ตอนที่ 181 สิทธิในการหย่าร้าง
เฟิงจินหยวนไม่กล้าละเลย กวาดเสื้อคลุมของเขา เขาคุกเข่าบนพื้นดิน “เฟิงจินหยวนรับพระราชโองการ !”
ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเขาก็คุกเข่าบนพื้น เหยาซื่อก็คุกเข่าต่อหน้าเฟิงหยูเฮงเช่นกัน ทุกคนต่างรู้สึกกระสับกระส่าย ขณะที่พวกเขาพยายามคาดเดาข้อความในพระราชโองการนี้
แต่ในความเป็นจริงเนื้อหาของพระราชโองการนั้นง่ายมาก ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำตระกูลเฟิงก็สั่นคลอนขึ้นอีกครั้ง “ลูกสาวของตระกูลเหยา, เหยาเชี่ยนหรู เราให้สิทธิแก่เจ้าในการหย่าร้างจากเฟิงจินหยวน”
เฟิงจินหยวนรู้สึกงุนงงกับสิ่งนี้ แล้วเงยหน้าขึ้นมาถามว่า “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
เหยาซื่อก็ตกใจมากเช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้นางคิดว่านางควรจะมีปฏิสัมพันธ์กับจินหยวนเนื่องจากนางกลับไปเป็นฮูหยินใหญ่อีกครั้ง นางยังสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่นางจะทำถ้าเขาต้องการที่จะพักค้างคืนที่เรือนตงเซิงและนางจะไล่เขาได้หรือไม่ แต่ในพริบตาเดียวเฟิงหยูเฮงได้ประกาศสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนาง
“ข้าจะไม่ถือสาท่านพ่อที่พลั้งปากพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจ” เฟิงหยูเฮงหันหลังให้กับพระราชโองการ และอนุญาตให้เฟิงจินหยวนอ่าน “เป็นเสด็จพ่อที่ทรงทำเช่นนี้ และไม่ใช่ความตั้งใจของอาเฮง”
“นี่…” เฟิงจินหยวนไม่เคยคิดเลยว่าฮ่องเต้จะทรงเอาแต่พระทัยและออกพระราชโองการเช่นนี้มาให้จริง ๆ ! ให้สิทธิ์แก่ผู้หญิงที่จะหย่าร้างจากสามีของนาง นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ต้าชุน !
เฟิงจินหยวนพูดไม่ออก
ผู้คนในตระกูลเฟิงก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน
ฮูหยินผู้เฒ่าที่นอนอยู่บนเตียงอ้าปากค้าง แต่นางพูดอะไรไม่ออก เมื่อบุตรสาวคนที่สองไม่กลับมา ฮูหยินผู้เฒ่าใช้เวลาทุกวันคิดถึงนาง อย่างไรก็ตามหลังจากที่นางกลับมา นางนำความประหลาดใจที่คาดไม่ถึงกลับมาหาตระกูลเฟิง เพื่อสิทธิในการหย่าร้างซึ่งอยู่ในมือของผู้หญิง ความอัปยศอดสูนั้นมีมากแค่ไหนสำหรับผู้ชาย?
แน่นอนเมื่อบางคนมีความสุขก็จะมีคนอื่นที่จะกังวล ดังนั้นเมื่อบางคนกังวล คนอื่นจะมีความสุข ตัวอย่างเช่น เฟิงเฉินหยูและเฟิงเฟินไดพร้อมกับฮันชิก็มีความสุขมากหลังจากได้ยินพระราชโองการนี้ ฮันชิหัวเราะให้เฟิงหยูเฮงมากยิ่งขึ้นเพราะนางรู้สึกว่านางทำลายตัวเองด้วยความฉลาดของตัวเอง ในการรับพระราชโองการดังกล่าวให้กับมารดาของนาง จริง ๆ แล้วนางไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาช่วยเหยาซื่อหรือขุดหลุมฝังนาง
อย่างไรก็ตามฮันชิไม่ทราบว่าตำแหน่งฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิงนั้นไร้ค่าอย่างสิ้นเชิงในสายตาของเหยาซื่อและเฟิงหยูเฮง เฟิงหยูเฮงจะไม่อนุญาตให้นางกับเหยาซื่อใช้ชีวิตในคฤหาสน์นี้ ชีวิตของข้าเป็นของข้าและไม่ใช่ของสวรรค์ ถ้าขนาดสวรรค์ยังไม่พูดทักท้วงอะไร แล้วคนในคฤหาสน์เฟิงหรือจะกล้าทักท้วง
“ท่านแม่” เฟิงหยูเฮงมองเหยาซื่อ “เก็บพระราชโองการให้ดี ในอนาคตถ้า...”
