ตอนที่แล้วตอนที่ 11 อสูรพยัคฆ์มังกร [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13 ทลาย [อ่านฟรี]

ตอนที่ 12 กายาจักรพรรดิมังกร [อ่านฟรี]


ตอนที่ 12 กายาจักรพรรดิมังกร

ผู้แปล Doramartin

 

"นักดาบชุดสีเขียวนั่นคือผู้ใดกัน? อายุยังน้อย แต่วิชาดาบทรงพลังมากๆ "

 

"เสื้อผ้าของเขาปักคำว่า "หลิน"อาจจะเป็นจะเป็นอัจฉริยะแห่งสำนักตระกูลหลินของเมืองต้วนเทียนของเรา"

 

"คุณหนูใหญ่ คิดว่ายังไง?"

 

ในเวลานี้ บรรดาศิษย์ของตระกูลผู้ครองเมืองต่างตั้งสติ และเริ่มพูดคาดเดา

 

คุณหนูใหญ่ คือหญิงสาวชุดสีน้ำเงิน

 

นางเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองต้วนเทียน นาม ลั่วชิงเฉิง

 

บัดนี้ หญิงสาวขยับคิ้วเล็กน้อย พูดพึมพำเบาๆ : "คนผู้นี้ทักษะกายาแข็งแกร่ง ไม่ด้อยไปกว่าข้า อีกอย่าง เขาเผชิญหน้ากับอสูรพยักฆ์มังกรแต่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว หนึ่งดาบฟาดฟัน ดั่งอัสนีกัมปนาถ จักต้องเป็นมือหนึ่งวิชาดาบ"

 

เห็นได้ชัดว่า ลั่วชิงเฉิง บุตรสาวของเจ้าของเมืองนางนี้ประเมินหลินหานไว้สูงมาก

 

อย่างไรก็ตาม มีคนหลายคนส่งเสียงทางจมูกอย่างเยาะเย้ย

 

“ลูกพี่ลูกน้อง ไม่ต้องยกย่องเจ้าหมอนั่นขนาดนั้น พวกเราต่างหากที่ล่ออสูรพยัคฆ์มังกรให้ออกมา ใช้อาวุธลับแห่งตระกูลผู้ครองเมืองของเรา จนต้องอสูรพยัคฆ์มังกรบาดจเจ็บทรมาน คนของสำนักตระกูลหลินคงแอบอยู่อย่างเงียบๆอยู่ก่อนแล้ว เพื่อคอยฉกฉวยโอกาส”

 

ทันใดนั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดดำพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

"พี่ใหญ่ลั่วเฟยหยู่กล่าวได้ถูกต้อง คนตระกูลหลินนั่นก็แค่หัวขโมย พวกเราไม่อาจปล่อยให้เขาชิงเอาไปอย่างหน้าไม่อาย พวกเรารีบไปกันเถอะ อสูรพยัคฆ์มังกรเป็นของตระกูลผู้ครองเมืองของเรา!" ศิษย์วัยเยาว์หลายคนต่างส่งเสียงแซ่ซ้อง น้ำเสียงเย็นชา

 

"ไม่ว่าอย่างไร ดาบของเขาได้ช่วยชีวิตข้าไว้ ถ้าพวกเจ้ากล้าสร้างปัญหาอย่างไร้เหตุผล อย่าหาว่าข้าไร้ความปรานี"

 

ลั่วชิงเฉิงเอ่ยปากทันที น้ำเสียงดังกังวานด้วยความสง่างามของผู้บังคับบัญชา ทำให้บรรดาศิษย์ของตระกูลผู้ปกครองหุบปากลงอย่างกระทันหัน

 

แม้แต่ลั่วเฟยหยู่ยังหน้าชา

 

ลั่วชิงเฉิงคือบุตรสาวของเจ้าเมือง เป็นธรรมดาที่ตัวตนของนางจะสูงที่สุดในบรรดาคนทั้งหลาย เมื่อนางเอ่ยปาก จึงไม่มีใครกล้าพูดต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม ลั่วเฟยหยู่ที่อยู่มุมด้านนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วชิงเฉิง ส่วนลึกของดวงตาสื่อแสงวูบวาบของความริษยาและอาฆาต

 

และในเวลานี้.. อีกด้านหนึ่ง

 

ปัง!

 

อสูรพยัคฆ์มังกรขนาดใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อน ในเวลานี้ ถูกหลินหานตามล่า ในที่สุดมันก็แบกรับไม่ไหวและล้มลงบนพื้น เสมือนเนินทรุดทลาย

 

ณจุดนี้ เป็นจุดที่ลึกเข้าไปในป่าหม่าง

 

หลินหานเงยหน้าขึ้นมอง ไร้ผู้คนรอบตัวเขา ดวงตาของเขาเร่าร้อนเล็กน้อย มองดูอสูรพยัคฆ์มังกรที่นอนกองอยู่บนพื้น

 

"เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่!"

 

บูม!

 

ในตอนนี้ หลินหานไม่ได้ระงับพลังของเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่อีกต่อไป ฝ่ามือกดลงบนหัวของอสูรพยัคฆ์มังกรโดยตรง

 

"เวิง"

 

หยดเลือดสีทองที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลอยออกมาจากร่างของอสูรพยัคฆ์มังกร ถูกเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่กลืนกิน แล้วผสานรวมเข้ากับร่างกายของหลินหานทันที

 

เลือดหยดนี้ เป็นเลือดมังกรซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่แอบซ่อนอยู่ในอสูรพยัคฆ์มังกร!

 

"บูม"

 

ครู่ต่อมา หลินหานค้นพบว่าจิตสำนึกของเขาเข้ามาภายในของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองที่อยู่ในจิตของเขาอีกครั้ง

 

จากวิสัยทัศน์การมองเห็นของเขา ยังเป็นดินแดนโบราณที่กว้างใหญ่อย่างที่ครั้งก่อนเคยเห็น ...

 

ปลายทางของโลก มีร่างของวีรบุรุษผู้โดดเด่น

 

ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแสงสีทอง กล้ามเนื้อทุกนิ้ว เลือดเนื้อ กระดูก ส่องสว่างแสงสีทอง พลังอมตะไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา โลหิตแข็งแกร่งยิ่ง ราวกับองค์เเทพยืนอยู่ตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน

 

"บูม"

 

วินาทีต่อมา ร่างของวีรบุรุญผู้นั้นหันกลับมาอย่างขวับ ชี้นิ้ว ปล่อยแสงพุ่งออกมากระทบจิตสำนึกของหลินหานทันที

 

"อ้ากกก!"

 

ความเจ็บปวดอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้นในจิต หลินหานส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด เหงื่อไหลท่วมร่างกาย

 

ในวินาทีต่อมา หลินหานลืมตาขึ้น และพบว่าจิตสำนึกกลับคืนสู่ร่างอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ในความทรงจำของเขากลับมีอะไรมากกว่านี้

 

นั่นคือ คำอธิบายกายาภาพโบราณ

 

"เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ ใช้เลือดมังกรผสานเลือด ใช้กระดูกควบคุมกระดูก ใช้แก่นแท้ของมังกรก่อรูปกาย เพื่อความเป็นอมตะ... "

 

ภายในจิตนึกคิดของหลินหาน แสดงข้อความส่วนนี้ขึ้นมา ดวงตาของเขาจึงเปล่งประกายทันที

 

แน่นอนว่าหลังจากที่เขาฝึกฝนเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่โครงสร้างร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พัฒนาไปสู่ระดับชีวิตที่สูงขึ้น นั่นคือ โครงสร้างร่างกายอันดับหนึ่งแห่งไท่กู่จากในบันทึก: กายาจักรพรรดิมังกร!

 

หลินหานนั่งลงขัตสมาธิ หมุนเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ ก็พบว่าเความเร็วในการกลืนกินปราณวิญญาณในอาการอบตัวเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า

 

ปัง!

 

หลินหานยืนขึ้นทันที แล้วโจมตีด้วยฝ่ามือครั้ง

 

เขาใช้พลังของเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่เพื่อปล่อยการโจมตีฝ่ามือมังกรผงาด เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ว่าความแข็งแกร่งของการโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ...

 

หลินหานผสานเลือดมังกรนั้น มันจึงเป็นตัวกระตุ้นในการฝึกฝน“กายาจักรพรรดิมังกร”

 

ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถสองอย่างของกายาจักรพรรดิมังกรนั้นก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ประการแรก ในระหว่างการฝึกฝน ความเร็วจากการหมุนเคล็ดวิชาจักรพรรดิแห่งไท่กู่ในการกลืนกินปราณวิญญาณแห่งแผนดินที่อยู่รอบตัวนั้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ประการที่สอง พลังวิชายุทธต่างๆหรือจะเรียกว่าพลังการต่อสู้ทางด้านร่างกายต่างเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

 

"กายาจักรพรรดิมังกร น่าเหลือเชื่อจริงๆ" หลินหานดูมีความสุขมาก พูดกับตัวเองว่า: "หากข้าหาเลือดและกระดูกของมังกรโบราณอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่แน่ ข้าอาจจะสามารถพัฒนากายามังกรได้อีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นความเร็วในการฝึกฝนและพลังต่อสู้ของข้าคงจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เป็นสามเท่า อาจจะถึงสิบเท่า หรือหลายสิบเท่า?”

 

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ แม้นจะเป็นหลินหานผู้ไม่เคยตื่นตระหนกแต่คราวนี้กลับต้องตื่นตะลึงจนตาลุกวาว

 

นี่ เป็นดั่งความสามารถที่ท้าทายสวรรค์!

 

ตึงตึงตึง ...

 

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นไม่ไกลนัก

 

กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินออกจากป่าโดยรอบ

 

หลินหานหันไปมอง พวกเขาคือศิษย์ของตระกูลผู้ครองเมือง

 

"สหายหลิน อสูรพยัคฆ์มังกรตัวนี้ พวกเราต่างทุ่มความพยายามเพื่อจะล่อมันออกมาและทำให้บาดเจ็บสาหัส แม้ว่าในที่สุดมันก็ถูกฆ่าโดยสหายหลินแต่สหายหลินได้ประโยชน์ต่อสิ่งนี้ พวกข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย หวังแต่เพียงว่าจะได้แบ่งปันอสูรพยัคฆ์มังกรตนนี้กับสหายหลินหาน"ลั่วชิงเฉิงผู้แต่งกายชุดสีน้ำเงิน ท่าทางสง่างาม นางก้าวไปข้างหน้า ยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวเจตนาที่มาที่นี่อย่างไม่อ้อมค้อม

 

เมื่อคำพูดจบ ศิษย์แห่งตระกูลผู้ครองมองหลายคนที่อยู่ข้างหลังนาง ต่างก็มองหลินหานอย่างระแวง

 

"ได้ ข้ายินดีจะแบ่งอย่างเท่าเทียม"

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนมีความประหลาดใจคือ หลินหานยิ้มและตกลงทันที

 

สำหรับเรื่องนี้ หลินหานเองก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรนัก

 

อย่างแรก ลูกสาวของเจ้าเมืองพูดความจริง หากอสูรพยัคฆ์มังกรตัวนี้อยู่ในสภาวะพลังสูงสุด ต่อให้มีเขาถึงสองคน กลัวว่ายังไม่สามารถสังหารมันได้

 

ประการที่สอง เลือดมังกรซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่มีค่าที่สุดของอสูรพยัคฆ์มังกรถูกเขากลืนกินแล้ว มันผสานเข้าสู่ร่างกายของเขา เพิ่มสมรรถภาพทางกายแก่เขา ถือว่าเขาได้ระโยชน์สูงสุดอย่างที่มองไม่เห็น

 

ประการที่สาม คือร่างของอสูรพยัคฆ์มังกรนี้มีขนาดใหญ่เกินไป แม้ว่าหลินหานจะครอบครองทั้งหมดแต่เขาก็ไม่สามารถนำมันไปได้ คงจะดีกว่าถ้าเขาแสดงตัวเป็นคนดีมีน้ำใจ

 

ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลผู้ครองเมือง ก็มีสถานะในเมืองต้วนเทียนที่ไม่ดีไม่ด้อยไปกว่าสำนักตระกูลหลิน

 

"สหายหลินใจกว้างจริงๆ!" เดิมที ลั่วชิงเฉิงคิดว่าอาจจะต้องมีปากเสียงกันบ้าง แต่ตอนนี้ได้เห็นหลินหานตอบตกลงง่ายๆ ดวงตาคู่งามของนางก็เปล่งประกายแห่งความสุขความยินดี

 

"หืม?"

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ หลินหานก็รู้สึกถึงไอเย็นเยียบล็อคร่างของตัวเองอย่างฉับพลัน

 

พลังตรวจจับของหบินหานแข็งแกร่งมาก เขามองเห็นชายหนุ่มแต่งกายชุดสีดำคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังลั่วชิงเฉิง บัดนี้กำลังจ้องมองเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความมุ่งร้าย

 

เขาทำอะไรที่ทำให้ชายแปลกหน้าผู้นี้ขุ่นเคือง?

 

หลินหานนค่อนข้างสงสัย แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรมาก

 

ตอนนี้ "กายาจักรพรรดิมังกร" ได้รับการกระตุ้น จนพลังการต่อสู้ของหลินหานสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้ทุกเวลา ตราบใดที่เขาไม่เจอคู่ต่อสู้ที่มียุทธเหนือกวั่ญจสวรรค์ เขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด

 

ชายในชุดดำนั่น หลินหานสามารถรู้สึกถึงได้ว่าเขามีตบะขั้นก่อเกิดแห่งยุทธจตุสวรรค์ เขาสามารถฆ่าให้ตายได้เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย

 

ถัดไป หลินหานได้รับของมีค่าครึ่งหนึ่งของอสูรพยัคฆ์มังกรตัวนี้ ถ้าขายไปแล้ว จะต้องได้ไม่น้อยกว่าสามร้อยตำลึงทอง

 

สิ่งนี้ ทำให้หัวใจของหลินหานปลาบปลื้มมาก ก็หมายความว่า การเดินทางมาสู่ป่าหม่างในครานี้ ถือว่าเขาสำเร็จผลจนเหนือกว่าเป้าหมาย

 

"แม่นางลั่ว ข้าขอตัวก่อน"

 

หลินหานไม่รอช้า ยกมือขึ้นคำนับ ดาบยาวสะพายหลัง หันหลังแล้วจากไปทันที ร่างกายหายไปอย่างรวดเร็วในป่าหม่าง

 

"หลินกู่เทียนแห่งสำนักตระกูลหลิน เป็นหนึ่งในห้าผยองแห่งเมืองต้วนเทียน ว่ากันว่าเขาก้าวสู่ยุทธฉะสวรรค์ ขั้นสูงสุดแห่งนักพรต คุณชายหลินผู้นี้ คาดว่าจะกลายเป็นหลินกู่เทียนคนต่อไป"ทันใดนั้นลั่วชิงเฉิงเอ่ยปากพูด พร้อมเสียงถอนหายใจ

 

อะไรนะ?

 

คุณหนูใหญ่ประเมินเจ้าหมอนี่สูงไปเหรอเปล่า? !

 

ศิษย์จากตระกูลผู้ครองเมืองต่างตกตะลึง

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ในกลุ่มคนของพวกเขายังไม่มีใครสังเกตเห็นลั่วเฟยหยู่ บัดนี้เขามองไปในทิศทางที่หลินหานหายตัวไปลึกลึกในดวงตาแสดงความมุ่งร้ายและเย้ยหยัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด