ตอนที่แล้วตอนที่ 2: ฉันคืออะไร... ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4: ดื้อแพ่ง จนได้เรื่อง

ตอนที่ 3: ความตายที่น่าสยดสยอง


ตอนที่ 3: ความตายที่น่าสยดสยอง

 

ในป่ารกชัฏที่เงียบสงัดในเวลาค่ำคืน เฮเซคียาห์ที่เพิ่งตื่นขึ้นไม่นานนั่งกอดเข่ามองกองไฟที่เขาเป็นคนก่อขึ้นเองตรงหน้า ไม้ที่ถูกไฟเผาส่งเสียงเปรี๊ยะๆ ดวงจันทร์บนท้องฟ้าไม่เต็มดวง ทอแสงสีเหลืองนวล หูยังคงแว่วได้ยินเสียงของสุนัขป่าหลายตัวหอนโหยหวน ฝูงของมันน่าจะอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ชายหนุ่มหยุดพัก

 

“ว่างชะมัด นอนอีกดีกว่า” เขาล้มตัวนอนตะแคง ใช้แขนเป็นหมอนหนุน สายตายังคงจ้องมองเปลวไฟ

 

“ตรวจพบมนุษย์ 3 คนทางทิศใต้ ระยะห่าง 700 เมตร”

 

มนุษย์?

 

เขานอนต่อ ไม่สนใจ

 

“ตรวจพบไลท์ติ้งวูล์ฟหนึ่งตัวในทิศทางเดียวกัน”

 

อดีตเจ้าชายยังนอนต่อ แม้เสียงหวีดร้องของมนุษย์แว่วมาถึงหู

 

ถ้ามนุษย์ถูกไลฟ์ติ้งวูล์ฟไล่ล่า มันไม่ควรเป็นเขาที่มีหน้าที่ไปช่วยเหลือ

 

“ถ้าไม่คิดจะช่วยก็ควรหนี” เศวตศาสตราเตือนเขา “ทั้งมนุษย์ ทั้งไลท์ติ้งวูล์ฟกำลังมาทางนี้”

 

“หนีอย่างนั้นเหรอ” เขาลุกขึ้นนั่งด้วยหน้าตาบูดบึ้ง รู้สึกเหมือนคำเตือนของเจ้ากล่องอวดดีเป็นการดูถูกเขา

“กรี๊ด!” ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มาจากป่าทางด้านขวาพร้อมกับเสียงของเธอ เขายืนขึ้น หันไปมองเธอ เห็นว่ามีเด็กชายอยู่ในวัยเยาว์ติดตามเธอมาด้วยอีกสองคน เลือดเปรอะเปื้อนทั้งตัวเธอและเด็กทั้งสอง

 

เธอไม่สังเกตเห็นเขาในสายตา เพราะกำลังจดจ่อความหวาดกลัวอยู่กับสัตว์กลายพันธุ์ตรงหน้า

 

เขาไม่รู้ว่าทำไม ขนคอเกิดลุกชันทั้งที่ไม่เคยคิดหวาดกลัวไลท์ติ้งวูล์ฟมาก่อน

 

ไลท์ติ้งวูล์ฟ สุนัขป่าตัวใหญ่กว่าสุนัขป่าปกติถึงสามเท่า บังคับให้เกิดสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาจากในอากาศ สายฟ้าที่ผ่าลงมา ผ่าเปรี้ยงโดนเด็กคนหนึ่งในเด็กชายทั้งสองคน ร่างของเด็กชายที่ถูกฟ้าผ่ากลายเป็นสีดำ กลิ่นเหม็นไหม้ของเนื้ออบอวล ขณะที่อีกคนซึ่งรอดชีวิตจากฟ้าผ่าไปได้หวีดร้อง ผู้หญิงคนโตกว่ารีบจับแขนเด็กที่ยังรอดชีวิต กระชากลากถูเขาให้วิ่งต่อ

 

เฮเซคียาห์มองไลท์ติ้งวูล์ฟกัดขย้ำศพที่ถูกฟ้าผ่าเกรียม

 

“แฮร่!” มันกัดเหยื่อไปคำเดียว ก็พลันสังเกตเห็นเขา

 

“ไปเร็ว วิ่งไป” เสียงของเศวตศาสตราดังขึ้นในหัว

 

อดีตเจ้าชายออกตัวตามที่เศวตศาสตราบอก

 

เขายังมีอวัยวะครบ แต่ร่างกายที่เป็นของเขาเอง เขากลับรู้สึกเหมือนเพิ่งได้มันมาใหม่และเป็นของไม่ดี ทั้งความสามารถในการกะระยะ หรือคำนวณการเคลื่อนไหวของตัวเขาเองและสิ่งมีชีวิตอื่นรอบข้าง รวมถึงการจับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของธาตุต่างๆ ในธรรมชาติบกพร่องลงไปมาก

 

“ไปทางตะวันตก” เศวตศาสตราพุ่งตัวแซงนำเขาไปในทิศทางที่มันบอก เสียงของมันยังคงดังต่อเนื่องในหัวของเขา “วิ่งตรงสู่ป่าเพื่อหลบหนี”

 

“อ๊ะ!” ชายหนุ่มอุทาน เมื่อจู่ๆ เขาสะดุดล้มลงขณะที่เสียงคำรามของไลท์ติ้งวูล์ฟไล่หลังมาติดๆ

 

เขาเจ็บแปลบที่ข้อเท้า ข้อเท้าคงพลิก

 

“กรร...ร...ร” ใบหน้าของไลท์ติ้งวูล์ฟอยู่ใกล้เขามาก

 

เขาพยายามลุก อาการเจ็บหายไปเร็วมาก แต่เขาเลิ่กลั่ก ตกใจอยู่

 

เฮเซคียาห์เองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาเกิดตื่นตกใจและหวาดกลัว

 

หรือแม้แต่จิตใจของเขาก็อ่อนแอลงไปตามสภาพร่างกาย?

 

“อ๊าก...ก...ก” เขาร้องลั่นเมื่อคมเขี้ยวของไลท์ติ้งวูล์ฟฝังเข้ามาในร่าง มันกัดเขาเข้าที่หัวไหล่ข้างหนึ่งโดยไม่ได้ช็อตไฟฟ้าใส่เขาก่อน หลังจากนั้น กรงเล็บของมันก็กดขยุ้มลงมาบาดตรงหน้าขาของเขาและตรึงช่วงล่างของเขาไว้ขณะที่มันกัดกระชากเอาเนื้อส่วนไหล่ของเขาออกไปจากร่าง แขนของเขาหลุดตามไปด้วย

 

ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงเลือดอุ่นๆ ที่ชโลมกายเขา นี่มันยังกลางคืนอยู่ เขาปราศจากพลัง

 

ร่างดิ้นทุรนทุราย กระแด่วๆ เขาร้องโหยหวน บางอย่างมันต่างออกไปเมื่อมีความเป็นมนุษย์ในตัว เขารู้สึกได้ว่าเลือดในกายไหลไม่หยุด และอวัยวะที่ขาดไปแล้วไม่งอกออกมาใหม่

 

ไลท์ติ้งวูล์ฟฉีกกระชากร่างของเขาส่วนอื่นเพื่อกัดกินต่อ มันไม่สนใจเสียงร้องของเขา หรือเสียงร้องของเขาอาจทำให้มันเจริญอาหารมากขึ้นก็เป็นได้

 

เฮเซคียาห์รับรู้ได้ว่าเบ้าตาของเขามีน้ำตาไหลรื้น ดวงตาสีเขียวต้นสนของเขามองเห็นไลท์ติ้งวูล์ฟอ้าปากออกตรงหน้าของเขา เขาแหกปากโดยอัตโนมัติด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเพิ่งรู้ว่าการเป็นมนุษย์ มันสามารถทำให้เจ็บปวดทุกข์ทรมานได้ขนาดนี้

 

ไลท์ติ้งวูล์ฟงับหัวของเขา กลิ่นเลือดเหม็นคลุ้งในปากของมัน ฟันแหลมคมกัดกระชากคอของเขาออกมา

 

เฮเซคียาห์ได้รู้ซึ้งในชีวิตของเขาว่า ความตายของมนุษย์น่าสยดสยองเพียงใด

 

เจ็บปวด

 

อ้างว้าง

 

และเขาจมดิ่งสู่ความมืด

 

 

 

 

อ๊ะ!

