ตอนที่แล้วบทที่ 8 เจ้าเมืองรีโอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 เมดสาวกับห้องน้ำ

บทที่ 9 คนที่ถูกลืม


บทที่ 9 คนที่ถูกลืม

ณ อาคารสำนักงานกองกำลังทหารประจำเมืองรีโอ ที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง มันโดดเด่นกว่าสถานที่อื่นด้วยธงสีแดงผืนใหญ่ขลิบสีทองอร่าม ลวดลายตรงกลางเป็นหัวหมาป่า ตัวธงยาวทิ้งตัวลงมาจากด้านบนสุดของอาคารสูงสามชั้นถึงด้านบนประตูทางเข้าชั้นล่างสุด และด้านหน้าอาคารมีรูปปั้นวัลคีรี่สยายปีกชูดาบขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสง่างามตั้งอยู่

แม้ยามปกติจะเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าทหารและอัศวิน ทว่าวันนี้ดันมีทหารและอัศวินอยู่กันอย่างโหรงเหรง เหตุเพราะเมื่อวานเย็นมีการบุกทำลายวิหารลับระดับกลางของเทพแห่งความมืดที่แฝงตัวอยู่ในเมือง จึงต้องออกไปทำงานนอกสถานที่กันเกือบ 90 เปอเซ็นต์

ในห้องแห่งหนึ่งของสำนักงานกองกำลังทหารประจำเมือง ผนังทั้ง 4 ด้านถูกสร้างด้วยหินสีเทาดำหน้าตัดเรียบวางซ้อนกันเป็นชั้น ดั่งเช่นอิฐบล็อก แต่เฟอร์นิเจอร์ด้านในกลับมีเพียงแค่โต๊ะไม้ขนาดกลางหนึ่งตัว และเก้าอี้ไม้สองตัวที่ผมและชาล็อตกำลังนั่งประจันหน้ากันอยู่ ด้านหลังของชาล็อตมีอัศวินหนุ่มทั้งสองคนยืนประกบไม่ห่าง ถ้าผมจำไม่ผิดพวกเขาคืออัศวินสองคนที่ลงไปช่วยชาล็อตเมื่อวาน นอกจากนั้นด้านหลังผมก็มีอัศวินสาวผมแดงในชุดเกราะหนักยืนเฝ้าอยู่ตรงประตูทางออกเช่นกัน

นี่มันอย่างกับห้องสืบสวนในหนังสายลับแบบย้อนยุคชัด ๆ ถึงเมื่อกี้จะได้กระเป๋าเป้คืนมา แต่บรรยากาศรอบ ๆ ก็ทำให้กระผมนายภาวินกำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ต่อหน้าท่านเจ้าเมืองคนใหม่ที่พึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันนี้ ‘ไวเคานต์ ชาล็อต วินเชสเตอร์’

“ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน เพื่อที่ อย่างน้อยที่สุด ในลิบบอนแลนด์จะต้องไม่เหลือวิหารเทพแห่งความมืดอีกต่อไป...” ชาล็อตพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง คิดว่าการที่เธอโดนลักพาตัวไป 4-5 ครั้งเธอไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างนั้นหรือ การที่เมื่อวานเธอดูนิ่งและไม่ทุกข์ร้อนดังสาว ๆ คนอื่นนั้นเป็นเพราะเธอชินชากับมัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่คิดเจ็บแค้นใจ เธอเจ็บแค้นใจยิ่งกว่าใคร เธอรับไม่ได้หากมีวิหารเทพแห่งความมืดอยู่ใกล้ ๆ ความหวาดกลัวในครั้งแรกที่โดนสาวกวิหารเทพแห่งความมืดลักพาตัวไปยังคงไม่ลืมเลือน

“เอิ่ม ผมไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากแค่ไหน แต่จะพยายามแล้วกันครับ” ตัวผมส่งยิ้มอันแห้งแล้งกลับไปให้เธอ เอาน่า ใจเย็นไว้ไอ้ภา คิดในแง่ดีมันอาจจะช่วยเรียกเรตติ้งของช่องก็ได้ใครจะรู้ ยังไงงานนี้ก็ไม่ได้ตายจริงอยู่แล้ว

ชาล็อตที่ได้ยินคำตอบของผมก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ“ขอบคุณค่ะ ท่านภา”

ตึกตัก ๆ ๆ ทะ...ที่ตอบตกลงเพราะมันดีต่อการไลฟ์สตรีมต่างหาก ไม่ใช่เพราะชาล็อตขอเลยจริง ๆ นะ!

