บทที่ 7 : คำสัญญา
บทที่ 7 : คำสัญญา
ละอองธุลีเถ้ายังระอุร้อนถูกหอบพัดไปบนสายลมแรงซึ่งกระโชกตามความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เพลิงที่แผดเผาเปลี่ยนพื้นดินและผืนป่ากลายเป็นสีดำถ่านสลับกับแดงไฟดูน่ากลัวและชวนให้หดหู่ใจเมื่อเห็นว่าใต้เถ้าเหล่านั้นมีโครงร่างคล้ายมนุษย์อยู่เกลื่อนกลาด ผสมปนเปไปกับซากศพของอสูรนับร้อยนับพันร่าง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเพราะสมรภูมิเลือดและไฟนี้ยังไม่จบ
เสียงคำรามลั่นของเหล่าอสูรดังกึกก้องระทึกไปถึงสวรรค์ขณะที่กองทัพของมันโรมรันเข้าต่อสู้กับกองทัพหุ่นที่ใจกลางความยุ่งเหยิงวุ่นวายของสงคราม อสูรชั้นเลวไม่อาจประจันหน้าทัดเทียมกับสิ่งซึ่งคงอยู่เพื่อฆ่าพวกมันได้
หุ่นสงครามไม่ต่างอะไรเลยกับอสูรสำหรับเหล่าอสูร ถูกสร้างให้ไร้ชีวิตยิ่งกว่า โหดเหี้ยมยิ่งกว่า และทรงพลังมากกว่า ราวกับเป็นแนวคิดของคนบ้าที่พยายามจะดับไฟด้วยไฟที่ร้อนกว่าทว่าสามารถควบคุมได้
แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันคือไฟที่ร้อนและแผดเผาที่สุด ตราบใดสงครามยังถูกเรียกว่าสงคราม ต่างฝ่ายต่างย่อมไม่ยอมรับความปราชัย โดยเฉพาะกับชีวิตซึ่งหมายมั่นการทำลายล้างและถูกสร้างเพื่อจุดประสงค์นั้นด้วยแล้ว
ร่างใหญ่ยักษ์มหึมาของสิ่งที่ถูกเรียกว่ามังกรปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าจากหมู่มวลอสูร เกล็ดสีดำของมันสะท้อนประกายกองเพลิงยามเมื่อสยายปีกบดบังดวงจันทร์และโบกพัดสร้างพายุ ก่อนจะพ่นลมหายใจเป็นไฟลงมาแผดเผาตุ๊กตาสงครามจนลุกไหม้ เปลี่ยนไม้ให้เป็นถ่าน หลงเหลือเพียงโครงร่างง่ายแก่การบดขยี้ทำลาย
หุ่นสงครามตนหนึ่งในสมรภูมิเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ถูกกลืนกินด้วยเปลวไฟ ขณะก้มตัวลงหลบใต้กองซากศพศัตรูและชิ้นส่วนของพวกพ้อง รอคอยจนทะเลเพลิงนั้นหายไปจึงลุกขึ้น แม้มันจะมายังมีสมรภูมินี้ด้วยเหตุผลเดียวกันกับหุ่นตนอื่นๆ คือเพื่อฆ่าล้างอสูร ทว่าเงื่อนไขนั้นต่างไป มันยังมีภารกิจสำคัญอื่นที่ได้รับมอบหมายและสำคัญเหนือกว่าภารกิจใดๆ ทำให้มันไม่อาจประจันหน้าเข้าต่อสู้แล้วปล่อยให้ร่างตัวเองถูกเผาเป็นธุลีหรือถูกทำลายได้จนกว่าภารกิจนั้นจะเสร็จสิ้น
ทว่าเป็นตอนนั้นเองที่ภาพของอุ้งเล็บขนาดใหญ่ของมหามังกรหนึ่งในจอมจักรพรรดิแห่งมวลอสูรสะท้อนผ่านดวงตาสีนิลของหุ่นสงคราม มันอาจรอดจากไฟได้ทว่าไม่ใช่กับการโจมตีครั้งนี้
เพียงย่ำเท้าเหยียบโลกทว่ารุนแรงราวกับสามารถเปลี่ยนยอดภูเขาให้กลับกลายเป็นหุบเหวได้ อุ้งเล็บมังกรปะทะกดร่างของหุ่นลงไปใต้ผืนดิน ความรุนแรงนั้นทำลายชิ้นส่วนไม้จนแหลกเละ โครงโลหะบิดงอผิดรูปยุบบุบ ดวงตาสีนิลแตกร้าวไม่อาจรับสัมผัสใดๆ ได้อีก ของเหลวสีม่วงซึมไหลจากเส้นอาเคน คงไม่แปลกอะไรหากระบบต่างๆ ในร่างจะเริ่มทำงานผิดพลาด
โดยเฉพาะวิญญาณแห่งการรับรู้ทั้งเก้าซึ่งส่งผลโดยตรงกับเส้นอาเคน ในความมืดมิดว่างเปล่าที่ควรจะดับไปแล้วเพราะส่วนรับสัมผัสที่พังลงไปนั้น หุ่นสงครามกลับมองเห็นภาพบางอย่างในดวงตา
มันเป็นภาพของห้องเล็กๆ มืดทึบมีเพียงแสงเทียนส่องใบหน้าของหญิงวัยกลางคนนางหนึ่งซึ่งถูกตรวนยาวล่ามติดข้อเท้าเอาไว้ให้มีอิสระอยู่เพียงแค่ในห้อง แต่ถึงอย่างนั้นนางกลับยังยิ้มอยู่ได้ ขณะยกมือขึ้นสัมผัสรอยร้าวบนใบหน้าของหุ่นอย่างแผ่วเบา
“ต้องกลับมานะ ฮอรัส ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สัญญากันแล้วนะ...” นางเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลแอบซ่อมความอิดโรยเอาไว้ ขณะที่กอดร่างของหุ่นสงครามที่ถูกเรียกว่า ฮอรัส เอาไว้ไม่ให้ได้เห็นว่าบัดนี้ในดวงของเธอกำลังมีหยดน้ำรินไหลออกมา “เธอจะต้องมีชีวิตเข้าใจมั้ย…”
คำพูดนั้นดังกึกก้องอยู่ในความมืดมิด ฮอรัส ไม่อาจเข้าใจความหมายสิ่งที่นางพูด ไม่อาจรู้ว่าคำสั่งภารกิจนั้นคืออะไร ทว่าเขาจะไม่ยอมให้มันล้มเหลว...
............
......
...
ห่าฝนที่เคยกระหน่ำรุนแรงค่อยๆ ซาลงราวกับท้องฟ้าเองก็หวาดผวาต่ออสุรกายสีโลหิตร่างใหญ่โตผิดเพี้ยนซึ่งยืนฉีกริมฝีปากเผยฟันแหลมคมด้านใน ดูวิปริตผิดธรรมชาติ ขณะที่มันค่อยๆ ดึงมือขวาซึ่งจมลึกอยู่ในดินขึ้นมาช้าๆ หลังจากฝังร่างของหุ่นสงครามลงไปในคราวเดียว
มันอยู่ตรงนั้นพร้อมกับอ้าขากรรไกรส่งเสียงคำรามลั่นคล้ายจะประกาศชัยชนะ แต่ยังไม่พอเพราะมันยังต้องการมากกว่านี้ และถึงแม้จะมองไม่เห็นหรือได้กลิ่นชีวิตใกล้ๆ แต่มันก็สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่แผ่ออกมาไม่ไกล
เอลฟ์สาวเอรีอาที่เห็นภาพของปีศาจร้ายตนนี้ชัดกว่าใครพยายามกรีดร้องและขยับตัวให้วิ่งหนี แต่ลำคอกลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ทั้งขาก็ยังแข็งเป็นหินร่างกายหนักอึ้ง ไม่อาจแม้แต่จะกระดิกนิ้วหรือกะพริบตา ความหวาดกลัวกลืนกินเข้าไปในจิตใจแต่ก็ไม่มากพอให้เธอหลงลืมเรื่องสำคัญ แม้ร่างกายไม่ตอบสนองแต่สายตายังคงกลอกไปทั่วมองหาเอเดลด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ เธอรู้ว่าเอเดลต้องอยู่แถวนี้แน่ แม้จะมองไม่เห็น
เป็นเวลาเดียวกันกับที่อีกฟากหนึ่งนั้น สองสาวครึ่งเอลฟ์และจิ้งจอกก็กำลังพยายามคุมสติตัวเองให้อยู่กับตัวเพราะถึงแม้จะรู้ว่าอสุรกายแห่งเทมตนนั้นจะเคยเป็นฝ่ายเดียวกัน แต่ก็แค่เคยเท่านั้น บัดนี้ไม่มีอะไรจะรับประกันได้เลยว่ามันจะไม่พุ่งเข้าใส่พวกเธอหรือเอลีอา
ต่างคนต่างก็ต้องแบกรับความกดดันที่ต่างกันเมื่อปีศาจคลั่งนั่นเริ่มหันศีรษะไปมามองหาร่องรอยชีวิตใกล้ๆ บ่งบอกว่าสัมผัสของมันเหนือชั้นขึ้นกว่าที่เคยเป็น จิ้งจอกสาวจำต้องรีดเร้นสมาธิเพื่อปกป้องทุกคนจากมัน โดยเฉพาะเอลฟ์สาวซึ่งอยู่ใกล้และส่งกลิ่นความกลัวออกมา พร้อมๆ กับที่เอเดลต้องตั้งสติและภาวนาขอให้แม่ของเธออย่าทำอะไรสิ้นคิดอย่างการวิ่งหนีหรือกรีดร้อง
ทว่าในชั่วพริบตาที่ปีศาจแห่งเทมเหมือนจะหมดความสนใจต่อหุ่นสงครามและเริ่มสูดกลิ่นความกลัวของเอลีอานั้นเองที่ฝ่ามือของ ฮอรัส พุ่งขึ้นจากดินจับขาของมันเอาไว้แน่นสร้างความประหลาดใจแก่ทุกสายตาไม่เว้นแม้แต่ตัวปีศาจแห่งเทมเอง
มันหันขวับฉับไว ง้างมือข้างซ้ายที่เป็นคมมีดจ้วงแทงลงไปบริเวณศีรษะของหุ่นหมายจะปิดบัญชีครั้งนี้ให้จบโดยไว เพราะสัญชาตญาณของร่างมนุษย์แสนอ่อนแอกำลังพยายามเตือนถึงบางสิ่งที่มันไม่เคยได้สัมผัสด้วยตัวเองมีแต่สร้างให้ผู้อื่น สิ่งที่เรียกว่าความหวาดกลัว
ทว่าในชั่วขณะแห่งความเป็นจริง ทั้งที่พละกำลังและความเร็วของมันที่กลับคืนสู่ร่างสมบูรณ์แบบนั้นมากมายกว่าเดิมนับสิบเท่าแต่เหตุการณ์เดิมก็เกิดซ้ำอีก เมื่อคมมีดของมันไม่อาจเข้าถึงกะโหลกโลหะสีเงินเปลือยเปล่าปราศจากใบหน้าของหุ่นสงครามได้
ฮอรัสใช้ฝ่ามือรับคมมีดเอาไว้จนส่วนประกอบภายนอกแตกกระจายเหลือเพียงโครงโลหะที่ส่อเสียดกันส่งเสียงหวีดโหยหวนไปทั่วทั้งบริเวณ
เลือดหยดหนึ่งที่รินไหลจากผิวหนังที่ปริแตกจากกล้ามเนื้อขนาดใหญ่เกินพอดีของปีศาจคลั่งหยดลงบนกะโหลกของฮอรัสเป็นสัญญาณเริ่มการฆ่าฟันกันอีกครั้งและครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างก็บ้าคลั่งไร้สำนึก ไร้เหตุผล
หุ่นสงครามใช้ขาที่ยังไม่จมดินถีบเข้าใส่ร่างของภัยคุกคามตรงหน้าอย่างแรงระดับหมายมั่นสังหาร จนไม่สนใจความเสียหายของร่างกายตัวเอง วัสดุเทียมปกคลุมภายนอกที่ประกอบอยู่บนข้อเท้าของเขาแตกกระจายเป็นชิ้นขณะส่งร่างอสุรกายปลิวทะลุบ้านหินออกไป ก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งตามไปด้วยความเร็วระดับที่ก่อให้เกิดคลื่นกระแทกในอากาศ เอลฟ์สาวอยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็ถูกคลื่นนั้นอัดใส่จนหูดับไปชั่วคราว ไม่ได้ยินว่าตอนนี้ ฮอรัส กำลังพูดคำเดียวซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุด
“ต้องมีชีวิต ห้ามล้มเหลว… ต้องฆ่าจนกว่าภัยคุกคามจะหมดไป ต้องมีชีวิต...” หุ่นสงครามส่งเสียงผ่านคริสตัลในลำคอซ้ำไปซ้ำมาถึงภารกิจที่มันไม่เคยเข้าใจ ขณะคร่อมร่างปีศาจแล้วใช้ฝ่ามือเรียงนิ้วติดกันใช้เป็นใบมีดจ้วงแทงเข้าใส่ข้างลำตัวของศัตรูจนทะลุตามแนวร่องซี่โครงพยายามให้ลึกถึงหัวใจ แต่ถูกกรงเล็บสวนกลับเข้าใส่เสียก่อน
ความรุนแรงนั้นกรีดกระชากเอาชิ้นส่วนบนอกของฮอรัสจนแตกเป็นชิ้น หลุดกระจายเผยซี่โครงปกปิดแกนกลางหัวใจไม้ให้เห็น พร้อมซัดร่างจนพลิกกลับเปลี่ยนให้อสุรกายคลั่งเป็นฝ่ายได้เปรียบ ถึงเลือดจะไหลท่วมจากบาดแผลสากรรจ์แต่มันไม่แสดงความเจ็บปวดให้เห็นกลับกันยิ่งทำให้คลุ้มคลั่งกระหายเลือดยิ่งกว่าเก่า
ปีศาจแห่งเทมจัดการสาวกรงเล็บและคมมีดเข้าใส่ฮอรัสอย่างดิบเถื่อน ไม่เล็งเป้าหมายใดเป็นพิเศษเพียงต้องการฉีกทึ้งทำลายศัตรูตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ ทุกหมัด ทุกกรงเล็บและทุกการจ้วงแทงอันรุนแรงนั้นก่อเกิดเสียงปะทะที่ดังกึกก้องเสียยิ่งกว่าฟ้าพิโรธ
กล้ามเนื้อและกระดูกของปีศาจปะทะกับโลหะและไม้ของหุ่นรบ ฝ่ายหนึ่งเยือกเย็นไร้สำนึกอีกฝ่ายบ้าคลั่งสิ้นสติ เป็นการต่อสู้กันของอสุรกายโดยแท้ ทั้งยังยากจะคาดเดาผู้ชนะเมื่อต่างฝ่ายต่างก็ทำทุกทางเพื่อทำลายกันและกัน กระทั่งยอมสละส่วนหนึ่งส่วนใดในร่างกายทั้งชิ้นส่วนหรือเลือดเนื้อเพียงเพื่อสร้างความเสียหาย
ฝ่ามือปีศาจคลั่งบัดนี้อาบโชกไปด้วยเลือดและบาดแผลจากการฟาดฟันกรงเล็บผุหักเข้าใส่ร่างโลหะเปลือยเนื้อ คมมีดอีกฟากก็เริ่มมีร่องรอยบิ่นแตก เช่นเดียวกันกับฮอรัสที่ใช้แขนปัดป้องการโจมตีจนแม้แต่กระดูกโลหะอันทานทนยังเริ่มบิดงอและปรากฏรอยบากไปทั่ว ทั้งยังไม่อาจปัดป้องการโจมตีได้ทั้งหมด มีหลายครั้งที่กรงเล็บและคมมีดผ่านเข้ามาฝากรอยเอาไว้บนกะโหลก
การจู่โจมต่อเนื่องไม่หยุดพักนั้นดำเนินไปเพียงไม่กี่อึดใจแต่สำหรับทุกสายตาที่มองอยู่นั้นมันเนิ่นนานราวกับชั่วกัลป์ ไม่มีทีท่าว่าฮอรัสจะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายโจมตีได้เลยจนกระทั่งเสี้ยวพริบตาที่ปีศาจคลั่งเสียบคมมีดผ่านส่วนป้องกันบนหน้าอกเข้าไปถึงแกนกลางหัวใจ
หุ่นสงครามยอมใช้สองมือยัน ทว่าปลายมีดนั้นก็ลงถึงหัวใจอยู่ดี มันสร้างรอยแผลกรีดเล็กๆ ไม่ต่างจากเส้นขนแมวแต่เพียงพอให้ของเหลวสีม่วงไหลซิบออกมาและทำให้ดวงตาสีนิลของฮอรัสส่อประกายประหลาด
“สัญญาแล้ว… ล้มเหลวไม่ได้” นั่นคือเสียงที่ปีศาจแห่งเทมได้ยินจากลำคอของฮอรัส ก่อนมันจะสัมผัสได้ถึงพละกำลังจากมือโลหะซึ่งยันคมมีดเอาไว้ที่จู่ๆ ก็มากขึ้นอย่างมหาศาลและส่งเสียงเหล็กโหยหวนออกมา บ่งบอกว่าหุ่นสงครามกำลังใช้งานร่างโลหะของตัวเองจนเลยจุดที่มันจะรับไหวแล้ว
และในเสี้ยวพริบตาเดียวสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กรงเล็บผุพังไม่คมจะสร้างความเสียหายอีกต่อไป ฮอรัส จึงละจากการปัดป้องแล้วใช้ฝ่ามือข้างเดียวที่ว่างอยู่เสียบเข้าข้างอกของปีศาจคลั่งอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ไม่ได้มุ่งเป้าให้ถึงหัวใจ มันแค่คว้าจับเอาซี่โครงแล้วกระชากหักออกมาอย่าป่าเถื่อน ก่อนจะใช้มันปักเข้าลำคอเจ้าของจนมันถึงกับคำรามลั่น พยายามผละออกจากตัวเขา
ทว่าฝ่ามือเหล็กอีกข้างยังเกาะกุมมือมีดของปีศาจเอาไว้ไม่ต่างจากโซ่ตรวน ไม่ยอมให้หนีหรือหลบเลี่ยงชะตากรรมที่มันต้องเผชิญ เมื่อ ฮอรัส กำหมัดแล้วเริ่มตะบันใส่ร่างของเป้าหมายซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยความรุนแรงที่ไม่สนใจว่ากำปั้นของตัวเองจะรับไหวหรือไม่ กระทั่งร่างของปีศาจคลั่งแห่งเทมหมดสภาพกลับกลายเป็นมีดโคปีสบิ่นๆ หล่นลงพื้น กับชายหนุ่มที่ยับเยินไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างห้อยล่องแล่งอยู่ในมือของฮอรัสนั่นเองเขาถึงได้หยุดมือ
แต่นัยน์ตาสีนิลไม่แม้แต่จะฉายแววความเมตตา ส่วนรับสัมผัสยังคงจับได้ถึงชีพจรที่เต้น ถึงบางเบาใกล้จะดับแต่ก็ยังมีอยู่และความเสี่ยงที่ปีศาจตนนี้สามารถสร้างบาดแผลให้กับแกนกลางได้ก็เป็นความจริง เพราะแบบนั้นเองฮอรัสจึงง้างมือขึ้นอีกครั้งเตรียมประหัตประหาร
กระนั้นในชั่วเวลาเดียวกันยังไม่ทันจะได้ฟาดฟันฝ่ามือลงไป ฮอรัสพลันจับได้ถึงภัยคุกคามที่มุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรมันก็เทียบไม่ได้เลยกับปีศาจก่อนหน้า เขาเพียงหันตัวหลบแล้วเหวี่ยงแขนอีกข้างเข้าใส่ร่างของจิ้งจอกสาวฮารุ จนเธอกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ใกล้ๆ อย่างรุนแรง
ถึงจะเสริมอาคมให้ร่างกายแข็งแกร่งกว่าปกติหลายเท่าแล้ว แต่เพียงแรงกระแทกนั้นก็ทำให้เธอสาหัส กระดูกขาและแขนหัก ทั้งยังช้ำในจนกระอักออกมาเป็นเลือด ทรุดลงหมอบอยู่ข้างต้นไม้นั้น
ฮอรัสหันมองจิ้งจอกสาวเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยร่างชายหนุ่มลงกับพื้นเมื่อเห็นว่าสาวน้อยกำลังพยายามคลานเข้ามา จึงตีความว่าการคุกคามยังไม่หมดไปและต้องกำจัดทิ้ง ทั้งที่ความจริงฮารุไม่แม้แต่จะสนใจเขาอีกแล้ว
น้ำตาที่ไหลอาบท่วมใบหน้าและปากที่พร่ำพูดชื่อของชายหนุ่มขณะที่เธอคลานไปหาร่างของเขาคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ความเจ็บปวดจากบาดแผลบนร่างกายเทียบไม่ได้เลยกับจิตใจยามต้องเห็นคนรักของตนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
เธอรู้ดีว่าหมดหวังแล้ว ทุกวันมีนักผจญภัยมากมายออกไปทำภารกิจแต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้กลับบ้าน คราวนี้เองก็เช่นกันมันคงถึงคิวของพวกเธอแล้ว แต่อย่างน้อยสิ่งที่เธอหวังในตอนนี้คือแค่ได้อยู่กับเขาเป็นครั้งสุดท้าย
ฮารุคลานผ่านหุ่นสงครามเข้าไปกอดร่างไร้สติของชายหนุ่มโดยไม่แยแสว่าฮอรัสกำลังจะฆ่าเธอ เธอแค่พยายามพูดคุยกับร่างในอ้อมกอดด้วยเสียงสะอื้นสะอึกเลือดทั้งน้ำตา ทว่ามีแต่ความเงียบงันเป็นคำตอบและนั่นยิ่งทำให้เสียงร่ำไห้ดังขึ้นมากกว่าเดิม
“พอแล้ว… ไม่ต้องสู้แล้ว ไม่มีใครทำร้ายเธออีกแล้วนะ... ได้โปรด หยุดเถอะ” ในตอนนั้นเองระหว่างที่หุ่นสงครามยกมือเตรียมจะปลิดชีวิตของทั้งสองคนไปพร้อมกัน เสียงสั่นเครือของเอลีอาก็ดังขึ้น เธอกล่าวขณะกอดเอเดลเอาไว้แน่น “นี่ใช่สิ่งที่ผู้สร้างของเธออยากให้เป็นจริงๆ หรอ ฮอรัส…”
หุ่นสงครามที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นได้แต่ยืนนิ่งก้มมองมือโลหะทั้งสองข้างที่สั่นไหวและเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีความเสียหายของเส้นอาเคนอาจส่งผลให้มันประมวลสิ่งต่างๆ ผิดพลาด
หรือบางทีเขาก็แค่อาจจะกำลังรู้สึกกลัว กลัวที่จะต้องสูญเสีย กลัวว่าจะถูกพรากเอาคนคนเดียวบนโลกที่เขามีไปอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าเหตุผลคืออะไรมันไม่สำคัญอีกแล้วเมื่อโครงร่างโลหะล้มลงคุกเข่ากับพื้น ไม่เหลือพละกำลังใดๆ จะขยับตัว ขณะที่กลุ่มคนในชุดคลุมสีขาวปกปิดใบหน้าแต่มีตราประจำราชวงศ์อยู่บนหน้ากากหกคนปรากฏตัวขึ้นจากอากาศธาตุด้วยอาคมชั้นสูง แล้วแยกย้ายกันไปดูอาการของนักผจญภัยแต่ละคน ก่อนที่ร่างสง่างามขององค์ราชินีจะเดินมาหยุดยืนอยู่ห่างจากหุ่นสงครามเพียงไม่กี่ศอก
“เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะทีเดียว… ฮอรัส” องค์ราชินีเอ่ยชื่อของหุ่นสงครามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแฝงประสงค์บางอย่างเอาไว้ ขณะอัญเชิญคทาเอเลเมนโต้ของตัวเองออกมาร่ายวงมหาเวทแห่งการเยียวยาครอบคลุมพื้นที่ไปทั่วทั้งบริเวณ