ตอนที่ 15 รับคำท้า [อ่านฟรี]
ตอนที่ 15 รับคำท้า
ผู้แปล Doramartin
"โล่ระฆังทองคำตะวันฉาย พึ่งสสารถ่องแท้ในร่างกาย ก่อร่างระฆังทองคำ หากเข้าใจถึงขอบข่ายอณูสวรรค์ ระฆังทองคำจะเทียบได้กับอาวุธสงครามระดับต่ำหากเข้าใจถึงขอบข่ายอุรุสวรรค์จะเทียบได้กับอาวุธสงครามระดับกลาง หากเข้าใจถึงขอบข่ายบริบูรณ์ คงเทียบได้กับอาวุธสงครามระดับสูง... "
เมื่อดูคำอธิบายในคัมภีร์โบราณหลินได้แสดงสีหน้าของความปีติยินดี
โล่ระฆังทองคำตะวันฉาย สมแล้วที่เป็นวิชายุทธระดับสูง หากเข้าใจถึงขอบข่ายสุดท้าย ความทรงพลังของโล่ระฆังทองคำตะวันฉาย คงเทียบได้กับอาวุธสงครามระดับสูง
อย่างที่ทราบ ดาบยาวที่หลินหานแย่งมาได้ตอนชนะหลินเจี้ยนเป็นเพียงอาวุธสงครามระดับต่ำแต่ยังมีมูลค่าหนึ่งพันตำลึงทอง
"วิชายุทธระดับสูง มันมีพลังมากจริงๆไม่รู้ว่าวิชายุทธระดับสูงสุดจะทรงอานุภาพเพียงใด แล้วยังจะวิชายุทธที่เหนือกว่าระดับสูงสุดอีก คือ...วิชายุทธโชคชะตา!"
ดวงตาของหลินหานเปล่งประกายเล็กน้อย
วิชายุทธโชคชะตา มีเพียงปรมาจารย์ยุทธผู้แกร่งกล้าเท่านั้นที่สามารถแกะ มันมีพลังและพลังทำลายล้างที่เหนือชั้น
เพราะวิชายุทธโชคชะตา ต้องเป็นบุคคลที่ทรงพลังเหนือกว่ายุทธนวสวรรค์จึงจะสามารถฝึกฝนและทำความเข้าใจ
อย่างไรก็ตามเมืองเล็กๆอย่างเมืองต้วนเทียนนี้ หรือทั้งรัฐเยียน มีหรือไม่มีตัวตนทรงพลังที่เหนือยุทธนวสวรรค์ยังคงเป็นปริศนา
แต่หลินหานรู้อย่างชัดเจนมากว่าในดินแดนอันกว้างใหญ่ของทวีปหลิงอู่จะต้องมีคนที่มีพลังเหนือกว่ายุทธนวสวรรค์
ตัวอย่างเช่นดินแดนไท่กู่ที่เขารู้จากเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองมีสิ่งมีชีวิตโบราณและน่ากลัวนับไม่ถ้วน
มีปีศาจมารสูงสุด แหงนฟ้าคำราม ก็สามารถทำลายดวงดาวจนถึงสวรรค์ชั้นเก้าเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพียงโบกมือก็สามารถทำให้ดินแดนล่มสลาย
อาณาจักรต่างๆนานาที่ไม่อาจหยั่งถึง เช่นเทพเจ้ามีพลังแห่งสวรรค์ ไม่อาจทราบได้เลยว่ามีผู้แข็งแกร่งที่มีพลังเหนือกว่ายุทธนวสวรรค์มากมายสักกี่เท่า
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงตำนานสำหรับหลินหานเท่านั้น
สลัดทิ้งความคิดที่ไม่สมจริงออกจากจิต หลินหานเริ่มทำความเข้าใจวิชายุทธระดับสูง "โล่ระฆังทองคำตะวันฉาย" ที่อยู่ในมือของเขา
......
หลินหานใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายอยู่ในห้องของเขา
"บูม"
ทันใดนั้น หลินหานก็ยืนขึ้น เขาชูมือทั้งสองข้างทันที ร่างกายเริ่มเปล่งแสงสีทองชนิดต่างๆ
หลังจากที่แสงสีทองส่องประกายแวววาวราวกับสายน้ำ ก็ค่อยๆก่อตัวรวมกันกลายเป็นระฆังทองคำบนร่างกายของหลินหาน ทั้งหนัก ทั้งโบราณระฆังทองคำสลักดวงตะวัน ค่อยๆลอยใหญ่ขึ้น พลังมหันต์
ตัง!
หลินหานชูมือยกระฆังทองคำขึ้นแล้วกระแทกกับห้องทันที ห้องทั้งหลังที่สร้างข้นจากปูนซีเมนต์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“ฮ่าฮ่าแน่นอนในเวลาเพียงครึ่งวัน ข้าได้เข้าใจโล่ระฆังทองคำตะวันฉายจนถึงขอบข่ายอณูสัมฤทธิ์ระฆังทองก่อรูปร่างในขั้นเริ่มต้นแข็งแกร่งเปรียบได้กับอาวุธสงครามระดับต่ำ”
หลินหานแสดงอารมณ์แห่งความสุข
เมื่อตอนที่ล่าอสูรพยัคฆ์มังกรในครานั้น ถ้ามีเมืองระฆังทองคำนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวมันอีก
ฝ่าเท้าของอสูรพยัคฆ์มังกร ไม่มีทางเหยียบเขาได้อย่างแน่นอน
"ฮู!"
หลินหานถอนหายใจอย่างช้าๆและกักเก็บพลัง ระฆังทองคำสลายหายไป
ในเวลานี้ หลินหานมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าตอ่การประลองของทำเนียบภายนอกในวันพรุ่งนี้
ปังปังปัง!
แต่ในตอนนี้เอง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน
"พวกเจ้ากำลังทำอะไร... "เสียงข้ารับใช้ เสี่ยวหนู่ ดังขึ้นอย่างหวาดหวั่นอยู่นอกประตู
"เสี่ยวหนู่!"
ทันใดนั้นดวงตาของหลินหานสื่อความถมึงทึง
มันคือผู้ใด?
กล้ามาสร้างปัญหาในที่ของข้า?
ปัง!
หลินหานเดินตรงไปที่ประตูแล้วผลักประตูไม้ให้เปิดออก
ทันใดนั้นเขาได้มองเห็น ยามนี้ เสี่ยวหนู่ หญิงรับใช้กำลังถูกรายล้อมไปด้วยชายหนุ่มหลายคน เพื่อขัดขวางไม่ให้นางออกจากที่ตรงนั้น
"เจ้าอีกแล้ว?"
พลัน หลินหานก็มองเห็น คนที่นำหน้าสุดก็คือหลินสือ ศิษย์ตระกูลหลักที่ถูกเขาโจมตีจุดตันเถียนจนพิการถึงสองครั้งสองครา
เสียงเอิกเกริกของที่นี่ได้ดึงดูดศิษย์ทำเนียบภายนอกที่อยู่รอบๆจำนวนไม่น้อย
“หลินสือผู้นี้ ถูกดาวหางอย่างหลินหานโจมตีจุดตันเถียนจนพิการถึงสองครั้ง ยังกล้าที่จะท้าทายเขาอีก?”
"เจ้าจะรู้อะไรเวลานี้หลินสือคงเตรียมการมาดี เจ้าไม่เห็นเหรอ เขามีความมั่นใจบนใบหน้า? เท่าที่เห็น คงเตรียมแผนการมาแล้ว"
มีคนหลายคนต่างพากันคาดเดา พูดคุยซุบซิบ
"เจ้ามีอะไรอีก?" หลินหานขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ
ถ้าหากที่นี่ไม่ใช่ในสำนักตระกูลหลิน เขาคงฟันหลินสือจนตายไปแล้ว
“เจ้าหมอนี่ ยังเสแสร้งแกล้งทำ ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”
หัวใจของหลินสือขบคิดอย่างมุ่ง้รายแต่ใบหน้าแสดงรอยยิ้ม“อ่อนโยน”และพูดว่า:“พี่ชายของข้า เชิญเจ้าไปประลองที่สนาม”
เมื่อพูดจบ ผู้คนรอบข้างก็สงบเงียบแต่ในวินาทีต่อมาก็เริ่มเกิดเสียงดังกระหึ่มทันที
"พี่ชายของหลินสือ หลินหลาง? เขาต้องการต่อสู้กับศิษย์จากสาขาอย่างหลินหานคนนี้!"
"หลินหลางเป็นถึงผู้แข็งแกร่งอันดับเจ็ดในทำเนียบภายนอก หากหลินหานรับคำท้า จะไม่ตายอย่างน่าสยดสยองเหรอ?"
"ไม่แน่เสมอไป หลินหานคนนี้ทะลวงสู่ยุทธจตุสวรรค์แล้ว ใครแพ้ใครจะชนะ ไม่อาจรู้ได้"
"แต่หลินหลางเป็นผู้แข็งแกร่งที่ผ่านศึกมาโชกโชน อีกอย่าง ภูมิหลังของสองพี่น้องคู่นี้ลึกซึ้งมาก บิดาของพวกเขา ผู้อาวุโสหลินอู่ยาคือผู้มีอำนาจในระดับสูงของสำนัก หลินหลางมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งและหลินอู๋ยาจักต้องถ่ายทอดวิชายุทธทรงพลังมากมายแก่หลินหลางอย่างแน่นอน"
......
"หลินหลาง?"
ดวงตาของหลินหานเปล่งประกายชื่อนี้เขาเคยได้ยินมาก่อน
เขาคือการผู้แข็งแกร่งอันดับเจ็ดแห่งทำเนียบภายนอก
วินาทีต่อมา หลินหานไม่เอ่ยคำพูดใด เขาเดินออกจากห้อง แล้วเดินไปในทิศทางหนึ่ง
"ทำไม หลินหาน หรือเจ้าไม่กล้าต่อสู้กับพี่ชายของข้า" หลินสือมองด้านหลังของหลินหานตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงถากถาง
เขากลัวจริงๆว่าหลินหานจะไม่กล้าตอบรับคำท้า
"เจ้าพูดว่าประลองที่สนามประลองไม่ใช่เหรอ?"
เสียงของหลินหานดังขึ้น
หลินสืออึ้ง แต่ก็มีปฏิกิริยาตอบ
ทิศทางที่หลินหานกำลังเดินไปในเวลานี้คือทิศทางของสนามประลองของสำนัก
"เด็กดีคราวนี้ข้าจะทำให้เจ้าตายโดยไม่มีที่ฝังศพ!" หลินสือแสดงสีหน้ามารร้าย กระซิบกระซิบกับตัวเอง
แต่คำตอบของหลินหาน กลับทำให้เหล่าศิษย์แห่งทำเนียบภายโดยรอบดูตกใจ
หลินหานผู้นี้
ยอมรับคำเชิญไปทั้งอย่างนี้?
เขาไม่กลัวความตายจริงๆหรือ?
บรรดาศิษย์แห่งทำเนียบภายนอกได้ก้าวเดินตามหลังหลินหานพวกเขาต้องเป็นสักขีพยานในการต่อสู้ครั้งใหญ่ครั้งต่อไป
ระหว่างทาง หลินหานเดินนำหน้าตามด้วยศิษย์แห่งทำเนียบภายนอกกลุ่มใหญ่
การต่อสู้ใหญ่นี้ดึงดูดความสนใจของแต่ละคนบนท้องถนน
ในหมู่พวกเขามีศิษย์แห่งทำเนียบภายนอกจำนวนมากที่ฝึกฝนเพื่อความแข็งแกร่ง อย่างเช่นหลินเทียนผู้แข้งแกร่งอันดับหนึ่งหลินหรูเยียนผู้แข็งแกร่งอันดับสาม หลินเจว๋เตาอันดับสี่.......
พวกเขาสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวนี้ สายตาของพวกเขาจึงมองมาทางนี้อย่างประหลาดใจ
ผ่านไปสักพักทุกคนก็มาถึงสนามประลอง
ในเวลานี้บนสนามประลองสีเขียวขนาดใหญ่ มีร่างคนผอมบางยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมใบหน้ามที่เกิดมาพร้อมกับความโหดร้าย สายตาคมชัดประหนึ่งมีด จ้องเขม็งหลินหานที่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ
หลินหลาง!
ผู้แข็งแกร่งอันดับเจ็ดที่ผ่านศึกมาโชกโชนแห่งทำเนียบภายนอก!
ทุกคนหวาดหวั่นครั่นคร้ามหัวใ ออร่าสสารถ่องแท้จากร่างของหลินหลาง ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เขาจะต้อองก้าวสู่ระดับลึกของยุทธจตุสวรรค์ อย่างน้อยๆคงเป็นนักพรตระดับสูง
"เจ้าก็คือหลินหานจาตระกูลสาขา ใช่หรือไม่?" หลินหลานเปล่งเสียง น้ำเสียงลองเชิงอย่างเหนือกว่า
"เจ้าคือหลินหลางจากตระกูลหลัก ใช่หรือไม่"
ทันใดนั้น เสียงของหลินหานก็ดังขึ้น
เขามองไปที่หลินหลางยิ้มอย่างเย็นชาและตอบด้วยท่าทางเดียวกัน
"เจ้า ......"
หลินหลางเปล่งประกายแสงความมุ่งร้ายแวบหนึ่งในดวงตาแต่ดูเหมือนว่าจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงแสยะมุมปากอย่างโหดเหี้ยมเขาพูดว่า: "ในเมื่อเจ้ากล้ามา ข้าก็จะสั่งสอนเจ้าดีดี แม้นที่นี่คือทำเนียบภายนอกแห่งสำนักตระกูลหลิน แต่มิใช่สถานที่ที่มดปลวกจากสาขาผู้ต่ำต้อยจะมาวางท่าโอหัง! "