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น !” เหยาซื่อได้ยื่นมือออกไปรับพระราชโองการ ไม่รอให้เฟิงหยูเฮงพูดจบ นางตัดสินใจว่า “ณ วันนี้ข้าจะหย่าจากเฟิงจินหยวน ! ข้าจะผ่านการหย่าร้างครั้งนี้ในฐานะฮูหยินใหญ่ บุตรของข้าจะยังคงเป็นบุตรชายและบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ตระกูลเฟิง แน่นอนถ้าเสนาบดีเฟิงมีการเตรียมการอื่น ๆ ข้าจะไม่พูดอะไรเลย ข้าเชื่อว่าบุตรของข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความรุ่งเรืองของตระกูลเฟิงเพื่อความอยู่รอด หนึ่งในนั้นได้รับพระราชทานตำแหน่งองค์หญิงแห่งมณฑลและได้รับที่ดินพระราชทาน ในขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นท่านราชครูของราชวงศ์ ยังต้องกลัวอีกหรือไม่ว่าพวกเขาจะไม่มีอนาคตที่ดี !”
เหยาซื่อได้ตระหนักถึงภัยคุกคามและระบุถึงตำแหน่งอันสูงส่งของลูก ๆ ของนางแต่ละคน เฟิงจินหยวนลองคิดดูด้วยตัวเจ้าเอง เจ้ากล้าที่จะจัดการกับพวกเขาหรือไม่?
เฟิงจินหยวนโกรธมากจนเกือบจะกระอักเลือดออกมา ! เขาเข้าใจว่าแม้ว่าเหยาซื่อจะหย่าขาดจากเขา บุตรทั้งคู่นี้จะยังคงเป็นบุตรชายและบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ตระกูลเฟิงเช่นเดิม ในช่วงชีวิตนี้ถ้าหากฮ่องเต้ไม่พูดอะไร เขาจะไม่กล้าทำสิ่งใด ๆ กับพี่น้องคู่นี้
“เชี่ยนหรู ! !” ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนออกมา “เจ้าต้องคิดให้ดี !”
แม้แต่อันชิก็กังวลเล็กน้อยและดึงแขนเสื้อของเหย้าซื่อ “พี่ใหญ่ ท่านหลุดพ้นจากปัญหาทั้งหมดแล้ว ทำไมต้องมุทะลุเช่นนี้”
เฟิงเซียงหรูส่ายหัวเล็กน้อยแล้วดึงอันชิมาพูดอย่างเงียบ ๆ ว่า “ท่านแม่ทำอะไรไปเจ้าคะ”
อันชิไม่เข้าใจและตำหนิเฟิงเซียงหรู “เด็กเล็กอย่างเจ้าจะเข้าใจอะไร?” จากนั้นนางแนะนำเหยาซื่อ “พี่ใหญ่ได้อดทนกับความยากลำบากมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ตำแหน่งฮูหยินใหญ่ได้กลับไปอยู่ในมือของพี่ใหญ่แล้ว ทำไมพี่ใหญ่ไม่ต้องการเจ้าคะ ?”
เหยาซื่อยิ้มบาง ๆ และยืนขึ้น หันมาเผชิญหน้ากับทุกคนในตระกูลเฟิง นางได้ถือพระราชโองการในมือของนางและพูดเสียงดังว่า “ข้า ลูกสาวของเหยาเซียน เหยาเชี่ยนหรู ขอประกาศหย่าขาดกับเฟิงจินหยวน นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้ากับเขาไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป!”
ด้วยพระราชโองการที่มีอยู่ในมือ แม้ว่าเฟิงจินหยวนจะต่อต้านมันอย่างมากแต่เขาจะพูดอะไรได้ ? เขาทำได้เพียงแค่จ้องมองเหยาซื่ออย่างดุดันและพูดเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจในภายหน้า !”
“ข้าจะไม่เสียใจอย่างแน่นอน”
ด้วยคำพูดเหล่านี้ นางได้ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเฟิงจินหยวน
เฟิงหยูเฮงมองเหยาซื่อด้วยรอยยิ้ม และเปลี่ยนวิธีการพูดของนางทันที “ท่านแม่ที่รัก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อาเฮงและจื่อหรูจะปกป้องท่านแม่เองเจ้าค่ะ”
เฟิงเซียงหรูก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่เหยาซื่อแล้วก็คำนับ “ยินดีกับป้าเหยาด้วยเจ้าค่ะ”
“เจ้ามันทำตัวน่าอดสูยิ่งนัก !” ด้วยคำกล่าวยินดีของเฟิงเซียงหรูทำให้เฟิงจินหยวนโกรธแค้นจนถึงจุดที่ไฟไหม้ องค์หญิงแห่งมณฑลไม่ใช่คนที่เขาสามารถทุบตีได้ แต่เขาสามารถตีบุตรสาวคนนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นและยกมือขึ้นเพื่อตีเฟิงเซียงหรู
“ท่านพ่อ” ก่อนที่เขาจะตีเซียงหรู เฟิงหยูเฮงพูดขึ้น “มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าท่านพ่อไม่ได้ทำให้บุตรสาวคนอื่น ๆ ขุ่นเคืองใจทั้งหมดในครั้งเดียว ก่อนที่ท่านพ่อจะตีนาง ให้คิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับคนที่เหลืออยู่”
มือของเฟิงจินหยวนหยุดลง สิ่งที่เฟิงหยูเฮงพูดถูกต้อง ถ้าเขาทำร้ายเฟิงเซียงหรู นางอาจจะเกลียดชังเขา บุตรสาวคนที่สามนี้เป็นคนที่ก้าวหน้าไปพร้อม ๆ กับเฟิงหยูเฮงแล้ว หากเขาลงมือทำ ตอนนี้นางอาจจะเย็นกว่าเดิมได้ ในส่วนที่เหลืออีกสองคน เฟิงเฉินหยูเป็นคนที่สูญเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว และเฟิงเฟินไดไม่ใช่คนที่สามารถนำเสนอได้
หัวใจของเขาสั่นสะเทือนจากความรู้สึกหายใจไม่ออก มือที่เขายกขึ้นลดต่ำลงอย่างน่าละอาย เมื่อมองที่เฟิงเซียงหรูแล้วมองไปที่เหยาซื่อ ในที่สุดเขาก็หันไปมองเฟิงหยูเฮง
เฟิงจินหยวนเริ่มรู้สึกเสียใจ เขาเสียใจที่ขับไล่เหยาซื่อออกไปจากคฤหาสน์ เขาเสียใจที่ส่งนางและลูก ๆ ไปยังภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ใครจะรู้ว่าความคิดของฮ่องเต้ที่โกรธแค้นต่อตระกูลเหยานั้นจะดีขึ้นมาก ? ใครจะรู้ว่าเฟิงหยูเฮงจะมีอนาคตที่สดใสเช่นนี้ในวันนี้ นอกจากนี้ใครจะรู้ว่าองค์ชายเก้าที่ลึกลับ และไม่แน่นอนจะใส่ใจบุตรสาวคนที่สองของเขา ?
เฟิงจินยวนรู้สึกสิ้นหวังอย่างไม่รู้จบ เมื่อมองไปที่เฟิงหยูเฮง เขาอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “ถ้าข้าไม่ส่งเจ้าไปยังภาคตะวันตกเฉียงเหนือในวันนั้น วันนี้จะยังคงมีผลลัพธ์เช่นนี้หรือไม่ ?”
เฟิงหยูเฮงยิ้มออกมา ราวกับว่านางเป็นหงส์เพลิงเพิ่งเกิดใหม่จากเปลวไฟพร้อมปีกคู่หนึ่งที่เปล่งประกาย นางบอกความจริงกับเฟิงจินหยวนว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะอาศัยอยุ่ที่ภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ท่านพ่อ บุตรสาวของท่านพ่อก็ไม่เป็นเช่นวันนี้”
เฟิงจินหยวนออกจากเรือนซูหยาโดยมีเฉินหยูประคอง แม้ว่าเฉินหยูพูดกับเขาซ้ำ ๆ ว่า “ท่านพ่ออย่าท้อแท้ ไม่ว่าอะไรก็ตามเฉินหยูจะยืนเคียงข้างท่านพ่อเสมอ เฉินหยูจะไม่ทิ้งท่านพ่อ”
แต่ว่าตัวเฟิงเฉินหยูจะมีประโยชน์อะไรเหลืออยู่อีก ?
อาการป่วยของพระชายาองค์ชายสามได้รับการรักษา และเหมืองหยกขององค์ชายสามก็หายไป กองทัพที่เขาเลี้ยงดูอยู่นอกเมืองเสบียงกำลังจะหมด และตระกูลเฟิงของเขาก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเฉินอีกต่อไป พวกเขายังไม่ได้เริ่มทำงานอย่างแท้จริง แต่มันจะจบลงเช่นนี้หรือ ? เขาเลือกองค์ชายสาม เขารู้สึกปวดใจเ ขาไม่คิดว่าผลลัพธ์มันจะเป็นเช่นนี้
“ท่านพ่อ” ทั้งคู่เดินไปข้างหน้า และเฟิงเฉินหยูเอนใกล้เฟิงจินหยวน นางพูดลดเสียงลงว่า “ก่อนที่จะออกจากมณฑลเฟิงตง ท่านลุงสามก็มาพบเฉินหยู ท่านลุงให้เงินข้ามา หากท่านพ่อต้องการใช้ ท่านพ่อบอกเฉินหยูนะเจ้าคะ”
เขาตกใจ และถามอย่างไม่รู้ตัว “เท่าไหร่?”
“1 ล้านเหรียญเงินเจ้าค่ะ”
“มากขนาดนั้นเลยหรือ” เฟิงจินหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ตระกูลเฉินไม่ได้ทำการค้าของพวกเขาในเมืองหลวง ทำไมพวกเขาถึงมีเงินจำนวนมากนี้ขนาดนี้” เขาไม่ได้เดินต่อไป แต่เขาเริ่มไตร่ตรอง การที่พวกเขาให้เงินจำนวนมากแก่เฉินหยู ดูเหมือนว่าความมั่งคั่งของตระกูลเฉินยังคงเป็นรูปธรรมมาก
“พวกเขาวางมือจากการค้าของพวกเขาอยู่ในเมืองหลวง แต่พวกเขายังคงทำการค้านอกเมืองหลวงด้วยเจ้าค่ะ” เฉินหยูตามเฟินจินหยวนไปทางเข้าเรือนไผ่หยก แต่ไม่ได้เข้าไป “เฉินหยูไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยท่านพ่อ และข้ารู้สึกเสียใจจริง ๆ ข้าหวังว่าท่านพ่อจะดูแลสุขภาพ เมื่อท่านพ่อมีปัญหา ท่านพ่อต้องมาบอกเฉินหยูเกี่ยวกับเรื่องนี้” นางพูดคำเหล่านี้แล้วเดินออกไป
เฟิงจินหยวนดูเฟิงเฉินหยูเดินจากไป และระลึกถึงความพยายามที่เขาได้ส่งเสริมบุตรสาวของเขา ความเกลียดชังที่เขามีต่อเฟิงจื่อเฮานั้นแม้ว่าเขาจะขุดศพขึ้นมาทำลาย เขาก็ยังไม่เลิกเกลียดชัง ถ้าเขาไม่มีบุตรชายที่ไร้ค่าเช่นนั้น เฟิงเฉินหยูก็ยังคงเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ เฟิงหยูเฮงจะไม่มีโอกาสได้เป็นองค์หญิงแห่งมณฑล ดังนั้นเหยาซื่อแทบจะไม่มีโอกาสที่จะหย่าขาดจากเขา ตระกูลเฟิงจะยังคงดูเหมือนเดิมเหมือนเดิม
ทุกสิ่งเหล่านี้เกิดจากเฟิงจื่อเฮา !
ปึก ! เขายังคงต้องชดใช้หนี้จากการกระทำของจื่อเฮา แม้ว่าเฟิงจื่อเฮาจะตายไปแล้ว แต่เขาก็ได้รับการเลี้ยงดูจากเฉินซื่อ เขาอาจทำให้ตระกูลเฉินเดือดร้อนเพื่อชดใช้หนี้นี้
ตระกูลเฉินสามารถนำเงิน 1 ล้านเหรียญเงินมาให้หลานสาวของพวกเขาได้ ดังนั้นเขาจะได้รับเงินมากขึ้นจากตระกูลนั้น
โชคไม่ดีถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาคิดว่าไม่ถูกต้องในเวลานี้ในเรือนตงเซิง เฟิงหยูเฮงก็สั่งให้วังซวนและหวงซวนคอยจับตามองเฟิงจินหยวน “สืบดูร้านค้าต่าง ๆ ของตระกูลเฉินที่มีอยู่รอบ ๆ ราชวงศ์ต้าชุน ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าการค้าของพวกเขาดำเนินไปอย่างราบรื่นมากเกินไปเมื่อเร็ว ๆ นี้หรือไม่ เนื่องจากพวกเขามีเวลาที่จะห้ามไม่ให้ข้าเข้าไปในมณฑลเฟิงตง สำหรับคนที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเช่นข้า ข้าจะลืมเรื่องนี้ได้อย่างไร”
วังซวนและหวงซวนกระตือรือร้นต่อคำสั่งของเฟิงหยูเฮง โดยเฉพาะหวงซวนที่แสดงความเห็นทันที “เราจะเผาพวกมันลงเมื่อเราพบพวกมัน”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ทุกคนจากตำหนักหยูชอบจุดไฟเผา”
วังซวนตอบ “พระองค์เคยกล่าวไว้ว่าการจุดไฟเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด”
นางส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “นั่นไม่ดีเลย การเผาตำหนักนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ร้านค้าต้องไม่ถูกเผา ตอนนี้แค่ตรวจสอบ หลังจากที่เจ้าตรวจสอบเสร็จแล้วส่งให้ฉิงหยู ให้นางคิดถึงวิธีเปลี่ยนเงินของตระกูลเฉินให้เป็นเงินของเรา”
หวงซวนและวังซวนรู้สึกว่าความคิดนี้ยอดเยี่ยม พวกเขาหัวเราะคิกคักก่อนที่พวกเขาออกไปทำงานตามที่ได้รับคำสั่ง
เหยาซื่อที่นั่งถัดจากเฟิงหยูเฮงตลอดเวลา ฟังพวกเขาพูด นางรู้สึกว่าน่ากลัวมาก ซึ่งทำให้นางรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เมื่อเห็นเด็กสาวสองคนจากไป นางก็ถามอย่างรวดเร็วว่า “สิ่งนี้จะเป็นเช่นนี้ไหม ทุกคนในตระกูลเฉินเชี่ยวชาญในการทำการค้า พวกเขาได้ดำเนินธุรกิจเหล่านั้นมานานกว่าสิบปี พวกเขาจะถูกทำลายอย่างง่ายดายได้อย่างไร?”
เฟิงหยูเฮงยิ้มแล้วบอกนางว่า “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ผู้คนในตระกูลเฉินมีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง สำหรับฉิงหยูของเรานั้นไม่ง่ายที่จะจัดการ นอกจากนี้เรายังมีวังซวนและหวงซวน พวกเขาใช้เวลาหลายปีในพระราชวัง การใช้ใช้เล่ห์เหลี่ยมบางอย่างเป็นเพียงเรื่องง่าย”
เมื่อเห็นว่านางพูดด้วยความมั่นใจ เหยาซื่อไม่ได้พูดอะไรเลยเพียงแต่พูดว่า “ข้าเชื่อ ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรเจ้าจะประสบความสำเร็จ” เมื่อพูดอย่างนี้นางถอนหายใจ และเงยหน้าขึ้นมองเรือนตงเซิง นางกล่าวว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าจะไม่ต้องไปที่นั่นอีก ข้าอยู่ในคฤหาสน์นั้นมาเกือบ 20 ปีแล้ว และสุดท้ายข้าก็อยู่ที่นั่นแล้ว”
เฟิงหยูเฮงยืนขึ้นแล้วเดินไปตรงหน้าเหยาซื่อ นางจับมือเหยาซื่อและกล่าวว่า “ในระหว่างงานเลี้ยงจักรพรรดิกล่าวว่าเรือนตงเซิงแห่งนี้จะกลายเป็นคฤหาสน์ของมณฑล และประตูหลักจะเปิดขึ้น ในอนาคตท่านแม่จะสามารถเข้าและออกได้ตามสบาย ท่านแม่จะไม่ต้องกังวลกับความคิดของตระกูลเฟิงอีกต่อไป ท่านน้าหลันคิดถึงท่านแม่มากเจ้าค่ะ เมื่อท่านแม่ว่างก็ไปเยี่ยมน้าหลันนะเจ้าคะ” เมื่อเห็นเหยาซื่อยังคงรู้สึกเบื่อหน่าย นางคิดเล็กน้อยและกล่าวเสริมว่า “การกระทำของฮ่องเต้เมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนจะบอกว่าท่านตาและครอบครัวจะกลับมาเมืองหลวง ท่านแม่ไม่ต้องพึ่งพาตระกูลเฟิงเหมือนในอดีต ไม่ว่าตระกูลเหยาจะสามารถยืนหยัดได้หรือไม่ เมื่อกลับมาที่เมืองหลวงจะขึ้นอยู่กับงานที่ท่านแม่ทำ ดังนั้นท่านแม่ต้องมีชีวิตชีวามากขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ใช่สำหรับตัวท่านแม่เอง ท่านแม่ต้องคำนึงถึงตระกูลเหยา และเพื่อจื่อหรู และข้าด้วย เราต้องต่อสู้เพื่อมอบอนาคตที่ดีให้กับตัวเอง”
คำพูดของนางมีผลต่อเหยาซื่อเนื่องจากยากที่จะอธิบายความรู้สึกออกมาจากที่ไหนเลย ดูเหมือนว่าอนาคตของบุตรสาวของนางจะสดใส นางรู้สึกราวกับว่านางเกิดใหม่คล้ายกับเฟิงหยูเฮงหลังจากกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว