Money Monster Episode V [โรงละครของยูเรโนส]
Money Monster
Episode V
[โรงละครของยูเรโนส]
รถสปอร์ตสีแดงวิ่งแล่นบนท้องถนนด้วยความเร็วสูง เส้นทางสัญจรที่ควรอัดแน่นไปด้วยรถมากมายบัดนี้บางตาลงอย่างน่าประหลาด สีหน้าของผู้อยู่โดยสารบนรถเคร่งเครียดไปด้วยความวิตกกังวล สิ่งที่พวกเขาแข่งด้วยคือเวลา แม้จะมีรถยนต์และจักรยานยนต์ตามหลังมาเป็นพวงก็ไม่ได้อุ่นใจขึ้นแต่อย่างใด
“ติดสิ! เจ้าน้องบ้า เวลาแบบนี้ทำไมไม่รับสายสักที” ไลท์กดเบอร์โทรศัพท์ของผู้เป็นน้อง แต่ไร้ซึ่งวี่แววจะรับสาย หัวใจดวงน้อยๆ เต้นตูมตามจนแทบหลุดออกจากอก ช่างเป็นความทรมานที่บั่นทอนสภาพจิตใจเสียเหลือเกิน
“โว้ย! แกนี่มันหนวกหูซะจริง โทรเงียบๆ หน่อยไมได้รึไง” สก็อตโวยวายใส่ไลท์แต่เขาหาได้สนใจไม่ ก้มหน้าก้มตาโทรเข้าเบอร์มือถือคนอื่นต่อไปอย่างมีความผิดหวัง
“สก็อต ถ้าไม่พูดจาอ่อนโยนสักหน่อยจะตายไหม” เจเรมี่กล่าวด้วยน้ำเสียงจิกกัดอีกครั้ง คุโรงาเนะที่นั่งอยู่ติดกันได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอาให้แก่พฤติกรรมขวานผ่าซากของเพื่อนร่วมงาน
“นี่ศูนย์กลางพันธมิตรพูด หน่วยสอดแนมเราพบกรีดจำนวนมากที่เส้นทางข้างหน้า” เสียงของชายผู้หนึ่งดังก้องออกมาจากวิทยุสื่อสาร เมซูลที่อยู่ใกล้ที่สุดเอื้อมมือไปคว้ากล่องสีดำมาและพูดว่า
“ศัตรูจำนวนเท่าไหร่”
“ไม่ต่ำกว่าหนึ่งพัน แต่โชคดีที่มีแต่พวกเลเวลหนึ่งถึงสี่ ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก” เมื่อได้ยินคำตอบทุกคนก็ต้องช็อกให้แก่จำนวนของอีกฝ่าย แต่อีกใจก็รู้สึกโล่งอกที่อย่างน้อยคู่ต่อสู้ก็ไม่ได้รับมือยากเย็นอะไร สก็อตฉีกยิ้มกว้างด้วยความยินดีปรีดา เลือดในกายร้อนรุ่มพร้อมลงสนามแล้ว
“แบบนี้ก็สวยสิ!”
“เจ้าบ้า เวลาแบบนี้ควรดีใจไหม เมซูลมาขับแทนฉันที” เจเรมี่เอ่ยก่อนที่เธอจะสลับตำแหน่งที่นั่งกัน หญิงสาวผมขาวชูบัตรสีดำขึ้นเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบพร้อมรบ ชายหนุ่มอีกสองคนก็ทำตามเช่นกัน
“ถึงพันธมิตรทุกคน อย่างที่ทราบเมื่อครู่ กำลังศัตรูมีเป็นพัน จำนวนมากกว่าเทศกาลเก็บเกี่ยวครั้งไหนๆ หากใครไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยง เชิญกลับไปซะตอนนี้” เจเรมี่หยิบเครื่องมือสื่อสารมาพูดกระจายข้อความให้พันธมิตรด้านหลังได้รับรู้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะมากมายดังแทรกเข้ามาไม่ขาด
“อย่าพูดตลกหน่อยเลยแม่สาวน้อย งานที่ผลกำไรอื้อซ่าแบบนี้ จะพลาดได้ยังไง! เสียดายแย่”
