Money Monster Episode III [เปิดฉากเทศกาลไล่ล่า]
Money Monster
Episode III
[เปิดฉากเทศกาลไล่ล่า]
หลังรับรู้เกี่ยวกับเหรียญตราอสูร ไลท์ประเมินสถานการณ์ที่เผชิญได้ไม่ยาก จนกว่าพลังของเหรียญจะหมดอำนาจ ชีวิตของเขาจะยังตกอยู่ในอันตราย แต่ยังดีที่มีสาวสวยระดับดาวมหาลัยมาเป็นคนคุ้มกัน เขาเตรียมใจที่จะทิ้งชีวิตปกติชั่วคราวแล้ว เพียงแต่..
เสียงของอาจารย์ดังผ่านลำโพงกระจายไปทั่วห้อง เมซูลใช้ปากกาขีดเขียนลงบนสมุดจดราวกับไม่วิตกกังวลใดๆ ชายหนุ่มได้แต่ปั้นหน้าเครียดเป็นหุ่นขี้ผึ้ง เวลานี้ในหัวฟุ้งซ่านจนไม่มีสมาธิกับการเรียนเลยแม้แต่น้อย
“เอ่อ..คือว่า จะดีเหรอ?” ไลท์หันไปกระซิบถามหญิงสาวเบาๆ
“อะไร”
“คนกำลังโดนปีศาจตามล่า แต่เข้าเรียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะดีเหรอ”
“ปกติพวกกรีดไม่ออกไล่ล่าตอนกลางวัน กบดานอยู่กับที่ไปก็เปล่าประโยชน์ ถ้ามันจะลงมือก็พากันโผล่หน้ามาให้ฆ่าเองนั่นแหละ”
“เอ่อ..แล้วจำเป็นต้องนั่งติดกันแบบนี้ด้วยเหรอ” ไลท์ฝืนยิ้มถามออกไปด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน สัมผัสได้ถึงสายตาริษยาเคลือบแคลงใจนับร้อยคู่เพ่งเล็งมาที่เขาจนตัวแทบพรุนอยู่แล้ว ตลอดชีวิตสิบเก้าปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ตกเป็นที่สนใจของมวลชนมากถึงเพียงนี้ รู้สึกเหมือนไปยืนอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตก็มิปาน
“โอกาสที่จะถูกจู่โจมไม่ใช่ศูนย์ บางทีมันอาจโผล่มาอยู่ด้านหลังได้ทุกเมื่อ ฉันต้องประกบนายตลอดเวลาเป็นเรื่องสมควรแล้ว นานๆ ทีจะได้ผูกขาดชิพเตอร์คนเดียวกับเขาสักที ถ้านายด่วนตายไปก่อนฉันคงลำบากแย่ ยังทำกำไรได้ไม่พอใจเลย” เมซูลตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา มือจับปากกาไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองเวลาคุย
ไลท์พลันรู้สึกอยากหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายขึ้นมา ไม่รู้เหตุใดจึงรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ปฏิบัติกับเขาเยี่ยงไม่ใช่มนุษย์กันนะ หรือในสายตาเธอคุณค่าเขาเป็นเพียงแสงล่อแมลงให้กรีดมาติดกับเท่านั้นจริงๆ ชายหนุ่มได้แต่อัดอั้นความในใจเอาไว้ อยากระบายความรู้สึกให้ใครสักคนได้รับฟังเสียเหลือเกิน
ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมหยิบสมุดกับปากกามาเขียนเล่นให้กังวลน้อยลง แต่เสียงวิจารณ์รอบข้างก็เริ่มดังขึ้นลุกลามปานไฟป่า
“ไอ้ลูกหมานั่นเป็นใคร! ทำไมมันไปอยู่ตรงนั้นได้”
“เมื่อกี้กระซิบคุยกันซะด้วย! ร้ายกาจ! เห็นทีความสัมพันธ์จะไม่ธรรมดาซะแล้ว มันนำหน้าพวกเราไปกี่แต้มกัน”
“ไม่ใช่แค่นั้น เมื่อเช้าฉันเห็นสองคนนั้นเดินมามหาลัยด้วยกัน แถมยังอยู่ด้วยกันตลอด แบบนี้มันคบกันแล้วไม่ใช่เรอะ”
“เชี่ย! มันเป็นใครกัน!” เหล่าหนุ่มโสดโอดครวญกันยกใหญ่ หญิงสาวตรงหน้านี้เป็นใคร เมซูล สาวสวยสุดฮ็อตที่สุดแสนจะเปรียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ ชาติสกุล ทุกอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่หัวจรดล่างในสายตาของพวกตน มีคนตามจีบมากี่คนแล้ว แต่ในบัดนี้กลับมีม้ามืดโผล่มาอย่างลึกลับ
มีชายหนุ่มไม่น้อยที่ทนเก็บงำความรู้สึกเอาไว้ไม่ไหว ไประบายลงในแช็ตหรือโพสลงอินเทอร์เน็ต เหล่าผองเพื่อนคนรู้จักที่ล่วงรู้ถึงตัวตนของเมซูลได้แต่ช็อกและทำตัวไม่ถูก พยายามขุดคุ้ยข้อมูลจนลุกเป็นไฟ ต้องการรับรู้อย่างเร่งด่วนว่าไอ้หนุ่มคนไหนมันบังอาจคาบนางในฝันพวกตนไปกินหน้าด้านๆ
โซเชี่ยลเน็ตเวิร์กช่างกว้างขวาง เพียงไม่นานนักโพรไฟล์ของไลท์ก็ถูกค้นพบอย่างรวดเร็วและถูกแชร์จนยอดพุ่งเป็นประวัติกาล
‘เฮ้ย! ไอ้นี่มันเสือซ่อนเล็บ’
จากโพรไฟล์ข้อมูลที่ได้รับมา ไลท์เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาจัดไปทางดีแต่ไม่ได้ถึงขนาดเป็นนายแบบ ทำงานพิเศษแบ่งเบาภาระของบ้านและไม่เคยไปนัดบอร์ดกับเพื่อนเลยสักครั้ง ประสบการณ์คบหาเป็นศูนย์ แต่ไก่ตัวนี้ในสายตาพวกเขากลับเด็ดดอกฟ้าไปกอดหน้าชื่นๆ ไม่บอกว่าร้ายกาจแล้วจะหาคำไหนมาเรียก!
จินตนาการของเหล่าชายโสดเริ่มเตลิดไปไกลลิบถึงสุดขอบอวกาศ บางคนถลำลึกถึงขั้นคิดว่าสองคนนี้คบหามานานแล้ว เสียความบริสุทธิ์ให้กันแล้ว กระทั่งวางแผนแต่งงานหลังเรียนจบ สารพัดความคิดที่ผุดขึ้นมาพวกเขาปักใจเชื่อราวกับมันจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
‘ไอ้หมอนี่!’
“อึ้ย! ขนลุก” ไลท์บ่นพึมพำพลางทำตัวสั่น
“ไลท์!” เสียงอันคุ้นหูดังขึ้น ไลท์หันไปตามต้นทางเสียงพบกับแซมเพื่อนรักกำลังกัดฟันมองมาทางนี้พร้อมขย้ำเท้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ตบที่หน้าโต๊ะดังฉาบพร้อมกล่าวออกมาว่า
“ไลท์” แซมน้ำตาไหลออกมาเป็นสายธาร เล่นเอาในใจไลท์สังหรณ์ไม่ดีพิกลอย่างบอกไม่ถูก
“ในตอนนี้ฉันสับสนตัวเองมาก ทั้งปลื้มใจและปวดร้าวในเวลาเดียวกัน ฉันดีใจมากที่ในที่สุดแกก็มีสาวเป็นตัวเป็นตนกับชาวบ้านเขาสักที แต่ทำไมแกต้องงาบเมซูลไปกินด้วยฟะ! แกมันเสือซ่อนเล็บ ฉันขอประณามแก! ที่แท้ก็นั่งลับคมมีดหาโอกาสจู่โจมดีๆ มาตลอดเลยสินะ! ไอ้เพื่อนชั่ว”
“เดี๋ยวก่อนโยม ใจร่มๆ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
“หือ?”
“คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่” เมื่อคำถามนี้ถูกพ่นออกมาใส่ ไลท์รู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาจุกอยู่ที่คอ ไอกลบเกลื่อนก่อนจะตอบกลับไปว่า
“คบกันก็บ้าแล้ว! คิดหรือว่าผู้หญิงระดับนี้จะหันมาเหลียวแลคนอย่างฉัน เมื่อวานก็เพิ่งส่งเมลไปถามข้อมูลมานี่! ฉันเพิ่งรู้จักเมซูลจริงๆ แถมดูให้ดีสิ ของแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า คิดว่าฉันจะอยากได้มาเป็นแฟนไหม! เอาแค่หมวกที่สวมอยู่ก็แพงกว่าเงินเดือนฉันแล้ว”
“แล้วแกจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง ฉันเห็นแกเดินมามหาลัยพร้อมกับเธอ ฉันเห็นแกแวะซื้ออาหารทานมื้อเช้าด้วยกันกับเธอ แวะรอกันที่หน้าห้องน้ำแถมยังมานั่งติดกันในนี้อีก! คิดว่าฉันจะเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์งั้นเรอะ”
“....” ไลท์หมดคำจะเอ่ยต่อ หมดคำแก้ต่างอย่างสิ้นเชิงแล้ว จะบอกว่า ‘อ้อ พอดีฉันโดนสัตว์ประหลาดไล่ล่าและเธอเสนอตัวมาคุ้มกันฉัน’ ก็คงไม่มีใครเชื่อแถมยังโดนหัวเราะเหยาะอย่างแน่นอน แต่จะให้ถูกเข้าใจผิดไปเช่นนี้เรื่อยๆ เกรงว่าจะไม่ดี โดยเฉพาะต่อเมซูลเอง
“นี่ เธอก็ช่วยพูดอะไรหน่อยสิ” ไลท์หันไปกระซิบกับเมซูลอีกครั้ง
“พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ ไร้ประโยชน์ที่ต้องฟังจากเสียงรอบข้าง พอข้อตกลงเราจบลง แยกย้ายกัน ทุกคนก็ลืมหมดแล้ว”
“เรื่องนั้นก็จริงอยู่ แต่เธอไม่กลัวข่าวเสียๆ หายๆ บ้างรึไง”
“ไร้สาระ สิ่งที่ฉันให้ความสำคัญคือความสามารถและความจริง ข่าวเสียๆ หายๆ ที่กุดขึ้นจากคำพูดปากเปล่ามันไม่มีน้ำหนัก ทำอะไรฉันไม่ได้ทั้งนั้น”
“คุณเมซูลครับ” ชายโสดที่เป็นแฟนคลับลับๆ ของเมซูล จู่ๆ ก็ทนดูไม่ไหวอีกต่อไป ลุกพรวดเดินเข้ามาด้วยสีหน้าขึงขังจริงจัง ในเวลานี้ไลท์รู้สึกว่ามีหวังแล้ว หากชายคนนี้ถามออกไปตรงๆ แล้วเมซูลตอบกลับไปอย่างชัดเจน เรื่องคงจบลงได้อย่างสวยงาม เพียงแต่ เหมือนเขาจะประเมินสติปัญญาของแฟนคลับผู้ภักดีคนนี้สูงไปหน่อย
“หมอนี่มีดีอะไรกันครับ!” พูดแล้วก็ชี้มาที่ไลท์
“นั่นสิ! ไอ้ไก่นี่มันมีดีอะไรกัน!”
‘โว้ย! แทนที่จะถามว่า ‘ขอโทษนะครับ คบกับหมอนี่จริงๆ หรือ’ ดันถามบ้าอะไรของพวกแก ไอ้พวกง่าวไร้สมอง!’
