ตอนที่แล้วซัพที่ 14: ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟเผาป่าขุดดินข้าก็จะทำ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซัพที่16: ยาเคลื่อนดาราลวงโลกมาแล้ว!

ซัพที่15: ร่างบ้าเวอร์ชั่นสามหลังกินยาเคลื่อนดารา


ซัพที่15: ร่างบ้าเวอร์ชั่นสามหลังกินยาเคลื่อนดารา

เมิ่งชงหยวนถูกทหารแบกขึ้นหลังมายังห้องบรรทมขององค์ชายน้อย ท่ามกลางเสียงนางกำนัลที่โหวกเหวก เมื่อลงจากหลัง เขาจึงใช้ไม้เท้าที่เจียงสงหามาให้ในการทรงตัว ท่านหมอใช้นิ้ววัดชีพจรที่ข้อมือจินหลง

“ไข้สูงมาก พวกเจ้ารีบไปเตรียมน้ำอุ่นมาเช็ดตัวองค์ชายเร็วเข้า” เมิ่งชงหยวนสั่ง นางกำนัลนางหนึ่งจึงรีบวิ่งออกไป ซูเม่ยโวยวายร้องถามท่านหมอ

“ท่านหมอ ไหนท่านว่าองค์ชายทานยาของท่านไปแล้วจะไม่ป่วยไง แล้วนี่อะไร! เหตุใดองค์ชายถึงมีไข้” เมิ่งชงหยวนถอนหายใจ

“เพราะตอนเกิดเรื่องธูปนั่น องค์ชายดันถูกน้ำสาดเข้า จึงเปียกปอนไปทั้งตัว ทำให้ยาของข้ามีฤทธิ์ไม่เพียงพอ” ท่านหมออธิบาย องค์ชายน้อยยังเด็กนัก ไม่แปลกหากจะป่วยเอาได้ง่ายๆ

ขณะนางกำนัลยกน้ำในถังมาให้ เตรียมชุบน้ำเช็ดตัวให้องค์ชายน้อย ท่านหมอจึงร้องห้ามทันทีที่เห็นไอขาวที่ลอยขึ้นจากถัง

“เดี๋ยว!” นางกำนัลทำหน้าเหลอหลา

“ยกมาให้ข้าที” หมอหนุ่มที่ไม่อาจเดินได้เอ่ย เมื่อถังน้ำถูกยกมาใกล้ๆ เขาจึงใช้มือจุ่มลงไป ก่อนจะรีบดึงออก

“ร้อนเกินไป ข้าบอกว่าน้ำอุ่น เติมน้ำธรรมดาเข้าไปซะ” ทุกคนในห้องต่างไม่เข้าใจ เป็นเจียงสงที่ถามขึ้น

“น้ำร้อนอุณภูมินี้ก็ไม่ถึงกับลวกนี่ ทำไมถึงใช้ไม่ได้ล่ะ” เด็กชายสงสัย

“เพราะองค์ชายมีไข้สูงและหนาวสั่น หากใช้น้ำอุ่นเช็ดจะช่วยระบายความร้อนออกไป เวลาเช็ดต้องเช็ดแรงเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นผิว อ้อ แล้วก็คอยป้อนน้ำให้องค์ชายด้วย” ท่านหมออธิบาย เจียงสงมองอีกฝ่ายด้วยความตื่นตะลึง ดวงตาสองข้างโตขึ้นจนท่านหมออดหมั่นไส้ไม่ได้

“ไม่ต้องมองข้าเช่นนั้นเลยคุณชาย ชื่อหมอเทวดาของข้าน่ะจริงแท้แน่นอน” ราวกับท่านหมอรู้ความนัยของสายตานั้น ทว่าดวงตาคู่น้อยก็ยังดูไม่เชื่อเขา

เด็กพวกนี้ทำไมมันเชื่ออะไรยากจังเนี่ย!