 

แสง!!!

 

แล้วนี่มัน...

 

สายลมเย็นๆ พัดผ่านผิว? ความชื้นจากน้ำค้างบนยอดหญ้าใต้ร่าง?

 

“ฮัดเช้ย!” เฮเซคียาห์จามอย่างแรง ร่างกายของเขานอนหงายเปลือยเปล่า

 

เขากะพริบตาถี่ๆ งงว่าเขาเพิ่งตื่นจากฝันร้ายว่าถูกไลท์ติ้งวูล์ฟกินไปใช่หรือไม่

 

ชายหนุ่มเมื่อยล้าขณะลุกขึ้นนั่ง กายเขาอยู่ในลำแสงสีขาวนวลยามเช้าที่ส่องลอดแมกไม้สูงลิบเหนือศีรษะลงมาได้ รอบกายขณะนี้มองเห็นได้เพียงสลัวๆ หมอกส่วนหนึ่งยังลอยอยู่เหนือพื้น ยังไม่กลั่นตัวเป็นน้ำค้างเพราะอากาศยังไม่อบอุ่นพอ

 

“แล้วเสื้อผ้าไปไหน” เขาเอามือลูบตรงหน้าต้นขา ก่อนห่อไหล่และจามออกมาอีกหน

 

“ทักทายอย่างเหมาะสม: ตื่นแล้วเหรอ”

 

“แกเห็นเสื้อผ้าของฉันไหม”

 

“ขาดไปหมดแล้ว” เศวตศาสตราตอบ

 

เขายังมองไม่เห็นว่ามันอยู่ที่ไหน

 

สักพักหนึ่ง ห่างออกไปทางด้านขวา แสงขาวเรืองรองปรากฏขึ้นในสายหมอก ความอุ่นแผ่ซ่านออกมาจากแหล่งกำเนิดแสงสีขาวนั้น เขามองเห็นเศวตศาสตราลอยตัวอยู่ในอากาศ

 

หมอกค่อยๆ สลายตัวจากการโอบล้อมรอบตัวมัน ชายหนุ่มค่อยๆ มองเห็นพื้นหญ้าใต้เศวตศาสตราได้ และต้องตกใจเมื่อได้เห็นศีรษะของไลท์ติ้งวูล์ฟที่ถูกตัดแยกออกจากตัว และชิ้นส่วนของมันกระจัดกระจายเรี่ยราดไปหมด

 

“หัวใจนายระเบิดมันเพื่อหนีออกมา ไลฟ์ควอตซ์คงไม่ชอบความเป็นกรดในกระเพาะอาหารของเจ้าหมานี่ และเป็นโชคดีของนายที่สมองไม่เสียหาย ไลฟ์ควอตซ์เลยฟูมฟักร่างนายให้สมบูรณ์ดีอีกครั้งจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่สะสมไว้ ผนวกกับพลังงานแสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ได้รับในตอนนี้”

 

“เดี๋ยวก่อนนะ จะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน มันเรื่องจริงเหรอ” เฮเซคียาห์ทำหน้าเซ่อ “ฉันถูกมันกินเข้าไปจริงๆ”

 

เขาชี้มือไปที่ศีรษะของไลฟ์ติ้งวูล์ฟ ความทรงจำเลวร้ายทำให้ทรงตัวไม่อยู่อีกต่อไป แข้งขาอ่อน กายทรุดลงนั่งแผละ เขาบังเกิดความรู้สึกขยักขย้อนในท้อง แล้วปากของเขาก็อ้าออกส่งเสียงโอ้กอ้าก

 

แต่กระเพาะว่างเปล่า ไม่มีอะไรออกมา

 

“แกปล่อยให้ฉันถูกกิน...” เขาตั้งสติได้ หันไปพูดปากคอสั่นกับเศวตศาสตรา “...โดยไม่ช่วยอะไรฉันเลย”

 

“ฉันจะไปช่วยอะไรได้”

 

“เปิดโหมดป้องกันตัวไม่ได้หรือไง”

 

“ตอนที่หัวนายถูกกลืนลงไปแล้วน่ะเหรอ” เศวตศาสตราลอยมาอยู่ตรงหน้าเขา และหย่อนตัวมันเองลงบนพื้นหญ้าในระยะช่วงแขน “นายไม่หายใจ ขานายก็ขาด แขนนายก็ขาด ฉันเปิดโหมดป้องกันตัวไม่ได้หรอก บอกตรงๆ ตอนนั้นที่นายถูกกัดหัวขาด ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าจะช่วยยังไง ใครใช้ให้นายดันสะดุดขาตัวเอง”

 

เฮเซคียาห์ยกมือกำขึ้น ทุบกำปั้นของเขาลงพื้นอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บร้าวสันมือไล่ไปจนถึงข้อศอก

 

“หรือแกตั้งใจจะปล่อยให้ฉันตาย” เขาตะโกนเสียงดัง นกทั้งที่ตื่นอยู่และยังหลับใหลถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงตะโกนของเขา พวกมันพากันตกใจและส่งเสียงร้องกันระงม เสียงกระพือปีกของนกหลายต่อหลายตัวดังอยู่สูงเหนือศีรษะขึ้นไป

 

“เปล่า แล้วนายก็ยังไม่ตาย”

 

“ฉันตาย ฉันตายไปแล้วรอบนึง” นิ้วงอเกร็งเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดตอนที่ร่างกายถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

 

“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ถ้านายตาย ฉันต้องตายตามไปด้วย นายลืมไปแล้วหรือไง”

 

“ฉันไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของแกคืออะไร ใครสร้างแกมา แกไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แกสนด้วยเหรอที่ต้องตาย” เขาพ่นเสียงรอดไรฟันอย่างโกรธระคนหงุดหงิด "ไม่ใช่สิ แกตายได้ซะที่ไหน ต้องพูดใหม่ว่าแกสนจริงๆ เหรอห๊าว่า แกต้องหายไปจากโลกนี้พร้อมกันกับฉัน ถ้าฉันตาย"

 

“หน้าที่ของฉันคือรับใช้นาย” เศวตศาสตราเรืองแสงเป็นสีน้ำเงิน “ฉันไม่อยากให้นายตาย ไม่ชอบที่นายตาย นี่เป็นความรู้สึก”

 

“มีความรู้สึก” เขาเค้นเสียงหัวเราะ “แกเนี่ยนะ?”

 

“ยืนยัน: ฉันรู้สึกได้นะ”

 

“แกมันก็แค่กล่องหินโง่ๆ แกไม่มีหัวใจด้วยซ้ำ”

 

“ไลฟ์ควอตซ์ดูเหมือนหิน แต่เธอมีชีวิต เธอเติบโตได้ และรู้สึกได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

 

เฮเซคียาห์ชะงัก ไม่คิดว่ามันจะแย้งเขากลับอย่างมีเหตุผล แต่เขาก็รับไม่ได้กับเหตุผลของมัน

 

“องค์ประกอบตัวกล่องของแกมีความคล้ายคลึงกับไลฟ์ควอตซ์ นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้มา แต่แกเป็นแค่ของเลียนแบบ อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับไลฟ์ควอตซ์ ไลฟ์ควอตซ์ถือกำเนิดขึ้นมาจากชีวิตของคนจำนวนมาก และคนพวกนั้นล้วนแล้วแต่มีพรสวรรค์แทบทั้งสิ้น” เฮเซคียาห์ยกมือขึ้น ชี้นิ้วไปที่เศวตศาสตรา “แกน่ะ! ไม่มีคนรู้ที่มาที่ไป แค่ของเลียนแบบ คนที่สร้างแกมาต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ”

 

เฮเซคียาห์ลุกขึ้น

 

“ต่อไปนี้ฉันจะออกเดินทางไปคนเดียว แกไม่ต้องตามฉันมา”

 

“เดี๋ยวก็ไล่ เดี๋ยวก็ด่าทอ หยุดทำแบบนี้ นายก็เห็นแล้วว่าการใช้ชีวิตแบบมนุษย์เต็มไปด้วยอันตราย นายต้องการฉัน”

 

“ไม่! ฉันไม่ต้องการแก” เขาตวาด “ไปไหนก็ไป!”

 

ชายหนุ่มออกเดินทั้งร่างกายเปลือยเปล่า เขาไม่สนใจเศวตศาสตราที่เรียกชื่อเขา พลางลอยตามเขามา

 

 

 

 

 

“อ้าก...ก....ก!!!” เฮเซคียาห์ตะโกนลั่น ตามด้วยการผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

 

เขาสะบัดหัวไปมา ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนนั่งอยู่ในรังของนกอินทรียักษ์ ลูกนกอินทรีตัวใหญ่นั่งขดอยู่อีกด้านของรัง มันมองเขาด้วยดวงตาหวาดระแวง

 

เท่าที่เขาจำได้ แม่อินทรียักษ์แบกเขามาถึงรังนี้ และกินเขา พลางฉีกทึ้งเขาให้ลูกของมันในวัยกำลังหัดบินได้กินด้วยกัน

 

“เฮ้ย แกมานี่ซิ” เขากวักมือเรียกมัน

 

เศษขนนกที่กระจายอยู่ทั่วรังทำให้เดาได้ว่าแม่นกคงเป็นตัวที่กินหัวใจของเขาเข้าไปและตัวระเบิดตายไปแล้ว

 

นี่เป็นการตายครั้งที่เท่าไรของเขา เฮเซคียาห์จำไม่ได้ เขาไม่ได้นับ

 

ความตายเป็นสิ่งน่ากลัว เขาไม่ได้ตายด้านกับมัน มันเจ็บปวดมากทุกครั้งก่อนตาย บางครั้งร่างกายของเขาก็ทำเรื่องน่าอายอย่างปัสสาวะรดตัวเองด้วย

 

“บอกให้มาก็ไม่มา” เขาบ่นพึมพำ

 

เขาลุกขึ้นแล้วเลียนเสียงนกร้อง หวังให้ลูกนกอินทรีกล้าเข้ามาหาเขา

 

มันส่งเสียงขู่ พร้อมกับกางปีกออกข่มขวัญ

 

ชายหนุ่มหรี่ตามองมัน ก่อนพุ่งตัวเข้าไปหาอย่างฉับไว เขาใช้สองมือคว้าคอของมันที่ซวนเซจะตกจากรังเอาไว้ได้ และเกี่ยวตัวขึ้นไปนั่งบนหลัง ปิดตาลงขณะเกาะแผงคอของมันไว้แน่นตอนลูกนกอินทรีผลัดร่วงหล่นจากรังบนผาสูง

 

ถ้าหล่นลงโหม่งพื้น ทั้งเขาและลูกนกคงต้องตาย

 

แต่เขาตายมาแล้วหลายหนแล้ว ตายอีกคงไม่เป็นไร

 

“แกว๊กๆ” ลูกนกอินทรีส่งเสียงแหลมอย่างต่อเนื่องด้วยความหวาดกลัว มันกางปีกออกและบินถลาในอากาศอย่างทรงตัวไม่อยู่

 

เขาเผยอเปลือกตาขึ้น ใจหายวูบเมื่อเห็นพื้นดินอยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย คิดว่าตัวเองกำลังจะกระแทกพื้นโลก

 

แต่ทันใดนั้นเอง เจ้าลูกนกอินทรีที่เขาขี่อยู่ ก็เชิดหัวของมันขึ้นสูงได้สำเร็จ

 

“เยส!” อดีตเจ้าชายหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เขาชูมือขึ้นแล้วค่อยๆ กางแขนออก รับรู้ถึงลมที่พัดอยู่รอบตัวเขา ชีวิตของเขาตอนนี้ไม่เลวร้ายนักหรอก

 

เขาตายได้ แต่ก็ตายได้หลายรอบ

 

ส่วนเศวตศาสตรา เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว

 

ครั้งหนึ่งเมื่อเขาตื่นขึ้นจากความตายมันก็ไม่อยู่กับเขาแล้ว

 

แต่ในการตายครั้งแรกๆ ของเขา เศวตศาสตราพยายามอธิบายให้เขาฟังว่า ไลฟ์ควอตซ์ที่ฝังแน่นกับหัวใจของเขานับตั้งแต่ยังเป็นทารก สร้างพังพืดเหนียวรอบหัวใจเพื่อคุ้มครองตัวมันเองหลายชั้น สัตว์ที่กินหัวใจที่พันหุ้มด้วยพังพืดเหนียวเข้าไปคงเข้าใจแค่ว่าหัวใจของเขาเป็นหินหรืออวัยวะที่แข็งเป็นพิเศษ แต่พอเวลาผ่านไป เมื่อเศษไลฟ์ควอตซ์สะสมพลังงานจากการดูดซับความร้อนหรือความเย็นจากภายในตัวสัตว์ได้ในระดับหนึ่ง มันจะใช้พังพืดชั้นในเพื่อจุดระเบิดที่รุนแรงมาก เพื่อพาหัวใจที่ยังสมบูรณ์อยู่หรืออาจจะไม่สมบูรณ์กลับออกมาสู่โลกภายนอกพร้อมกับเศษไลฟ์ควอตซ์เพื่อรับแสงอาทิตย์ให้เต็มที่ หลังจากนั้นไลฟ์ควอตซ์จะเริ่มกระบวนการถักทอกล้ามเนื้อหัวใจ ต่อเนื่องไปจนกระทั่งได้ร่างกายเดิมที่สมบูรณ์

 

อย่างไรก็ตาม ไลฟ์ควอตซ์สามารถสร้างร่างกายจากหัวใจได้ แต่ไม่สามารถสร้างสมองใหม่ได้

 

ดังนั้นในบางครั้งเมื่อเฮเซคียาห์ตาย แต่ไลฟ์ควอตซ์พาตัวเองระเบิดออกมาช้า ทิ้งให้ศีรษะของเขาไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ เช่นอยู่ในท้องของสัตว์ตัวอื่น หรือถูกทิ้งขว้างอยู่ในที่ที่เสียชีวิตเพราะสัตว์ที่ฆ่าเขากลืนศีรษะของเขาลงไปไม่ได้หรือเคี้ยวไม่เข้า เศษไลฟ์ควอตซ์ในร่างกายของเขาจะตรวจหาคลื่นสมองของเขาเพื่อหาพิกัดที่ศีรษะตกหล่นอยู่ และตามไปเก็บศีรษะเพื่อประกอบเข้ากับร่าง

 

เขาจำได้ถึงความตายในครั้งก่อน

 

ก่อนที่เขาจะมาพลาดท่าให้กับนกอินทรี หลังจากเขาได้สติขึ้นมาจากความตาย เขาดันมีแต่ศีรษะซึ่งปราศจากร่างกาย จากนั้นเรื่องน่าสะพรึงมากมายก็เกิดขึ้นต่อเนื่อง สัตว์ตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ตามพื้นมากัดแทะใบหูกับจมูกของเขา รอถึงสองคืนกว่าร่างกายของเขาจะมาพบศีรษะของเขาเข้า และฟื้นฟูอวัยวะที่สูญเสียไปให้กลับคืนมาดังเดิม

 

เขาเข้าใจสิ่งที่เคยอ่านถึง ความรู้สึกเหมือน ’ตายทั้งเป็น’ ของมนุษย์

 

จริงๆ เขาตั้งใจว่าจะระมัดระวังตนเองให้รอบคอบยิ่งขึ้น ไม่อยากตายอีกแล้ว แต่ก็ถูกนกอินทรีโฉบไป

 

“ฉันอยากขี่แกกลับไปที่เมืองหลวง แต่แผนนี้ไม่สำเร็จแน่” ชายหนุ่มคุยกับลูกนกอินทรี ลูบแผงคอของมันอย่างเอ็นดู

 

เขามองไปด้านหน้า ไม่ไกล สามารถมองเห็นชายป่า พ้นจากพื้นที่ป่าออกไปเป็นทะเลทรายกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

 

“เดี๋ยวก่อน นั่นมันอะไร” เขาเห็นพาหนะที่บินได้ในอากาศ กำลังลดตัวร่อนต่ำลงไปยังพื้นที่ชายป่าด้านหนึ่ง อีกฝ่ายไม่น่าสังเกตเห็นเขาที่ลอยอยู่ห่างออกไปทางด้านหลัง เพราะระยะระหว่างทั้งคู่ยังไกลกันมาก เขายังเห็นอีกฝ่ายเป็นแค่จุดเล็กๆ ในอากาศ

 

เฮเซคียาห์ตัดสินใจว่าเขาต้องลงไปดูว่าคนที่ขับขี่พาหนะดูคุ้นตาแต่ไม่ใช่สิ่งที่เขารู้จักเสียทีเดียวเป็นมนุษย์หรือชาวมัสติน บางทีเขาอาจขโมยพาหนะของอีกฝ่ายมาใช้เพื่อกลับไปยังเมืองหลวงได้

 

เขาปีนลงไปที่ขานกและโหนขามันไว้ ขย่มตัวหลายต่อหลายทีเพื่อรั้งให้มันต้องลดระดับการบินลงต่ำ ลูกนกอินทรีร้องโหวกเหวก สูญเสียสมดุล มันบินต่ำลง และเลยเข้าไปในเขตทะเลทรายซึ่งเฮเซคียาห์รับรู้ได้ถึงลมร้อนอบอ้าวตีเข้ากับหน้า

 

เมื่อเขาเห็นว่าเขาเข้าใกล้พื้นมากแล้ว จึงกระโดดลง

 

ตุ้บ!

 

เสียงเนื้อกระทบพื้นทรายดังลั่น กระดูกซี่โครงคงหักหลายซี่ เขาเห็นพวกมันทิ่มทะลุผิวเนื้อบนทรวงอกออกมา นี่ยังดี ไม่มีท่อนไหนหักไปทิ่มปอด อย่างไรก็ตาม เจ็บเหลือทน และทรายร้อนๆ กำลังลวกผิวเขาจนแทบสุก ความเจ็บปวดและความร้อนแผดเผากระตุ้นให้เขากระเสือกกระสนคลานไปตามพื้นด้วยความทุกข์ทรมาน

 

เมื่อกระดูกที่หักสมาน เขารีบลุกขึ้น และวิ่งอย่างสุดฝีเท้า

 

“ร้อนฉิบ! ให้ตายสิวะ!” เขาแผดเสียงเมื่อกลับมาถึงชายป่า ทรุดกายลงนั่งกับพื้นและหอบหายใจแรง

 

ผิวกายบวมพองค่อยๆ ฟื้นตัว

 

“อ๊า...” เขาค่อยๆ คลายทรมาน ยืดกายขึ้นอย่างช้า และเมื่อตั้งสติได้ดี เฮเซคียาห์สาวเท้าพุ่งไปยังทิศทางที่เขาเพิ่งเห็นกับตาว่ามีพาหนะร่อนลงจอด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด