ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 26
ตอนที่ 26
ในสวนสาธารณะอีกที่หนึ่ง เหงื่อท่วมตัวเซี่ยหย่าซูที่กำลังวิดพื้นอยู่ นักเรียนมัธยมต้นที่อยู่ด้านข้างกำลังนับจำนวนครั้งให้เธอ
“เก้าสิบเจ็ด เก้าสิบแปด เก้าสิบเก้า...พี่ใหญ่สู้ๆ ครั้งสุดท้าย หนึ่งร้อย!” เห็นเซี่ยหย่าซูใช้ท่าวิดพื้นมาตรฐานทำครบหนึ่งร้อยครั้ง นักเรียนมัธยมต้นปรบมือดีใจ “พี่ใหญ่ พี่เก่งมากเลย ใช้เวลาวิดพื้นร้อยครั้งแค่แป๊บเดียวเอง และยังทำหลังซิทอัพร้อยห้าสิบครั้งเสร็จอีก”
เซี่ยหย่าซูฟังแล้วกลับดีใจไม่ลง “ไม่เก่งเลยสักนิด เสี่ยวจื้อ วันนี้พวกเราแพ้การแข่งขัน”
นักเรียนมัธยมต้นที่เซี่ยหย่าซูเรียกเสี่ยวจื้อแสดงสีหน้าผิดหวัง “เป็นไปได้ยังไง พี่ใหญ่เก่งขนาดนี้ จะแพ้ได้ยังไง?”
เซี่ยหย่าซูถอนหายใจ “เหนือฟ้ายังมีฟ้า การแข่งขันวันนี้ พี่เอาฝ่ายตรงข้ามไว้ไม่อยู่เลย และไม่มีวิธีทำคะแนนด้วย พี่ยังอ่อนเกินไป”
เสี่ยวจื้อรีบส่ายหน้าทันที “ไม่ใช่พี่อ่อนเกินไปหรอก แต่เป็นเพราะคู่แข่งเก่งเกินไป ใช่ไหม!”
“คู่แข่งเก่งมากก็จริง แต่พี่อิจฉาผู้ชายพวกนั้น รูปร่างสูงกว่าพี่ เร็วกว่าพี่ ร่างกายกำยำกว่าพี่ สิ่งนี้พวกผู้หญิงอย่างเราไม่มีทางเทียบได้ แต่นี้ไม่ใช่ข้ออ้างที่บอลแพ้ เพราะแม้กระทั่งทักษะการเลี้ยงบอล พี่ก็แพ้”เซี่ยหย่าซูตบไหล่เสี่ยวจื้อ “แต่ไม่ต้องกังวล ถ้าหากคนเราไม่เคยพ่ายแพ้ ก็หาเป้าหมายที่จะก้าวไปข้างหน้าไม่เจอ ครั้งนี้พี่ล้ม แต่ครั้งหน้าที่พี่ยืนได้จะต้องเก่งมากกว่าเดิม”
เสี่ยวจื้อยกนิ้วโป้งทำท่ายอดเยี่ยม “พี่ใหญ่ พี่ทำได้แน่นอน”
เซี่ยหย่าซูยกมือทำท่ายอดเยี่ยมให้กับเสี่ยวจื้อ “แน่นอน โอเค พักผ่อนพอละ มาต่อกัน!”
ไมค์ดูเทปวีดีโอการแข่งขันบอลที่หลี่หมิงเจิ้งให้เขาที่ห้องรับแขก ขณะเดียวกันก็ย่อตัวที่พื้นฝึกการเลี้ยงบอล
หลังจากการแข่งขันวันนี้ผ่านไป ไมค์ตระหนักถึงความสำคัญของท่าพื้นฐานเป็นอย่างมาก การรีบาวด์ของเขาวันนี้แย่งได้ไม่ถึงสิบลูก และเกิดเทิร์นโอเวอร์อย่างโง่ๆ อยู่หลายครั้ง เนื่องจากขาดความสามารถในการเลี้ยงบอล เพื่อนในทีมไม่มีทางมั่นใจที่จะส่งบอลให้เขา และจังหวะเท้าของเขายังเงอะงะมาก ไม่สามารถทำการรุกเขตจุดโทษได้เลย ผลงานอย่างเดียวที่สามารถโชว์เขาได้ก็มีเพียงบล็อคช็อตแค่นั้น
ถึงแม้ว่าโค้ชและเพื่อนร่วมทีมจะไม่โทษตัวเขาเองก็ตาม แต่ไมค์ก็รู้แก่ใจดีว่าในตอนนี้เขาเป็นตัวถ่วงของเพื่อนร่วมทีม
เพื่อความชื่นชอบบาสเกตบอลของตัวเขาเอง เพื่อความเชื่อใจของหลี่กวงเย่าที่มีต่อเขา เพื่อเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ได้โทษเขา ไมค์บอกกับตัวเองว่าครั้งนี้เขาจะไม่หลบหนี ก่อนหน้านี้เพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับการยิ้มเยาะและสายตาที่มอง
เขาแปลกๆ ของคนอื่น ตัวเขาเองหลบหนีมานานมากแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน มีหลี่กวงเย่าที่ยินยอมเป็นเพื่อนของเขา และมีเพื่อนร่วมทีมที่ยินยอมยืนอยู่ข้างๆ กายเขา
ครั้งนี้ ตัวเขาไม่ได้โดดเดี่ยว
ไมค์ทำตามวิธีที่หลี่หมิงเจิ้งบอกเขา ฝึกซ้อมท่าเลี้ยงบอลพื้นฐานกลับไปกลับมา การซ้อมครั้งนี้ มือซ้ายขวาฝึกไปข้างละชั่วโมงแล้ว ถึงแม้จะน่าเบื่อหน่าย แต่ไมค์บอกกับตัวเอง ถ้าไม่อยากเป็นภาระของเพื่อนร่วมทีมต่อ ก็จะต้องยืนหยัดทำต่อไป
หลี่อวินเสียงดูการแข่งขันบอลเป็นเพื่อนไมค์ที่ห้องรับแขก ในใจรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ทั้งโลกนี้มีแค่เขาคนเดียวที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของไมค์ จากแต่ก่อนที่เคยถูกรังแก ไม่กล้าพูดคุยกับใครนอกจากเขา ในสายตานอกจากความหวาดกลัวแล้วก็มีความตื่นตระหนก แต่ตอนนี้ในที่สุดไมค์ก็ปลุกความกล้าที่จะยืนบนสนามบาสเกตบอล ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ไม่ใช่เด็กน้อยที่รู้จักแต่หลบอยู่ด้านหลังเหมือนแต่ก่อนแล้ว
หลี่อวินเสียงชื่นชมยินดีเป็นอย่างมากที่ไมค์ได้เล่นบาสเกตบอล บอลเกตบอลเองก็เป็นภาษาที่ไมค์ใช้พูดคุยกับคนอื่น ทำให้เขาค่อยๆ เดินออกมาจากห้องเล็กๆ ของตัวเอง
ใกล้สวนสาธารณะเหอปิน มีคนวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่บนเขื่อนความยาวระยะทางเกือบยี่สิบกิโลเมตร แต่วิ่งไปได้แค่ห้ากิโลเมตร คนคนนั้นก็หอบแล้ว
เขาก็คือคนที่มาจากตัวสำรอง และเล่นจนทำให้คนดูสายตาเป็นประกายอย่างจันเจี๋ยเฉิงนั้นเอง
ฝืนวิ่งจนเสร็จสิบกิโลเมตร จันเจี๋ยเฉิงอ่อนปวกเปียกอยู่บนพื้น เขาพลิกเปิดกระเป๋าสะพายหลัง หยิบขวดน้ำ กระดกน้ำเข้าปาก จากนั้นหยิบบุหรี่ความเข้มข้นสูงออกมาหนึ่งซอง
จันเจี๋ยเฉิงหยิบบุหรี่ออกมาด้วยมือที่สั่นเทา วางมันไว้ที่กลางริมฝีปาก หยิบไฟแช็ค แต่ทำยังไงก็จุดบุหรี่ไม่ติด
“แม่ง !”จันเจี๋ยเฉิงสถบคำหยาบออกมา ทิ้งบุหรี่ที่อยู่ในปากไปไกล จากนั้นก็เตะซองบุหรี่ทิ้ง
ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่แค่ม.สี่เหมือนหลี่กวงเย่า แต่จันเจี๋ยเฉิงก็เริ่มสูบบุหรี่มาตั้งแต่อยู่ชั้นประถมปีที่ห้าแล้ว จนถึงตอนนี้เขาสูบมาแล้วห้าปี นับวันยิ่งติดมากขึ้น จนถึงตอนนี้ วันหนึ่งจันเจี๋ยเฉิงต้องสูบอย่างน้อยหนึ่งซอง
เหมือนกับคนที่ชอบบาสเกตบอลคนอื่นๆ จันเจี๋ยเฉิงก็มีไอดอลเป็นของตัวเอง หลายปีก่อนหน้านี้ เขาบังเอิญได้ดูหนังที่แสดงการเล่นบาสเกตบอลของเจสัน วิลเลี่ยม การส่งบอลที่แทงใจแบบนั้น การเลี้ยงบอลที่เล่นคู่ต่อสู้ ยังมีสีหน้าที่เหมือนนักเลง ทั้งหมดดึงดูดสายตาของเขา หลังจากนั้นเขาจึงให้เจสัน วิลเลี่ยม ฉายา ไวท์ ช๊อคโกแล็ตเป็นไอดอล และเริ่มเล่นบาสเกตบอลเลียนแบบ เจสัน วิลเลี่ยม
ขณะที่เล่นสตรีทบาสเกตบอล จันเจี๋ยเฉิงไม่ชอบทำคะแนน แต่กลับสนุกที่ให้คนดูบอลรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการส่งบอลที่เชี่ยวชาญ ที่เขาเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน โดยเฉพาะการเล่นแข่งขันทั้งสนามสามารถมองออกถึงความสวยงานในการส่งบอล
แต่ความแตกต่างระหว่างการเล่นสตรีทบาสเกตบอลกับเล่นในสนามแข่งขันจริงอยู่ที่การเปลี่ยนความเร็วในการรุกและการป้องกัน ซึ่งเป็นการทดสอบสมรรถนะร่างกายพื้นฐานที่สุดของผู้เล่นอย่างหนึ่ง แต่สมรรถนะทางร่ายกายคือจุดที่อ่อนที่สุดของจันเจี๋ยเฉิง
เบอร์เสื้อที่เขาสวมใส่คือเบอร์ห้าสิบห้า แต่การเล่นไม่เหมือนไอดอลของตัวเองที่เล่นได้พริ้วไหวสวยงาม เขากลับคล้ายสุนัขตัวหนึ่ง ที่วิ่งไม่กี่ก้าวก็หอบอยู่ในสนาม จันเจี๋ยเฉิงคิดว่าการเล่นแบบนี้จะเป็นการไม่ให้เกียรติไอดอลของเขาเอง รู้ตัวอีกที เขาก็สวมรองเท้าจ๊อกกิ้ง ยืนบนเขื่อนแล้ว
บนสันเขื่อนนี้ จันเจี๋ยเฉิงได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเลือกบุหรี่หรือบาสเกตบอล
……………………………………………………………………………………………