เมิ่งชงหยวนให้ทหารแบกเขากลับไปยังห้องพัก เพื่อต้มยาด้วยตนเอง ทว่าไม่ทันที่จะออกจากห้อง หมอหลวงไม่คุ้นหน้ากลับวิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามา พร้อมนางกำนัลผู้น้อย

“ถอยๆๆ” หมอหนุ่มหน้าละอ่อนวิ่งเข้ามาดูอาการองค์ชายน้อย เขาตรวจชีพจรอย่างละเอียด เมิ่งชงหยวนไม่สนใจสิ่งที่หมอหลวงทำ อย่างไรเสียเป็นถึงหมอหลวงก็ย่อมมีวิชา ไม่น่าเป็นห่วง ตอนนี้เขาควรไปต้มยาให้องค์ชายก่อน

“ทหาร รีบแบกข้ากลับห้องเลย” หมอเมิ่งสั่ง ทหารผู้โชคร้ายจึงต้องดึงแขนท่านหมอมากอดคอจากด้านหลัง แล้วโน้มตัวไปด้านหน้าเพื่อให้ขาอีกฝ่ายลอย ก่อนจะพยายามวิ่งให้กระทบกระเทือนบั้นท้ายท่านหมอให้น้อยที่สุด

เจียงสงมองตามหลังเมิ่งชงหยวนสลับกับหมอหลวง ไม่รู้ว่าตัวเขาควรจะทำยังไงในสถานการณ์นี้ดี

“คุณชายอู๋ ท่านไปพักผ่อนเถอะ พวกข้าจะดูแลองค์ชายเอง” ซูเม่ยเห็นท่าทางเด็กชายจึงพอจะเดาได้ เจียงสงนิ่งคิด  พลันหมอหลวงจึงเอ่ยขึ้นว่า

“อาการองค์ชายไม่หนักหนาดั่งที่ข้าคิดนัก เจ้านี่ก็นะ ร้อนรนจนข้าตกอกตกใจหมด” หมอหลวงหันมาตำหนินางกำนัลที่มากับเขา

“ก็ข้าไม่ใช่หมอ ข้าทราบนี่” นางเอ่ยเสียงอ่อย หมอหลวงปรายตาไปที่ประตูที่เมิ่งชงหยวนถูกแบกไป ก่อนจะเอ่ยเหน็บแนม

“ฮึ หมอเทวดาเมิ่งชงหยวน ท่าทางจะไร้ฝีมือกว่าที่ข้าคิดนัก ขนาดเดินยังไม่มีปัญญา” เจียงสงได้ยินวาจา ก็กัดริมฝีปากไม่พอใจ

“ถ้าท่านมีฝีมือมากกว่าท่านหมอเมิ่ง ท่านก็รีบรักษาองค์ชายสิ ไม่เห็นหรือไงว่าพระองค์ทรมานเพียงใด” เจียงสงชี้ไปที่ร่างเล็กที่นอนตัวสั่น โดยมีนางกำนัลช่วยใช้น้ำอุ่นเช็ดตัว

“คุณชายอู๋ ท่านคงไม่รู้อะไร การรักษาน่ะรีบเร่งจนเกินไปก็ไม่ดี” หมอหลวงเปิดกระเป๋าผ้า ด้านในมีห่อสมุนไพรมากมายที่เขาเตรียมไว้

“เจ้าน่ะ ไปเอาตาชั่งยาให้ข้าที” เขาสั่งนางกำนัลใกล้ๆ ทว่านางกลับมีท่าทีโลเล ทั้งยังเหลือบมองซูเม่ยอย่างขอความช่วยเหลือ

“ที่นี่มีตาชั่งจริง แต่เป็นตาชั่งของท่านหมอเมิ่ง ตอนนี้ข้าคิดว่าท่านหมอคงกำลังใช้เพื่อตวงยาให้องค์ชาย” ซูเม่ยอธิบาย หมอหลวงเลิกคิ้ว

“เช่นนั้นเจ้าก็ไปเอามาให้ข้าสิ ระหว่างหมอหลวงอย่างข้า กับหมอเทวดาที่เอาชื่อเสียงมาจากไหนก็ไม่รู้ เจ้าเชื่อใจใครให้รักษาองค์ชายมากกว่ากัน?” สีหน้าของหมอหลวงแสดงความไม่พอใจ ซูเม่ยลังเล หากพูดกันตามจริงก็ต้องเชื่อหมอหลวงแน่แท้อยู่แล้ว แต่ท่านหมอเมิ่งแม้จะก่อเรื่องมากมาย แต่ก็เป็นหมอที่อยู่ใกล้ชิดองค์ชาย ทั้งยังอ่านตำรามามาก ไม่ว่าคนในเรือนเจ็บป่วยอันใด เขาก็สามารถรักษาให้หายได้ในระยะเวลาไม่นาน

“ข้า..ข้า..” ซูเม่ยยังไม่ทันตอบ นางกำนัลจึงยกยาเข้ามา พร้อมกับหมอเมิ่งที่ถูกแบก

“นี่เจ้าปรุงยาไวไปไหม?!” เจียงสงร้องลั่น เมิ่งชงหยวนหายตัวไปได้ไม่ถึงนาทีเหตุใดตอนกลับมาจึงมียาได้ล่ะเนี่ย

“จุ๊ๆๆ  ตระกูลข้าน่ะสืบทอดสูตรยากันมารุ่นต่อรุ่น หนึ่งในเคล็ดวิชานั้นมีสูตรยาสำเร็จรูปอยู่ด้วย วิธีการทำนั้นไม่ยาก ทั้งยังพกพาสะดวก ข้าน่ะเป็นหมอเร่ร่อน ต้องเดินทางไปทั่ว ให้มาแบกสมุนพรเป็นมัดๆ คงไม่ไหว” เมิ่งชงหยวนอธิบาย เขาไม่แม้แต่จะสนใจหมอหลวง

“ท่านหมอเมิ่ง ท่านอย่าเพิ่งโม้ไปเลย รีบรักษาองค์ชายก่อนเถิด”

ซูเม่ยเอ่ย เมิ่งชงหยวนจึงเตียมลงจากหลังทหาร ทว่าหมอหลวงกลับคว้าชามยาของท่านหมอเมิ่งไปดม แล้วเบะปากทำหน้ารังเกียจ

“เหอะ กลิ่นยาแบบนี้ข้าไม่เห็นจะเคยได้กลิ่นสักนิด แน่ใจนะว่านี่ใช่ยาแน่” เมิ่งชงหยวนขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียง

“แน่สิ ก็ยาสูตรนี้เป็นหนึ่งในยาสูตรลับของวังหลวง ไม่แปลกที่เจ้าจะไม่รู้จัก” ท่านหมอแสยะยิ้มแม้แท้จริงยาตัวนี้จะถูกดัดแปลงสูตรมาก็ตาม เขารับไม้เท้ามาจากนางกำนัล แล้วพยุงตัวเดินไปคว้าชามยาคืนมา ค่อยๆ นั่งข้างเตียงขององค์ชาย หมอหลวงกัดฟันกรอด

“มันก็ไม่แน่ว่าจะใช่ยาของวังหลวงจริง” อีกฝ่ายกัดไม่ยอมปล่อย ไม่อยากยอมรับฝีมือหมอบ้านๆ ที่เข้ามาอยู่ในวังโดยอ้างว่ารักษาองค์ชายได้

“ไม่เชื่อก็เรื่องของเจ้า ตอนนี้อาการองค์ชายสำคัญกว่า” ท่าทางเฉยเมยของเมิ่งชงหยวนยิ่งทำให้อีกฝ่ายเดือดดาล

“พวกเจ้าทุกคนเป็นพยาน! ตัวข้าเป็นหมอหลวงคิดจะรักษาองค์ชาย แต่กลับถูกหมอเมิ่งขัดขวาง หากองค์ชายเป็นอะไรไป ล้วนแต่เป็นความผิดของเขา” หมอหลวงประกาศกร้าว เจียงสงได้ยินจึงหงุดหงิดใจ เขาฉีกยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ ก่อนจะเอ่ยว่า

“ท่านหมอหลวง ไม่ทราบว่าท่านหมอเมิ่งไปขัดขวางอันใดท่าน ข้าเห็นแต่ท่านนั่นแหละที่เอาแต่ขัดขวางไม่ให้องค์ชายทานยา” หมอหลวงก้มมองเด็กชายด้านข้าง แววตาของคุณชายอู๋ไร้รอยยิ้ม

“คุณชายอู๋ เป็นท่าน ท่านจะยอมกินยาที่หมอที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้านี่ปรุงหรือ? ที่ข้าพยายามรั้งล้วนเพื่อองค์ชาย” หมอหลวงชี้หน้าเมิ่งชงหยวนที่กำลังป้อนยาให้จินหลง ดวงตาของท่านหมอเมิ่งเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย

เพราะงี้ไงเขาถึงไม่อยากเป็นหมอหลวง!

“เป็นข้า ข้าก็เลือกจะไม่กินยาที่ท่านหมอเมิ่งปรุงหรอก” เมิ่งชงหยวนหันขวับ นึกว่าเด็กชายจะเข้าข้าง ที่ไหนได้ดันเห็นด้วยซะงั้น!

หมอหลวงกระตุกยิ้มในคำตอบ แต่แล้วเขาก็ต้องหุบยิ้มทันทีในประโยคต่อมา

“แต่ยาของท่านข้าก็ไม่กิน”

“ฮุๆ” เมิ่งชงหยวนกลั้นเสียงหัวเราะชอบใจไม่ต่างจากเหล่านางกำนัล ไม่รู้คุณชายอู๋ผู้นี้ไปเรียนวาจาแสบสันมาจากไหน แต่ก็ได้ใจพวกนางนัก ช้อนตักยาในมือท่านหมอสั่นจนเหล่านางกำนัลหวาดหวั่นว่าจะหกใส่หน้าองค์ชายน้อย

“เจ้า..!” ท่านหมอทำท่านจะชี้หน้าคุณชายอู๋ ทว่าอีกฝ่ายชิงชี้ก่อน

“กล้าดียังไง! ข้าเป็นถึงบุตรชายเพียงคนเดียวของใต้ท้าวอู๋ ทั้งยังถูกฮ่องเต้มอบหมายให้ดูแลองค์ชาย ทุกเรื่องขององค์ชายต้องผ่านข้า! ข้าจะให้ท่านหมอเมิ่งรักษาองค์ชาย ท่านมีปัญหาอะไร!” เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อยู่ที่นี่ ที่คุณชายอู๋ใช้อำนาจเข้าข่ม ท่าทางไม่อวดดีไม่สมกับวัยยิ่งทำให้อีกฝ่ายเกิดโทสะ แต่ไม่ทันจะเอ่ยอันใด เมิ่งชงหยวนจึงแทรกขึ้น

“พอๆๆ พวกเจ้าเถียงกันไปเถียงกันมา รู้ไหมว่าข้าป้อนยาองค์ชายเรียบร้อยแล้วน่ะ” ทั้งสองชะงัก หันมามองถ้วยยาที่ว่างเปล่า

แล้วจะให้เขาเถียงทำไมเนี่ย!

