ตอนที่ 1 ฉันเป็นใคร [อ่านฟรี]
ตอนที่ 1: ฉันเป็นใคร
"ที่นี่ที่ไหน?" จูหมิงผู้งงงวยมากถามตัวเอง นี่ไม่ใช่บ้านของเธอแล้วเธออยู่เมืองไหนเหรอ?
ผู้หญิงเล็กกะทัดรัดร่างบอบบางคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงค่อยๆขยับตาทั้งสี่ทิศ ห้องที่เธออยู่นั้นเต็มไปด้วยแจกันลายครามราคาแพงภาพวาดดอกไม้และเฟอร์นิเจอร์แกะสลักอย่างประณีต นี่ไม่ใช่ห้องของเธอแน่นอน เพราะ ห้องของเธอเต็มไปด้วยสมุนไพรยาและเครื่องมือทางการแพทย์
ก่อนที่จูหมิงจะมีโอกาสคิดสิ่งต่าง ๆศีรษะของเธอก็เจ็บจี๊ดด้วยความเจ็บปวดอย่างแรง เธอหลับตาอย่างแน่วแน่ขณะที่มือของเธอเหยียดมือแตะศีรษะ จูหมิงรู้สึกประหลาดใจ หัวของเธอถูกห่อด้วยวัสดุอ่อนนุ่มบางชนิด ก่อนที่เธอจะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเธอก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกนดัง ๆ
"เสี่ยวจี (พี่สาว)!" เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดสีเหลืองวิ่งเข้าเรียกหาเธอ เด็กหญิงคนนั้นดูอายุประมาณ 16 ปีเธอเปียผมเปียสองเส้น เพียงแค่ความประทับใจครั้งแรกจูหมิงจะอธิบายผู้หญิงคนนี้ว่าน่ารัก ดวงตากลมโตและริมฝีปากอวบอิ่มมาก
เด็กสาวก้มลงข้างเตียงอย่างรวดเร็วและร้องไห้ออกมา ในทางตรงกันข้ามจูหมิงก็ยุ่งกับสถานการณ์ของตัวเองมากเกินไปที่จะดูแลผู้หญิงที่กำลังร้องไห้อยู่ข้างเตียงของเธอ สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้ก็คือเธอตกลงมาจากหน้าผา เธอชื่อจูหมิงและสิ่งที่เธอต้องการทำคือหนีการแต่งงานที่เจ้านายของเธอตัดสินใจให้เธอทำแต่ใครจะรู้ว่าเธอจะต้องตาย
เด็กหญิงตัวน้อยที่ชื่อชูเหม่ยร้องไห้หนักขึ้นเมื่อเธอเห็นหน้าตาว่างเปล่าอึกอักที่เสี่ยวจีของเธอกำลังมองเธอ
"เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กำลังร้องไห้อะไรอยู่?" แพนหยู่เหมยไม่สามารถทนเสียงร้องไห้ดังๆอีกต่อไป เธอเกือบจะตะคอกใส่หญิงสาวที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร "ข้าเอง ชูเหม่ยท่านจำข้าไม่ได้เหรอ?" นัยน์ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความกลัว แน่นอนเสี่ยวจีของเธอที่เธอพูดด้วยไม่ได้สูญเสียความทรงจำของเธออย่างที่เธอพูด "ชูเหม่ยเจ้าเป็นใคร? จูหมิงในร่างของแพนหยู่เหมยกล่าว”
"เสี่ยวจี... ท่านสูญเสียความทรงจำจริงๆเหรอ?" จูหมิงพยักหน้า "ใช่ก่อนอื่นเลิกร้องไห้และบอกชื่อของข้าและครอบครัวของข้าว่าเป็นใครกัน" ชูเหม่ยหยุดร้องไห้อย่างรวดเร็วเมื่อเธอได้ยินเสียงดุดันของ แพนหยู่เหมย"เสี่ยวจีที่ข้าเรียกคือพระชายาแพนหยู่เหมย เป็นชายาขององค์ชายหลินเป่ยหนาน เป็นหญิงแห่งคุณธรรม" ความเจ็บปวดที่แพนหยู่เหม่ยรู้สึกอยู่ในหัวของเธอหายไปทันทีหลังจากได้ยินตัวตนของเธอ จูหมิงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วจับมือชูเหม่ย
"ห๋าๆๆ"
"ชูเหม่ย?""ปีนี้ปีอะไรล่ะ"
"เสี่ยวจี ... ท่านโอเคไหม
"แค่ตอบข้า!"
"เป็นปีที่ห้าของราชวงศ์ถัง .. " มือของเธอตกลงไปบนเตียงทันที “มันเป็นไปไม่ได้ฉันย้อนเวลากลับมา2ปีเป็นไปไม่ได้…มันไม่สมเหตุสมผล” จูหมิงพึมพำกับตัวเองแล้วส่ายหัวด้วยความไม่เชื่อ ชูเหม่ยผู้ที่เฝ้าดูเธอทุกการกระทำอยากจะร้องไห้อีกครั้ง เสี่ยวจีของเธอบ้าไปแล้วจริง ๆ ! "เสี่ยวจี !!!!!!!"
ทันใดนั้นท้องของจูหมิงก็คร่ำครวญ ขณะอยู่ในระหว่างการพูดคุยกับชูเหม่ยแต่ไม่มีอะไรให้ทานสำหรับจูหมิงที่หิวโหยเลย
"ชูเหม่ยบอกข้าสิมีอะไรให้กินบ้างไหม?" จูหมิงกำลังลูบท้องของเธอและมองชูเหม่ยราวกับว่าเธออดอาหารมาหลายวันแล้ว “ข้าาต้องการพ่อครัวของจักรพรรดิที่สามารถทำอาหารให้ข้า” เธอไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น เธอต้องการพิสูจน์ มันจะดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้ เธอต้องการการทดสอบชูเหม่ย
“เป็ดย่างซี่โครงบาร์บีคิว? ซุปวอลนัทหวานหรือซุปรังนกหมูทอด?” ทุกครั้งที่เธอแนะนำอะไรบางอย่าง ชูเหม่ยพยักหน้ารับใช่
"เสี่ยวจี ท่านนอนหลับไปสองวัน ท่านจะต้องอดอยากมาก ข้าจะให้พ่อครัวทำให้ท่านทานทุกอย่าง" ชูเหม่ยเริ่มลุกขึ้นยืน
จูหมิงรีบจับข้อมือของเธอเบา ๆ ทันที "หยุดก่อน ... ข้าต้องการไก่บาร์บีคิวเพิ่ม" เธอยิ้มอย่างสดใสให้ชูเหม่ยรอยยิ้มนี้ทำให้ชูเหม่ยตกใจมากกว่าคำขอที่ไร้สาระของเธอ “ข้าจะเอามันมาให้ทันที” ชูเหม่ยรีบออกไป
สิ่งนี้ทำให้จูหมิงมีเวลาพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ เธอพิงหัวกับเตียงนอนไขว้แขนแล้วคิดหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเธอ
"การสับเปลี่ยนร่างกาย? การสลับวิญญาณ? หรือไม่อย่างน้อยควรมีความทรงจำเดิมของแพนหยู่เหมยเป็นอย่างน้อย?" เธอเกาหัวของเธอ ใจของเธอก็สับสนอีกครั้ง "เดี๋ยวก่อน! ข้าคือแพนหยู่เหมยนี่?" "แพนหยู่เหมยผู้ที่เสียชีวิตอย่างกะทันหันในฤดูหนาวของราชวงศ์ถังปีที่ 5" เธอรู้สึกว่าวิญญาณของเธอออกจากร่างของเธอในการรับรู้ และเธอกำลังจะตายครั้งที่สองหรือไม่?
ในชีวิตที่ผ่านมาของเธอเธอได้ติดตามโพทิชั่นมาสเตอร์อู๋ไทไปทั่วทุกเมือง เขาเป็นเจ้านายผู้มีพระคุณของเธอและเวลานั้นกำลังเดินทางไปยังเมืองลั่วหยาง
............
ซึ่งในเวลาเดียวกันของราชวงศ์ถังในเมืองลั่วหยางมีข่าวล่าสุดของการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของแพนหยู่เหมยชายาของจักรพรรดิขณะนั้น ข่าวได้การแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
และในขณะเดียวกันมันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่จูหมิงย้อนเวลามาเมืองลั่วหยาง ในปีที่5ของราชวงค์ถัง
.................
และในตอนนี้ แพนหยูเหม่ย ซึ่งอยู่ในตำหนักของวัง ยกผ้าห่มออกจากร่างกายของเธอและตรวจดูตัวเองก่อนที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอตบหน้าอกแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงอาทิตย์กำลังกำลังตกดิน
เฮ้ย!!! "ฉันยังมีชีวิตอยู่!
ตราบใดที่เวลาผ่านไปสองสามเดือนข้างหน้านี้ฉันสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของฉันได้“เนื่องจากตอนนี้ฉันอยู่ในร่างนี้ฉันจะไม่ตายอย่างง่ายดาย”เธอมั่นใจในตัวเองมาก
ในเวลานี้เธอต้องการกินไก่บาร์บีคิวของเธอ เธอรีบลุกขึ้นเพื่อไปหาไก่บาร์บีคิวก่อนที่มันจะมาถึงห้องของเธอ
เธอลุกขึ้นยืนบนเตียงแล้วกระโดดอย่างรวดเร็วลงจากเตียงเพียงครั้งเดียวแต่ชูเหม่ยมาทันเวลาพอดีและเห็นแพนหยูเหม่ยกระโดดลงจากเตียงพอดี เธอแทบตกใจ
เธอไม่อยากจะเชื่อสายตา ว่าเสี่ยวจีของเธอไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน และเธอคนนี้ไม่เหมือนเสี่ยวจีของเธอเสียจริงเลย?
สิ่งที่ทำให้เธอตกใจยิ่งกว่านั้นคือเมื่อแพนหยูเหม่ย ใช้สองมือหยิบไก่สองน่องในเวลาเดียวกัน จากนั้นรีบกินอย่างรวดเร็วเช่นคนเถื่อน
จูหมิงในร่างแพนหยูเหม่ยไม่ได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กและเมื่อเธอเห็นความตกใจและสยองขวัญบนใบหน้าของชูเหม่ย ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติ
เธอต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อให้ชูเหม่ยอธิบายให้เธอฟังทุกอย่างรวมถึงอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ
แต่ขณะนั้น ชูเหม่ย โบกไม้ตีกลองเป็นสัญญาณก่อนที่ชูเหม่ยจะได้ยินเสียงตอบโต้จากข้างนอกว่ามีการประกาศอย่างฉับพลัน
"องค์ชายหลินเป่ยน่านเสด็จแล้ว"ทหารข้างนอกรับสั่ง
"องค์ชายหลินเป่ยหน่าน? กำลังมา"
ชูเหม่ยร้อนรน รีบจัดระเบียบห้อง แต่แพนหยูเหม่ยเป็นคนเดียวที่แสดงท่าทีด้วยความสงบนิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไรไม่เหมือนแพนหยูเหม่ยคนเดิมที่ดูเหมือนจะเป็นคนเจ้าระเบียบ
และตอนนี้องค์ชายหลินเป่ยหนานก็รออยู่ข้างนอก
ชูเหม่ย เธอกัดริมฝีปากของเธอเหงื่อเล็ดออกมาด้วยความกังวลและความกลัว
"เสี่ยวจีซ่อนอาหาร" ชูเหมยรีบเร่งเธออย่างเร่งด่วน ชูเหม่ยหันไปทางประตู มันกำลังเปิดออก
จู่ ๆ ตาของจูหมิงก็เบิกกว้างขึ้น เธอร้องเรียก "หลินเป่ยหน่าน......?”อย่างไม่ทันระวังตัว
แต่เธอลืมไปว่าเธอไม่ใช่จูหมิง แต่เป็นแพนหยู่เหม่ย องค์หญิงแห่งคุณธรรมประตูเปิดออก จานไก่บนโต๊ะหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ชูเหม่ยไม่สามารถช่วยหญิงสาวได้ทันเวลาเพื่อแก้ไขการกระทำของเธอ เธอแค่สวดอ้อนวอนขอสิ่งที่กำลังจะมาถึง