ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 โชคลาภ เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ [อ่านฟรี]

ตอนที่ 1 คุณชายจากสาขา [อ่านฟรี]


ตอนที่ 1 คุณชายจากสาขา

ผู้แปล Doramartin

 

ท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ อากาศค่อนข้างหนาวเย็น ทั่วผืนดินปกคลุมไปด้วยเงาแสงอาทิตย์สลัว...

 

ณ เมืองต้วนเทียน บ้านตระกูลหลิน

 

เอี๊ยด!

 

เสียงประตูห้องเก่าคร่ำครึดังขึ้นอย่างฉับพลัน บุรุษหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาคนหนึ่งเดินเยื้องกรายออกมา เขามองไปรอบ ๆ พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

 

“จะปล่อยปละละเลยไม่ได้ ขอเพียงฝึกฝนอย่างหนักอีกครึ่งเดือน ข้าจะต้องทลายห่วงโซ่แห่งวิถียุทธ ก้าวสู่ทวิสวรรค์ เมื่อถึงตอนนั้น น ต่อให้เป็นบุตรจากสายเลือดตรงก็ไม่กล้ามาดูถูกข้า.”

 

หลินหานบ่นพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาสว่าง สื่อวิญญาณของการต่อสู้

 

ชายหนุ่มคนนี้ชื่อว่าหลินหาน เขาไม่ใช่ศิษย์สายเลือดตรงของตระกูลหลิน แต่เมื่อหนึ่งปีก่อน เขาอาศัยพลัง จนได้ย้ายจากสาขาของตระกูลหลินที่อยู่หมู่บ้านด้านข้าง เข้ามาอยู่ตระกูลหลักของตระกูลหลินอย่างแท้จริง

 

ในขณะนั้น เขาอยู่ในที่หมู่บ้านฉางหยุนซึ่งอยู่ไกลออกไป เขาเป็นที่รู้จักว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง มีคนตระกูลหลินในหมู่บ้านมากมายที่ยกย่องอยากให้เขาเข้าสู่ตระกูลหลัก พรสวรรค์จะได้ก้าวกระโดด เปล่งรัศมี

 

เดิมที หลินหานมีความทะเยอทะยานและเย่อหยิ่ง แต่ผลลัพธ์หลังจากที่เขาเข้าสู่ตระกูลหลัก ก็คือเขาเป็นเพียงมดตัวหนึ่ง เล็กกระจ้อยร่อย

 

ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ที่เขาเคยภูมิใจตอนอยู่ในหมู่บ้าน เมื่อมาที่นี่ เทียบกับศิษย์สายเลือดตรงที่แท้จริง เขาก็ไม่ต่างอะไรกับขยะ

 

เนื่องจากเขามาจากตระกูลสาขา จึงไม่ได้รับความสำคัญจากระดับสูงของตระกูล ดังนั้น ในหนึ่งปีนี้แม้ว่าหลินหานตรากตรำฝึกฝนอย่างหนัก ทุ่มเทร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้ แต่ไม่มีทรัพยากรอย่างยาตันที่ช่วยในการฝึก ไม่มีอาจารย์มีชื่อมาอบรม เขาแทบจะทำอะไรไม่สำเร็จเลย

 

ในหนึ่งปีนี้ การฝึกฝนของเขาไม่เพียงไม่ก้าวหน้าเท่านั้น แต่ศิลปะการต่อสู้เขายังอยู่ระดับเอกาสวรรค์ ต้องเผชิญกับการดูถูกของศิษย์จากตระกูลหลัก

 

ในเรื่องนี้ แม้ว่าในใจของหลินหานมีความโกรธเกรี้ยว แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติที่จะแข่งขันกับเหล่าตระกูลหลักได้ เขาจำต้องเลือกที่จะอดทน

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หลินหานมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง คือการถูกทรยศและการถูกเหยียดหยามในวัยเด็ก

 

หลินเหม่ยเอ๋อ คือหญิงสาวเปี่ยมพรสวรรค์ที่เข้ามาในตระกูลหลักพร้อมกับหลินหาน แน่นอนว่าเป็น "อัจฉริยะ" เหมือนกับหลินหาน แต่นางอาศัยในสถานที่เล็ก ๆอย่างหมู่บ้านฉางหยุน

 

หลังจากหลินเหม่ยเอ๋อเข้าสู่ตระกูลหลัก ก็เป็นเช่นเดียวกับหลินหาน รับรู้ถึงความเป็นเล็กน้อยและความโง่เขลาของตัวเอง แต่นางแตกต่างจากหลินหาน เพราะนางเป็นคนที่สวยงาม มีเสน่ห์ ในไม่ช้านางก็ใช้แผนการ เอาตัวไปข้องเกี่ยวกับหลินเจว๋เตาซึ่งเป็นศิษย์สายเลือดตรง

 

ตระกูลหลิน แบ่งแยกทำเนียบภายในและทำเนียบภายนอก หลินเจว๋เตาเป็นศิษย์ตระกูลหลักแห่งทำเนียบภายนอก อันดับที่สี่ แข็งแกร่งมาก มีพลังระดับจตุสวรรค์ เป็นผู้ที่หลินหานไม่ควรมีเรื่องด้วย

 

เมื่อคิดถึงข่วงเวลานั้น ตอนที่อยู่ในหมู่บ้าน เขาและหลินเหม่ยเอ๋อเติบโตขึ้นมาด้วยกัน เป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็ก แต่ตอนนี้ เมื่อหลินเหม่ยเอ๋อมองมาที่เขา นางคิ้วขมวด หลีกเลี่ยงดั่งพบเจองูและแมงป่อง ราวกับว่าไม่เคยข้องเกี่ยวกับเขา มีแต่จะทำให้นางมีมลทิน

 

การหยามเหยียดจากเหล่าศิษย์สายเลือดตรง การทรยศของเพื่อนในวัยเด็ก และความคาดหวังของผู้คนตระกูลสาขาในหมู่บ้านฉางหยุน

 

สิ่งเหล่านี้ทำให้หลินหานชิงชัง เพียรฝึกฝนหนักยิ่งขึ้น

 

ในหัวใจของเขาแอบสาบานคำมั่นสัญญา เขาจะต้องผงาดในตระกูลหลิน มิฉะนั้น เขาจะไม่กลับไปบ้านเกิดของเขา!

......

......

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลินหานมาถึงสวนใหญ่ที่อยู่ใจกลางตระกูล

 

ที่นั่นมีลานประลองหินสีฟ้าขนาดมหึมา ซึ่งใช้เฉพาะสำหรับการฝึกฝนทุก ๆ วันของศิษย์สำนักตระกูลหลิน

 

ปัง! ปัง! ปัง! ......

 

ในขณะนี้ หลินหานยืนอยู่บนลานประลอง ร่างกายเหยียดตรง ยืนหยัดอยู่บนพื้น ฝ่ามือออกแรงด้วยพลังทั้งหมด ตบกลางอากาศจนเกิดเสียงดัง

 

นี่เป็นฝ่ามือพื้นฐานที่สุดของตระกูลหลิน เรียกว่า "ฝ่ามือมังกรผงาด"

 

ในการฝึกฝนวิถียุทธ เทคนิคการต่อสู้จะถูกจัดแบ่งตามระดับพลัง คือ: ต่ำ กลาง สูง สูงสุด

 

ฝ่ามือมังกรผงาดเป็นศิลปะการป้องกันตัวระดับต่ำ

 

แม้ว่ามีระดับต่ำสุด แต่เป็นทักษะการต่อสู้ที่แท้จริง ควรต้องรู้ว่า ในหมู่บ้านฉางหยุน มีเพียงการต่อสู้เตะต่อยที่ไม่ถูกจัดระดับ

อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักก็คือหลินหานน้อยเนื้อตำ่ใจที่เกิดมาในตระกูลสาขา แม้ว่าเขาจะเข้าสู่ตระกูลหลัก แต่ตำแหน่งสถานะยังต่ำต้อย ไม่มีอำนาจ

 

ฝ่ามือมังกรผงาดนี้เป็นศิลปะการต่อสู้เพียงหนึ่งเดียวที่เขาได้ฝึกฝนในปัจจุบัน ดังนั้น หลินหานจึงตั้งใจฝึกฝน

 

เมื่อใช้ฝ่ามือมังกรผงาดก็ทำให้หลินหานเหงื่อท่วม แต่รู้ด้วยสัญชาตญาณว่าปราณถ่องแท้ในร่างกายเพิ่มขึ้นเพียงเศษเสี้ยว ทำให้หลินหานยิ้มอย่างขมขื่น

 

แน่นอนว่าสมรรถภาพทางกายของตัวเองย่ำแย่อย่างมาก ไม่มียาตันหรือสมุนไพรที่จะช่วยในการฝึกฝน ความคืบหน้าจึงล่าช้าอย่างยิ่ง

 

"วิชายุทธมีทั้งหมด9สวรรค์(นวสวรรค์) เอกาสวรรค์จนถึงตรีสวรรค์ส่วนใหญ่จะเสริมความแข็งแกร่งต่อร่างกายและเลือดเนื้อ สรรค์สร้างเจินชี่ ในขั้นตอนนี้ จะถูกเรียกว่าจอมยุทธิ์; จตุสวรรค์จนถึงฉะสวรรค์ จะมีการขยายจุดชีพจร เปลี่ยนปราณถ่องแท้เป็นสสารถ่องแท้ ในขั้นตอนนี้ เรียกว่า นักพรตวิชายุทธิ์ และขั้นสุดท้าย สัตตะสวรรค์ถึงนวสวรรค์ ช่วงเวลานี้ สสารถ่องแท้แปรเปลี่ยนเป็นร่างโปร่งแสง หายตัวไปสังหารคน ทักษะอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ เรียกว่า ปรมาจารย์ยุทธิ์ "

 

หลินหานบ่นพึมพำกับตัวเอง ตวงตาของหนุ่มตัวน้อยแสดงความปรารถนา

 

เมื่อไหร่กันนะ ที่ข้าจะสามารถก้าวสู่ระดับปรมาจารย์ยุทธิ์ ที่มีในตำนาน?

 

"เจ้าสวะจากตระกูลสาขา เหตุใดในวันนี้ถึงได้มาเช้าตรู่ขนาดนี้?"

 

"มาเช้าตรู่ก็ไร้ประโยชน์ มันยังคิดว่าตัวเองยังเป็นอัจฉริยะในตระกูลสาขาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ? ก็เป็นแค่มดตัวเล็ก ๆที่มีพรสวรรค์ไร้ค่า "

 

"จริง พรสวรรค์ดาดๆ ไม่มียาหลิงยาตันมาช่วยฝึกฝน ต่อให้พยายามอีกร้อยปี ก็ไม่อาจทลายขอบเขตได้."

 

ในเวลานี้ มีเสียงเยาะเย้ยดังขึ้น พร้อมกับกลุ่มชายหนุ่มและหญิงสาวที่เดินมาไม่ไกลนัก พวกเขาสวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดสะอ้าน ตรงกันข้ามกับเสื้อสีเขียวเข้มของหลินหาน

 

คนเหล่านี้เป็นศิษย์นตระกูลหลักของสำนักตระกูลหลิน พวกเขารู้สึกเหนือกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหานที่เป็นคนจากตระกูลสาขา

 

สำหรับหลินหานที่เป็นคนไร้ค่า เหล่าศิษย์ตระกูลหลักเหล่านี้มักจะพูดจาไม่ให้เกียรติ พวกเขาก็สนุกกับดูแคลนหลินหาน ช่วยผ่อนคลายการฝึกฝนที่น่าเบื่อของทั้งวัน

 

แต่วันนี้หลินหานแสดงสีหน้าเยือกเย็น แต่กลับทำให้บรรดาศิษย์ตระกูลหลักรู้สึกขุ่นเคือง

 

เจ้าสวะนี้ไม่คู่ควรกับพวกเขา ยังกล้าที่จะแสดงสีหน้าเย็นชาต่อพวกเขา?

 

บังอาจอย่างใหญ่หลวง!

 

"หลินหาน เจ้าบอกว่าตัวเจ้ากำลังทลายสู่ทวิสวรรค์ไม่ใช่หรือ? ทำไม ลองมาประมือกับข้าหน่อยไหม!" เสียงพูดกระแทกแดกดันดังขึ้นทันที

 

ครู่ต่อมา ร่างกายแข็งแรงกำยำราวกับหอเหล็ก มาอยู่ขวางหน้าหลินหาน

 

หลินสือ?

 

เป็นเจ้านี่อีกแล้ว!

 

ดวงตาของหลินหานมีความเย็นชา หลินสือคนนี้เป็นบุตรหลานตระกูลหลักคนหนึ่งที่รังแกเขามากที่สุด

 

"น่าชิงชังนัก! เจ้าหลินสือนี้ก็เป็นเพียงศิษย์ตระกูลหลักภายนอกที่อ่อนแอที่สุด มีพลังในขอบเขตทวิสวรรค์ แต่สามารถโจมตีข้าจนไม่สามารถต้านทานได้ ข้าต้องการทลายขอบเขตให้เร็วที่สุด ข้าจำเป็นต้องมีพลัง!"

 

หลินหานครุ่นคิดในหัวใจ ดวงตาของเขากระพริบอย่างไม่ยินยอม

 

แต่หลินหานก็รู้ได้อย่างชัดเจนว่า ตอนนี้เขาควรเลือกที่จะอดทน มิฉะนั้น เขาจะต้องโดนหลินสืออัดจนเป็นอัมพาตครึ่งซีกอย่างแน่นอน

 

"ฮ่าฮ่า หลินสือ รังแกคนไร้ค่าหนึ่งคนสนุกนักหรือ? "

 

"ประลองกับเจ้า? หลินสือ หนึ่งหมัดเจ้าคงจัดการไอ้หนูนี่ได้สินะ"

 

ตอนนี้ เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้น

 

"หนึ่งหมัด?"

 

หลินหานพึมพำคำ ๆในใจอย่างเงียบ ๆ แล้วกล่าวว่า :. "วันนี้ข้าฝึกฝนจนเหนื่อยเกินไป ตอนนี้ไม่มีพลังแม้เพียงเล็กน้อย รอไม่กี่วัน ข้าจะประลองกับเจ้า."

 

"ดีนี่ เจ้าพูดเองนะ!"

 

หลินสือแทบจะไม่คาดคิดว่าหลินหานจะตอบตกลงที่จะประลองกับเขา  เขาหัวเราะเสียงดังลั่น ดวงตาประกายความโหดร้าย จ้องมองด้านหลังของหลินหานที่กำลังเดินออกไป กล่าวว่า "เจ้าหนู ข้าจะรอ อีกสามวันหลังจากนี้ หากเจ้าไม่กล้ามา ข้าจะไปหาเจ้าด้วยตัวเอง!

 

ไปหาเจ้าตัวตัวเอง?

 

หลินหานสื่อความเย็นยะเยือกในดวงตา เห็นได้ชัดว่าหลินสือไม่ชอบขี้หน้าเขา เลยหาข้ออ้างที่จะอัดเขาสักยก

 

"สามวัน? เจ้าไร้ค่าจากตระกูลสาขานั่นตายแน่ ๆ!"

 

"ฮ่า ๆ เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็อยากจะดูว่าหลินสือจะจัดการเจ้านั่นให้หมอบราบพื้นด้วยหมัดเดียวได้อย่างไร ต้องเป็นที่น่าสนใจมาก."

 

"เจ้าคนจากตระกูลสาขาคนนี้ ไม่ประมาณตนจริง ๆ กล้าตอบตกลงนัดท้าประลองกับศิษย์สายเลือดตรง"

 

"เจ้านั่นคงเละไม่มีชิ้นดี ... "

 

ครานี้ เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นจากข้างหลัง ในสายตาของหลินหานสื่อความโกรธเกรี้ยว กำหมัดแน่นจนเล็บของเขาเจาะเนื้อ เลือดไหลออกมา

 

"ข้าไม่ยินยอม! ข้าไม่ยินยอม ... "

 

หลินหานวิ่งออกจากเรือนตระกูลหลิน มาถึงถิ่นทุรกันดารนอกเมืองต้วนเทียน

 

ทุก ๆ ความเศร้าโศกในหนึ่งปีที่ผ่านมา ขณะนี้ราวกับว่าทันจะระเบิดออกมา เขาเกลียดตัวเองที่มีความสามารถและคุณสมบัติอันน้อยนิด เกลียดตัวเองที่มักจะถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง เกลียดตัวเองที่ไร้พลังจนไม่สามารถเปลี่ยนทุกอย่าง ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง เกลียดชังสวรรค์ที่มองข้าม......

 

ซัวลา!

 

ไม่รู้ว่าทำไม เวลานี้ท้องฟ้ามีเมฆมืดครึ้ม ฟ้าร้องคำราม สายฟ้าสีทองแปลกประหลาดจากฟากฟ้าที่ไกลโพ้นตัดผ่านลงมา เฉกเช่นแม่น้ำทอแสง ฟาดลงมาสู่แผ่นดิน

 

"อ้า ......"

 

จากนั้น หลินหานที่อยู่ตรงชายแดนที่ทรุดตัว มองเห็นแสงสีทองเส้นนั้นได้ทันท่วงที มันสาดส่องจากฟากฟ้า พุ่งสู่ศีรษะของเขา เขาส่งเสียงร้องครวญ ก่อนที่สติจะเลือนหายไป มีเขาฉุกคิดได้อย่างหนึ่ง  "หรือข้าด่ารุนแรงเกินไป? มันจบสิ้นแล้ว สวรรค์ลงทัณฑ์ ... "”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด