ตอนที่ 14 เอาไปถลุงเสีย [อ่านฟรี]
ตอนที่ 14 เอาไปถลุงเสีย
ผู้แปล Doramartin
วันนี้เป็นวันที่ต้องลงทะเบียนการประลองทำเนียบภายนอก
หลินหานออกไปข้างนอกเดินตรงไปยังสถานที่ลงทะเบียน ที่นั่น คือใจกลางของสำนักตระกูลหลิน เป็นเขตแดนที่แบ่งคั่นระหว่างทำเนียบภายในและทำเนียบภายนอก
มีเพียงคนที่ติดหนึ่งใน25อันดับในการประลองแห่งทำเนียบภายนอกในครานี้ จึงมีคุณสมบัติเข้าร่วมในงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทธของตระกูล แล้วต่อสู้ชิงชัยกับศิษย์ทำเนียบภายในในปัจจุบัน เพื่อกลายเป็นศิษย์ทำเนียบภายในคนใหม่
"ตอนนี้ ข้าได้ก้าวเข้าสู่ยุทธจตุสวรรค์สวรรค์แล้ว ปราณถ่องแท้ควบแน่นเป็นสสารถ่องแท้ ถือว่าเป็นระดับหัวกะทิในทำเนียบภายนอก อีกอย่าง วิชายุทธทั้งหลายแหล่ของข้า ได้ตระหนักถึงระดับอุรุสัมฤทธิ์ไม่ก็ระดับบริบูรณ์ ทั้งยังมีการเพิ่มพลังขึ้นเป็นสองเท่าของเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ พลังต่อสู้ที่แท้จริงไม่ด้อยไปกว่ายุทธปัญจสวรรค์เลย"
ระหว่างทางหลินหานวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างเงียบๆและเปรียบเทียบกับอัจฉริยะที่มีอันดับต้นๆของทำเนียบภายนอก อย่าง หลินหรูเยียน หลินเจว๋เตา
ระหว่างทาง หลินหานเดินผ่านสนามประลองในลานใหญ่ทำเนียบภายนอก จึงมีศิษย์ภายนอกจำนวนมากเห็นหลินหาน พร้อมกับพูดเบาๆซุบซิบนินทา
คนผู้นี้ ปราบหลินสือจนพิการถึงสองครั้งฆ่าหลินเจี้ยนผู้เป็นนักดาบอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบภายนอก เรื่องนี้ทำให้หลินหานมีชื่อเสียงเล็กน้อยในทำเนียบภายนอก
ยิ่งกว่านั้น วันที่หลินหานจะฆ่าหลินเจียนเขาก็ยังกระซิบข้างหูของหลินหรูเยียนผู้เป็นธิดาผยองแห่งท้องนภา มีอันดับสามแห่งทำเนียบภายนอก ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัยว่ามีอะไรระหว่างหลินหานกับหลินหรูเยียน
"ปราณทรงพลัง หรือว่า หลินหานผู้นี้ทลายขอบเขตแห่งยุทธอีกครั้ง?"
“ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นเขา พลังยุทธคือตรีสวรรค์เท่านั้น หรือว่าในเวลาเพียงไม่กี่วัน เขาทลายส่ยุทธจตุสวรรค์ ก่อสสารถ่องแท้ กลายเป็นนักพรตอย่างแท้จริง?ปีศาจชัดๆ”
มีศิษย์ทำเนียบภายนอกจำนวนมากต่างจ้องดูหลินหานเดินมาด้วยสายตาหวาดหวั่น
ในสายตาของพวกเขา หลินหานเป็นดั่งดวงดาวในทำเนียบภายนอก จึงไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุ
อย่างไรก็ตาม มีใครบางคนแอบเยาะเย้ยเพราะความริษยา
“เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งเกินไป ไม้งามย่อมถูกโค่นก่อน จะต้องมีใครบางคนสั่งสอนเจ้าหมอนี่”
......
หลินหานเลือกที่จะเพิกเฉยต่อความกลัวความหวาดระแวงหรือความเกลียดชังของศิษย์ตระกูลหลักแห่งทำเนียบภายนอกที่อยู่รอบๆ
ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ เดินเยื้องกรายช้าๆ
เจตจำนงแกร่งกล้าที่ขัดเกลามาเป็นเวลาหลายปี ประกอบกับความลุกโชนของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง ทำให้พลังใจของหลินหานยึดมั่นต่อวิถียุทธ อารมณ์ไม่มีทางผันผวนเนื่องจากคำพูดของคนนอก
อย่างไรก็ตามหลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลินหานก็มาถึงจุดเชื่อมต่อระหว่างทำเนียบภายนอกและทำเนียบภายใน
ที่นั่นมีคนหลายร้อยคนในห้องโถงใหญ่ซึ่งทุกคนเป็นศิษย์ของทำเนียบภายนอกที่มาลงทะเบียน
ในห้องโถงนี้มีคนหลายคนที่เป็นผู้รับผิดชอบในการลงทะเบียนของศิษย์แห่งทำเนียบภายนอก
หลินหานก้าวไปข้างหน้าและเข้าแถวอย่างเงียบๆ
เขาคิดว่าเมื่อการลงทะเบียนวันนี้สิ้นสุดลงก็จะเริ่มการประลองทันทีแต่ผลลัพธ์ที่ได้รู้จากปากของศิษย์แห่งทำเนียบภายนอกคนหนึ่ง คือ วันนี้เป็นเพียงการลงทะเบียนเท่านั้น ในวันพรุ่งนี้ต่างหากจึงเป็นเวลาประลองจริงๆ
แต่ในเรื่องนี้หลินหานไม่ใคร่จะใส่ใจนัก
เพราะเมื่อใดที่การลงทะเบียนในวันนี้สิ้นสุดลง เขาก็จะมีเวลาว่างอีกหนึ่งวัน หลินหานจึงเตรียมตัวที่จะทำความเข้าใจวิชายุทธ "เกราะระฆังทองตะวันฉาย" ที่เขาได้รับจากลั่วเฟยหยู่
ด้วยพรสวรรค์แข็งแกร่งซึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงจากเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง ทำให้หลินหานมีความมั่นใจมากถึงแม้ว่าเกราะระฆังทองตะวันฉายเป็นชุดวิชายุทธระดับสูงแต่อย่างน้อยเขาคงสามารถเข้าใจได้ถึงขั้นอณูสัมฤทธิ์
เวลาผ่านไป ไม่ทันรู้ตัวครึ่งชั่วยามก็ได้ผ่านไป
ในที่สุดก็มาถึงคิวของหลินหาน
"เจ้าหนู หลีกไป!"
