ซัพที่16: ยาเคลื่อนดาราลวงโลกมาแล้ว!
ซัพที่16: ยาเคลื่อนดาราลวงโลกมาแล้ว!
จินหลงนั่งใช้ตะเกียบคีบกับข้าวเข้าปาก ดวงตาคู่น้อยจับจ้องที่ท่านหมอทั้งสอง ราวกับกำลังดูซีรีส์ระหว่างกินข้าว
เจียงสงเงยหน้ามองเมิ่งชงหยวนที่ยังคงนิ่ง ไม่ตอบอะไร
“เจ้าจะบอกให้ข้าปรุงยาเคลื่อนดาราตอนนี้งั้นหรือ?” เมิ่งชงหยวนจงใจพูดเสียงดังกว่าเดิม เพื่อให้จินหลงได้ยิน แต่เจ้าตัวแสบยังคงไม่สะทกสะท้าน ไม่คิดช่วยอีกฝ่ายแก้สถานการณ์แม้แต่น้อย
“ข้าเองก็มิได้จะเร่งท่านหมอเมิ่งถึงเพียงนั้น เพียงแต่อยากให้องค์ชายมีพระอาการดีขึ้นโดยเร็ว” จินหลงอมยิ้ม อยากจะหัวเราะให้ฟันน้ำนมหลุด
ฮ่าๆๆ อยากให้ข้าหายดีหรือเขี่ยเมิ่งชงหยวนออกไปกันแน่
ดีนะที่หมอกำมะลอมาเล่าเรื่องให้ข้าฟังก่อน มิเช่นนั้นคงดูซีรีส์เรื่องนี้ไม่สนุกนัก ฮุๆ
“เห็นท่านหมอเมิ่งเงียบเช่นนี้ คงมิใช่ว่ายานั่นเป็นเรื่องเท็จหรอกนะ” หมอหลวงแสยะยิ้ม คิดว่าตนจี้ถูกจุด เมิ่งชงหยวนจึงเผยยิ้ม
ก็เรื่องเท็จน่ะสิโว้ยยย ยาบ้าๆ แบบนั้นใครจะไปทำได้ล่ะ!
“เหอะ ใครจะกล้าบังอาจหลอกลวงฝ่าบาทเพียงนั้น” เสียงเล็กๆ ของเจียงสงดังขึ้น ทำเอาสองผู้รวมหัวหลอกลวงเบื้องสูงถึงกับสะดุ้ง
“คุณชายอู๋จะบอกว่าท่านหมอเมิ่งชงหยวนสามารถปรุงยาเคลื่อนดาราได้งั้นหรือ?” เมิ่งชงหยวนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หันไปมองทางจินหลงที่ยักไหล่ไม่สนใจ
“ข้าล่ะไม่คิดเลยว่าท่านหมอหลวงผู้นี้จะมีจิตใจอำมหิตเพียงนี้ ตัวข้านั้นถูกโบยเจียนตายจนมิอาจเดินได้ แต่ท่านกลับต้องการให้ข้าปรุงยาสำคัญให้องค์ชายโดยมิห่วงอาการของข้าสักนิด” ท่านหมอเมิ่งแสร้งทำตัวน่าสงสาร
“ท่านหมอเมิ่งก็พูดเกินไป ข้าเห็นท่านยังใช้ไม้เท้าพยุงเดินได้อยู่เลย แปลว่าอาการของท่านมิได้เลวร้ายถึงเพียงนั้น หากข้าเป็นท่าน คงไม่ปล่อยให้อาการคนไข้กินเวลาแน่” วาจาเฉียดเฉือนของหมอหลวง ทำให้เมิ่งชงหยวนกำหมัด
“ตัวข้าแม้จะเป็นหมอเร่ร่อน ไม่ได้สูงศักดิ์เทียบท่าน แต่จรรยาบรรณข้าไม่มีวันน้อยหน้าใคร ตระกูลของข้าเป็นหมอมาหลายชั่วอายุคนไม่มีวันที่จะทอดทิ้งคนไข้” สีหน้าของเมิ่งชงหยวนเคร่งขึ้น บรรยากาศรอบกายเปลี่ยนไป
ถ้าองค์ชายน้อยป่วยจริง ป่านนี้เขารักษาไปนานแล้ว! แต่นี่ป่วยการเมือง เขาจะรักษาทำมะเขืออะไร!
“ถ้าท่านผู้เช่นนั้นแล้ว...” หมอหลวงผายมือไปทางองค์ชายน้อย เป็นสัญญาณให้เมิ่งชงหยวนเริ่มการปรุงยา
“ได้ ข้าจะไปปรุงยาเคลื่อนดาราตามที่เจ้าต้องการ” เมิ่งชงหยวนประกาศกร้าว ก่อนจะใช้ไม้เท้าช่วยเดินกระโหยกกระเหยกไปทางจินหลง ค่อยๆ คุกเข่าทนรับอาการเจ็บบั้นท้าย ก่อนจะยกมือขึ้นคำนับ
“ทูลองค์ชาย กระหม่อมเมิ่งชงหยวน จะถวายการรักษาให้พระองค์สุดความสามารถ พระองค์จะต้องมีพระอาการดีขึ้นเร็ววันแน่พะยะค่ะ” จินหลงกระพริบตาปริบๆ มือน้อยๆ เอื้อมไปหยิบหน่องไก่เขก ไปบนหัวเมิ่งชงหยวนไม่ยั้ง
“เห้ย!”
“องค์ชาย!” ซูเม่ยที่คอยรับใช้อยู่ด้านข้างตกใจ ไม่ต่างจากเจียงสงและหมอหลวงที่ตะลึง
มาดเท่ๆ ของท่านหมอหายหมด!
เจียงสงคิดในใจ มองท่านหมอโดนองค์ชายน้อยใช้น่องไก่เขกหัวรัวๆ ไม่ยอมหยุด
“โอ้ยๆ องค์ชาย พระองค์จะตีข้าทำไม!” เมิ่งชงหยวนรีบถอยออกมา เงยหน้ามองสีหน้าองค์ชายน้อย จินหลงแยกเขี้ยว
ทำไมไปตอบรับโดยไม่ถามข้าก่อนหะ!
สายตาของจินหลงสื่อทุกสิ่งอย่างเด่นชัด ท่านหมอจึงจ้องตาองค์ชายน้อยตอบ
ข้ามองท่านขอความช่วยเหลือตั้งเท่าไรแล้ว!
จินหลงพองแก้ม ถลึงตาใส่อีกฝ่าย
แล้วใช่ว่าเจ้าจะตอบรับคำได้ทันทีหรือ!
ราวกับมีสายฟ้าแล่นผ่านดวงตาทั้งสอง จินหลงถอนหายใจ วางน่องไก่แยกไว้อีกจาน ก่อนจะหันไปมองท่านหมอด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
เอาเถอะ เอาก็เอา!
ท่านหมอเมิ่งตาพราว ลุกขึ้นตีมาดขรึมหันไปมองหน้าหมอหลวง
“ก่อนจะปรุงยา ข้าจำต้องตรวจพระอาการขององค์ชายอย่างถี่ถ้วน พวกเจ้าออกไปกันก่อนเถิด” เมิ่งชงหยวนเอ่ยปากไล่ ท่านหมอหลวงหัวเราะในลำคอ
“ดี ข้าจะได้ไปทูลฝ่าบาท ว่าท่านกำลังจะปรุงยาเคลื่อนดาราให้องค์ชายแล้ว” เมิ่งชงหยวนเลิกคิ้ว ไม่สะท้านกับวาจา
“เชิญท่านหมอหลวงทำตามที่ต้องการเถิด ซูเม่ย เจ้าให้คนไปขนสมุนไพรทุกชนิดจากสำนักหมอหลวงมาที่ห้องข้าที อย่างละกำพอ” ซูเม่ยฉงน
“เหตุใดท่านหมอไม่ให้ข้านำมาแต่ที่จำเป็นล่ะเจ้าคะ อีกอย่างท่านไปปรุงที่สำนักหมอก็ได้นี่ ไม่มีเหตุต้องขนมา” เมิ่งชงหยวนเข่นเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเหลือบตาไปมองหมอหลวง
“เพราะยาสูตรนี้เป็นยาที่ข้าคิดค้น หากเล็ดหลุดไปคงแย่นัก อีกอย่างอุปกรณ์ที่ข้าใช้ก็ล้วนอยู่ที่นี่” หมอหลวงฉุนจัดที่โดนเมิ่งชงหยวนกล่าวหาว่าคิดขโมยสูตรยา
“ฮึ! ข้าจะคอยดู” เขาหันหลังเดินจากไป เจียงสงหันมามองเมิ่งชงหยวนที่ยิ้มสะใจ
“ให้ข้าช่วยอะไรไหม?” เจียงสงถาม
“ไม่ต้องหรอกคุณชาย การปรุงยาเคลื่อนดารานั้นง่ายนิดเดียว” เมิ่งชงหยวนกล่าว ขณะนางกำนัลคนอื่นเก็บจาน
ไม่นานนักจึงเหลือเพียงจินหลงและท่านหมอเมิ่ง จินหลงนั่งเท้าคาง มองท่านหมอที่ยิ้มร่า
“แล้ว... ข้าต้องทำไงต่อ” จินหลงถามเมิ่งชงหยวนที่กินยาลดอาการเจ็บที่บั้นท้าย
“พระองค์ก็แค่กินยานั่นเข้าไป แล้วก็บ้าให้มันน้อยลงแค่นั้นเอง” เจ้าตัวแสบกลอกตา
“พูดมันง่าย! ทำมันยาก เจ้าก็เห็นแล้วนี่ว่าก่อนเจ้ามาข้าใช้วิธีเพ้อถึงเสี่ยวเหม่ย แต่พอเจ้ามา เจ้าก็ให้ข้าบ้าน้อยลง ตอนนี้ถ้าเปลี่ยนวิธีพูด ข้าก็ไม่ต่างจากเด็กทั่วไปแล้ว” ร่างเล็กโวยวาย
“งั้นท่านก็หายดีเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยแกล้งบ้า” เมิ่งชงหยวนย้อน
“จะบ้าหรือไง ข้ายังไม่หลุดจากตัวเก็งตำแหน่งรัชทายาทเลยนะ!” จินหลงเริ่มปวดหัว
“เช่นนั้นพระองค์ก็เลิกแกล้งบ้าแล้วพูดเรื่องนั้นไปสิ” คิ้วน้อยๆ ขมวดเข้าหากัน
“ความจริงอะไร?” เจ้าตัวเล็กไม่เข้าใจ
“ก็เรื่องที่พระองค์หลอกข้าว่าชาติก่อนเป็นอดีตฮ่องเต้อะไรนี่ไง” จินหลงตาโต นึกขึ้นได้
“จริงสิ สำหรับพวกเจ้าเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนี่...เอ้ะ.. แต่เรื่องนี้ข้าไม่ได้หลอกเจ้านะเห้ย!” องค์ชายน้อยดึงดัน เมิ่งชงหยวนโบกมือปัดๆ
“ให้ตายข้าก็ไม่เชื่อ ถ้าท่านไม่คิดบอกความจริงข้าก็ไม่คิดฟัง..หรือท่านบ้าจริง?” ประโยคท้ายคู่กับสีหน้าจริงจังของท่านหมอพร้อมแววตาที่เค้นถาม ทำเอาจินหลงแทบอยากหาอะไรฟาดหัวท่านหมออีกรอบ
“ข้าพูดความจริงท่านก็หาว่าข้าบ้า เรื่องนี้ข้าอุตส่าห์ปิดเป็นความลับมาตั้งนาน” จินหลงเบะปาก เมิ่งชงหยวนพยักหน้าหงึกหงัก
“ดี เช่นนั้นพระองค์ก็กลับเป็นปกติ แล้วเลิกปิดเรื่องนั้น” ท่านหมอไม่คิดว่าจินหลงพูดความจริง ก่อนเขาจะเอ่ยเพิ่มว่า
“หรือพระองค์อยากให้ข้าปรุงยาเพื่อช่วยให้หายจากอาการนี้ก็ได้นะ” จินหลงแยกเขี้ยว
“แล้วยาที่เจ้าจะปรุงให้ข้านี่ ยาอะไร?” เมิ่งชงหยวนยิ้มแป้น
“พระองค์รอดูแล้วกัน”
“เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ?! ท่านหมอจะปรุงยาให้จินหลงแล้วงั้นหรือ!” กุ้ยเฟยมารดาแท้ๆ ของจินหลงและเหวินหลงที่นั่งอยู่ในเกี้ยวร้องตกตะลึง เมื่อครู่ระหว่างที่นางกำลังจะเดินทางออกจากวังหลังเพราะได้ข่าวว่าจินหลงป่วยไข้ กลับมีนางกำนัลคนหนึ่งมาทูลรายงาน ว่าองค์ชายสี่หายเป็นปลิดทิ้งหลังได้ยาท่านหมอเมิ่งไปคืนหนึ่ง และยังทราบข่าวว่าท่านหมอเทวดาคนนี้กำลังปรุงยาเคลื่อนดาราเพื่อมอบให้องค์ชายอีกด้วย
“เพคะกุ้ยเฟย” นางกำนัลยืนยัน กุ้ยเฟยมีท่าทางโล่งใจและยินดี พระนางหันไปทางเหวินหลงที่มีสีหน้าไม่พอใจนัก
“เหวินหลง เจ้าได้ยินไหม น้องสี่เจ้ากำลังจะได้รับการรักษาแล้ว แม่ล่ะดีใจนัก หากอาการของจินหลงดีขึ้นใกล้เคียงกับปกติ บัลลังก์คงไม่แคล้วตกอยู่ในมือพวกเจ้า” เหวินหลงกำหมัด ฝืนยิ้ม
“พะยะค่ะเสด็จแม่ หม่อมฉันเองก็ยินดียิ่งนัก” ทำไม! ทำไมเจ้าเด็กนั่นยังต้องกลับมา! ทำไมมันไม่ตายๆ ไปซะ!
“เร็วเข้า รีบไปเร็ว ข้าทนรอไม่ไหวแล้ว” พระนางเร่งทหารที่ยกเกี้ยว โดยไม่ได้สนใจสีหน้าของลูกน้อยอีกคนแม้แต่น้อย
ด้านฮ่องเต้ หลังได้ยินว่าเมิ่งชงหยวนจะปรุงยา ก็เร่งรีบมายังเรือนรับรองทันที โดยทิ้งฎีกาไว้ด้านหลัง ตอนนี้พระองค์เต็มไปด้วยความหวัง ว่าจะได้เห็นองค์ชายน้อยกลับเป็นปกติ
เมิ่งชงหยวนมิได้รู้สึกเครียดหรือกดดันแม้แต่น้อยแม้ฮ่องเต้จะเสด็จมาด้วยองค์เองอย่างไรเสียองค์ชายน้อยก็มิได้ป่วยริง ทั้งพวกเขายังตกลงกันเสียดิบดี
เมิหลังสมุนไพรที่นางกำนัลนำมาครบถ้วนหมดแล้ว เมิ่งชงหยวนจึงตั้งหม้อยา และนำเครและนำน้ำตาลลงเคี่ยวพักหนึ่งจนเหลว เขานำน้ำตาลพวกนั้นปั้นเป็นก้อน และรอให้แห้งสนิท ท่านหมอมองน้ำตาลก้อนสีขุ่นในมือด้วยรอยยิ้ม เขานำมันไปกลิ้งบนน้ำตาลในหม้อ แล้วจึงแปะกลีบดอกไม้ลงบนน้ำตาลก้อน พร้อมดวงผงทองคำเปลวที่พกมากับตัว รอให้ผงและกลีบดอกไม้ติดดี
ระหว่างนั้นเมิ่งชงหยวนจึงสุ่มหยิบสมุนไพรมาต้มอีกหม้อ ก่อนจะเทมันออกนอกหน้าต่าง เขาเชื่อว่าหลังการรักษาองค์ชาย จักต้องมีใครนำยาเหล่านี้ไปชั่ง เพื่อขโมยสูตรยาของเขาแน่ เมื่อน้ำตาลก้อนแห้งอีกครั้ง เมิ่งชงหยวนจึงนำยานอนหลับชนิดรุนแรงไปเคี่ยวกับน้ำตาล ก่อนจะเคลือบมันลงบนก้อนน้ำตาลให้เงางาม
“ฮุๆ สวยงามเลิศเลอดีแท้” ท่านหมอมองผลงานล้ำค่าบนโต๊ะระหว่างรอให้มันแห้ง เมิ่งชงหยวนหยิบจานมาจัดแต่งด้วยสมุนไพรอื่นๆ เพื่อให้ดูขลังและน่าเชื่อถือขึ้น เมื่อน้ำตาลก้อนผสมยานอนหลับสำเร็จ เขาจึงวางมันลงบนจาน ก่อนจะยกมันขึ้น และนำไปมอบให้องค์ชายน้อยนอกห้อง
ทว่าเมื่อเปิดประตูออกก็ต้องตะลึง ไม่คิดว่าจะพบผู้คนมากถึงเพียงนี้ นอกจากฮ่องเต้ที่นั่งอยู่ด้านหน้ากับกุ้ยเฟยที่มีจินหลงอยู่บนตักแล้วแล้ว ยังมีองค์ชายรองนั่งอยู่ด้านขวา และหมอหลวงมากหน้าหลายตาที่ยืนอยู่ด้านหลัง หมอหลวงผู้ที่หาเรื่องเมิ่งชงหยวนยิ้มเยาะ ไม่คิดว่ายาเคลื่อนดารานั้นมีจริง
“ยาเม็ดนั้นเสร็จแล้วหรือ?” ฮ่องเต้ทูลถาม
“พะยะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมได้ปรุงยาเคลื่อนดาราเสร็จสมบูรณ์ ทว่ายาเม็ดนี้ไม่อาจให้ผู้ใดตรวจสอบได้ เพราะเป็นสูตรยาลับที่มิอาจแพร่งพราย” เมิ่งชงหยวนดักคอไม่ให้เหล่าหมอหลวงได้ตรวจพิษ พลันหมอหลวงที่หาเรื่องเมิ่งชงหยวนจึงก้าวขึ้นมาตรงหน้าฮ่องเต้และกุ้ยเฟย
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าหากยานี่ไม่อาจตรวจสอบได้ ก็มิควรให้องค์ชายได้เสวยพะยะค่ะ ไม่แน่ยานี่อาจมีพิษก็เป็นได้” เขาหวังโน้มน้าวพระทัยฮ่องเต้
“เจ้าน่ะ ชื่ออะไร?” ฮ่องเต้หันไปถามหมอหลวงที่เข้ามารายงาน
“กระหม่อมชื่อ อุยไท่จิ้ง พะยะค่ะ” หมอหลวงอุยเอ่ย
“ที่หมอหลวงอุยพูดก็นับว่าจริง ท่านหมอเมิ่ง ท่านมีวิธีอันใดเพื่อพิสูจน์ยาเม็ดนี้หรือไม่” จินหลงเองก็รอฟังคำตอบ แม้ต่อให้กินยาพิษเข้าไป เขาก็ไม่มีทางตายได้
“ทูลฝ่าบาท ยาเม็ดนี้มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง มิอาจใช้เข็มเงินตรวจสอบได้ ทั้งยังไม่อาจโดนน้ำหรืออะไรได้มิเช่นนั้นตัวยาคงไร้ฤทธิ์ กระหม่อมมีเพียงความซื่อสัตย์ที่มีต่อองค์ชายเท่านั้น ที่จักนำมารับรองได้” เมิ่งชงหยวนเอ่ย จินหลงได้ฟังก็นึกอยากอาเจียน
ซื่อสัตย์ต่อข้าเนี่ยนะ?!
ท่าทางคิดหนักของฮ่องเต้ ทำให้เจียงสงต้องออกมาทูลบ้าง
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมดูแลองค์ชายมานาน จึงได้รู้จักท่านหมอเมิ่ง กระหม่อมคิดว่าหากท่านหมอเมิ่งคิดวางยาองค์ชาย ย่อมมีโอกาสทำมิน้อย ไม่มีเหตุผลอันใดที่ท่านหมอจะวางยา” เจียงสงไม่ยอมแพ้ออกมาออกหน้าบ้าง แววตาของคุณชายอู๋เจียงสงนั้น ล้วนมีแต่ความไม่ชอบใจหมอหลวงคนนี้
“ซูเม่ย เจ้าเป็นหัวหน้านางกำนัลขององค์ชาย คิดเห็นเช่นไรบ้าง” ฮ่องเต้หันไปถามซูเม่ย นางจึงก้าวออกมายกมือคำนับ
“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็คิดว่าท่านหมอเมิ่งไม่มีทางทำร้ายองค์ชายสี่ได้เพคะ ตลอดเวลาที่หม่อมฉันถูกย้ายมารับใช้องค์ชายสี่ ความสัมพันธ์ขององค์ชายสี่ ท่านหมอเมิ่ง และคุณชายอู๋เปรียบดั่งพี่น้อง หม่อมฉันไม่คิดว่าท่านหมอจะลงมือกับองค์ชายได้เพคะ” เจ้าของชื่อทั้งสามกระพริบตาปริบๆ หันไปมองหน้ากันไปมา
เหมือนตรงไหน!!!
“ซูเม่ย เจ้าก็กล่าวเกินจริงไป ข้ามิบังอาจรู้สึกกับองค์ชายเช่นนั้นหรอก” ท่านหมอฝืนยิ้ม
“ไม่หรอกท่านหมอ ท่านมักเป็นห่วงเป็นใยคอยดูแลองค์ชาย ช่างดูราวกับพี่ชายที่เอ็นดูน้อยเล็กนัก ส่วนคุณชายอู๋เองก็คอยดุท่าน ไม่ให้ตามใจองค์ชายมากจนเกินไป” ซูเม่ยรายงานตามจริง ฮ่องเต้จึงหันไปทางจินหลงที่ทำหน้าเหล๋อหลา
“จริงหรือไม่จินเอ๋อร์” จินหลงกระพริบตาปริบๆ
เอาไงดีวะเนี่ย!
“คุงชัยอู๋เปงพรี่ชั่ยยย ทั่นหมอว์เองก็เปงพรี่ชั่ยยย ทู๊กๆ โคนเปงพรี่ชั่ยยย” ครั้งนี้เป็นฝ่ายฮ่องเต้และกุ้ยเฟยที่ต้องงุนงง คุณชายอู๋ถอนหายใจ ก่อนกล่าวว่า
“ท่านหมอ ได้โปรดแปลสิ่งที่องค์ชายเอ่ยด้วย” เจียงสงมีท่าทางอ่อนใจ
“องค์ชายทรงเอ่ยว่า คุณชายอู๋เป็นพี่ชาย ท่านหมอเองก็เป็นพี่ชาย ทุกๆ คนเป็นพี่ชาย พะยะค่ะ” เมิ่งชงหยวนยิ้มแหยๆ นึกอยากยัดยาเม็ดนี้ใส่ปากจินหลง จะได้เลิกพูดภาษาวิบัติแปร่งๆ นี่เสียที ฮ่องเต้ส่งสัญญาณให้ขันทีไปนำยามาจากเมิ่งชงหยวน
เมื่อยาถึงมือฝ่าบาท รูปโฉมที่งดงามของมันทำให้ทุกคนตกตะลึง แม้แต่จินหลงเองก็อดหันไปมองหน้าเมิ่งชงหยวนไม่ได้
มิน่าผู้คนถึงได้เชื่อถือเจ้าหมอคนนี้นัก! สร้างภาพได้เก่งเสียจริง
“งดงาม งดงามยิ่งนัก ข้ามิเคยเห็นยาใดงดงามเช่นนี้มาก่อน” กุ้ยเฟยมองมันราวกับอัญมณีล้ำค่า
“หากเป็นยานี่ คงรักษาจินเอ๋อร์ให้หายดีได้สินะ” ฮ่องเต้เอ่ย ก่อนจะหยิบมันอย่างเบามือ และยื่นไปที่ปากขององค์ชายน้อย
“จินเอ๋อร์ เจ้ากินนี่สิ กินแล้วจะได้หายดี กลับมาช่วยพ่อได้อีกครั้ง” จินหลงเหลือบมองเมิ่งชงหยวน เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายปรุงยาอะไรมาให้ แต่คงไม่มีพิษมีภัย
องค์ชายน้อยอ้าปากรับยาที่เสด็จพ่อป้อน รสสัมผัสของมันทำให้เจ้าตัวน้อยมั่นใจได้ทันที
เจ้าหมอกำมะลอนี่ทำน้ำตาลก้อน!!
จินหลงกลิ้งยาในปากไปมา ก่อนเขาจะเริ่มรู้สึกง่วงจนเริ่มสัปหงก จึงรู้ได้ทันทีว่าถูกวางยานอนหลับอีกแล้ว
ข้า..ข้าตื่นมา..เจ้าโ..ด..น..แน่...
“จินหลง/จินเอ๋อร์!” ฮ่องเต้และกุ้ยเฟยร้องตกใจที่จู่ๆ จินหลงก็หลับไป ทุกคนหันมามองเมิ่งชงหยวนอย่างตื่นตะลึง ท่านหมอจึงต้องอธิบาย
“ทูลฝ่าบาท องค์ชายเพียงหลับไปเพราะฤทธิ์ยา ตื่นขึ้นมาเมื่อไร พระอาการของพระองค์จะดีขึ้นพะยะค่ะ”