แต่จู่ ๆ หลังตอบตกลงไปได้ไม่กี่วิ หน้าจอโฮโลแกรมก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าผมอย่างรวดเร็ว จนเกือบเผลอหงายหลังตกเก้าอี้ อะไรวะเนี่ย!

....

[ช่วยเหลือเจ้าเมืองคนใหม่]

ระดับความยาก S

เจ้าเมืองคนใหม่นามว่า 'ชาล็อต' เธอเป็นหญิงสาวสายเลือดชนชั้นสูงผู้น่านับถือ เธองดงามและถือพรหมจรรย์ จากเหตุการณ์เมื่อวานเธอมองเห็นศักยภาพภายในตัวท่านและสหาย จงตามหาและกำจัดวิหารแห่งความมืดทั้งหมดภายในเมืองลิบบอนแลนด์

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ช่วยเหลือชาล็อตกำจัดวิหารแห่งความมืดให้หมดไปจากเมืองลิบบอนแลนด์ ระยะเวลา 30 วัน

ของรางวัลภารกิจ : พลังพิเศษ , ของขวัญปริศนาจากเจ้าเมืองคนใหม่

บทลงโทษหากภารกิจล้มเหลว : ระยะเวลาไลฟ์สตรีมลดเหลือ 3 ชั่วโมง

หมายเหตุ : ระหว่างทำภารกิจท่านสามารถตายได้เพียง 3 ครั้ง ถ้าเสียชีวิตเกิน 3 ครั้งจะถือว่าภารกิจล้มเหลวทันที

.....

"บัดซบ! "ด้วยความที่ผมตอบรับชาล็อตไปแล้วก่อนข้อมูลภารกิจจะปรากฏ เลยเผลอสบถออกมาโดยอัตโนมัติ ทำไมทีมงานซังไม่เห็นบอกผมเรื่องหน้าต่างภารกิจเลยล่ะ

มันเป็นภารกิจมัดมือชก ที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก แต่ดูของรางวัลนั่นสิ จะบอกว่าผมไม่สนใจมันเลยนั้น ไม่มีทาง! รางวัลคือ 'พลังพิเศษ' มาต่างโลกไม่มีพลังพิเศษก็ไร้ซึ่งราศีตัวเอกที่ควรจะมี ผมก็สมควรดีใจที่ได้มันเป็นรางวัล แต่ตัวผมที่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จดันรู้สึกว่ากำลังถูกสาปแช่ง ทำไมนะทำไม ถึงซวยซ้ำซวยซากอย่างนี้ ที่ตอบชาล็อตไปก็เพราะเห็นว่าไม่มีอะไรต้องเสีย แล้วนี่อะไร! แค่ 5 ชั่วโมงก็รู้สึกน้อยอยู่แล้ว ลดเหลือ 3 ชั่วโมงจะให้ตูทำอะไรได้วะ บอกตรง ๆ แค่เริ่มอ่านรายละเอียดก็รู้สึกว่าบทลงโทษคงรอผมอยู่ไม่ไกล

.....

ชาล็อตคือเจ้าเมืองคนใหม่ของรีโอ เธอเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของเอิร์ล จอห์น วินเชสเตอร์ ตอนนี้แม้จะมีศักดิ์เป็นไวเคานต์ แต่ไม่ช้าเธอก็จะได้ขึ้นเป็นเอิร์ลเต็มตัว ในอีกความหมายหนึ่งเธอคือผู้สืบทอดดินแดนตอนเหนือของอาณาจักร ดินแดน ‘ลิบบอนแลนด์’ อย่างเป็นทางการ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เธอได้รับมอบหมายตำแหน่งจากบิดาให้มาดูแลเมืองรีโอ และเดินทางมาถึงตัวเมืองเมื่อ 3 วันก่อนตามกำหนดการแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ แต่เพียงคืนแรกที่มาพักในตัวเมืองเธอก็ถูกจับตัวไปโดยพวกสาวกวิหารเทพแห่งความมืด ทำให้วันรุ่งขึ้นพิธีแต่งตั้งเจ้าเมืองพลันถูกยกเลิกไป

ต้องบอกก่อนว่า ชาล็อต คือตัวตนที่วิหารแห่งความมืดต้องการตัวอย่างสูง เพราะด้วยคุณสมบัติอันเพียบพร้อมของเธอ ไม่ว่าจะเรื่องรูปร่างหน้าตา ความเป็นสาวพรหมจรรย์ และอย่างสุดท้ายคือสายเลือดชนชั้นสูงอันเข้มข้น ชาล็อต ถือเป็นเครื่องบูชายัญชั้นดีต่อเหล่าจอมอสูร รองจากเอลฟ์ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ ด้วยเหตุนี้ ทำให้เมื่อเธออายุย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ [อายุ 15 ปี] เธอจึงถูกลักพาตัวไปเป็นครั้งแรก จนบัดนี้เธออายุย่างเข้า 21 ปี เธอถูกลักพาตัวไปแล้ว 5 ครั้งนับรวมเหตุการณ์เมื่อวาน แต่ทุกครั้งอัศวินประจำตัวเธอก็สามารถช่วยเหลือเธอได้ทันเวลาเสมอ แต่ถึงกระนั้น เอิร์ลจอห์นก็มิได้นิ่งนอนใจ เขาวางกำลังอัศวินไว้ข้างกายชาล็อตมากยิ่งกว่าตนเอง

อัศวินข้างกายชาล็อต ต้องรับหน้าที่อันใหญ่หลวงที่ผู้คนทั่วไปไม่มีวันจินตนาการออก พวกเขาต้องแข็งแกร่งกว่าใคร ต้องยอดเยี่ยมกว่าใคร และที่สำคัญพวกเขาต้องจมูกไวต่อพวกวิหารเทพแห่งความมืด มากยิ่งกว่าพาลาดินของโบสถ์เทพแห่งแสง และคีร่า คืออัศวินหญิงเพียงคนเดียวข้างกายชาล็อต หน้าที่หลักของเธอคือการตามกลิ่นพวกวิหารเทพแห่งความมืด หน้าที่รองคือตามหาทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาล็อตต้องการ ด้วยความที่คีร่าเป็นมนุษย์ที่มีเชื้อสายของอสูรเผ่าไลแคนท์ อสูรระดับสูงในขุมนรก คุณทวดเธอเป็นลูกผสมระหว่างมนุษย์และไลแคนท์ เธอจึงได้รับอานิสงส์มาทางสายเลือด คือความแข็งแกร่งว่องไว รูปลักษณ์อันงดงามยั่วยวนตามแบบอสูร ที่สำคัญเธอสามารถตามกลิ่นสาวกเทพแห่งความมืดได้ดี

ดังนั้นจากเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลเป็นเวลากว่า 3 วันแล้วที่เธอไม่ได้นอน ถึงวันนี้ชาล็อตจะปลอดภัยและขึ้นรับตำแหน่งได้อย่างราบรื่น แต่หน้าที่ของเธอยังไม่จบ เธอต้องตามหาบุคคลในภาพวาดที่ชาล็อตไหว้วาน ทำให้เธอต้องตระเวนออกตามหาไปทั่วเมือง แต่เคราะห์ดี เพียงแค่ครึ่งวันเธอก็เจอตัวบุคคลที่หน้าเหมือนภาพวาดของชาล็อต เขาคือชายหนุ่มที่ซึ่งถูกทหารสองนายลากมายังจุดจอดรถม้าข้างวิหารเทพแห่งความมืด ในตอนที่เธอพึ่งลงมาจากรถม้าพอดิบพอดี

สถานการณ์ตอนนั้นทำเอาเธองง ๆ อยู่นิดหน่อย เพราะทหารทั้งสองนายดันบอกว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นหัวขโมย ด้วยความที่อยากนอนเต็มแก่เธอจึงตามน้ำไปแบบงง ๆ และขอรับหน้าที่นำชายหนุ่มกลับมายังอาคารสำนักงานกองกำลังทหารประจำเมืองเพื่อกักขัง ในระหว่างนั่งรถม้าเธอจึงเอาเวลาไปนั่งหลับ แต่ชายหนุ่มข้าง ๆ ดันส่งเสียงโวยวายรบกวนการนอนพักสายตาของเธอ และพยายามหลบหนี ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด พอมาถึงอาคารสำนักงานกองกำลังทหารประจำเมือง เธอจึงจับเขาโยนเข้าห้องขังแทนพาไปรอชาล็อตในห้องแบบดี ๆ เธอรู้สึกว่า ถ้าเธออยู่กับเขานานกว่านี้ต้องกลายเป็นโรคประสาทแน่ ๆ

หลังจากนั้นเธอก็ส่งข่าวไปหาชาล็อตว่าพบตัวคนที่ต้องการแล้ว ไม่นานชาล็อตและอัศวินข้างกายอีกสองคน ริออนกับไรลี่ย์ ก็เดินทางมาถึง เธอจึงเดินกลับไปพาชายหนุ่มออกมาจากห้องขัง และในตอนนี้เธอกำลังยืนหลับแบบเนียน ๆ อยู่หน้าประตู

“นี่เธอ...เอา M150 หน่อยไหม?”เสียงของชายหนุ่มที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นทำให้เธอสะดุ้งตื่น

“เจ้า? เออ...คุยกันจบแล้วหรือ”

คีร่าพูดได้แค่นั้น ก่อนที่จะกวาดสายตาไปทั่วห้อง มองเห็นแต่ละคนพากันกลั้นขำและพยักหน้าให้เธอ ใช่เลยสินะ เธอเผลอทำอะไรตลกออกไปสินะ ลืมไปเลยว่าไม่ได้ใส่หมวกเกราะ

“ผมเห็นเธอยืนสัปหงก”

ขวดสีน้ำตาลอันเล็กเท่าฝ่ามือถูกยื่นให้เบื้องหน้าเธอ “มันคือ?”

“มันช่วยให้เธอหายง่วงไประยะหนึ่ง ลองดู ชาล็อตดูดี ๆ นะเธอจะตื่นในทันทีเลยล่ะ!”

คีร่ารับขวดในมือชายหนุ่มมาอย่างเคลือบแคลง แต่ด้วยสายตาคาดหวังของทุกคนในห้องเธอจึงต้องจำใจเปิดขวดแล้วกระดกลงคอเป็นหนูทดลองอย่างงง ๆ

“มันหวาน...” เมื่อดื่มลงไปเธอรู้สึกได้เลยมันหวาน...หวานจนแสบคอ แต่รสชาติกลับอร่อยเกินคาด

“เฮ้ย! ค่อย ๆ จิบสิ มันแรงอยู่นะ” ชายหนุ่มเบื้องหน้าดูจะตกใจที่เห็นเธอกระดกทีเดียวหมดขวด

“เป็นยังไงบ้างคีร่า” ชาล็อตเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“ไม่นะเฉย ๆ ....ไม่สิเหมือนจะหัวโล่ง ๆ ขึ้นมาแล้ว” ภาพที่มองเห็นก็ดูจะชัดเจนขึ้น เธอก้มลงมองขวดสีน้ำตาลในมืออีกครั้งอย่างประหลาดใจ “ขวดนี้ มันคือโพชั่นเพิ่มความสดชื่นงั้นหรือ?”

“มันคือ M150” ภาวินบอกปัดว่ามันไม่ใช่โพชั่นในทันที

หลังจากคุยรายละเอียดภารกิจกับชาล็อตจบด้วยความช้ำใจเล็ก ๆ จากเรื่องไม่คาดฝัน ผมก็ทำใจอยู่นาน ก่อนจะถามหาแหล่งขายของ ผมแบกของมาแล้วจะให้แบกกลับก็ยังไงอยู่ใช่ไหมล่ะ ไหนจะต้องหาเงินไปคืนทีน่าอีก แต่ชาล็อตกลับบอกว่าขายให้เธอได้เช่นกัน ผมเลยเริ่มต้นที่เจ้า M150 ขวดนี้

“แต่ข้ารู้สึกเหมือนพึ่งกินโพชั่นเพิ่มความสดชื่นแสนแพงหูฉีก ที่ไม่ได้กินมานานแค่รสชาติอร่อยกว่ากันเยอะ”

“ไม่ ๆ ไอ้ขวดนี้กินเยอะไม่ได้จำกัดแค่วันละ 2 ขวดไม่งั้นอันตราย และมันแค่ขวดละ 10 บาท”

“อะไรนะโพชั่นเพิ่มความสดชื่น 10 coin!!” หลังจากผมพูดราคาออกไปเท่านั้นแหละ ตกใจกันทั้งห้อง ตะโกนเสียงดังจนผมสะดุ้งเฮือก อะไรฟะ หรือมันแพงไป แต่ถ้าจำไม่ผิดทีน่าจ่ายค่าเบียร์ผมเมื่อวานไปแค่ 50 coin เอง กินไปตั้ง 3 แก้ว ราคา 10 Coin กับ M150 ผมว่ายังไม่แพงนะอัพราคาขึ้นอีกหน่อยดีกว่า อีกอย่าง ถึงโลกใบนี้ค่าเงินจะแพงกว่าประเทศไทย แต่ช่างเถอะผมจะเอาราคาซื้อจากเซเว่นเป็นมาตรฐานแล้วคูณ 2

“ไม่ ๆ ต้นทุน 10 บาท แต่ผมจะขาย 20” ผมที่ไม่คิดจะขายเท่าทุนตั้งแต่แรก พูดอัพราคาออกมาอย่างหน้าด้าน ๆ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดที่ตกใจคงเพราะมันถูกเกินไปสินะ

“20!!”

เสียงคนทั้งห้องตะโกนพร้อมกันอีกรอบจนผมสะดุ้งรอบสอง หรือว่าผมจะเข้าใจผิดอยู่นะ มันควรจะแพงกว่านี้ใช่ไหม?

“มันถูกเกินไป ถูกจนข้าปวดหัว...” ชาล็อตกุมหัวทรุดตัวกลับไปนั่งบนเก้าอี้อย่างเดิม

“แล้วปกติโพชั่นเพิ่มความสดชื่นที่ว่ามันราคาเท่าไหร่กัน?”

“ราคาจากโรงแปรธาตุแพนทาแกรมคือ 500 coin ผลิตออกมาขายแค่ 50 ขวดต่อเดือน ซื้อต่อจากพ่อค้า ราคามากกว่า 900 coin ขึ้นไป”

นาทีนี้คือช็อก...แพงเวอร์ ขนาดชุดที่ทีน่าซื้อให้ยังแค่ 200 coin เองนะ

“ละ...แล้วโพชั่นแบบอื่นล่ะ พอดีผมไม่เคยใช้มาก่อนน่ะใช้แต่ของตัวเอง”

คีร่าเดินเข้ามาดันหลังผมกลับไปนั่งที่ อย่างอ่อนอกอ่อนใจ และเดินกลับไปยืนประจำที่เดิม

“ข้าจะบอกให้นะ ท่านขายโพชั่นถูกเกินไปแล้วถึงมันจะดีกับพวกข้าก็เถอะ”

“แต่ผมว่าราคาที่บอกไป โอเคแล้วนะ ต้นทุนมันแค่ 10 บาทจริง ๆ แถมขวดนี้แค่ทำให้ตื่นแบบชั่วคราว ออกฤทธิ์แค่ไม่นานก็กลับไปง่วงเหมือนเดิมแล้ว”

“ถึงจะไม่ถาวรเหมือนโพชั่นเพิ่มความสดชื่นจากโรงแปรธาตุแพนทาแกรม ที่คงอยู่ได้ทั้งวัน แต่แค่นี้ก็นับว่าดีมากแล้ว เมื่อใช้ในยามคับขัน” ชาล็อตพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น และอธิบายราคาโพชั่นต่อทันที

“ราคาโพชั่นเพิ่มเลือดคือ 150 coin ราคาซื้อต่อจากพ่อค้าคือ 200 coin ผลิตออกมาแค่เดือนละ 100000 ขวด ราคาโพชั่นแก้อาการผิดปกติระดับต่ำคือ 70 coin ราคาซื้อต่อจากพ่อค้าคือ 100 coin ผลิตออกมาแค่เดือนละ 100000 ขวด ราคาโพชั่นแก้อาการผิดปกติระดับกลางคือ 250 coin ราคาซื้อต่อจากพ่อค้าคือ 500 coin ผลิตออกมาแค่เดือนละ 5000 ขวด ราคาโพชั่นแก้อาการผิดปกติระดับสูงคือ 700 coin ราคาซื้อต่อจากพ่อค้าคือ 1000 coin ผลิตออกมาแค่เดือนละ 20 ขวด ราคาโพชั่นเพิ่มมานาคือ 500 coin ราคาซื้อต่อจากพ่อค้าคือ 750 coin ผลิตออกมาแค่เดือนละ 1000 ขวด ราคาโพชั่นเพิ่มความสดชื่นคือ 500 coin ราคาซื้อต่อจากพ่อค้าคือ 900 coin ผลิตออกมาแค่เดือนละ 50 ขวด”

“นี่คือราคาโพชั่นทั้งหมด และเพราะอุปสงค์มีมากกว่าอุปทาน ราคาขายต่อจึงสูงมาก ด้วยเหตุนั้นคนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ใช้งานพวกมันได้หรอก ถ้าอยากซื้อแบบถูก ๆ จำต้องเดินทางไปซื้อยังแพนทาแกรมด้วยตนเอง ราคาจากโรงแปรธาตุคือราคากลาง แต่ถ้าซื้อจากพวกพ่อมดแม่มดสายปรุงยาราคาจะถูกจากโรงแปรธาตุนิดหน่อย แต่ไม่รับประกันความเสถียรเวลาใช้งาน”

“ตัวอย่างเช่น โพชั่นแก้อาการผิดปกติระดับต่ำแบบพวก ปวดหัว ตัวร้อน ไอไม่หยุด ถ้ากินโพชั่นของโรงแปรธาตุจะหายทันที แต่ถ้ากินโพชั่นจากพ่อมดแม่มดสายปรุงยา อาจจะต้องกิน 2-3 ครั้งหรือไม่ถ้าดวงดีกินครั้งเดียวก็หาย ท่านเข้าใจหรือไม่”

“เดี๋ยวนะ ที่นี่ไม่มีหมองั้นเหรอทำไมปวดหัวตัวร้อนต้องกินโพชั่นด้วยล่ะ?” ผมอดไม่ไหวจึงเอ่ยปากพูดขัดคำอธิบายของชาล็อต

“หมอ? หมอคืออะไรหรือ”

“ไม่มีหมอ? แล้วเวลาป่วยจะทำยังไงกัน”

“ป่วยคืออะไร”

“หมายถึงเวลามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นคนที่ไม่มีโพชั่นทำยังไงกัน”

“อ่า...เรื่องนี้นับเป็นปัญหาใหญ่ของผู้คนทั้งทวีป ส่วนมากมักจะขวนขวายหาโพชั่นแก้อาการผิดปกติตามระดับอาการป่วยมาดื่ม หรือไม่ก็ไปหาพ่อมดแม่มดสายกายภาพ ที่ชอบผ่านู่นผ่านี่ซึ่งราคาการรักษาถูกที่สุด แต่การไปหาพ่อมดแม่มดสายกายภาพจะน่ากลัวเกินไปหน่อย ถ้าไม่ถึงที่สุดจริง ๆ คนส่วนมากจะไม่ไปหาเพราะบางทีก็อาจไม่รอดกลับมา ดังเช่นที่ทีน่าจ้างวานท่านมาช่วยเหลือนาตาเลีย สุดท้ายหนทางที่รวดเร็วและแน่นอนที่สุด คือการบริจาคเงินให้โบสถ์เทพแห่งแสง เพื่อรับการประทานพรจากเหล่านักบวช ระดับนักบวชที่จะรักษาก็ขึ้นอยู่กับว่า ท่านบริจาคไปแค่ไหน ไม่มีความเสี่ยงใด ๆ ทั้งสิ้น แม้จะใกล้ตายแต่ถ้ามีเงินบริจาคมากพอเหล่านักบวชสามารถรักษาท่านให้หายดีได้ในเวลาไม่นาน”

“ถ้างั้นผู้คนที่ไม่มีเงินล่ะ”

“...”

ดูจากสีหน้าของชาล็อตแล้ว ผมไม่น่าถามออกไปเลย...“เอาเถอะ ถึงผมจะไม่มีโพชั่นอะไรนั่น แต่ก็มียาที่รักษาพวกอาการปวดหัวตัวร้อนแบบถูก ๆ อยู่ล่ะนะ” ว่าเสร็จผมก็ควานหายาในกระเป๋าออกมาวางเรียงเต็มโต๊ะ

“อันนี้ชื่อว่าซาร่า เป็นยาแก้ปวดหัวตัวร้อนกินทุก ๆ 4 ชั่วโมง เด็กกินครึ่งเม็ดต่อครั้ง ส่วนผู้ใหญ่จะกิน 1 หรือ 2 เม็ดก็ได้แต่ห้ามกินเกินจากที่ผมบอกนะ แผงนี้ทั้งแผงผมขาย 20 coin”

ระหว่างที่ผมอธิบายสรรพคุณ ชาล็อตก็ลงมือจดทุกอย่างลงกระดาษ “เอ๊ะ! ทำไมราคาเท่า M150 เลยล่ะ”

“ต้นทุนมันพอ ๆ กันน่ะที่จริงกินแค่ 4 เม็ดก็น่าจะหายดีแล้ว ที่เหลือถ้าป่วยอีกค่อยกิน”

“ข้าเข้าใจแล้ว มันรักษาได้มากกว่า 1 คนนี่เอง”

“ต่อไปเป็นยาแก้ไอ ....บลา ๆ ๆ ๆ” ผมที่เห็นชาล็อตพยักหน้าเข้าใจ ก็อธิบายยาชนิดต่อไป เรื่อย ๆ จนหมดเกือบหมดทุกชนิดที่เตรียมมาวันนี้

“ส่วนอันนี้ ยาถ่ายพยาธิ...เฮ้ย! ยาถ่ายพยาธิ!” ผมพึ่งนึกขึ้นได้มัวแต่ขายของกับชาล็อต ผมลืมนาตาเลียไปอีกแล้ว...

“ยาถ่ายพยาธิ ทำไมรึ?”

“ยาถ่ายพยาธิผมเอามาให้นาตาเลียกิน จริงสิเธอรู้ไหมนาตาเลียอยู่ไหน ต้องรีบให้กินยาตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวจะไม่ทันมันต้องกินติดต่อกัน 3 วัน”

ชาล็อตทำท่านึกแป๊บหนึ่งก่อนจะพูดออกมา “เรื่องนั้น อืม...ถ้าข้าจำไม่ผิดพวกเธอพักอยู่ที่โรงแรมลูกแมวน้อย ถ้าท่านต้องการเจอเธอ เดี๋ยวข้าจะให้คนไปรับพวกเธอมาที่นี่”

“โอเค ผมต้องการเจอเธอด่วน ๆ”

“งั้นริออนจ้ะ เธอช่วยไปรับนาตาเลียหน่อยนะ” ชาล็อตพยักหน้าให้ผม ก่อนจะหันไปพูดกับอัศวินหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ ด้วยรอยยิ้มบาง

“รับทราบครับ” อัศวินหนุ่มผมสีทองตาสีฟ้า หน้าตาหล่อเหล่าปาน แบรด พิตต์ สมัยยังหนุ่ม พยักหน้าตอบรับ แต่ก่อนอัศวินที่ชื่อริออนจะเดินออกจากห้อง ผมพลันร้องถามเรื่องสำคัญที่พึ่งนึกได้ออกมา

“เดี๋ยว ๆ อย่าพึ่งไป ผมถามก่อนที่นี่มีห้องน้ำใช่ปะ”

“ต้องมีแน่นอนอยู่แล้ว” ริออนกล่าวตอบออกมาด้วยหน้าตางง ๆ

ตัวผมที่ได้ยินคำตอบจากปากเขา ก็ทำเอาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วยกมือตบไหล่ริออนแปะ ๆ ไปสองที

“งั้น คุณอัศวินนายรีบไปรับเธอมาเลย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด