งทำเนียบภายนอก ทรงพลังมากอย่างไม่มีอะไรเคลือบแคลง
หากได้ประมือเรียนรู้กันและกัน ไม่แน่ว่าอาจจะได้ขัดเกลาวิชายุทธของตัวเอง
"แต่ข้าขอบอกไว้ก่อน ดาบของข้า คือดาบปลิดชีพ หากไม่ระวังจนทำร้ายเจ้า ก็อย่าโทษข้าก็แล้วกัน"หลินหานพูดเตือน
"วางใจ ข้าฝึกฝนทักษะดาบเช่นกัน เจ้าจะทำลายการป้องกันแห่งทักษะดาบของข้าได้หรือไม่ ยังมิอาจรู้ได้!"เสียงกังวาลของหลินหรูเยียนดังขึ้นอย่างไม่อ่อนข้อ
"ไปประลองกันยังสถานที่ที่ข้าอาศัย มิฉะนั้น ไอดาบอาจทำร้ายผู้คนรอบๆ"
หลินหานพูด หลินหรูเยียนพยักหน้าเป็นการตกลง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทั้งสองคนมาถึงที่อาศัยของหลินหาน
ภายใน มีลานเล็กๆที่เหมาะกับการใช้เป็นสถานที่ปะทะฝีมือ
""เคล็ดวิชากระบี่จิตน้ำแข็ง!"
หลินหรูเยียนโจมตีก่อน เพียงเสี้ยววินาที อุณหภูมิในอากาศคล้ายกับจะเย็นเยียบลง หนาวเหน็บอย่างหาใดเทียบ
เคล็ดวิชากระบี่จิตน้ำแข็ง?
ออร่ากระบี่สามารถส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิอากาศที่อยู่รอบๆ?
หลินหานสื่ออารมณ์แปลกใจในดวงตา
เท่าที่เห็น เคล็ดวิชาที่หลินหรูเยียนฝึกฝน สสารถ่องแท้ที่แผ่ออกมาไม่ใช่สสารถ่องแท้ธรรมดา หากแต่มีพลังแห่งสสารอย่างแท้จริงที่ก่อเป็นคุณสมบัติความเย็น
แต่แท้ที่จริงแล้วสิ่งนี้มักพบได้โดยทั่วไป
อย่างเช่น จอมยุทธที่ฝึกเคล็ดวิชาที่ีธาตุไฟ สสารถ่องแท้ที่แผ่ออกมาจะมีพลังของธาตุไฟแฝงอยู่ด้วย ยามที่ปะทะศัตรู จักมีพลังสังหารเป็นพิเศษ
ส่วนหลินหาน ฝีกฝนเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ที่เป็นเอกลักษณ์มีเพียงหนึ่งเดียว
เคล็ดวิชาที่มีเอกลักษณ์และไร้เทียมทาน!
สสารถ่องแท้ที่ปลดปล่อย ก็คือร่างมังกรของพลังมังกรแห่งไท่กู่ เป็นคุณสมบัติพลังที่หนาแน่น เปี่ยมอานุภาพ มากมายอย่างมหันต์
ดังนั้น เมื่อหลินหานต้องเผชิญกับศัตรู สิ่งที่เขาไม่ต้องกลัวเลยก็คือ พลังจะหมด
ดังนั้น นอกเหนือจากสสารถ่องแท้ที่หนาแน่นแล้ว ยังมีเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไทกู่ที่สามารถก่อหม้อหลอมในจุดตันเถียนได้ ทำให้เขาสามารถชิงพลังแห่งฟ้าดินที่อยู่ในอากาศ มาใช้งานเพื่อตัวเขาเอง
เรียกได้ว่าผิดเพี้ยนและเป็นดั่งปีศาจ!
"ลำแสงสิบสามดาบ!"
ในเวลานี้ หลินหานก็ดึงดาบเช่นกัน
แต่เขาไม่ได้ใช้วิชาดาบถอดฝัก
เพราะวิชาดาบถอดฝักราวกับอสุนีบาต เมื่อดึงดาบออกมา จะต้องนองเลือด เป็นดาบแห่งการสังหาร ไม่เหมาะสำหรับการประลองฝีมือ
"เจ้าก็ฝึกฝนวิชายุทธระดับสูงจริงๆด้วย นี่คือลำแสงสิบสามดาบใช่หรือไม่?" ทั้งสองคนศึกษาวิชาดาบของกันและกัน ใบหน้าที่งดงามของหลินหรูเยียนเปล่งประกายแห่งความตกใจ
หลินหานผู้นี้มาจากตระกูลสาขาที่อยู่ห่างไกล
เขามีความลับมากมายเพียงใด?
เมื่อมาถึงจุดนี้ หลินหรูเยียนยิ่งมีความอยากรู้อยากเห็นและประหลาดใจในใจในตัวหลินหานมากกว่าเดิม
ในเวลานี้ พวกเขาทั้งสองยังมองไม่เห็น
ที่ปากทางเข้าของลานเล็กๆ มีร่างเล็กๆยืนอยู่ตรงนั้น
หล่อนคือหญิงรับใช้ เสี่ยวหนู่
ยามนี้ นางมองการประดาบของคนสองคนในลาน ดวงตาสีดำกลมโตสื่อความอ้างว้าง
......
หลินหานและหลินหรูเยียนหยุดหลังจากผ่านเวลาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ
พวกเขามองหน้ากัน เพราะได้เรียนรู้มากมายจากอีกฝ่าย พลังต่อสู้จึงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
หลินหรูเยียนไม่พูดอะไรมาก ในที่สุดนางก็ยิ้มให้หลินหานและพูดว่า "ขอบคุณ" ก่อนที่นางจะจากไปอย่างช้า ๆ
ครานี้ หลินหานยิ้มอย่างใจกว้าง ยินดีต้อนรับหลินหรูเยียนเพื่อมาเรียนรู้วิชาของกันและกันบ่อยครั้ง
หลินหานตระหนักถึงทักษะมากมายในการใช้ดาบจากตัวหลินหรูเยียน ถ้ามันถูกนำไปใช้กับการต่อสู้จริง มันจะเพิ่มพลังของดาบอย่างแน่นอน
หลังจากนั้น..
หลินหานมิปล่อยให้เวลาผ่านไป เขาเดินเข้ามาในบ้าน และทำความเข้าใจโล่ระฆังทองคำตะวันฉายต่อไป
เวลาผ่านไปดั่งสายน้ำ
พริบตาเดียว เวลายามบ่ายก็ผ่านไปอย่างเงียบ ๆ
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นมืดคลึ้มขึ้นทุกที
แต่ภายในห้องเวลานี้
"ระฆังทองตะวันฉาย บรรพตทะยานฟ้า!"
ทันใดนั้น เสียงที่ทรงพลังก็ดังขึ้น
มันคือเสียงของหลินหาน
ในเวลานี้ ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยระฆังที่หล่อด้วยทองคำขนาดใหญ่ เกือบจะควบแน่นเป็นสารที่จับต้องได้
พลังของระฆังโบราณ มีความแวววาวของโลหะ เต็มไปด้วยพลัง
"ท้ายที่สุด ข้าก็ตระหนักถึงอุรุสวรรค์!"
ใบหน้าของหลินหานเผยให้เห็นถึงความสุข
แน่นอนว่าความสามารถในการทำความเข้าใจดังปีศาจก็ไม่ปานของเขาไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง แต่ในเวลาสั้นๆ เขาสามารถเรียนรู้โล่ระฆังทองคำได้ถึงขอบข่ายอุรุสวรรค์
เมื่อใช้วิชานี้ ร่างกายจะถูกปกคลุมด้วยระฆังสีทอง ความแข็งของมัน เทียบได้กับอาวุธสงครามระดับกลาง ทำให้หลินหานคงกระพันฟันแทงไม่เข้า
"ก๊อกก๊อกก๊อก ......"
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เสียงมีความเบามาก คงจะเป็นข้ารับใช้ที่มาเคาะประตู
หลินหานรับรู้ได้ในทันที จึงพูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า: "เสี่ยวหนู่ เข้ามาสิ"
"เจ้าค่ะ นายน้อย"
เสียงของข้ารับใช้ เสี่ยวหนู่ ดังขึ้นจากข้างนอก
หญิงหญิงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเดินเข้ามา
หลินหานหันไปมอง จึงมองเห็นความผิดหวังเล็กน้อยบนใบหน้าของเสี่ยวหนู่
"เกิดอะไรขึ้น เสี่ยวหนู่?" หลินหานแปลกใจเล็กน้อย
"นายน้อย ข้า... ข้า ... " เสี่ยวหนู่ พูดติดอ่าง ในที่สุดก็หลั่งน้ำตา "ฮือ" ออกมาเสียงดังลั่น: "ฮือฮือ ~ นายน้อย ... นายน้อยรังเกียจเสี่ยวหนู่ที่ไร้ประโยชน์ ... "
"จะเป็นเช่นนั้นได้ยังไง?" หลินหานค่อนข้างงุนงง แต่เขารีบเดินไปด้านข้างหญิงรับใช้ทันที ดึงหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ไว้ในอ้อมแขนของเขา แล้วยิ้มเบาๆ: "เมื่อตอนที่นายน้อยโดดเดี่ยวที่สุด มีเพียงเสี่ยวหนู่ที่อยู่เคียงข้างข้ามาโดยตลอด นายน้อยจะไม่ชอบคุณได้อย่างไร"
"จริงเหรอ ... จริงเหรอ?" หญิงสาวตัวเล็กร้องไห้สะอื้น
"จริงแน่นอน" หลินหานพยักหน้าอย่างหนัก
ในสำนักตระกูลหลินนี้ หลินหานขบคิดอย่างรอบคอบ ก็ตระหนักได้ว่าคนๆเดียวที่อยู่ใกล้ชิดกับเขาจริงๆคือข้ารับใช้ เสี่ยวหนู่
“ถ้าอย่างนั้น…นายน้อย เสี่ยวหนู่…เสี่ยวหนู่สามารถอยู่เคียงข้างนายน้อยไปตลอดได้หรือไม่? สามารถรับใช้นายตัวน้อยต่อไป?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตก็เปล่งประกายราวกับดวงดาว แล้วถาม
“ตราบใดที่เสี่ยวหนู่เต็มใจ เจ้าสามารถอยู่ข้างกายข้าได้ตลอดเวลา” หลินหานหัวเราะ และบีบจมูกเล็กๆของหญิงสาว พร้อมพูดทันที
"นายน้อยยอดเยี่ยมที่สุด ... เสี่ยวหนู่จะไม่มีวันจากนายน้อยไปตลอดกาล ... "
......
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หญิงสาวก็หลับไหล
ในเวลานี้ หลินหานจึงมีโอกาสออกไปข้างนอก
ถึงแม้ว่าในเวลานี้ท้องฟ้าจะมืดแล้ว แต่พรุ่งนี้จะเริ่มการประลองแห่งทำเนียบภายนอก
ในเวลานี้ เป็นเวลาที่ศิษย์ทำเนียบภายนอกต่างคึกคักที่สุด
แน่นอนว่าหลินหานไม่ได้จะออกไปเพื่อก่อความวุ่นวาย เขาแค่อยากจะล่วงหน้าไปดูรายการอันดับของศิษย์
ทุกๆปีจะเป็นเช่นนี้
คืนก่อนการเริ่มการประลองแห่งทำเนียบภายนอก จะมีการประเมินความแข็งแกร่งของศิษย์ทั้งหมดในทำเนียบภายนอกและภายใน แล้วจัดอันดับเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทธครั้งสุดท้าย