ทันใดนั้น มีเสียงหยาบคายดังขึ้นจากด้านหลังของหลินหาน
หลินหานขมวดคิ้วหันหลังและมองไปทางด้านหลัง มีชายหนุ่มที่แสดงใบหน้าเหี้ยมโหดยืนอยู่ตรงนั้น ท่าทางดูหยิ่งผยอง
"ถ้ารู้จักข้าก็จงหลีกไปซะ ให้ข้าลงทะเบียนก่อน!" ชายหนุ่มส่งเสียงตะโกนอย่างดุเดือดด้วยน้ำเสียงที่ใจร้อน
เมื่อพูดจบ บรรดาศิษย์รอบๆที่มาลงทะเบียนก็หดหัวลง หลีกทางให้อย่างเงียบๆ
ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเหี้มโหดคนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นที่รู้จักในทำเนียบภายนอก
ยุทธจตุสวรรค์ นักพรตขั้นก่อเกิด
เพียงพริบตาเดียวหลินหานก็ตระหนักถึงตบะของชายหนุ่มคนนี้ แต่อย่างไรก็ตามชายคนนี้ยังมีแสงสีเลือดประหลาดที่ผลุบๆโผล่บนร่างหนึ่งชั้น ดูเหมือนว่าจะมีพลังพิเศษ
แต่ตอนนี้ หลินหานได้ก้าวสู่ยุทธจตุสวรรค์ เขากล้าที่จะท้าสู้กับนักพรตขั้นกลางแห่งยุทธปัญจสวรรค์ จึงไม่ต้องพูดถึงชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังซึ่งมีพลังยุทธจตุสวรรค์เลย
หลินหานสื่ออารมณ์เยาะหยันในดวงตา และเข้าแถวต่อไปไม่สนใจชายหนุ่มคนนั้น
“จบเห่แน่ เจ้าหมอนั่นเคราะห์ร้าย หลินซาผู้นี้คือผู้แข็งแกร่งอันดับสิบของทำเนียบภายนอกของเรา มีพลังยุทธจตุสวรรค์”
"ใช่! ในทำเนียบภายนอกของเรายังมีใครบ้างที่ไม่รู้จักหลินซาคนโหดที่ชอบชกต่อยอย่างไม่คิดชีวิต อีกอย่าง เขายังฝึกฝนเคล็ดวิชาระดับสูงที่ทรงพลังเป็นที่สุด คือ วิชาไอโลหิตมาร หากต่อสู้กับเขาภายใต้อิทธิพลของออร่าที่น่ากลัวจิตใจจะต้องถูกกลืนกินด้วยไอมาร"
ในขณะนี้ มีศิษย์หลายคนได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นจุดจบอย่างน่าสยดสยองของหลินหาน "ชายผู้ไม่เป็นที่รู้จัก" แล้ว
"กล้าเมินเฉยต่อข้า รนหาที่ตาย!"
หลินซาเกิดมาพร้อมกับหัวใจที่ฉุนเฉียว ตอนนี้พอเขาเห็นหลินหานตั้งใจที่จะไม่เปิดทางแก่เขาสายตาของเขาสื่อความดุร้ายทันที
"กรงเล็บมารไอโลหิต คุกเข่าลง!"
หลินซาตะโกนเสียงดัง
ทันใดนั้นดวงตาของเขามีออร่าสีแดงเลือด คนที่มองอยู่ตรงข้าม ต่างรู้สึกราวกับว่าปีศาจกำลังกัดกร่อนจิตใจของตัวเองทันที
"ไสหัวไป!"
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ หลินหานก็หันกลับไปตะคอกทันที
ดวงตาของเขาวาบแสงสีทองอย่างที่ไม่อาจตระหนักถึง ในแสงสีทองนั้น มีจิตมังกรตัวหนึ่งร้องคำราม ออร่าสีเลือดจึงไม่มีอิทธิพลใดๆกับหลินหาน
"ปัง"
เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่มอบพลังกายแก่หลินหาน บัดนี้เขาต่อยหมัดออกไป กำปั้นเหนี่ยวเต็มแรง ต่อยหลินซากระเด็นลอยออกไป
"อ้ากกก!"
พลังอันแกร่งกล้า ทำให้ใบหน้าของหลินซาเปลี่ยนไป ขณะที่ร่างของเขากระเด็นลอยอยู่ในอากาศเขากระอักเลือดออกมา
ทรงพลัง!
รุนแรง!
หมัดที่ง่ายและธรรมดาๆ แต่สามารถต่อยจนหลินซาลอยไปได้ทันที
"เขาคือใคร"
"หนึ่งหมัดต่อยจนผู้แข็งแกร่งอันดับสิบแห่งทำเนียบภายนอกจนกระเด็น น่ากลัวนัก!"