“ใช่แล้ว! งานนี้ไม่ร่วมด้วยเสียดายแย่ ขออาละวาดให้เต็มที่เลยดีกว่า” เหล่าพันธมิตรพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน เจเรมี่ไม่คัดค้าน ดึงการ์ดสามใบจากสต๊อกการ์ดมาปรึกษากลยุทธ์กับอีกสองหนุ่ม เมื่อเข้าใกล้ตำแหน่งการปะทะ ท้องฟ้าอึมครึมเมฆฝนเริ่มโปรยปราย
มองเห็นร่างของอมนุษย์สีดำจับกลุ่มกันเป็นกองทัพขนาดใหญ่อยู่ตามส่วนต่างๆ ของเมือง ไม่ว่าจะบนถนน ตึกอาคารที่วางกำลังขวางกั้นไม่ให้ฝ่าเข้าไปโดยง่าย เป็นภาพที่แปลกตามากสำหรับพวกโบรกเกอร์ แต่พวกเขาหาได้สนใจมากไม่เพราะตรงหน้าคือทรัพยากรที่รอการเก็บเกี่ยวดีๆ นี่เอง
“เจเรมี่” คุโรงาเนะยิ้มจางๆ ขานเรียกนามของหญิงสาวผมขาว เธอผงกศีรษะเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะเสียบการ์ดใส่ที่บริเวณข้อมือ
[Summon Card : White Dove 5,000 Coin](พิราบขาว)
“เช็ค”
[Payout Complete(ชำระเสร็จสิ้น)] สิ้นเสียงสังเคราะห์ นกพิราบสีขาวบินลงจากท้องฟ้ามาเกาะที่ไหล่ของเจเรมี่ด้วยท่าทีสง่างาม เอียงคอไปมาแสดงความไร้พิษสงค์อย่างน่าเอ็นดู
“เหนื่อยหน่อยนะ เจโก้” เจเรมี่ลูบปีกของมันเบาๆ ก่อนจะเสียบการ์ดอีกใบเพื่อใช้งาน
[Ability Card : การแพร่กระจายของสัตว์ปีก Unit/5 Coin]
[Please Inform The Amountกรุณาแจ้งจำนวนเงิน)]
“จ่ายเงินหนึ่งหมื่นเหรียญ อัญเชิญนกพิราบจำลองสองพันตัว”
[2,000 X 5 = 10,000 Coin Assert(ยืนยัน)]
“เช็ค”
[Payout Complete (ชำระเสร็จสิ้น)] นกพิราบสีขาวร่างกายพองขยายโตขึ้นเหมือนลูกโป่ง มันบินทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าก่อนจะแตกตัวออกเป็นนกพิราบจำนวนนับพัน แผ่ขยายปกคลุมน่านฟ้าให้กลายเป็นสีขาวโพลน พากันนำขบวนบินโฉบลงมาใจกลางกลุ่มอมนุษย์
[Attack Card : ระเบิดปีกขาวพิสุทธิ์ 10,000 Coin]
“เช็ค” ดวงตาของเหล่านกพิราบตัวน้อยเปล่งแสงสีแดงวูบสั้นๆ ก่อนร่างของพวกมันจะระเบิดกลายเป็นขนนกสีขาวพิสุทธิ์ กระจายบดบังทัศนวิสัยของพวกอมนุษย์ให้มีแต่สีขาวโพลน สร้างความสับสนอลหม่านได้อย่างดีเยี่ยม
“สก็อต! คุโรงาเนะ”
“เออ! / อา” ชายหนุ่มทั้งสองขานรับเสียงเรียก กระโดดขึ้นยืนบนรถอย่างองอาจ กระชับอาวุธไว้แน่นรอคอยจังหวะให้โชว์ฝีมืออย่างเยือกเย็น เมื่อรถแล่นเข้าไปใกล้รัศมี สก็อตใส่การ์ดสามใบเสียบเข้าพร้อมกันรวดเดียวหมด
[Attack Card : เพลิงตะวันแรกอรุณ(12,500 Coin) + หัตถ์คลื่นกระแทกลมปราณ (9,000 Coin) + หมัดกระสุนปืนแกตลิ่ง (38,000 Coin)]
[Combo! Discount10%คอมโบ ส่วนลด10%)]
“กลายเป็นขี้เถ้าไปซะ! ไอ้พวกเศษเดนสวะ” สก็อตตวาดเสียงคำรามอย่างดุดัน จุดเปลวเพลิงสีชาดที่สนับมือให้ลุกโชนไปทั่วร่าง ซัดหมัดอากาศต่อเนื่องด้วยความเร็วตามองแทบไม่ทัน ส่งคลื่นหมัดความร้อนสูงพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใส่เหล่าอมนุษย์
หมัดคลื่นความร้อนสูงเข้ากระแทกใส่ร่างอมนุษย์เข้าเรียงตัว ปีกสีขาวพิสุทธิ์ที่อยู่บริเวณโดยล้อมเริ่มติดไฟลุกลามอย่างรวดเร็วปานไฟป่า คุโรงาเนะกระโดดก้าวขึ้นบนหน้ารถยิ้มชื่นเสียบการ์ดใบหนึ่งและยกมือคว้าอากาศ
[Summon Card : Muramasa 15,600 Coin] (ดาบต้องสาปมุรามาสะ)
ดาบคาตานะสีดำสนิทปรากฏขึ้นสวมเข้าที่มือของชายหนุ่มอย่างพอดิบพอดี ดาบที่แนบเอวถูกชักออกมาไขว้เป็นรูปกากบาท สายตาอันอบอุ่นเปลี่ยนเป็นความอาฆาตจับจ้องไปยังกองเพลิงตรงหน้า เมื่อรถเคลื่อนสู่ตำแหน่งที่เหมาะสม เขาใช้การ์ดเพิ่มอีกใบ
[Attack Card : คมดาบพายุหมุน 35,000 Coin]
สายลมอันรุนแรงก่อขึ้นที่ใบดาบทั้งสอง ชายหนุ่มหมุนตัวสะบัดเพลงดาบเกิดเป็นเกลียวพายุขนาดใหญ่ พัดพาให้สะเก็ดละอองเพลิงพวยพุ่งไปพร้อมกับเหล่าอมนุษย์ ตัดเฉือนกายเนื้อให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและแผดเผาด้วยความร้อนสูง เป็นดั่งพายุทอนาโดเพลิงแห่งการทำลายล้าง
[Perfect Combo! Compensation+25% (คอมโบสมบูรณ์แบบ ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น25%)]
“ที่เหลือฝากด้วยนะ!” คุโรงาเนะเอ่ยกับพันธมิตรที่อยู่ด้านหลัง
“ต้องให้บอกเรอะ! พวกเรา โกยเงินกลับบ้านให้แน่นกระเป๋าไปเลย”
“โอ้ว!!!” สิ้นเสียงของเหล่าพันธมิตร แต่ละคนนำอาวุธและการ์ดของตนเองออกมาใช้งาน กระจายกำลังจัดการกับกรีดที่ไม่โดนลูกหลงของการสังหารหมู่ให้เรียบร้อย เปิดทางให้พวกไลท์เดินทางไปต่อได้ส่งผลให้รถสปอร์ดสีแดงขับฝ่าพายุเพลิงตรงแล่นต่อบนท้องถนนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไลท์ได้แต่มองภาพสุดยอดที่ไม่น่ามีโอกาสได้เห็นอีกแล้วในชีวิต พลังของเจเรมี่ คุโรงาเนะและสก็อต พอเทียบกับสิ่งที่ตนเองทำได้แล้วช่างมีความต่างชั้น หรือนี่คือระยะห่างของชิพเตอร์กับโบรกเกอร์?
ถ้าหากเขากลายเป็นโบรกเกอร์จะทำแบบที่ทั้งสามคนทำได้หรือไม่? พอคิดว่าถ้าได้พลังอำนาจนี้ขึ้นมาจิตใจก็เริ่มหวั่นไหวชอบกล
เมซูลแอบเหลือบมองมาที่ไลท์และเหมือนรู้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ เธอเลยพูดออกมา
“รุ่นพี่ทั้งสามเป็นสมาชิกระดับแกนนำขององค์กรนะ ไม่ใช่โบรกเกอร์ธรรมดา ต้องผ่านการฝึกฝนและเพิ่มพูนกำลังรบนานนับปีๆ และต้องมีการสอดประสานคอมโบที่มีชั้นเชิงด้วย”
“การสอดประสานคอมโบ?”
“ก็อย่างเช่นเสียงเมื่อกี้ ผลของการ์ดของรุ่นพี่เจเรมี่ส่งผลต่อการ์ดของรุ่นพี่สก็อตทำให้เกิดผลพิเศษขึ้นจนกลายเป็นคอมโบ พอรุ่นพี่คุโรงาเนะใช้การ์ดที่เข้ากับคอมโบของรุ่นพี่ทั้งสองก่อนหน้านี้เลยกลายเป็นคอมโบพิเศษ ยิ่งคอมโบเข้ากันมากเท่าใดก็ยิ่งได้รับโบนัสมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นได้ส่วนลดในการใช้พลัง หรือได้รับเงินปันผลมากขึ้น”
“อา” ไลท์เอ่ยเสียงเบาๆ แม้จะเกิดรู้สึกสนใจในคำพูดของเมซูลแต่สมาธิของเขาจดจ่อกับแสงสีแดงจากGPSที่บอกตำแหน่งมือถือของครอบครัวมากกว่า
“ขอร้องล่ะ..ฉันยอมทำทุกอย่าง อย่าให้ทุกคนเป็นอะไรเลย”
ก่อนหน้านี้ไม่นาน
“หมายความว่ายังไงนะ?” ไลท์เอ่ยถามทวนด้วยใบหน้าด้านชา รู้สึกภาวนาให้คำพูดของเมซูลเป็นเพียงเสียงลมเปล่า
“ครอบครัวของนาย..กำลังตกอยู่ในอันตราย”
“ยังไง? ทำไมครอบครัวของฉันถึงกำลังอยู่ในอันตราย” ไลท์แสดงท่าทีเลิกลั่นอย่างชัดเจน
“ออราเคิล ฝากอธิบายต่อที ฉันต้องไปบอกสถานการณ์กับคุณเจเรมี่” เมซูลหันไปกล่าวกับหญิงสาวบนโต๊ะก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องอย่างเร่งรีบ ทิ้งให้ไลท์อยู่กับออราเคิลตามลำพัง เธอมองมาที่ขายหนุ่มด้วยสายตาเวทนา
“มีความเป็นไปได้สูงมากที่กรีดจะฆ่าครอบครัวของคุณค่ะ”
“...”
“คุณคงทราบไปแล้วว่ากรีดต้องการเหรียญที่อยู่ในตัวชิพเตอร์เพื่อไปเพิ่มพูนอำนาจให้ตนเอง”
“ใช่ แล้วครอบครัวของฉันเกี่ยวอะไรด้วย เหรียญก็อยู่ที่ฉัน มันต้องมาฆ่าฉันสิถึงจะถูก!”
“พวกมันไม่ได้จะฆ่าครอบครัวคุณเพื่อเอาเหรียญ..แต่ต้องการทำให้เหรียญมีพลังที่เข้มข้นยิ่งขึ้น”
“ว่ายังไงนะ?”
“เหรียญตราอสูรจะมีพลังเข้มข้นยิ่งขึ้นเมื่อเจ้าของเหรียญมีแรงปรารถนาที่แรงกล้าค่ะ ยิ่งปรารถนาจะได้รับบางสิ่งบางอย่างมากเท่าไหร่ แรงปรารถนาก็ยิ่งรุนแรงตามขึ้นเท่านั้น พวกกรีดมีญาณรับรู้บางอย่างที่พวกเราไม่เข้าใจ มันอาจสัมผัสบางสิ่งในตัวคุณและคิดว่า หากกำจัดครอบครัวคุณซะ แรงปรารถนาของคุณจะเพิ่มขึ้นมหาศาล”
“พวกมันต้องการฆ่าครอบครัวฉัน..จะได้ให้ฉันอยากคืนชีพครอบครัวงั้นเหรอ?”
“ค่ะ” ออราเคิลพยักหน้า ใบหน้าของไลท์แดงก่ำไปด้วยโทสะทุบโต๊ะเสียงดังก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า
“จะบ้าไปแล้ว! ครอบครัวของฉันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยสักหน่อย ถ้าฉันใช้เหรียญขึ้นมาล่ะ! ถ้าฉันใช้เหรียญพวกมันก็ไมได้อะไรเลยนะ ไม่เห็นจะสมเหตุสมผล ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!”
“พวกกรีด..มีสติปัญญาต่ำกว่ามนุษย์เราค่ะ พวกมันเหมือนสัตว์ป่า ยิ่งพวกระดับต่ำยิ่งโง่เขลาขาดการยั้งคิด พวกมันคือสิ่งที่ทำตามสัญชาตญาณของตนเท่านั้น...บางครั้งมันก็สนใจแค่จะทำอย่างไรให้อาหารมีรสชาติที่เลิศรสที่สุด แต่ลืมคิดว่าจะทำอย่างไรให้ได้เหรียญมาครอง พวกมันก็เหมือนมนุษย์..ตรงที่มีทั้งคนที่ฉลาด และคนที่โง่เขลา และพวกโง่เขลาย่อมมากกว่า”
“....”
“ทำใจดีๆ ก่อนค่ะ อย่าเพิ่งใจร้อน”
“ชิพเตอร์ต้องเจอแบบนี้ทุกคนเลยงั้นเหรอ?” ไลท์ถามคำถามนี้ออกไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าเบาๆ เป็นการปฏิเสธ
“โอกาสความเป็นไปได้แทบหนึ่งในหมื่น ตามสถิติจะเกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่ชะตากรรมมีอำนาจสูงค่ะ..ไลท์ ชะตากรรมของคุณมีอำนาจมากที่สุดเท่าที่พวกเราเคยค้นพบ โอกาสความเป็นไปได้ จากการคำนวณของฉัน..เกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์”
“เป็นเพราะฉัน..”
ถ้าทุกคนถูกฆ่าก็เป็นเพราะฉัน
ไลท์และพันธมิตรนำกำลังบุกทลายกรีดจำนวนมหาศาล ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนฝ่ามาถึงกลางเมืองสำเร็จ ผลกำไรที่ได้รับจัดว่าพอใจต่อทุกฝ่าย ที่จริงโบรกเกอร์เหล่านี้ไม่ได้ตั้งใจมาช่วยเหลือครอบครัวของไลท์ แต่ต้องการมาเก็บเกี่ยวทรัพยากรตรงหน้าต่างหาก
ในคราวแรกที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับชิพเตอร์ที่ดึงดูดกรีดเป็นร้อยได้ พวกเขาไม่เชื่อ แต่หลังจากได้บุกทะลวงอมนุษย์นับพัน ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธข้อเท็จจริงว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นแม่เหล็กดูดอมนุษย์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ขบวนรถวิ่งบนท้องถนนตรงมายังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เป็นตำแหน่งที่GPSระบุว่าครอบครัวของไลท์อยู่ที่นี่ ซึ่งจุดสีแดงไม่เคลื่อนไหวออกจากสถานที่บริเวณนี้เลยแม้แต่นิดเดียวทำให้ความกังวลใจหนักยิ่งขึ้นไปอีก
ไลท์ก้าวลงจากรถวิ่งวุ่นไปทั่ว ควานหาจุดที่GPSกระพริบไม่สนว่าพวกโบรกเกอร์จะตามมาคุ้มกันทันหรือไม่ ฝีเท้าก้าวฉับไวอย่างไม่มีหยุดหย่อน แหวกฝ่าฝูงชนที่สัญจรไปมาแบบเร่งรีบแล้วสังเกตเห็นผู้คนกำลังมุมดูอะไรสักอย่าง
หัวใจของชายหนุ่มหล่นลงไปอยู่ตาตุ่มเมื่อตำแหน่งของGPSอยู่เบื้องหน้านี้เอง เขาเบียดทางคนเป็นร้อยและต้องพบเจอภาพอันน่าสะพรึง
บนพื้นกระเบื้องที่เต็มไปด้วยของเหลวสีแดงที่ไหลอาบย้อมกลายเป็นทะเลโลหิต ร่างของผู้คนที่เขาคุ้นเคยนอนเกลื่อนเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ แน่นิ่งไร้สติราวกับถูกช่วงชิงวิญญาณไปเป็นที่เรียบร้อย บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยกล่องของขวัญและเค้กนาๆ ชิ้นที่ถูกฉีกทำลายไม่ต่างจากเศษขยะ
ร่างของไลท์สั่นสะท้านก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น เป็นจังหวะเดียวกับพวกเมซูลตามมาสมทบและเห็นภาพอันน่าสลดนี้พอดี แม้จะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าอาจไม่ทันการ แต่พอหันมามองบนใบหน้าของชายหนุ่มที่น้ำตาหลั่งไหลด้วยความเศร้าโศก ก็พลันรู้สึกเจ็บหน้าอกเหลือเกิน
“ไม่..ไม่เอาแบบนี้” ไลท์ส่ายหน้าปฏิเสธความเป็นจริงอย่างเจ็บปวด บังคับร่างคลานเข้าไปใกล้ร่างไร้วิญญาณของน้องสาวและสวมกอดอย่างช้าๆ ใช้มือปาดเส้นผมที่ปิดบังเผยให้เห็นใบหน้าอันไร้เดียงสาให้ชัดเจน หยดน้ำตาของชายหนุ่มหยดลงใบหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างน่าเศร้า
“ทำไม..ฉันทำอะไรผิด...ทำไมถึงแบบนี้” ชายหนึ่งคร่ำครวญพลางประทับจุมพิตลงบนหน้าผาก สายตาเลื่อนลงไปมองบนกล่องของขวัญที่อยู่ตรงหน้า สะดุดเข้ากับตัวอักษรเข้าอย่างจัง ดวงตาของเขาสั่นวูบลงในพริบตา
Happy Birthday 20 Year Light
“อะ..อึก..อ้ากกกก!!!!!”
“จำเป็นต้องทำขนาดนี้เชียวรึ ยูเรโนส” ห่างไม่ไกลจากจุดที่เกิดโศกนาฏกรรม มีบุรุษสองคนแอบเฝ้ามองเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบตรงมุมตึก ดวงตาของมาคัสฉายภาพชายหนุ่มกำลังส่งเสียงร่ำร้องดังไปทั่วอย่างน่าเวทนาจนดูไม่ได้
“งดงามมากเลยล่ะ..มาคัส” ยูเรโนสเอ่ยตอบบุรุษร่างสูง
“สิ่งนี้งั้นรึ..ที่งดงาม”
“ใช่..มนุษย์นี่แหละคือสิ่งมหัศจรรย์..โดยเฉพาะตอนสิ้นหวัง เสียงของพวกเขาไพเราะมาก” ชายร่างสีขาวปรากฏแสยะยิ้มที่มุมปาก มาคัสที่เห็นสภาพตรงหน้าไม่ไหวหันหน้าหลบไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว เขาไมได้รู้สึกสังเวชภาพของชายหนุ่มที่กอดร่างไร้วิญญาณของครอบครัว แต่ขยะแขยงสีหน้าของยูเรโนสในตอนนี้มากกว่า
“ฉันทำมันสำเร็จแล้วมาม่อน เหลือแค่รอให้ระเบิดเวลามันทำงานเท่านั้น เขาก็จะดำดิ่งสู่โลกที่คุณสร้างขึ้นยังไงล่ะ” ยูเรโนสยิ้มกล่าวออกมาเยี่ยงผู้มีชัย ดวงตาของเขาเป็นประกายยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าเสียอีก
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์ที่หลากหลาย มีทั้งความรัก โลภ โกรธ หลง ทำให้วิวัฒนาการด้านความรู้สึกนึกคิดซับซ้อนมากกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์ดำรงอยู่ได้คือ[แรงปรารถนา]
แรงปรารถนาคือสิ่งใด? มันคือแรงขับเคลื่อนที่จะนำไปสู่เป้าหมาย ทุกคนหวังจะมีวันพรุ่งนี้ด้วยเหตุผลบางประการ ไม่ว่าจะเป็นการทำตามความฝัน มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ได้แต่งงานและมีชีวิตคู่ที่ดีจนวาระสุดท้ายของชีวิต
และยิ่งมีแรงปรารถนามากเท่าไหร่ ความร้อนรนใจที่จะอยากไปถึงเป้าหมายที่ว่าก็มากขึ้นเท่านั้น นำไปสู่การใช้ทางลัด..เหรียญตราอสูรคือสื่อกลางการใช้ทำสัญญา คนเหล่านี้ยอมขายวิญญาณให้ปีศาจเพื่อแลกกับการไปถึงเป้าหมายให้เร็วยิ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ได้รับเหรียญจะใช้อำนาจของมันเพื่อให้ความปรารถนาของตนเองเป็นจริง มีอีกมากมายที่เลือกจะไม่ใช้และกลับสู่ชีวิตปกติ เดินตามเป้าหมายด้วยลำแข้งของตนเอง คนเหล่านี้อาจไม่ได้มีความทะเยอทะยานอะไรมาก หรือพวกเขามีสิ่งที่ต้องการอยู่ตลอดเวลามาตั้งนานแล้ว
ไลท์ ลินสตอร์มเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น เขาไม่ได้ขาดความทะเยอทะยาน เขามีเป้าหมายกับความฝันที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดอยู่กับเขาเสมอมา เป็นเสมือนสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่ทำให้ดำรงชีวิตต่อไปได้
แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากอยู่มาวันหนึ่ง สิ่งยึดเหนี่ยวที่ว่าเกิดหายไป?
เขาจะตามหามันอย่างสุขชีวิต ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันคืนมา แม้ว่าต้องเผชิญกับฝันร้ายตลอดกาลก็ตามที
ไลท์ ลินสตอร์ม..สิ่งยึดเหนี่ยวของคุณ คุณได้สูญเสียมันไปแล้ว