ตอนที่แล้วตอนที่ 3 ทำไมต้องทำแบบนี้กับเค้าด้วย?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 แผนการแก้เผ็ด

ตอนที่ 4 เอาผมไปด้วย ฮือ…


ตอนที่ 4 เอาผมไปด้วย ฮือ…

 

“โธ่เว้ย!”

ลินจิกำหมัดทุบหน้าตัก พลางมองไปยังทิศทางที่ชุนมุ่งหน้าไป แม้ตอนนี้แผ่นหลังของชุนจะลับตาไปแล้ว แต่ลินจิก็รู้สึกหวั่นใจชอบกล

ถึงจะเข้าใจได้ว่าตนคือ ‘เทพเจ้า’ แต่ข้อเท็จจริงก็ยังไม่แน่ชัด ทั้งเขตอาคมที่ตนได้เรียนรู้ และทักษะอื่น ๆ ที่โผล่มาให้ทดลองใช้อย่างไม่หยุดหย่อน ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ลินจิไม่คุ้นเคยทั้งสิ้น

ขณะที่วิเคราะห์สถานการณ์พลางกวาดสายตามองรอบเมือง ควันมืดก็ปกคลุมทั่วบริเวณโดยพลัน ตอนนั้นเองร่างกายก็ไม่ขยับเขยื้อนเพราะหวาดหวั่นกับเค้าไอซึ่งไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน

ลินจิสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสะกดอารมณ์หวาดกลัว

“…”

หากที่นี่คือโลกนิยายแฟนตาซีที่เขาเคยแต่งจริง ๆ ก็คงต้องมีเหล่าอสูร ปีศาจ มังกร และอีกหลาย ๆ เผ่าพันธุ์ แม้จะเป็นผู้ที่สร้างสรรค์สิ่งเหนือธรรมชาติขึ้นมาเอง แต่ลินจิก็สงสัยว่า …อาจจะมีสิ่งที่เหนือความคาดหมาย มากกว่าที่เขารู้จักก็เป็นได้

อีกทั้งเรื่องของ ‘ผลึกดวงดาว’ ทั้งแปดชิ้น ที่เป็นไอเทมวิเศษที่หลัก ๆ ของเรื่องนี้ อาจจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนสัตว์เดียรัจฉาน หรือเป็นเหมือนวัตถุตามธรรมชาติ เช่นผลไม้ หรือไม่ก็ก้อนหิน

ลินจิคิดและจินตนาการ แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็หยุดอยู่ในกรอบจินตนาการของเขาเท่านั้น ดังนั้นเขาอาจเดาไม่ถูกสักข้อเลยก็เป็นได้

ลินจิสรุปให้ตัวเองฟังเช่นนั้น พลางฟังเสียงลมที่จู่ ๆ ก็พัดแรงขึ้นอย่างไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้า หลังคาบ้านเรือนพลันสั่นไหวดังกึกกัก ทันใดนั้นใบไม้แห้งก็ปลิวเข้าหน้า

“โอ๊ย…”

จากนั้นก็เข้าปาก

“…อั๊ก”

ลินจิถุย ๆ คายใบไม้แห้งออกมา สวรรค์ช่างไม่มีตา ถ้าจะพัดอะไรเข้าปากก็น่าจะเป็นของที่กินได้ เห็นเขาเป็นสัตว์กินหญ้าหรือไงกัน

 

ระหว่างที่โทษดินโทษฟ้า ลินจิก็ลุกขึ้นพลางใช้มือปัดกางเกงดังโปะ ๆ เกิดฝุ่นละอองเล็กน้อยลอยคลุ้งบริเวณก้น เหมือนตดแก๊สพิษ

ขณะที่รังสีชั่วร้ายยังคงแผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง ทั่วเมืองถูกปกคลุมด้วยไอสีดำจองมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ ลินจิเอามือปิดปากไอค๊อกแค่กเหมือนคนเป็นโรคร้าย

ตอนแรกลินจิไม่พอใจที่ชุนปล่อยให้ตัวเองต้องเดินกลางป่า มนุษย์ส่วนใหญ่เวลาหิว ง่วง หรืออ่อนล้า ถ้าขาดสติก็จะแสดงตัวตนอีกด้านออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

พอสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ลินจิก็กวาดสายตามองหาชุนเพื่อหาที่พึ่งพิงทางจิตใจ

ถ้ารู้ว่าบรรยากาศจะสามารถเปลี่ยนมาเป็นน่ากลัวได้ขนาดนี้ ลินจิก็อยากจะทำตัวดี ๆ เหมือนหนุ่มน้อยบอบบางในนิยายวายให้ชุนคอยปกป้อง แต่ก็สายไปแล้ว เขาเล่นทำตัวโง่งี่เง่ากับชุนไปเสียเยอะ

ลินจิสำนึกผิด พลางมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่เป็นต้นตอของไอชั่วร้าย ขณะที่ผ่านบ้านไม้หลังคามุงฟางแห้งสองข้างทาง เขาก็สังเกตเห็นกลุ่มก้อนดำทมึนที่แผ่รังสีน่าคลื่นไส้ออกมา

ณ สุดปลายสายตา ปรากฏเงาของหญิงคนหนึ่งที่กำลังยืนนิ่งท่ามกลางไอสีดำ ทว่า… ลักษณะการยืนของเธอนั้นดูแปลกตา มองจากระยะไกลเหมือนเธอจะไม่มีขา

ขณะที่จ้องอยู่ หญิงคนนั้นก็หันขวับมา จนลินจิสะดุ้งตกใจ เธอมีดวงตาสีแดงส่องไสว ถ้าถ่ายรูปคงต้องใช้เรดอายรีมูฟเวอร์

อันที่จริงตาแดงตอนถ่ายรูปเกิดจากแสงที่วิ่งผ่านเข้ารูม่านตา และสะท้อนเอาเรตินาภายในดวงตากลับออกมา จึงเห็นเป็นจุดแดง ๆ เวลาถ่ายภาพ

…เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ไม่มีเวลามาอธิบายแล้ว

ลินจิรีบใช้ทักษะ ‘หยั่งรู้’ ส่องดูข้อมูลทันที

[คารีนายา ปีศาจ เพศหญิง]

“ว๊ากกก!”

ลินจิอ้าปากตะโกนลั่น เมื่อเห็นหญิงคนนั้นลอยพุ่งมาด้วยความเร็วสูงในท่าซุปเปอร์แมน

เมื่อประจันหน้ากัน ลินจิก็สังเกตว่า เธอเป็นหญิงผิวขาวซีด หน้าตาพอใช้ไม่ถึงขั้นต้องปรับปรุง มีผมดำยาวสลวย สงสัยคงหมักเปลือกกล้วยทุกวัน สวมชุดเดรสสีดำเปิดไหล่สไตล์โกธิก ดวงตาสีแดงเรืองแสงปิ๊บ ๆ มองผ่าน ๆ น่าจะอายุประมาณสามสิบปี ตัวสูงกว่าลินจิเล็กน้อย ร่างกายผอมบาง

แต่ที่สะดุดตา ไม่สิ ต้องเรียกว่าแปลกตามากกว่า คือหางงูที่โผล่ออกมาจากกระโปงของเธอ

เห็นแบบนั้นลินจิก็นึกขึ้นได้

“ปีศาจงู…?”

ไม่มีเสียงตอบคำถาม แต่รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายจิตสังหารชั่วร้ายที่สะกดไว้ออกมา

ลินจิสะดุ้งกลั้นใจ และยังนึกสงสัยในสายตาของตนไม่หาย เขารู้สึกคับคล้ายคับครากับหน้าตาของปีศาจงู

กระทั่งนึกขึ้นได้ ลินจิก็พึมพำอย่างตกตะลึง

“อาจารย์…ที่เคยสอน…ศิลปะ?”

อีกฝ่ายคงอ่านความตกใจที่แฝงในน้ำเสียงได้จึงขมวดคิ้วเหมือนอารมณ์เสีย

“เทพเจ้า เจ้าพูดอะไรของเจ้า”

แม้เสียงของปีศาจงูจะแหลมสูงจนแสบแก้วหู แต่ลินจิก็ไม่ขยับ เขาจ้องปีศาจเบื้องหน้าตาไม่กะพริบ

“ข้ามองเห็นผลึกดวงดาวในตัวเจ้า เทพเจ้าเอ๋ย ทั้งพลังของเจ้า เลือด เนื้อ และวิญญาณจงมอบให้ข้าเสียเถอะ”

ปีศาจงูจ้องลินจิตาเขม็ง ถ้อยคำวางโตไม่เข้ากับเสียงแหลมสูงนั้นเลย

“อะจ๊าก”

ลินจิยังไม่ทันได้ต่อบทสนทนา ปีศาจงูก็ใช้ไอชั่วร้ายพุ่งโจมตีใส่ลินจิ แต่โชคดีที่ลินจิเปิดใช้เขตอาคมป้องกันไว้ได้ทัน ไอชั่วร้ายที่ปะทะเข้ากับเขตอาคมจึงสลายไปในพริบตา

“จะเอาอะไรก็เอาไปเถอะ แต่อย่าใช้ความรุนแรงเลยนะ Please”

ลินจิเอ่ยพลางส่ายไม้ส่ายมือห้ามปราม ส่วนสีหน้าของปีศาจตนนั้นก็แทบไร้อารมณ์แสดงออกมา สายตาจับจ้องไปยังหนุ่มน้อยผู้สวมเสื้อนักเรียนกับกางเกงขาสั้นสีดำ

“เทพเจ้าผู้ปรากฏตัวพร้อมกับผลึกดวงดาวทั้งแปดเอ๋ย ผลึกดวงดาวอีกเจ็ดชิ้นอยู่ที่ไหน ข้าเห็นเพียงหนึ่งชิ้นในตัวเจ้า”

ขณะลินจิสะดุ้งกลั้นใจ ปีศาจตรงหน้าก็ประกาศอย่างไร้ความปราณี

“ถ้าไม่ตอบข้าก็จะไม่รอ จงสังเวยชีวิตเพื่อมอบพลังให้ข้าซะ หึหึหึ”

กลุ่มควันสีดำม้วนตัวเสียงดัง เสาไอชั่วร้ายทะยานขึ้นมาจากพื้น

“ตายซะ!”

จิตสังหารทรงอำนาจขึ้นทันที เสาไอชั่วร้ายทะยานเข้าหาลินจิราวกับงูยักษ์สีดำ

“เหวอ…”

ลินจิตกตะลึงจนตอบสนองช้าไป ไอชั่วร้ายพุ่งเป็นสายมาจ่อตรงหน้า ส่วนปีศาจงูก็มองเหตุการณ์นี้ด้วยสายตาเยียบเย็น

“ว๊ากก!”

ลินจิหลับตาปี๋ทรุดลงนั่งอย่างเข่าอ่อน พลางใช้สองมือป้องหัวทันที วินาทีนั้นเขตอาคมก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ไอปีศาจที่พุ่งเข้ามาแตกกระจายไปรอบทิศ ทว่ามันกลับมารวมตัวใหม่แล้วพุ่งเข้าหาลินจิจากด้านหลัง พอลินจิลืมตา มวลไอชั่วร้ายที่รวมตัวกันเป็นสายก็ปะทะกับเขตอาคมจนระเบิดเสียงดัง

สายตาเย็นชาไม่เปิดโอกาสให้ลินจิหลบหนี ในอกเย็นวาบ เขาไม่มีทักษะโจมตีเลย หากเอาแต่ยืนเฉยคงถูกจู่โจมเป็นเป้านิ่งไปตลอดแน่ ลินจิเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจแหกปาก

“คุณชุน ช่วยด้ว-”

ยังไม่ทันจบประโยค ไอชั่วร้ายก็พุ่งเป็นสายเข้าจู่โจมพื้นเบื้องล่างที่ลินจิยืนอยู่จนเกิดเสียงระเบิดดังลั่น เศษดินและหินปลิวขึ้นฟ้ากลุ่มควัน

ร่างของลินจิปลิวกระเด็นกลิ้งสามตลบ ก่อนจะหยุดในท่านอนหงายแน่นิ่งบนพื้น ตอนนั้นเองที่เขตอาคมของลินจิเกิดรอยร้าว พร้อมกับเกิดบาดแผลถลอกที่แขน

“ฮึ เสียใจด้วยนะ ผู้อัญเชิญของเจ้า ถูกข้าดูดกลืนเข้าไปแล้วล่ะ”

“หน็อย… ทำร้ายร่างกายและจิตใจกันเกินไปแล้วนะ”

พอลินจิแผดเสียงด้วยความโมโห ปีศาจงูก็ฉีกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเย้ยหยัน

ขืนมัวแต่ยักแย่ยักยัน คงได้เฝ้ายมโลกแน่ ความดีก็ไม่ค่อยได้ทำ ให้ขึ้นสวรรค์คงไม่ได้หรอก ลินจิต้องหาทางสู้แล้ว

คิดได้แบบนั้นลินจิก็ใช้สองมือดันตัวลุกขึ้นจากพื้นแล้วสลัดเป้ออก ก่อนจะเหวี่ยงสไลด์เป้ไปยังกำแพงบ้านข้าง ๆ อย่างชำนาญ ถึงจะอยู่ในวินาทีอันตราย แต่ต้นฉบับนิยายวายก็สำคัญยิ่งชีพ ลินจิทุ่มเททั้งชีวิตและจิตใจเพื่อสาวกวาย เรื่องอะไรเขาจะยอมเอาของมีค่าไปเสี่ยงกัน

 

ฝุ่นคลุ้งกระจายจากแรงระเบิดบดบังร่างของทั้งสอง วินาทีนั้นลินจิก็ฉวยโอกาสยกเลิกเขตอาคมเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตา จากนั้นก็ร้อง “ฮึ” ออกมา แล้วใช้ทักษะกลายร่างทันที

[‘กลายร่าง’ LV1 เริ่มทำงาน]

ทันใดนั้นทัศนวิสัยของลินจิก็เปลี่ยนไป แสงสีทองจากเขตอาคมวูบดับหาย เขาไม่รู้ว่าตัวเองแปลงร่างเป็นอะไร แต่น่าจะเป็นก้อนหิน

ลินจิไม่มีเวลามาเช็กดูแล้ว

เมื่อฝุ่นผงจางลงปีศาจงูก็กวาดสายตามองหาลินจิอยู่พักหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ลินจิก็ภาวนาลุ้นตัวโก่งอยู่ในใจ …ได้โปรด อย่ามาทางนี้เลย

ทว่าปีศาจงูก็เลื้อยสำรวจอยู่รอบ ๆ โดยไม่ออกห่างไปไหน

< [กลายร่าง LV1] เกินขีดจำกัด จะยกเลิกอัตโนมัติภายใน 10 วินาที >

…ซวยแล้ว 9… 8… 7… 6… 5… 4…

3… 2... 1…

[ยกเลิก กลายร่าง LV1]

ทันทีที่ลินจิกลับสู่ร่างเดิม เขาก็รีบกางเขตอาคมทันที ขณะเดียวกันปีศาจงูก็ยกแขนขึ้นรวบรวมไอปีศาจ

“คราวนี้เจ้าหนีไปพ้นแน่”

กลุ่มควันรวมตัวกันเป็นลักษณะเรียวยาวคล้ายกับงู ส่วนปลายหัวเล็งมายังลินจิชวนให้ขนลุกขนพองเพราะจิตต่อสู้ที่พุ่งเข้ามานั้นเป็นของจริง

ปีศาจตนนี้แตกต่างกับปีศาจที่ลินจิเคยเจอมา ทั้งความรุนแรงของไอปีศาจ ความดุดัน ความเฉียบคม ทุกอย่างเหนือกว่าโดยสิ้นเชิง และลินจิก็เริ่มตระหนักได้ว่า ชีวิตต่างโลกนั้นอันตรายกว่าที่เขาคิด

ลินจิกัดริมฝีปาก ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี หลุดมาต่างโลกทั้งทีถึงจะมีพลังพิเศษแต่ก็ไม่สามารถใช้ต่อสู้ได้เลย

ขณะนั้นลินจิก็รู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาทันที แต่ถ้ารู้วิธีกลับโลกเดิม เขาก็คงไม่มายืนทนรับการโจมตีที่ไร้เหตุผลแบบนี้หรอก

ยิ่งคิดเด็กหนุ่มก็ยิ่งหงุดหงิดและทำใจยอมรับสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้

 

ความโกรธพวยพุ่งปุด ๆ ขึ้นมาจนลินจิตัวสั่นระริกอยู่ในเขตอาคมเทพเจ้า

ลินจิโกรธ แต่เขาโกรธตัวเองที่สุดที่ทำอะไรไม่ได้เลย แถมยังปล่อยให้ชุนตาย

จากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าเต็มปอด ความหงุดหงิดและหวาดกลัวเข้าผสมปนเปจนหัวใจเต้นรัว

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”

[ได้รับทักษะ ‘God Light’]

เสียงตะคอกด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับเสียงสิริที่ดังก้องอยู่ในหัวกำลังบอกว่าลินจิได้รับทักษะใหม่

ในที่สุด

ลินจิเมินอาการบาดเจ็บของตนเอง แม้เนื้อตัวจะถลอกปอกเปิกจากแรงระเบิดเมื่อครู่นี้ แต่เขาก็ยังกัดฟันเดินเข้าหาปีศาจงูด้วยเรี่ยวแรงที่มี จากนั้นก็รวมรวมพลังทั้งหมดมาไว้ที่ฝ่ามือ

“หึ หึ หึ”

ลินจิหัวเราะอย่างชั่วช้าต่ำตม เขาตั้งใจจะปิดฉากปีศาจสาวภายในการจู่โจมครั้งนี้

“เอามันให้จบเลย”

“เป็นอะไรไป อย่าบอกนะว่าเพิ่งจะมาคิดสู้เอาตอนนี้”

ปีศาจงูประเมินพลังต่อสู้ของลินจิจากสถานการณ์ที่ผ่านมา แต่เธอก็ไม่นึกกลัวเทพเจ้าตนนี้อีกต่อไปแล้ว

ลินจิจ้องปีศาจงูเขม็ง

“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก!”

ขณะนั้นฝ่ามือของลินจิก็ปรากฏละอองแสงสีขาวส่องประกาย เมื่อแสงเล็กแสงน้อยลอยตัวมารวมกันกลางฝ่ามือก็เกิดเป็นลูกบอลแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างไสว

เมื่อลินจิผลักลูกบอลแสงออกไป แสงสว่างก็วาบในพริบตา ก่อนจะกลายเป็นระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์สลายไอปีศาจทั่วบริเวณ

“หน็อย… กรี๊สสส!”

 

ปีศาจงูร้องอย่างโหยหวน ลินจิก็ยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ ขณะที่เฝ้าดูปฏิกิริยาของทักษะใหม่ ร่างของปีศาจงูก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

จากนั้นก็มีดวงแสงสีฟ้านับร้อยพุ่งทะยานออกมาจากกองเถ้าถ่านอย่างกระจัดกระจาย ก่อนจะขยายเป็นลำแสงรูปร่างเหมือนคน เมื่อแสงวูบดับลงก็เห็นชาวบ้านปรากฏอยู่ทั่วเมือง

ชาวบ้านเหล่านั้นต่างมองดูร่างกายตัวเองด้วยความมึนงง ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเรียกหาสมาชิกครอบครัวที่พลัดหลง บ้างก็ออกมาจากบ้านด้วยความประหลาดใจ ตอนนั้นเองที่ลินจิก็มองซ้ายขวาตามหาชุนเช่นกัน

แม้จะเข้าใจว่าชุนตายไปแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากจะเชื่อแบบนั้น

ยังไม่ทันได้ออกตามหา ลินจิก็ถูกสันมือสับเข้ากลางหัวจากด้านหลัง

“อ๊ะ…โอ๊ย”

“เจ้าหนู”

หันหน้าไปก็พบกับชุน ลินจิดีใจจนอยากจะแก้ผ้า ชูสองแขนขึ้นฟ้า แล้ววิ่งท่ากูลิโกะรอบเมือง

“ปีศาจล่ะ”

“อืม ผมจัดการไปเรียบร้อยแล้วครับ”

ไม่ทันไรลินจิก็ล้มแผละนั่งท่าเป็ดแบะขาเป็นตัว ‘M’ พอชุนเห็นจึงยื่นมือให้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ

"เฮ้อ..."

ลินจิจับมือชุนพลางก้มหน้าถอนหายใจ ก่อนเงยมองด้วยดวงตาสั่นระริก

“นึกว่าคุณชุนจะม่องเท่งไปซะแล้ว”

“นี่เป็นห่วงข้า หรือแช่งให้ข้าตายกันแน่”

เมื่อชุนสังเกตเห็นรอยแผลถลอกที่แขนขวาของลินจิ เขาก็ไม่อาจสะกดความกังวลได้ เพราะไม่เคยเห็นเทพเจ้าอัญเชิญที่ไหนมีแผลเลือดออกมาก่อนเลย

สำหรับชุนแล้ว ถึงลินจิจะไม่ใช่มนุษย์ แต่การที่เห็นสิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายคลึงกับตนบาดเจ็บ จุดเชื่อมโยงทางความรู้สึกก็ต่อติดกันอย่างไม่ตั้งใจ อย่างเวลาที่มนุษย์เราเห็นมดปลวกสิ้นชีพไป ความรู้สึกสะเทือนใจอาจไม่เท่าตอนที่เห็นวัวควายโดนฆ่า คงเพราะมียีนของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนกัน ความรู้สึกเลยสะท้อนถึงกันอย่างง่ายดาย

“ที่แขนไปโดนอะไรมาเจ้าหนู”

ลินจิเอียงคออย่างสงสัย ก่อนหน้านี้เขามัวแต่ต่อสู้กับปีศาจจนลืมสำรวจร่างกายตัวเอง พอมองตามสายตาของชุนที่จับจ้อง ลินจิก็เพิ่งรู้ตัว

“อ๊ะ”

“เป็นถึงเทพเจ้า เลือดตกยางออกแบบนี้ดูไม่สวยเลยนะ”

…จะสวยได้อย่างไรกัน ก็เป็นผู้ชายนี่ แม้อยากจะเถียง แต่ลินจิก็ทำได้เพียงยิ้มเจื่อนให้

“แฮ่ สะดุดล้มนิดหน่อยครับ เดี๋ยวแผลก็คงหายเองแหละครับ”

ชุนกระพริบตาแล้วส่ายหน้า

“ตามข้ามาก่อนแล้วกัน ใกล้จะถึงตำหนักโมโมะแล้ว จากนี้ข้าจะไปขอคำปรึกษาจากอาจารย์ของข้าเพื่อหาทางส่งเจ้ากลับ”

“คุณชุนครับ ให้ผมขี่หลังแล้วเหาะขึ้นฟ้าไปได้ไหม เมื่อยขาจัง”

ลินจิฟังหูซ้ายทะลุหูขวา จากนั้นก็เงยหน้าถามชุนเสียงอ่อน

“ไม่ได้หรอก ข้าเองก็มีพลังจำกัด ขืนใช้สุ่มสี่สุ่มห้า เกิดพลังหมดในยามคับขันจะแย่เอา”

เมื่อได้ยินชุนพูดแบบนั้นลินจิก็เริ่มเข้าใจ เพราะชุนต้องเก็บพลังไว้ใช้ในยามอันตราย ก็เลยเลือกที่จะเดินเพื่อประหยัดพลังไว้ใช้ในยามคับขัน รู้แบบนั้นลินจิก็รู้สึกผิด พลางคิดว่า …ไม่น่างอนไม่เข้าเรื่องเลยเรา

จู่ ๆ สมองก็มึนงง ลินจิเริ่มปวดหัวตื้อ ๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อยตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ความเหนื่อยล้าทำให้ร่างกายหนักอึ้ง การเคลื่อนไหวก็เชื่องช้าลง คงเพราะใช้พลังมากไป ลินจิจึงยกมือกดหน้าผาก เดินเซไปเซมาก่อนจะล้มลงนอนดังตุบ

ราวกับทุกสิ่งเป็นความฝัน ทั้งความดีใจ ความกลัว ความสนุก ความกังวล ทุกอย่างเหมือนสิ่งจอมปลอมราวกับที่นี่ไม่ใช่สถานที่ซึ่งตนควรอยู่

“คุณชุน… ถ้าผมหายไปคุณชุนจะเสียใจไหมครับ”

“เจ้าหนู! อย่าพูดบ้า ๆ นะ”

ชุนรีบก้มลงไปพยุงตัวลินจิ จากนั้นก็เขย่า ๆ

“ผะ…ผม ไม่ไหวแล้วล่ะครับ”

ลินจิพึมพำเสียงเบาพลันเบือนสายตาจากคนตรงหน้า

“เจ้าหนู! เจ้าหนู!”

สิ่งที่เกิดขึ้นทันควันทำให้ชุนตกใจมาก ถึงตอนแรกเขาอยากจะให้ลินจิหายไปพ้น ๆ สายตา แต่พอเอาเข้าจริงเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ชุนกลับรู้สึกผูกพันกับลินจิอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ว๊าย คนตาย”…“อนาจารจังเลย”…“ทำอะไรกลางวันแสก ๆ”…“ไม่อายฟ้าอายดินกันบ้างเหรอไง”

ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่ชุนก็ไม่สนใจสายตาและคำพูดเหล่านั้น

“คุณชุนครับ”

ลินจิมองชุนด้วยสายตาถามไถ่

“เจ้าหนู อย่าเพิ่งตายนะ!”

ชุนตะเบ็งสุดเสียง หวังว่าจะเรียกสติและดวงวิญญาณไม่ให้หลุดลอยออกจากร่างลินจิไป

“ขะ..ขอร้อง ชะ…ช่วย”

ชุนกระพริบตาปริบ ๆ รอฟังลินจิอย่างตั้งอกตั้งใจ

“จะ…จู จุ๊บผมที”

“…”

ลินจิเผยอยื่นริมฝีปากจนเกิดเสียงจุ๊บ ๆ ขณะเดียวกันชุนก็พ่นลมหายใจรุนแรงออกมา

ทันใดนั้น…

 

“โอ๊ย!”

การเล่นละครจบลงเท่านี้ ชุนปล่อยมือทันที ทำให้ร่างของลินจิหล่นกระแทกพื้นดังตุบจนฝุ่นตลบออกมาเป็นวง ตอนนี้เขาไม่แคร์แล้วว่ากระดูกของลินจิจะหักหรือเปล่า ถึงลินจิจะแห้งตายกลายเป็นปุ๋ยเขาก็ไม่สนแล้ว เมื่อสิ้นสุดความอดทน ชุนก็จ้ำเท้าเดินจากไป

ทว่า… วินาทีนั้นเองความรู้สึกนึกคิดของลินจิก็วูบดับไปจริง ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด