ตอนที่ 12 กายาจักรพรรดิมังกร [อ่านฟรี]
ตอนที่ 12 กายาจักรพรรดิมังกร
ผู้แปล Doramartin
"นักดาบชุดสีเขียวนั่นคือผู้ใดกัน? อายุยังน้อย แต่วิชาดาบทรงพลังมากๆ "
"เสื้อผ้าของเขาปักคำว่า "หลิน"อาจจะเป็นจะเป็นอัจฉริยะแห่งสำนักตระกูลหลินของเมืองต้วนเทียนของเรา"
"คุณหนูใหญ่ คิดว่ายังไง?"
ในเวลานี้ บรรดาศิษย์ของตระกูลผู้ครองเมืองต่างตั้งสติ และเริ่มพูดคาดเดา
คุณหนูใหญ่ คือหญิงสาวชุดสีน้ำเงิน
นางเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองต้วนเทียน นาม ลั่วชิงเฉิง
บัดนี้ หญิงสาวขยับคิ้วเล็กน้อย พูดพึมพำเบาๆ : "คนผู้นี้ทักษะกายาแข็งแกร่ง ไม่ด้อยไปกว่าข้า อีกอย่าง เขาเผชิญหน้ากับอสูรพยักฆ์มังกรแต่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว หนึ่งดาบฟาดฟัน ดั่งอัสนีกัมปนาถ จักต้องเป็นมือหนึ่งวิชาดาบ"
เห็นได้ชัดว่า ลั่วชิงเฉิง บุตรสาวของเจ้าของเมืองนางนี้ประเมินหลินหานไว้สูงมาก
อย่างไรก็ตาม มีคนหลายคนส่งเสียงทางจมูกอย่างเยาะเย้ย
“ลูกพี่ลูกน้อง ไม่ต้องยกย่องเจ้าหมอนั่นขนาดนั้น พวกเราต่างหากที่ล่ออสูรพยัคฆ์มังกรให้ออกมา ใช้อาวุธลับแห่งตระกูลผู้ครองเมืองของเรา จนต้องอสูรพยัคฆ์มังกรบาดจเจ็บทรมาน คนของสำนักตระกูลหลินคงแอบอยู่อย่างเงียบๆอยู่ก่อนแล้ว เพื่อคอยฉกฉวยโอกาส”
ทันใดนั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดดำพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"พี่ใหญ่ลั่วเฟยหยู่กล่าวได้ถูกต้อง คนตระกูลหลินนั่นก็แค่หัวขโมย พวกเราไม่อาจปล่อยให้เขาชิงเอาไปอย่างหน้าไม่อาย พวกเรารีบไปกันเถอะ อสูรพยัคฆ์มังกรเป็นของตระกูลผู้ครองเมืองของเรา!" ศิษย์วัยเยาว์หลายคนต่างส่งเสียงแซ่ซ้อง น้ำเสียงเย็นชา
"ไม่ว่าอย่างไร ดาบของเขาได้ช่วยชีวิตข้าไว้ ถ้าพวกเจ้ากล้าสร้างปัญหาอย่างไร้เหตุผล อย่าหาว่าข้าไร้ความปรานี"
ลั่วชิงเฉิงเอ่ยปากทันที น้ำเสียงดังกังวานด้วยความสง่างามของผู้บังคับบัญชา ทำให้บรรดาศิษย์ของตระกูลผู้ปกครองหุบปากลงอย่างกระทันหัน
แม้แต่ลั่วเฟยหยู่ยังหน้าชา
ลั่วชิงเฉิงคือบุตรสาวของเจ้าเมือง เป็นธรรมดาที่ตัวตนของนางจะสูงที่สุดในบรรดาคนทั้งหลาย เมื่อนางเอ่ยปาก จึงไม่มีใครกล้าพูดต่อไป
อย่างไรก็ตาม ลั่วเฟยหยู่ที่อยู่มุมด้านนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วชิงเฉิง ส่วนลึกของดวงตาสื่อแสงวูบวาบของความริษยาและอาฆาต
และในเวลานี้.. อีกด้านหนึ่ง
ปัง!
อสูรพยัคฆ์มังกรขนาดใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อน ในเวลานี้ ถูกหลินหานตามล่า ในที่สุดมันก็แบกรับไม่ไหวและล้มลงบนพื้น เสมือนเนินทรุดทลาย
ณจุดนี้ เป็นจุดที่ลึกเข้าไปในป่าหม่าง
หลินหานเงยหน้าขึ้นมอง ไร้ผู้คนรอบตัวเขา ดวงตาของเขาเร่าร้อนเล็กน้อย มองดูอสูรพยัคฆ์มังกรที่นอนกองอยู่บนพื้น
"เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่!"
บูม!
ในตอนนี้ หลินหานไม่ได้ระงับพลังของเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่อีกต่อไป ฝ่ามือกดลงบนหัวของอสูรพยัคฆ์มังกรโดยตรง
"เวิง"
หยดเลือดสีทองที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลอยออกมาจากร่างของอสูรพยัคฆ์มังกร ถูกเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่กลืนกิน แล้วผสานรวมเข้ากับร่างกายของหลินหานทันที
เลือดหยดนี้ เป็นเลือดมังกรซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่แอบซ่อนอยู่ในอสูรพยัคฆ์มังกร!
"บูม"
ครู่ต่อมา หลินหานค้นพบว่าจิตสำนึกของเขาเข้ามาภายในของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองที่อยู่ในจิตของเขาอีกครั้ง
จากวิสัยทัศน์การมองเห็นของเขา ยังเป็นดินแดนโบราณที่กว้างใหญ่อย่างที่ครั้งก่อนเคยเห็น ...
ปลายทางของโลก มีร่างของวีรบุรุษผู้โดดเด่น
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแสงสีทอง กล้ามเนื้อทุกนิ้ว เลือดเนื้อ กระดูก ส่องสว่างแสงสีทอง พลังอมตะไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา โลหิตแข็งแกร่งยิ่ง ราวกับองค์เเทพยืนอยู่ตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน
"บูม"
วินาทีต่อมา ร่างของวีรบุรุญผู้นั้นหันกลับมาอย่างขวับ ชี้นิ้ว ปล่อยแสงพุ่งออกมากระทบจิตสำนึกของหลินหานทันที
"อ้ากกก!"
ความเจ็บปวดอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้นในจิต หลินหานส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด เหงื่อไหลท่วมร่างกาย
ในวินาทีต่อมา หลินหานลืมตาขึ้น และพบว่าจิตสำนึกกลับคืนสู่ร่างอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ในความทรงจำของเขากลับมีอะไรมากกว่านี้
นั่นคือ คำอธิบายกายาภาพโบราณ
"เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ ใช้เลือดมังกรผสานเลือด ใช้กระดูกควบคุมกระดูก ใช้แก่นแท้ของมังกรก่อรูปกาย เพื่อความเป็นอมตะ... "
ภายในจิตนึกคิดของหลินหาน แสดงข้อความส่วนนี้ขึ้นมา ดวงตาของเขาจึงเปล่งประกายทันที
แน่นอนว่าหลังจากที่เขาฝึกฝนเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่โครงสร้างร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พัฒนาไปสู่ระดับชีวิตที่สูงขึ้น นั่นคือ โครงสร้างร่างกายอันดับหนึ่งแห่งไท่กู่จากในบันทึก: กายาจักรพรรดิมังกร!
หลินหานนั่งลงขัตสมาธิ หมุนเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ ก็พบว่าเความเร็วในการกลืนกินปราณวิญญาณในอาการอบตัวเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า
ปัง!
หลินหานยืนขึ้นทันที แล้วโจมตีด้วยฝ่ามือครั้ง
เขาใช้พลังของเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่เพื่อปล่อยการโจมตีฝ่ามือมังกรผงาด เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ว่าความแข็งแกร่งของการโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ...
หลินหานผสานเลือดมังกรนั้น มันจึงเป็นตัวกระตุ้นในการฝึกฝน“กายาจักรพรรดิมังกร”
ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถสองอย่างของกายาจักรพรรดิมังกรนั้นก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ประการแรก ในระหว่างการฝึกฝน ความเร็วจากการหมุนเคล็ดวิชาจักรพรรดิแห่งไท่กู่ในการกลืนกินปราณวิญญาณแห่งแผนดินที่อยู่รอบตัวนั้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ประการที่สอง พลังวิชายุทธต่างๆหรือจะเรียกว่าพลังการต่อสู้ทางด้านร่างกายต่างเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
"กายาจักรพรรดิมังกร น่าเหลือเชื่อจริงๆ" หลินหานดูมีความสุขมาก พูดกับตัวเองว่า: "หากข้าหาเลือดและกระดูกของมังกรโบราณอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่แน่ ข้าอาจจะสามารถพัฒนากายามังกรได้อีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นความเร็วในการฝึกฝนและพลังต่อสู้ของข้าคงจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เป็นสามเท่า อาจจะถึงสิบเท่า หรือหลายสิบเท่า?”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ แม้นจะเป็นหลินหานผู้ไม่เคยตื่นตระหนกแต่คราวนี้กลับต้องตื่นตะลึงจนตาลุกวาว
นี่ เป็นดั่งความสามารถที่ท้าทายสวรรค์!
ตึงตึงตึง ...
ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นไม่ไกลนัก
กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินออกจากป่าโดยรอบ
หลินหานหันไปมอง พวกเขาคือศิษย์ของตระกูลผู้ครองเมือง
"สหายหลิน อสูรพยัคฆ์มังกรตัวนี้ พวกเราต่างทุ่มความพยายามเพื่อจะล่อมันออกมาและทำให้บาดเจ็บสาหัส แม้ว่าในที่สุดมันก็ถูกฆ่าโดยสหายหลินแต่สหายหลินได้ประโยชน์ต่อสิ่งนี้ พวกข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย หวังแต่เพียงว่าจะได้แบ่งปันอสูรพยัคฆ์มังกรตนนี้กับสหายหลินหาน"ลั่วชิงเฉิงผู้แต่งกายชุดสีน้ำเงิน ท่าทางสง่างาม นางก้าวไปข้างหน้า ยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวเจตนาที่มาที่นี่อย่างไม่อ้อมค้อม
เมื่อคำพูดจบ ศิษย์แห่งตระกูลผู้ครองมองหลายคนที่อยู่ข้างหลังนาง ต่างก็มองหลินหานอย่างระแวง
"ได้ ข้ายินดีจะแบ่งอย่างเท่าเทียม"
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนมีความประหลาดใจคือ หลินหานยิ้มและตกลงทันที
สำหรับเรื่องนี้ หลินหานเองก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรนัก
อย่างแรก ลูกสาวของเจ้าเมืองพูดความจริง หากอสูรพยัคฆ์มังกรตัวนี้อยู่ในสภาวะพลังสูงสุด ต่อให้มีเขาถึงสองคน กลัวว่ายังไม่สามารถสังหารมันได้
ประการที่สอง เลือดมังกรซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่มีค่าที่สุดของอสูรพยัคฆ์มังกรถูกเขากลืนกินแล้ว มันผสานเข้าสู่ร่างกายของเขา เพิ่มสมรรถภาพทางกายแก่เขา ถือว่าเขาได้ระโยชน์สูงสุดอย่างที่มองไม่เห็น
ประการที่สาม คือร่างของอสูรพยัคฆ์มังกรนี้มีขนาดใหญ่เกินไป แม้ว่าหลินหานจะครอบครองทั้งหมดแต่เขาก็ไม่สามารถนำมันไปได้ คงจะดีกว่าถ้าเขาแสดงตัวเป็นคนดีมีน้ำใจ
ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลผู้ครองเมือง ก็มีสถานะในเมืองต้วนเทียนที่ไม่ดีไม่ด้อยไปกว่าสำนักตระกูลหลิน
"สหายหลินใจกว้างจริงๆ!" เดิมที ลั่วชิงเฉิงคิดว่าอาจจะต้องมีปากเสียงกันบ้าง แต่ตอนนี้ได้เห็นหลินหานตอบตกลงง่ายๆ ดวงตาคู่งามของนางก็เปล่งประกายแห่งความสุขความยินดี
"หืม?"
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ หลินหานก็รู้สึกถึงไอเย็นเยียบล็อคร่างของตัวเองอย่างฉับพลัน
พลังตรวจจับของหบินหานแข็งแกร่งมาก เขามองเห็นชายหนุ่มแต่งกายชุดสีดำคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังลั่วชิงเฉิง บัดนี้กำลังจ้องมองเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความมุ่งร้าย
เขาทำอะไรที่ทำให้ชายแปลกหน้าผู้นี้ขุ่นเคือง?
หลินหานนค่อนข้างสงสัย แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรมาก
ตอนนี้ "กายาจักรพรรดิมังกร" ได้รับการกระตุ้น จนพลังการต่อสู้ของหลินหานสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้ทุกเวลา ตราบใดที่เขาไม่เจอคู่ต่อสู้ที่มียุทธเหนือกวั่ญจสวรรค์ เขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด
ชายในชุดดำนั่น หลินหานสามารถรู้สึกถึงได้ว่าเขามีตบะขั้นก่อเกิดแห่งยุทธจตุสวรรค์ เขาสามารถฆ่าให้ตายได้เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย
ถัดไป หลินหานได้รับของมีค่าครึ่งหนึ่งของอสูรพยัคฆ์มังกรตัวนี้ ถ้าขายไปแล้ว จะต้องได้ไม่น้อยกว่าสามร้อยตำลึงทอง
สิ่งนี้ ทำให้หัวใจของหลินหานปลาบปลื้มมาก ก็หมายความว่า การเดินทางมาสู่ป่าหม่างในครานี้ ถือว่าเขาสำเร็จผลจนเหนือกว่าเป้าหมาย
"แม่นางลั่ว ข้าขอตัวก่อน"
หลินหานไม่รอช้า ยกมือขึ้นคำนับ ดาบยาวสะพายหลัง หันหลังแล้วจากไปทันที ร่างกายหายไปอย่างรวดเร็วในป่าหม่าง
"หลินกู่เทียนแห่งสำนักตระกูลหลิน เป็นหนึ่งในห้าผยองแห่งเมืองต้วนเทียน ว่ากันว่าเขาก้าวสู่ยุทธฉะสวรรค์ ขั้นสูงสุดแห่งนักพรต คุณชายหลินผู้นี้ คาดว่าจะกลายเป็นหลินกู่เทียนคนต่อไป"ทันใดนั้นลั่วชิงเฉิงเอ่ยปากพูด พร้อมเสียงถอนหายใจ
อะไรนะ?
คุณหนูใหญ่ประเมินเจ้าหมอนี่สูงไปเหรอเปล่า? !
ศิษย์จากตระกูลผู้ครองเมืองต่างตกตะลึง
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ในกลุ่มคนของพวกเขายังไม่มีใครสังเกตเห็นลั่วเฟยหยู่ บัดนี้เขามองไปในทิศทางที่หลินหานหายตัวไปลึกลึกในดวงตาแสดงความมุ่งร้ายและเย้ยหยัน