ในเวลานี้ ศิษยที่มาลงทะเบียนนับไม่ถ้วนล้วนมองไปทางชายหนุ่มสวมชุดสีเขียวซึ่งยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ทุกคนต่างแสดงสีหน้าตกใจ
มีใครหลายคนแอบถอนหายใจ
แน่นอนทุกครั้งที่ใกล้จะถึงการประลองทำเนียบภายนอก ศิษย์แห่งทำเนียบภายนอกหลายร้อยคนมักจะม้ามืดหนึ่งหรือหลายคนโผล่ออกมา
เห็นได้ชัดว่า ชายหนุ่มชุดสีเขียวคนนี้เป็นม้ามืดตัวใหญ่
หลินซาก็โชคร้ายเช่นกันเขายังไม่ได้เริ่มการประลองก็ไปเตะแผ่นเหล็กเข้าเสียแล้ว
"ครั้งต่อไปข้าจะทำให้เจ้าพิการ!"
หลินหานลงทะเบียนเสร็จสิ้น หันไปมองหลินซาที่เอ๋ออยู่บนพื้นดิน เขาทิ้งท้ายประโยคที่เย็นชาจากนั้นก็หันหลังจากไป
พริบตาเดียว ร่างของเขาก็หายลับไปจากสายตาที่สื่ออารมณ์นับถือของทุกคน
......
ในไม่ช้า หลินหานกลับไปถึงพักอาศัยของเขา
ในเวลานี้ท้องฟ้าช่างสดใสจริงๆ
เสี่ยวหนู่ข้ารับใช้ผู้ที่มักจะถืออ่างน้ำกำลังเดินเข้ามาในจุดที่ไม่ไกลนัก
อย่างไรก็ตาม หลินหานดึงเสี่ยวหนู่เข้ามาในห้องทันที แล้วดึงตั๋วทองคำหนาๆออกจากแขนเสื้อของเขาทันที
“ตั๋วทองคำมากมายขนาดนี้? คุณชาย ท่าน ...” เมื่อมองดูกองตั๋วทองคำบนโต๊ะข้ารับใช้ตกตะลึงจนไม่อาจปกปิดความดีใจ การแสดงออกน่ารักมาก
"เจ้ารับตั๋วทองเหล่านี้ไปเสีย ในปีที่ผ่านมา เสี่ยวหนู่ เจ้าได้รับความยากลำบากมาก ตอนนี้คุณชายของเจ้ามีเงินแล้ว รับเงินไปถลุงมันซะ" หลินหานลูบผมสีดำสนิทของหญิงรับใช้ ยิ้มไปที่โต๊ะซึ่งวางตั๋วทองคำเอาไว้
"คุณชาย ท่านใจกว้างจริงๆ!"
หญิงรับใช้ไม่เคยเห็นตั๋วทองคำจำนวนมากในคราเดียวเช่นนี้มาก่อน ดวงตาสีดำขแงนางเป็นประกายสดใสแสดงความตื่นเต้นเล็กน้อย นางอดไม่ได้ที่จะเอาปากสีชมพูเรื่อจูบแก้มคุณชายของนาง
สำหรับเรื่องนี้ หลินหานเพียงหัวเราะฮ่าฮ่า
สำหรับหลินหาน ยามนี้เขายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ตั๋วทองคำเหล่านี้ แต่หญิงรับใช้ เสี่ยวหนู่ พยายามดูแลเขามาหลายปีแล้วนี่คือสิ่งที่นางสมควรได้รับ
ตึง!
ประตูถูกปิด หลินหานนั่งขัดสมาติอยู่ในห้อง แล้วหยิบวิชายุทธเล่มหนึ่งจากแขนเสื้อของเขา
มันคือ "โล่ระฆังทองคำตะวันฉาย"
เขาจะใช้เวลาในวันสุดท้าย เพื่อตั้งใจศึกษาวิชายุทธระดับสูงสายป้องกันตัวที่หายากอย่างยิ่งนี้
หัวใจของหลินหานรับรู้อย่างชัดเจน หากสามารถประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงการประลองของทำเนียบภายนอกเลย ต่อให้เป็นงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทธของทำเนียบภายใน ในอนาคตจะมีบทบาทอย่างมาก