“ก็ไม่ได้พิเศษตรงไหน ฉันแค่ต้องการเขามากกว่าทุกคน มันก็เท่านั้นเอง” เมซูลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่ใส่ใจมาก แต่พอนำกลับไปตีความแล้ว ทำให้ผู้ชายนับร้อยอกแตกตายได้เลยทีเดียว
‘ต้องการเขามากกว่าทุกคน...งั้นเรอะ’ คำพูดนี้เปรียบเสมือนระเบิดปรมาณูร้อยลูกถล่มลงกลางใจ ขณะนี้ใจลอยกันไปหลายคนแล้ว ไม่ต้องพูดถึงแฟนคลับผู้ภักดีที่บัดนี้ ตายในหน้าที่เรียบร้อย ลำบากเพื่อนฝูงต้องลากออกมาจากทางเดิน
‘มันมีดีมากกว่าคนอื่นตรงไหนกัน!’
พวกตนว่าหน้าตามันก็ดีใช้ได้ แถมเป็นคนสู้ชีวิตน่านับถือมากคนหนึ่ง บุคลิกการพูดจาก็ไม่เลวร้าย ผลการเรียนไม่เด่นมากแต่ก็ดีพอสมควร แต่มันก็ไม่ได้ดีจนขนาดที่เทพธิดาจากบนสวรรค์จะมาสนใจไอ้หนุ่มรากหญ้าตรงนี้เลย
‘น้ำมันพรายหรือ? ยาเสน่ห์? แบล็กเมล?’ เหล่าชายโสดได้แต่พยายามหาความเป็นไปได้แต่ก็ทำได้เพียงถอยหลังและสาปแช่งให้เลิกคบกันเร็วๆ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วสถานะของทั้งคู่ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาจินตนาการเลยแม้แต่นิดเดียว
เวลาอันเงียบสงบผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงช่วงบ่าย แม้เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะเบาบางลงไปมากแต่ก็ไม่ได้ทำให้ไลท์สบายใจแต่อย่างไร เสียงพูดของอาจารย์ไมได้เข้าหัวเลยแม้แต่น้อยเพราะมันสับสนไปหมด
“นี่” ไลท์ถูกเมซูลกระตุกแขนเสื้อ เขาหันไปสนใจเธอและต้องขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อเธอมีสีหน้าจริงจัง
“เราต้องออกไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้”
“หา?”
“โลมาคู่หูฉันบอกว่ามีกรีดป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ มันไม่คิดจะหลบซ่อนด้วยซ้ำ พวกมันมีความมั่นใจมาก ถ้าไม่เก่งจริงคงพวกเยอะ แต่ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ไม่ควรอยู่ที่นี่ทั้งนั้น” เมซูลรีบอธิบายให้ไลท์ฟังและโกยข้าวของทั้งหมดลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ไลท์ไม่รอช้าเก็บสัมภาระทั้งหมดตามเธอออกไป
เมซูลกับไลท์ยังไงวันนี้ก็ตกเป็นเป้าหมายสายตาของทุกคนอยู่แล้ว ทันทีที่เคลื่อนไหวก็ตกเป็นจุดเด่นในทันตา เริ่มเกิดเสียงขึ้นจนอาจารย์จับสังเกตได้
“นี่พวกเธอจะไปไหนกัน!”
“ไม่เกี่ยวกับอาจารย์ค่ะ” เมซูลไม่มีเวลาหาข้อแก้ตัวคว้าแขนไลท์ออกจากห้อง การกระทำไม่ไว้หน้าครูบาอาจารย์ของเธอถูกวิจารณ์อย่างหนัก จินตนาการไปต่างๆ นานา ว่าสองคนนั้นไปทำอะไรกัน
เมซูลหยิบบัตรขึ้นสะบัดหนึ่งที เปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบสีดำพร้อมรบอย่างที่ไลท์พบครั้งแรก ดาบเรเพียร์เล่มงามปรากฏขึ้นกลางอากาศ เธอคว้ามันไว้ในมือก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหู
“ออราเคิล นี่เมซูลพูด โดฟี่รายงานว่าพบกรีดไม่ทราบจำนวน ประเมินระดับความอันตรายไม่ได้ ขอกำลังเสริมด่วน เดี๋ยวนี้เลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเร่งรัด ก่อนที่อมนุษย์ห้าตนจะปรากฏขึ้นที่ทางเลี้ยว สายตาสีขาวจดจ้องมาทางไลท์เยี่ยงมองเหยื่ออันโอชะ
“นายจำที่เราคุยกันเมื่อคืนได้ไหม”
“จำได้ ว่าแต่..จะดีเหรอ” ไลท์ทำสีหน้าไม่สู้ดีนักแสดงท่าทีไม่มั่นใจออกมาอย่างชัดเจน หญิงสาวผงกศีรษะให้เบาๆ
“ต่อให้สู้ไม่ค่อยได้แต่อย่างน้อยก็น่าจะได้ป้องกันตัวเองได้บ้าง ดีกว่าถ่วงแข้งถ่วงขาไปเรื่อยๆ”
“ครับท่านหญิง” ไลท์ยิ้มเจื่อนนิดๆ ให้แก่ถ้อยคำเมื่อสักครู่ก่อนจะล้วงเอาเหรียญตราอสูรขึ้นมาในมือ มันเปล่งแสงสีทองโอบคลุมร่างของชายหนุ่มก่อนที่เข็มขัดสีขาวจะปรากฏขึ้นที่บริเวณเอวพร้อมกับปืนสีขาวหนึ่งกระบอก เขาสูดลมหายใจและชักอาวุธหยิบการ์ดขึ้นเตรียมต่อสู้
ย้อนกลับไปเมื่อคืน
“ก่อนอื่นในกรณีที่แย่ที่สุดจนฉันกับนายต้องแยกกัน นายควรปกป้องตัวเองให้ได้อย่างน้อยก็จะได้เพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้มากยิ่งขึ้น”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง? ฉันสู้พวกมันไม่ไหวหรอก”
“พอจะมีทางสู้ได้อยู่ ชิพเตอร์สามารถใช้พลังของโบรกเกอร์ได้บางส่วน นายจะใช้อาวุธและการ์ดพื้นฐานได้ หรือก็คือ..นายจะสู้กับกรีดได้เหมือนกัน แต่พลังอาจไม่ได้มากเท่าฉันและโบรกเกอร์คนอื่นๆ”
“อืม เข้าใจแล้ว” ไลท์พยักหน้า
“ฉันจะเริ่มสอนการใช้พลัง จำไว้ให้ขึ้นใจด้วย เพราะถ้าถึงเวลาสู้จริงฉันไม่มีเวลามาช่วยสอนนายแล้วนะ”
“อา”
ย้อนกลับมาปัจจุบัน
เมซูลควบดาบเรเพียร์เข้าปะทะกับพวกอมนุษย์ที่พุ่งเข้ามา เธอสะบัดข้อมือแทงเข้าทะลุร่างของหนึ่งในพวกมันจนหยุดชะงักการเคลื่อนไหว ไลท์เหงื่อไหลพรากไปด้วยความประหม่าหยิบการ์ดจำนวนหนึ่งออกมาจากตลับใส่การ์ด
‘ลำดับแรกคือเงินในบัญชี เงินในบัญชีจะเป็นตัวชี้วัดว่าเรามีกำลังรบมากเท่าไหร่ ยิ่งเงินในบัญชีเยอะก็หมายความว่ายิ่งแข็งแกร่ง ชิพเตอร์จะมีเงินในบัญชีอยู่จำนวนหนึ่งไว้ใช้สำหรับการต่อสู้ ต่อมาคือการ์ดลงทุน(Invest Card) การ์ดลงทุนจะมีราคาเขียนอยู่บนการ์ด ทุกครั้งที่ใช้งานมันจะต้องเสียค่าดำเนินการเป็นเงินตามเลขที่อยู่บนการ์ด’
ไลท์นึกคำพูดของเมซูลเมื่อคืนก่อนจะพลิกการ์ดที่อยู่ในมือขึ้นมาดู เป็นการ์ดจำนวนสามใบที่มีตัวเลขและชนิดแตกต่างกัน
‘เมื่อเริ่มการต่อสู้สต๊อกการ์ดจะจ่ายการ์ดให้อัตโนมัติสามใบ การ์ดจะแบ่งออกเป็นห้าชนิดใหญ่แต่สำหรับชิพเตอร์จะสามารถใช้ได้แค่สามชนิด ประกอบไปด้วย Summon Ability Attack’
‘ชนิดแรกSummonหรือการ์ดอัญเชิญ จะสามารถทำให้เราเรียกมอนสเตอร์ออกมาช่วยต่อสู้ได้ ยิ่งจำนวนเลเวลสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งเก่งมากเท่านั้น แต่ก็จะใช้เงินและมีเงื่อนไขในการเรียกที่ยุ่งยากตามไปด้วย’
ไลท์เพ่งมองการ์ดอยู่ในมือหลังจากนั้นก็เสียบเข้าที่ช่องใส่การ์ด
Summon Card : Gangster LV:1 Price(ราคา):1000/Unit(หน่วย)
ความสามารถ:-
[Summon Card : Gangster 1000 Coin] (นักเลง)
“เช็ค”
[Payout Complete (ชำระเสร็จสิ้น)] สิ้นเสียงสังเคราะห์ ตัวเลขบนบัญชีของไลท์หดหายออกไปจำนวนหนึ่งก่อนที่บนพื้นจะส่องแสงสว่างวาบ แล้วจึงปรากฏร่างของชายร่างใหญ่ถือไม้เบสบอลสวมหน้ากากอนามัยค่อนข้างน่ากลัวขึ้นมาประจันหน้าอมนุษย์สีดำที่พุ่งใกล้เข้ามา
นักเลงร่างใหญ่หวดไม้เบสบอลเข้าที่หน้าอกของกรีดเกิดกระแทกดังเฮือกส่งผลให้ร่างสีดำปลิวกระเด็นออกไปเล็กน้อย ก่อนที่จะก้าวมาอยู่ข้างหน้าของนายท่านมันทำให้ไลท์รู้สึกอุ่นใจมากยิ่งขึ้น
‘มอนสเตอร์จะมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ หากเราไม่ได้ออกคำสั่งมัน มันจะทำหน้าที่ปกป้องเราโดยอัตโนมัติ และเราสามารถสั่งการให้มันทำอะไรก็ได้ตามขอบเขตที่มันทำได้’
“กำจัดมัน” ไลท์เอ่ยคำสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ครับ! บอส!” นักเลงร่างใหญ่ขานรับคำสั่งก่อนจะว้ากเสียงดังวิ่งเข้าหากรีดที่กระเด็นไปเมื่อครู่อย่างกล้าหาญ ในวินาทีที่ไม้เบสบอลกำลังเหวี่ยงเข้าเบ้าหน้าอมนุษย์สีดำกลับใช้แขนหวดเข้ากลางลำตัวของนักเลงใหญ่จนขาดครึ่ง
“.....”
“.....”
‘จะง่อยไปไหมเฮ้ย!’
“เจ้าบ้า! แก๊งสเตอร์เป็นการ์ดเลเวลหนึ่งที่อ่อนแอมาก ให้ไปสู้เดี่ยวๆ กับกรีดแล้วจะรอดไหม” เมซูลที่กำลังรับมือกับกรีดอีกสี่ตัวหันมาเอ่ยกับไลท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำให้ชายหนุ่มถึงกับผงะ
“หา! ทั้งทีหน้าตาดูน่าเกรงขามแท้ๆ เนี่ยนะ”
“เอาเหรียญมาให้ฉัน!” กรีดมันตวาดคลุ้งคลั่งเตรียมจะพุ่งทะยานร่างเข้ามากะซวกท้องของไลท์ให้ทะลุไปถึงข้างหลัง ชายหนุ่มตื่นตัวอย่างหนักพลิกการ์ดขึ้นมาดูอีกใบ
‘ชนิดการ์ดต่อมาคือAbility Card หรือการ์ดเสริมความสามารถ เป็นการ์ดที่จะเพิ่มความสามารถให้แก่ผู้ใช้หรือมอนสเตอร์ได้ ควรอ่านคุณสมบัติของการ์ดให้ดีก่อนใช้เพราะมันจะส่งผลต่อกำลังรบโดยรวมของเราอย่างมาก’
“อึก” ไลท์กลืนน้ำลายและเสียบการ์ดเข้าช่องใส่การ์ดก่อนเสียงสังเคราะห์จะดังขึ้น
“ตายไปซะ!” เสียงของอมนุษย์แผดออกมาดังสะนั่นพร้อมกับใบดาบที่พุ่งเข้ามา ในตอนนั้นผลของการ์ดก็ทำงานอย่างทันท่วงที
[Ability Card : แยกร่าง 10,000 Coin]
[คุณสมบัติ:แยกร่างออกมา ร่างแยกจะรับความเสียหายได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นก่อนจะหายไป]
“เช็ค”
[Payout Complete (ชำระเสร็จสิ้น)]
ร่างของไลท์ถูกแบ่งออกมาเป็นสองร่าง ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผมหัวจรดเท้าเหมือนกันทุกอย่างราวกับเงาสะท้อนในกระจก ส่งผลให้ร่างของกรีดลอดผ่านช่องว่างระหว่างชายหนุ่มทั้งคนไปอย่างหวุดหวิด ปืนสีขาวทั้งสองกระบอกเล็งเป้ามาที่แผ่นหลังของอมนุษย์สีดำและลั่นไกลออกไป
ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!
“แฮร่!!!” กระสุนปืนหลายนัดพุ่งเข้าใส่กลางหลังของมันอย่างรุนแรง เลือดสีทองฟุ้งกระจายไปตามอากาศก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆ เคลือบคลานไปกับพื้นด้วยสภาพอ่อนแรง
“จะ..จบแล้วสินะ”
“ยังไม่จบ!” เสียงของเมซูลร้องทักทำให้ไลท์เผลอหันไปมองเธอในบัดดล
“ถ้าร่างกายของกรีดยังไม่สลายแสดงว่ามันยังไม่ตาย” เมซูลอธิบายเพิ่มก่อนจะเตะเสยคางกรีดหนึ่งตัวที่เธอกำลังรับมืออยู่ ชายหนุ่มหันกลับมามองศัตรูของเขาก่อนที่จะพบว่ามันเองก็ลุกขึ้นมาแล้ว สายตาสีขาวเพ่งมองมาด้วยความอาฆาต ความโทสะ ความเจ็บแค้น
“แกตาย!!!!!!”
“เวรเอ้ย!”
“ใช้การ์ดจู่โจมเร็ว!” เมซูลออกคำสั่ง ไลท์เลยพลิกการ์ดอีกใบที่อยู่ในมือมาใช้
‘ต่อมาคือAttack Cardหรือการ์ดจู่โจม ถ้าหากการ์ดเสริมความสามารถคือการ์ดที่เสริมพลังในการต่อสู้ การ์ดจู่โจมคือการ์ดที่จะช่วยเพิ่มพลังในการโจมตีให้รุนแรงและหลากหลายยิ่งขึ้น ยิ่งจ่ายแพงเท่าไหร่ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากเท่านั้น และสามารถเพิ่มเงินได้มากสูงสุดถึง1000%’
[Attack Card : กระสุนลูกบอลเพลิง(เล็ก) 3,500 Coin]
คุณสมบัติ: เปลี่ยนลูกกระสุนทั้งหมดในปืนกลายเป็นกระสุนเวทย์ธาตุไฟ เมื่อยิงออกไปจะกลายเป็นลูกบอลไฟขนาดเล็ก
“เช็ค!”
[Payout Complete (ชำระเสร็จสิ้น)] เมื่อการ์ดเริ่มทำงานที่ปากกระบอกปืนของไลท์พลันมีสะเก็ดไฟกระเด็นออกมาตามด้วยควันสีขาวมัว ที่มือของเขารู้สึกร้อนขึ้นทุกขณะราวกับกำลังถูกแผดเผาทั้งเป็นก่อนจะเล็งเป้าไปที่กรีด
“ตายไปซะ!” กรีดร้องตะโกนพร้อมกับปรับเปลี่ยนแขนให้กลายเป็นดาวกระจายขนาดใหญ่เหวี่ยงเข้าหาไลท์ก่อนที่จะยิงกระสุนออกไป ในระหว่างที่ดวงตากำลังจดจ้องดาวกระจายที่กำลังพุ่งเข้ามาตัดร่างของเขาเป็นสองท่อน ร่างแยกของเขากลับพุ่งเข้ามารับการโจมตีเข้าแทนจนกลายเป็นควันลอยหายไปเปิดช่องว่างให้โจมตีเข้าอย่างจัง
“แกนั่นแหละที่ตายไปซะ!” ไลท์ประกาศก้องและยิงกระสุนออกไปให้หมดแม็ก เมื่อลูกตะกั่วพุ่งออกไปได้ราวหนึ่งวินาทีพวกมันพากันแตกตัวออกเป็นลูกไฟขนาดเท่ากำปั้นเข้าแล้วระเบิดใส่กรีดเข้าอย่างจัง
แรงระเบิดขนาดเล็กเมื่อรวมกันก็สร้างความเสียหายได้ไม่น้อย ซัดร่างของกรีดที่เต็มไปด้วยไอควันลอยคลุ้งพร้อมฝากรอยแผลเอาไว้เต็มเรือนร่างกระเด็นออกไปหลายเมตร เมื่อลอยไปกระแทกพื้นก็ต้องส่งเสียงโครม ผิวหนังสีทำพลันค่อยๆ ย่อยสลายไปอย่างเชื่องช้า
[Dividend (เงินปันผล) : 3,000 Coin]
“สะ..สำเร็จแล้ว เฮ้อ” ไลท์ร้องออกมาอย่างโล่งอก ล้มนั่งไปกับพื้นในทันทีก่อนจะนึกขึ้นได้เลยหันไปหาหญิงสาวพร้อมพูดว่า
“เมซูล! ฉันจัดการได้แล้ว คิดยังไงบ้าง พอใช้ได้ไหม”
“ก็ไม่เลว แต่ยังอ่อนหัด” เมซูลยืนกอดแขนเอ่ยด้วยท่าทีอันหยิ่งทะนง ที่เบื้องหลังของเธอเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณของกรีดที่กองรวมกันเป็นภูเขา แสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นของฝีมืออย่างชัดเจน
“ลำดับแรกดูจากเงินปันผลของนาย”
“เงินปันผลของฉัน?”
“ใช่ ทุกครั้งที่เรากำจัดกรีดได้ เราก็จะได้รับเงินปันผลมาจำนวนหนึ่ง ลองตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายดูดีๆ สิ หยิบเหรียญขึ้นมาและเคาะเบาๆ หนึ่งที” เมซูลเอ่ยก่อนที่ไลท์จะลองทำตาม
“นายใช้เงินไปทั้งสิ้น14,500เพื่อใช้กำจัดกรีด แต่กรีดที่นายสังหารได้ให้ค่าตอบแทนแค่3,000เหรียญ สรุปคือนายขาดทุนเป็นจำนวน11,500เหรียญ”
“เชี่ย!” ไลท์ถึงกับอุทานหยาบออกมา ลืมไปซะสนิทว่าต้องคำนึงระหว่างเงินที่จ่ายไปแล้วได้กลับคืนมา ไม่ต่างจากการเอาเงินไปถลุงเล่นชัดๆ ชายหนุ่มรู้สึกอยากจะเอาหัวไปโขกกำแพงให้ตายไปซะ เงินหมื่นกว่าเหรียญใช้ทำอะไรได้ตั้งเยอะแยะ!
“ถ้าใช้เงินเปลืองแบบนี้ ระวังตอนเป็นโบรกเกอร์จะล้มละลายซะล่ะ”
“คะ..ครับผม”
“ไปกันเถอะ ยังมีที่ที่เราต้องไปกันอีก”
“เข้าใจแล้ว” และทั้งคู่ก็ออกจากมหาลัยไปอย่างรวดเร็ว
ห่างออกไปไม่ไกลนัก ร่างของยูเรโนสยืนอยู่บนตึกแห่งหนึ่งและกำลังใช้สายตาสอดส่องหนุ่มสาวทั้งสอง เขายกยิ้มขึ้นที่มุมปากก่อนจะเอ่ยบางสิ่ง ที่จะเกิดบางสิ่งที่ทำให้ไลท์ต้องจดจำไปตลอดชีวิต
“เริ่มได้เลยครับ”
แผนการสร้างราชาองค์ที่สองของผม