คุณชายอู๋ฉีกยิ้มกว้างกว่าเคย นึกอยากล็อกเป้าใหม่ไปจัดการท่านหมอตัวแสบ

“เอาเป็นว่าด้วยยาวิเศษของข้า พรุ่งนี้องค์ชายก็หายแล้ว” เมิ่งชงหยวนพูดตัด ก่อนจะพยายามลุกขึ้น

“เจ้าก็พูดเกินไปกระมัง บนโลกใบนี้ไม่มียาวิเศษที่ทำให้หายเร็วเช่นนั้นหรอก” อีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุดหาเรื่อง

“มีไม่มีพรุ่งนี้เจ้าก็รู้เอง” เมิ่งชงหยวนไม่สนใจคำดูแคลนใดๆ ก่อนจะหันมาเอ่ยต่อว่า

“หากพรุ่งนี้อาการองค์ชายไม่หายสนิท เจ้าค่อยมารักษาต่อก็ย่อมได้ ไข้หวัดแค่นี้ทำอะไรองค์ชายน้อยมิได้หรอก” เมิ่งชงหยวนมั่นใจ องค์ชายสี่ผู้นี้มีทั้งร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง ไม่มีอะไรน่าห่วงนัก

หลังทะเลาะกันได้สักพัก หมอหลวงจึงกลับไปด้วยท่าทางมั่นใจ เมิ่งชงหยวนถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะหันไปสั่งการนางกำนัลให้คอยเช็ดตัวให้องค์ชายน้อย

“ข้ามีเรื่องนึงที่สงสัย” จู่ๆ เจียงสงก็เอ่ยขึ้น

“อะไรล่ะ?” ท่านหมอก้มมองเด็กชายด้านข้างที่เงยหน้ามองเขา

“หากท่านเป็นหมอเทวดาจริง และยาท่านวิเศษจริง เหตุใดท่านยังเจ็บก้นอยู่เช่นนี้” เมิ่งชงหยวนกระตุกยิ้ม หัวเราะในลำคอ

“ฮึๆๆ คำตอบไม่ยากนัก” คุณชายอู๋แอบลุ้นในคำตอบนั้น ท่านหมอจึงยกมือมาทำสัญลักษณ์รูปเงิน

“เพราะเงินไงล่ะ” เจียงสงหน้านิ่งไร้ความรู้สึกทันทีที่ได้ยินคำตอบ เมิ่งชงหยวนยังคงอธิบายต่อ

“ยิ่งยามีฤทธิ์มากเท่าไร วัตถุดิบที่ใช้ก็ยิ่งราคาสูงเท่านั้น การรักษาองค์ชายมีเงินจากวังสนับสนุน ต่างจากการรักษาตัวเองที่มีแต่ต้องควักเงินตัวเองเท่านั้น ฉะนั้นข้าจึงทนเจ็บนานหน่อย” เมิ่งชงหยวนอธิบายด้วยท่าทีจริงจัง ทว่าเจียงสงกลับไม่อยู่ฟัง เขาเดินนั่งบนเก้าอี้ในห้อง

“คืนนี้ท่านก็นอนเตียงข้าไปนั่นแหละ เกิดกลางดึกมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยองค์ชายทัน” เจียงสงนั่งขดตัวบนเก้าอี้ ทำท่าจะนอน

“เดี๋ยวๆ แล้วเจ้าไม่ไปนอนห้องข้าแทนเรอะ” เด็กชายเบ้ปาก

“ห้องที่มีแต่กลิ่นสมุนไพรกับกระดาษเช่นนั้น ข้าหลับไม่ลง อีกอย่างข้าอยากอยู่นี่มากกว่า” เมิ่งชงหยวนฟังแล้วจึงเดินไปนั่งบนเตียงของเจียงสง ก่อนจะตบไปบนเตียง

“มาๆ มานอนกับข้านี่มา เรื่องดูแลองค์ชายปล่อยให้นางกำนัลทำไปเถอะ” ท่านหมอเอ่ย แต่กลับได้สีหน้าขยะแขยงกลับมาแทน ซูเม่ยเห็นปฏิกิริยาของท่านสาม แม้จะบังอาจแต่ก็อดคิดไม่ได้ภาพตรงหน้าราวกับ องค์ชายสี่ คุณชายอู๋ และท่านหมอเมิ่งเป็นดั่งสามพี่น้อง

แต่ดูท่าจะยังไม่มีใครรู้ตัว

เช้าวันต่อมาดวงตาน้อยๆ ของเจ้าตัวแสบจึงลืมขึ้น พร้อมกับความรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวแปลกๆ เขาขยี้ตา ทว่าเมื่อจะลงจากเตียงก็พบร่างของนางกำนัลกำลังนอนเฝ้าอยู่ มองออกไปยังเตียงฝั่งตรงข้าม ก็พบเมิ่งชงหยวนนอนคว่ำ โดยมีขาสองข้างของคุณชายอู๋พาดก่ายอยู่บนหลัง สีหน้าของท่านหมอดูทรมานแปลกๆ

นี่มัน..เรื่องไรเนี่ยยยย

เจ้าตัวแสบกระโดดลงจากเตียง งุนงงกับภาพตรงหน้า พลันซูเม่ยจึงเดินเข้ามาพร้อมกับถังน้ำอุ่น หมายจะเช็ดตัวองค์ชายอีกครั้ง เมื่อเห็นจินหลงยืนเอ๋ออยู่กลางห้อง นางก็ตกตะลึง

“องค์ชาย! พระองค์ฟื้นแล้ว!” ซูเม่ยรีบวางถังน้ำลง เสียงแหลมๆ ของนาง ทำให้คนในห้องสะดุ้งตื่น

“เห็นไหม.. ข้าบอกแล้…วว่ายาข้าได้ผล” ท่านหมอเอ่ยตาปรือ รู้สึกง่วงจนไม่อยากลืมตา อู๋เจียงสงเองก็เพียงลุกขึ้นมามองจินหลง ก่อนจะสัปหงก ล้มลงไปนอนอีกครั้ง

สรุปว่า... นี่มันเรื่องอะไรกัน?!

หลังหมอหลวงผู้ก่อเรื่องได้ข่าวว่าองค์ชายจินหลงฟื้นแล้ว จึงรีบมุ่งตรงมาดูทันที เมื่อเห็นองค์ชายสี่กำลังนั่งเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ตาใสแจ๋ว ก็ได้แต่อ้าปากค้าง

“อ้าว มาแล้วหรือ” เสียงกวนประสาทคุ้นหูจากด้านข้างดังขึ้น พร้อมกับร่างของเมิ่งชงหยวนที่เดินถือตำราและไม้เท้า ด้านหลังมีคุณชายอู๋เดินตามมา เมื่อเห็นหน้าหมอหลวงคนเดิม รอยยิ้มหวานจึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง

“ข้าไม่คิดว่าท่านหมอจะมาเร็วขนาดนี้ จึงมิได้ให้นางกำนัลเตรียมชาต้อนรับ ตอนนี้องค์ชายสี่ทรงกำลังทานอาหารเช้าอยู่ คงต้องลำบากท่านนั่งรอ” เจียงสงเอ่ยด้วยวาจาเหน็บแนมอ้อมๆ

“มิเป็นไรหรอก วันนี้ข้าเพียงมาดูอาการองค์ชาย เห็นองค์ชายอาการดีเช่นนี้ ข้าก็ยินดีนัก” หมอหลวงเอ่ย ก่อนจะกัดริมฝีปากเบาๆ

“จริงสิท่านหมอเมิ่ง ข้าได้ยินจากหัวหน้าหมอหลวงว่าท่านอ่านตำราในห้องหนังสือจบหมดทุกเล่มแล้ว ข้าว่าเวลานี้ท่านคงสามารถปรุงยาเคลื่อนดาราได้แล้วสินะ” เมิ่งชงหยวนหุบยิ้ม เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายทันใด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด