Money Monster Episode I [เหรียญสมปรารถนา]
บทนำ
เงินไม่สามารถซื้อความปรารถนาให้เป็นจริงได้ทุกอย่าง คุณเคยได้ยินประโยคนี้มาก่อนหรือไม่?
และ[ความปรารถนา] คืออะไร? คุณได้เข้าใจความหมายของมันดีแล้วหรือยัง
มันคือความประสงค์ ความอยาก ความต้องการบางอย่างมาเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหาย พวกเราทุกคนย่อมเข้าใจมันเป็นอย่างดี และไม่มีผู้ใดปราศจากความปรารถนา ประหนึ่งเป็นสิ่งที่ใช้ขับเคลื่อนไปพร้อมกับชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการทำความฝันให้เป็นจริง ได้พัฒนาความฝันกับคนที่ชอบ ได้รับสิ่งของที่อยากได้มานาน ทำให้ร่างกายกลับเป็นเด็กอีกครั้ง หรือขอให้คนที่จากไปแล้วกลับคืนมา ทว่า บางครั้งก็มีหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ความปรารถนาเหล่านี้ไม่เป็นจริง นั่นก็คือ [ความเป็นไปได้]
เพราะเราไม่มีทางได้รับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เราไม่มีทางย้อนกลับเป็นเด็กได้อีกครั้ง และคนตายไม่คืนชีพ..
แม้ว่าเราอยู่ในยุคสมัยที่เงินสามารถทำได้แทบทุกอย่าง แต่ต่อให้มีเงินมากมายล้นฟ้า ก็ไม่สามารถก้าวข้ามขอบเขตของ [ความเป็นไปได้] ได้สำเร็จ นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า [เงินไม่สามารถซื้อความปรารถนาให้เป็นจริงได้ทุกอย่าง]
แต่หากเราสามารถทำความปรารถนาให้เป็นจริงได้ทุกอย่างขึ้นมาล่ะ?
หากเงินนั้นทำให้คนที่ชอบหันมาสนใจ ร่างกายย้อนกลับเป็นเด็กอีกครั้ง ได้รับสิ่งของที่ไม่น่าหามาได้ หรือแม้กระทั่งการทำให้คนตายฟื้นคืนชีพ ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
เหรียญตราอสูรและจดหมายสีทองคำขาวคือสิ่งที่จะทำลายขอบเขตของความเป็นไปได้และนำพาคุณไปสู่พรมแดนของความปรารถนาอันไร้ขีดจำกัด คุณสามารถทำความปรารถนาให้เป็นจริงได้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนอาจไม่ใช่เงินเสมอไป
เพราะความจริงมันไม่ได้หอมหวานอย่างที่คิด..เมื่อสิ่งที่ต้องจ่ายตอบแทนมากมายมหาศาลชนิดประเมินค่ามิได้ จิตใต้สำนึก ร่างกาย ตัวตน ทรัพย์สิน สายสัมพันธ์ จะต้องจ่ายเท่าไหร่เพื่อทำความปรารถนาเหล่านั้นให้เป็นจริง จะเหลืออะไรบ้างหลังจากได้มันมาครอบครอง?
พร้อมหรือยัง! ที่จะทำความปรารถนาของตนเองให้เป็นจริง
พร้อมหรือยัง! ที่จะยอมทำทุกอย่างแม้จะเป็นการขายวิญญาณให้ปีศาจก็ตามที
เพราะการแลกเปลี่ยน ไม่มีทางฟรียังไงล่ะ!
และนี่คือเรื่องราวของพวกเขา ผู้ที่ยอมทำทุกสิ่งเพื่อทำให้ความปรารถนาเป็นจริง แม้ว่าต้องแบกรับบาปและเผชิญฝันร้ายตลอดกาลก็ตาม
ยินดีต้อนรับสู่Money Monster เรื่องราวที่พร้อมจะมอบความสำราญให้แก่ทุกท่าน โลกที่ทุกอย่างสามารถทำให้เป็นจริงได้ขอเพียงแค่มีความกล้าที่จะเผชิญ ความกล้าที่จะยืนหยัดต่อสู้ กล้าที่จะเสี่ยงและทะยานไปสู่จุดสูงสุดของความเร้าใจ!
Welcome to Money Monster
กฎบัญญัติศึกอสูรเงินตรา
[Miraculous Fusionรวมร่างปาฏิหาริย์)]
[Tortoise Tank Destroyer + Hazardous Metal Dragon]
[10,000,000,000Coin?]
“เช็ค”
[Payout Complete (ชำระเสร็จสิ้น)]
[Future Tank Dragon]
“บอส..โลกแสนโสมมที่คุณได้แต่เฝ้ามองมาโดยตลอด โลกที่ได้มอบความบิดเบี้ยวให้แก่พวกเราทุกคน ผมจะ..”
เป็นคนปฏิวัติมันเอง!
เสียงเข็มนาฬิกาดังขึ้นทุกวินาที เมื่อเคลื่อนเข้าสู่ตำแหน่งที่ถูกตั้งค่า มันส่งเสียงดังแสบแก้วหูกังวานไปทั่วห้อง ปลุกให้ชายหนุ่มผู้หนึ่งตื่นจากห้วงนิทรา เส้นผมสีทองคำขาวถูกขยี้จนยุ่งเหยิงด้วยความหงุดหงิด ดวงตาเบิกอย่างเชื่องช้าก่อนจิกมองไปยังต้นตอของความน่ารำคาญนี้
มือขวาเอื้อมไปแตะให้ความทรมานนี้หยุดลง เสียงแสนหนวกหูหยุดลงแทนที่ด้วยความเงียบสงัด ชายหนุ่มลุกไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะเริ่มทำกิจวัตรประจำวัน แม้เวลาตอนนี้จะตีสี่ซึ่งจัดว่าเช้าเกินกว่าที่คนทั่วไปจะตื่นมาทำกิจกรรมใดๆ แต่ไม่ใช่สำหรับคนบ้านหลังนี้! เพราะเวลาคือเงินทองยังไงล่ะ
เขาเดินออกห้องไปเคาะประตูที่ห้องข้างๆ พร้อมส่งเสียงดัง
“พ่อแม่ ได้เวลาแล้ว”
“จ้าลูกไลท์ ไว้ไปช่วยปลุกน้องให้แม่ด้วยนะ”
“รับทราบครับผม!” ไลท์ยิ้มร่าแล้วทำท่าวันทยหัตถ์ หันข้างมุ่งหน้าสู่ห้องถัดไป เมื่อเปิดประตูก็เห็นร่างของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่อายุอ่อนกว่าเขาไม่กี่ปีกำลังนอนหลับบนเตียงพร้อมกรนเสียงดังไปทั่ว รอยยิ้มอันชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่มก่อนจะย่องเท้าเข้าไปใกล้หูของอีกฝ่าย
“แลงค์! ตื่นได้แล้ว!”
“เหวอ!” แลงค์สะดุ้งตื่นแนบหลังอิงกำแพงพร้อมกวาดสายตาหวาดระแวงไปทั่วห้อง ท่าทีอันแตกตื่นทำให้ผู้ปลุกต้องเผยยิ้มอย่างผู้มีชัย เป็นผลให้เด็กหนุ่มหรี่ตามองอย่างขุ่นเคือง
“ผมบอกพี่กี่ครั้งแล้วว่าอย่าปลุกด้วยวิธีนี้!”
“ปลุกด้วยวิธีอื่นแล้วเคยตื่นไหม?” ไลท์ยิ้มกล่าวส่งสายตาท้าทายไปยังเด็กหนุ่ม พอนึกย้อนไปดีๆ ก็ไม่เคยมีสักครั้งอย่างที่ยกมาว่าจริง ทำให้เขาหมดคำพูดแล้วแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน
“มะ..ไม่เคย”
“เห็นไหม! เอาเถอะน่า ได้เวลาทำงานแล้ว ลุกขึ้นมาช่วยพ่อแม่ทำแซนด์วิชหน่อยได้ไหม วันนี้พี่มีงานส่งหนังสือพิมพ์ช่วงเช้าเลยอยากให้งานเสร็จเร็วๆ ช่วยทีนะ”
“ไม่ จะนอนต่อแล้ว” แลงค์ปฏิเสธเสียงแข็งและกลับไปนอนคลุมโปงเช่นเคย ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงบ่นอุบอิบดังลอดออกมาจากใต้ผ้าห่ม
“เรียนก็หนัก สอบก็เหนื่อย รายงานก็เยอะ ทำไมต้องตื่นขึ้นมาทำแซนด์วิชตั้งแต่ตีสี่ด้วย บ้าไปแล้วรึไง ขอนอนต่อยันสว่างสักวันเถอะ”
“ไม่เอาน่าคุณน้องชาย แบบนี้คุณพี่ชายก็ลำบากแย่สิ มาช่วยกันเถอะนะ นะนะนะนะ?!”
“ไม่เอา จะนอนแล้ว ไปให้พ้น” เมื่อถูกปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวติดต่อกัน รอยยิ้มบนหน้าไลท์พลันฮุบลง ชายหนุ่มหันไปมองอีกทางก่อนจะงัดไม้ตายเด็ดออกมาใช้งาน
“แม่! น้องมันแอบคบกับสาวขายเบอร์เกอร์หน้าสถานี...”
“อ้าก! หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ นี่พี่บ้าไปแล้วรึไง!” แลงค์ลุกพรวดพร้อมทำหน้าซีดราวกับพบวันสิ้นโลก เข้ามากระชากเสื้อพี่ชายไปมาอย่างร้อนรนพร้อมหัวใจที่ตกลงไปอยู่ตาตุ่ม
“ขอร้องล่ะ! อย่าให้แม่รู้ว่าผมมีแฟนจะได้ไหม พี่ไม่เข้าใจความรู้สึกเวลาที่แม่บังคับให้พาแฟนมาบ้านหรอก! พอผมพาพวกเธอมาทีไรก็ต้องเลิกกันทุกราย ชีวิตนี้ผมไม่อยากโดนทิ้งแล้วนะ!”
“ไม่เอาน่าพี่ล้อเล่นเอง แล้วสรุปจะช่วยไหม” ไลท์ส่งยิ้มให้อย่างมีเลศนัย ทำเอาได้แต่กระตุกคิ้วอย่างหมดคำจะพูด สถานการณ์เช่นนี้หากปฏิเสธไปมิแคล้วไปถึงหูมารดาหรือ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเอามีดมาจ่อที่คอหอยแล้วชัดๆ
‘แล้วจะถามความสมัครใจเราไปเพื่อ?!’
“ช่วย..ครับ” แลงค์ข่มใจฝืนตอบตกลง
“ดีมาก! สมกับเป็นน้องชายฉัน เวลาเป็นเงินเป็นทองนะ ต้องช่วยกันทำมาหากินสิถึงจะถูก” ไลท์หัวเราะพลางตบบ่าแลงค์เบาๆ ตอนนี้เด็กหนุ่มหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ไม่รู้จะสรรหาคำใดในพจนานุกรมมาอธิบายความรู้สึกที่เป็นอยู่ดี
“เอาล่ะ! ยังเหลือยัยปีศาจขี้เซาอีกสองตัว อาบน้ำแต่งตัวแล้วไปรอที่ห้องครัวนะ!”
“ครับ” แลงค์พยักหน้าเรียบเฉยก่อนที่ไลท์จะวิ่งออกไปนอกห้องและเลี้ยวขวา จากนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงสองคนดังมาจากห้องข้างๆ
“ตื่นเดี่ยวนี้นะ! พวกปีศาจน้อยสันหลังยาว!”
“กรี้ด! พี่ไลท์อย่าจั้กจี้หนูแบบนี้สิ ฮะ!ๆพะ..พอ พอแล้ว ฮะ!ๆๆ”
“แหง่! พี่ไลท์แกล้งหนูอีกแล้วหง่า”
เสียงของเด็กผู้หญิงทั้งสองทำให้แลงค์ถึงกับน้ำตาไหลพรากอย่างเห็นใจ ต่อมาเห็นพี่ชายของตนหิ้วร่างบอบบางราวตุ๊กตามีชีวิตเดินผ่านประตูห้องหน้าระรื่น เด็กหญิงฝาแฝดมีสีหน้าอิดโรยอย่างอ่อนแรงทั้งที่เพิ่งตื่นนอนแท้ๆ เหตุการณ์ทั้งหมดดำเนินเช่นนี้เรื่อยมาจนนับไม่ถ้วน
ไลท์ ชื่อเต็มคือไลท์ ลินสตอร์ม เกิดในครอบครัวที่ฐานะค่อนข้างขัดสน ปัจจุบันอายุสิบเก้าและเรียนมหาวิทยาลัยใกล้บ้านพร้อมทำงานพิเศษหลายแห่งไปด้วย เพราะลำพังเงินเดือนของพ่อแม่ไม่สามารถส่งลูกเรียนได้ทุกคนนั่นทำให้เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาแบ่งเบาภาระ ไม่ว่าจะเป็นการขายของตามสถานที่ต่างๆ หรือรับจ้างทั่วไปตามโอกาส
แซนด์วิชเป็นอาหารว่างยอดนิยม มีขนาดพกพาง่ายและสารอาหารครบถ้วน คนที่ต้องทำธุระตั้งแต่เช้าจนไม่มีเวลาจัดเตรียมอาหารมักเลือกมันเป็นทางเลือกลำดับต้นๆ ครอบครัวลินสตอร์มเลยพากันตื่นมาช่วยกันทำแซนด์วิชจนเป็นกิจวัตรตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น ไลท์ก็จำไมได้แล้ว
เมื่อฟ้าเริ่มสว่างแซนด์วิชถูกบรรจุใส่ลังกระดาษจนเต็มพร้อมนำไปขายแล้ว ต่างคนพาทยอยกันไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง จะมีก็แต่ไลท์คนเดียวที่กำลังจูงจักรยานออกไปด้านนอก
“จะไปแล้วเหรอ?” แลงค์เอ่ยทัก ไลท์หันมายิ้มให้
“ใช่! ก็บอกแล้วไงว่าต้องรีบไป วันนี้รุ่นพี่ส่งเมลมาบอกว่าไม่ว่าง บอสหัวเสียใหญ่เลยล่ะ พี่เลยต้องรีบแล้ว จริงสิ วันนี้พี่มีพาร์ทไทม์ต้องทำตั้งแต่เย็นถึงช่วงดึกนะ อาจไม่ได้กลับมาบ้านไม่ต้องทำอาหารเผื่อก็ได้”
“เข้าใจแล้ว..พยายามให้เหมือนทุกทีล่ะ”
“งั้นไปล่ะนะ”
“พี่ไลท์!” เสียงหวานใสหนึ่งคู่ดังขึ้นพร้อมกันทำเอาสองพี่น้องต้องหันไปมองยังต้นทาง พบเห็นเด็กหญิงฝาแฝดในชุดนักเรียนประถมสะพายกระเป๋าสีแดงวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พวกเธอยิ้มพร้อมหอบระรัวเมื่อมาใกล้ตัวไลท์
“ไอลิกับรินะมีอะไรอยากได้รึเปล่า?”
“ไม่ค่ะ หนูแค่อยากมาส่งพี่ไลท์เฉยๆ”
“วันนี้คุณครูสอนเขียนเรียงความด้วย ไว้หนูเขียนเสร็จแล้วจะเอามาให้พี่อ่านเป็นคนแรกนะ!” เสียงอันไร้เดียงสาและใบหน้าแสนน่ารักน่าชังทำให้จิตใจของชายหนุ่มชุ่มชื้น สลัดความเหนื่อยล้าและเกียจคร้านทิ้งหายไปในพริบตา ไลท์คลี่รอยยิ้มบางๆ ให้แก่การกระทำอันแสนบริสุทธิ์เหล่านั้นจากก้นบึ้งของหัวใจเป็นการตอบแทน
“อา ขอบคุณนะ” ไลท์กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมลูบศีรษะของน้องสาวฝาแฝดอย่างอ่อนโยนก่อนจะปั่นจักรยานออกไปทำงาน พองานเสร็จก็กลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านแล้วมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยในทันที
วิถีชีวิตของไลท์ดำเนินเป็นเช่นนี้เรื่อยมาตลอดนับตั้งแต่เขาจำความได้ แต่ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าหนึ่งวันแสนธรรมดานี้จะเกิดเหตุการณ์บางอย่าง ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล
Money Monster
Episode I
[เหรียญสมปรารถนา]
แซม:เฮ้ ไลท์! แกตายรึยัง วันนี้อย่าลืมเอาสมุดจดกับเทปบันทึกเสียงที่ยืมไปเมื่อวันก่อนมาคืนด้วยนะ
หลังจากทำงานพิเศษเสร็จสิ้นไลท์ก็กลับมาที่บ้านและกำลังจะไปที่มหาลัย ก็ได้รับอีเมลจากแซม เพื่อนสนิทที่มีอยู่น้อยนิด
เพราะว่าไลท์เป็นคนที่ค่อนข้างประหยัดและต้องทำงานหารายได้อยู่แทบตลอดเวลา เวลาที่มีให้เพื่อนเลยน้อยตามไปด้วย แต่แซมก็ยังเข้าใจและยอมให้ความช่วยเหลือมาตลอดจนถึงวันนี้
ทว่า ในขณะที่ไลท์กำลังง่วนอยู่กับการหาสมุดจดและเทปบันทึกเสียงที่ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของห้องที่แสนจะรกเป็นรังหนู จนกระทั่งพบมันในลิ้นชักพร้อมกับซองจดหมายปริศนา
เซองจดหมายสีทองคำขาวเขียนด้วยตัวอักษรสีทองบรรจงด้วยลายมือสละสลวยราวกับมีมนต์สะกด ไลท์ขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นมันจ่าหน้าชื่อถึง [ไลท์ ลินสตอร์ม]
‘จดหมายมอยู่ที่ห้องเราได้ยังไง?’ ปกติจดหมายทุกฉบับจะต้องผ่านมือพ่อแม่ก่อนจะตกถึงมือเขาเสมอ แต่จดหมายฉบับนี้กลับแตกต่างตรงที่เขาไม่คุ้นเคยเลยสักนิดว่ารับมันมาและจู่ๆ มันก็มาโผล่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของเขา
ไลท์หยิบจดหมายพลิกไปมาแล้วนิ้วก็สัมผัสวัตถุแข็งๆ บางอย่างที่บรรจุอยู่ภายในซอง เขาลงมือฉีกซองและเทมันออกมาดูพบว่ามีเหรียญสีทองตราปีศาจช้างนั่งอยู่บนบังลังก์พร้อมกับจดหมายสีขาวหนึ่งแผ่น ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มลุกวาวก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นความหวาดระแวง
‘ทำไมของมีค่าขนาดนี้ถึงมาอยู่ในห้องเราได้’ ไลท์กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ปกติถ้ามีคนเห็นของมีค่าจะต้องดีใจแต่ในกรณีนี้เขากลับรู้สึกแตกต่าง พอสังเกตซองจดหมายก็ไม่พบชื่อผู้ส่งยิ่งทำให้เป็นกังวลมากขึ้นไปอีก
“ลองอ่านจดหมายดูก่อนดีกว่า” ไลท์ตบหน้าเรียกสติและกางจดหมายออกให้อ่านชัดๆ
ยินดีที่ได้รู้จัก ท่านไลท์ ลินสตอร์ม
เรามีนามว่า[มาม่อน] เป็นพระเจ้าแห่งความโลภ เรามีข้อเสนอสุดวิเศษที่แม้แต่บุคคลผู้มั่งคั่งที่สุดในโลกยังได้แต่เพ้อฝัน ท่านมีความปรารถนาหรือไม่? ไม่ว่าจะเป็นการมีแฟนสาวที่สวยที่สุดในโลก ได้รับสิ่งของที่อยากได้ ได้ทำตามความฝันที่ต้องการ หรือแม้แต่การคืนชีพคนเราก็สามารถทำได้เช่นกัน
ง่ายเพียงนิดเดียว! เพียงนำ[ชะตากรรม]ของท่านมาค้ำประกันกับเรา เราก็สามารถทำความปรารถนาของท่านให้เป็นจริงได้ทุกอย่าง ได้ในทันทีง่ายดายราวดีดนิ้ว อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและเงื่อนไขได้ในหน้าต่อไป
ปล.เงื่อนไขมีระยะเวลาจำกัด7วัน [นับถอยหลัง ข้อเสนอมีอายุเหลือเพียง5วัน]
....
...
..
“อะไรเนี่ย” ไลท์กระตุกคิ้วบนใบหน้าและครุ่นคิดอย่างหนัก
‘จดหมายกลั่นแกล้ง?..คำชักชวนเข้าลัทธิ? การขายประกันรูปแบบใหม่? เกี่ยวอะไรกับเหรียญนี่ แล้วมาม่อนนี่ใคร หรือจะเป็นจูนิเบียว*?’
ไลท์เคลือบแคลงข้อความในจดหมายอย่างหนัก อ่านจดหมายยังไม่ทันจบเขาก็ขย้ำมันทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดี ชายหนุ่มส่ายหน้าและตัดสินใจเอาเหรียญไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก่อนจะไปทำพาร์ทไทม์ช่วงเย็น แล้วก็ถูกพวกมันรบกวนสมาธิจนไม่เป็นอันเรียนจนจบวัน
ห้าโมงเย็น
ไลท์เดินจูงจักรยานบนฟุตบาทด้วยสภาพอ่อนแรง การตื่นตั้งแต่ตีสี่และต้องปั่นจักรยานไปทั่วเมืองทำให้สูญเสียพลังงานไปมหาศาลมาก แถมยังถูกรบกวนสมาธิโดยจดหมายปริศนามาตลอดทั้งวัน ส่งผลให้ชายหนุ่มห่อเหี่ยวทั้งร่างกายและจิตใจในเวลาเดียวกัน
“โว้ย! คอยดูเถอะ! อย่าให้รู้นะว่าใครส่งจดหมายบ้านี่มา พ่อจะวิ่งเข้าไปเรียกร้องค่าเสียหายเป็นหลักล้านเลยคอยดู!” ไลท์ตะโกนชูมือขึ้นฟ้า แต่ก็ต้องสงบลงเมื่อสังเกตเห็นว่าในพื้นที่โดยรอบที่เขายืนอยู่ไม่มีผู้คนสัญจรอยู่เลยนอกจากเขา
ทันใดนั้นไลท์ก็รู้สึกึงความผิดปกติชวนขนลุก บรรยากาศโดยรอบเริ่มเย็นลง ได้ยินเพียงเสียงสายลมอันเปล่าเปลี่ยว พอนึกถึงข้อความในจดหมายก็พลันเกิดฟุ้งซ่านขึ้นมา ทว่า ในขณะที่กำลังจูงจักรยานให้ออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด ก็มีร่างเงาปริศนาพุ่งปรากฏออกมาจากซอกตรอกแห่งหนึ่งอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย วินาทีนั้นหัวใจของเขาแทบหยุดเต้น
สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์สัดส่วนเทียบเท่าชายวัยทำงานสวมชุดกรรมกรเดินเซมาที่เขาอย่างไร้การทรงตัว ดวงตาสีขาวฉีกกว้าง ผิวกายดำทมิฬทั้งตัวชวนให้ความรู้สึกน่าสะพรึง ส่งบรรยากาศกดดันพุ่งตรงมาที่ไลท์จนตัวแข็งทื่อ
“เอาเหรียญมา..และตายไปซะ!”
“หา?” ไลท์ถึงกับผงะเมื่อได้ยินคำพูดตรงหน้า วินาทีนี้เสมือนสมองหยุดประมวลผลไปครู่หนึ่งก่อนจะใช้สายตาเพ่งพินิจผู้อยู่เบื้องหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวคือ มันช่างคล้ายคลึงกับตัวร้ายในหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่เขารู้จักซะจริง
“เข้าใจแล้วถึงว่าไม่มีใคร เป็นแบบนี้เอง ที่แท้กำลังถ่ายหนังกันอยู่สินะครับ” ไลท์ทุบกำปั้นลงมือก่อนจะเอ่ยออกมา
“...”
“ขอประทานโทษด้วยครับที่หลุดเข้ามากองถ่ายซะได้ ว่าแต่ทีมงานคนอื่นล่ะครับ ทำไมคุณถึงอยู่ตรงนี้คนเดียว”
“...”
“แต่ว่าชุดนี่สุดยอดไปเลยนะครับ ผมคิดมาตลอดว่าเป็นCGซะอีก ขอผมจับนิดนึงได้ไหม” ไลท์ยิ้มเจื่อนก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสที่ผิวกายของผู้อยู่เบื้องหน้าและต้องตัวแข็งค้างเป็นก้อนหิน
ไม่ใช่ทั้งผ้าและยาง แต่ผิวกายของอีกฝ่ายเป็นเมือกสีดำที่ทั้งเหนียวและแข็งแรงพอๆ กับโลหะ ไลท์รีบปล่อยมือออกและจูงจักรยานหนีออกไปอย่างรวดเร็วเสมือนกับภาพเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
“เอาเหรียญมา และตายซะ!” อมนุษย์สีดำตวาดเสียงคลุ้มคลั่ง เปลี่ยนมือขวากลายเป็นใบดาบเสมือนกับสามารถปรับเปลี่ยนทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธได้อย่างอิสระ ใบหน้าฉีกยิ้มกว้างจนถึงใบหูเผยให้เห็นฟันแหลมคมสีทองนับไม่ถ้วนในช่องปาก ชวนให้ความรู้สึกน่าสยดสยองราวกับอสุรกายในนิยายสยองขวัญ
ไลท์สันหลังเย็นวาบ แอบเหลียวมองไปด้านหลังเป็นจังหวะเดียวกับที่มันแหกปากกระโจนเข้ามา
“เอาเหรียญมา!” ใบดาบพุ่งเข้าหาร่างไลท์อย่างรวดเร็วหมายจะแทงให้ตายในดาบเดียว ชายหนุ่มเบิกตากว้างโพลงใช้สติที่เหลืออยู่กระโดดหลบไปอีกทางอย่างทันท่วงที ส่งผลให้ร่างสีดำล้มคะมำพื้น
ไลท์ตื่นตกใจสุดขีดหันมามองร่างของอมนุษย์ เลื่อนสายตาลงมามองที่ใบดาบซึ่งบัดนี้กำลังตัดพื้นคอนกรีตไม่ต่างจากผ่าเค้ก นั่นทำให้เขาไม่เสียเวลาคิดอีกต่อไป
‘หนี ต้องรีบหนี!’ ไม่รอช้ารีบลุกขึ้นควบจักรยานปั่นหนีออกไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทิ้งให้อมนุษย์สีดำนอนบนพื้นอย่างโดดเดี่ยว
“เหรียญของฉัน..” เสียงแหบถูกเอื้อนเอ่ย ร่างสีดำสั่นเทาราวกับต้องการบางอย่างจนแทบคลั่ง มันกระตุกเฮือกทุกครั้งก่อนจะแผ่ละอองสีดำน่าสยดสยองออกมาราวกับภายในร่างกายกำลังปะทุ ดวงตาสีขาวโพลนจับจ้องเหยื่อที่กำลังถอยห่างออกไปเรื่อยๆ
“เอาเหรียญของฉันมา!” มันแผดเสียงดังลุกขึ้นพรวดสับฝีเท้าตามจักรยานที่ไลท์นั่งอยู่ แขนขาซูบเซียวแถมยังทรงตัวลำบากขณะนี้ แต่กลับไล่ตามความเร็วของจักรยานอย่างไม่ลดละ เยี่ยงคนบ้าเสียสติที่ไม่สนสภาพร่างกายของตนเองเลยแม้แต่น้อย
ไลท์แอบชำเลืองมองมาด้านหลังและเห็นอมนุษย์สีดำเข้าใกล้ตนเรื่อยๆ ในใจรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เร่งความเร็วปั่นจักรยานสุดชีวิต
“เมื่อกี้เจ้านี่แทบจะยืนไม่ไหวเลยนี่นา! ทำไมมันถึงวิ่งเร็วนัก!”
“เหรียญ..เอาเหรียญมาให้ฉัน” แม้จะวิ่งจนลิ้นห้อยแต่มันก็มิลืมพูดต่อ
“เหรียญบ้าอะไร! ฉันไม่มี! ฉันไม่รู้เรื่อง”
“เหรียญ..เหรียญทอง”
“อยากได้เหรียญทองก็ไปลงสมัครวิ่งแข่งที่โอลิมปิกสิ! มาขอจากฉันแล้วฉันจะมีให้ไหม ไม่ใช่นักกีฬาทีมชาติโว้ย!”
“เอาเหรียญมาให้ฉันๆ”
“โว้ย! คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว!” ไลท์รู้สึกหมดคำพูดจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก อยากตะโกนให้สุดเสียงว่าเอาไอ้นี่ไปเก็บที
‘เหรียญ..เหรียญ” ไลท์นึกทวนคำนี้ในหัวซ้ำไปซ้ำมา กระทั่งภาพของเหรียญทองที่เขาพบตอนสายแวบเข้ามาในหัว เมื่อนึกได้ก็ใช้มือล้วงหยิบมันออกจากกระเป๋าแล้วโชว์ให้อมนุษย์สีดำดู
“เหรียญ! เหรียญของฉัน!” เมื่ออมนุษย์สีดำเห็นเหรียญทองของไลท์มันก็มีปฏิกิริยาออกมาอย่างชัดเจน เร่งความเร็วไล่ตามเข้ามาสุดขีด ชายหนุ่มหันมองเหรียญที่อยู่ในมือราวกับเป็นสิ่งปฏิกูล
‘ที่แท้ก็เป็นแกหรอกเรอะ!’ ไลท์บ่นด่าสาปแช่งมันก่อนจะโยนไปให้อมนุษย์สีดำที่ไล่คืบเข้ามา แต่สิ่งที่มันทำเป็นต้องทำให้ต้องชะงัก
“แฮร่!” มันส่งเสียงพลันสะบัดใบดาบในมือตัดผ่าเหรียญทองออกเป็นสองซีก ใบหน้าของชายหนุ่มบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดถึงที่สุด ในใจสับสนเต็มร้อยก่อนจะกู่ร้องออกไปว่า
“แกต้องการอะไรจากฉันกันแน่!”
“เหรียญ!”
“ไม่มีให้แล้วโว้ย! ไสหัวไป อย่าตามฉันมา!” ไลท์ตะโกนออกไปอย่างสุดจะทน หันมาให้สมาธิกับการปั่นจักรยานหนีมากขึ้น แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เรี่ยวแรงก็ถดถอยจนส่งผลต่อความเร็วที่น้อยลง ขณะเดียวกันอีกฝ่ายกลับเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ไม่มีตก ระยะห่างเลยกระชั้นชิดขึ้นทุกขณะ
“ช่วยด้วยครับ! ใครก็ได้ช่วยด้วย!” ไลท์ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือเมื่อปั่นมาถึงเขตที่ผู้คนเยอะขึ้น แต่ก็ต้องพบความผิดปกติ
ผู้คนทำกิจกรรมไปตามปกติ ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ก็มีไม่ใช่น้อยตลอดตามทาง แต่กลับไม่มีแม้ใครที่สนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากไลท์เลยแม้แต่น้อย เสมือนกับคำพูดทะลุผ่านออกไป และไม่มีวี่แววว่าจะสังเกตเห็นอมนุษย์ที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังด้วย
‘เกิดอะไรขึ้น? นี่ก็ตะโกนจนคอจะแตกอยู่แล้ว ทำไมไม่มีใครสักคนสังเกต’ ไลท์กัดฟันข่มความกลัว ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์อีกต่อไปแล้ว ทำให้เขาไม่อาจสะกดกั้นความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นได้
“ทำยังไงดี!ๆๆๆ”
“ตายซะ! ตายแล้วเอาเหรียญมาให้ฉัน” อมนุษย์สีดำตวาดเสียงข่มขู่ แม้รูปประโยคจะไม่ต่างกับที่พูดเมื่อก่อน แต่น้ำหนักของถ้อยคำที่ส่งผ่านเสียงดูมีพลังมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไลท์หน้าซีดเซียวเป็นไก่ต้มเพิ่มแรงปั่นให้มากยิ่งขึ้น
“แฮ่ก แฮ่ก..” เสียงหอบหายใจดังถี่ระรัว ในหัวของไลท์ในตอนนี้มืดแปดด้านไปหมด ดวงตาเริ่มพร่ามัวจนไม่สังเกตเห็นพื้นถนน พอสติเริ่มกลับมามันก็ไม่ทันการเสีย เพราะทางตรงหน้าเป็นหลุมขรุขระและจักรยานของเขาก็เคลื่อนที่เร็วโดยไม่ชะลอลงเลย
“แย่แล้ว!” ดวงตาเบิกโพลงตกใจสุดขีด ล้อจักรยานลงหลุมก่อนที่ทั้งคนและพาหนะจะเสียหลักล้มลงพื้นอย่างแรง
“อัก!”
“ตายซะ!” อมนุษย์สีดำเมื่อเห็นเหยื่อล้มลงพื้นฉีกยิ้มกว้างอีกครั้งและพุ่งเข้ามา ไลท์รีบคว้าจักรยานมากันตามสัญชาตญาณก่อนที่จะโดนใบดาบผ่าออกเป็นสองเสี่ยง ซ้ำร้ายปลายดาบกีดลงบนแขนของชายหนุ่มจนเลือดไหลออกมาเป็นน้ำตก เพิ่มความตื่นกลัวให้ถึงขีดสุด
ดวงตาสบเข้ากับสายตาสีขาวที่จ้องมาด้วยใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยพบ ในเวลานั้นคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรื่องหนีเท่านั้น ไลท์บังคับให้ตัวเองลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อไปแม้จะบาดเจ็บก็ตาม แต่เพราะสิ้นเปลืองแรงไปมากตั้งแต่เมื่อครู่แล้วทำให้วิ่งได้ไม่เร็วนัก
อมนุษย์สีดำยิ้มกว้างวิ่งตามเหยื่ออย่างไม่รีบร้อน เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่มีทางรอด
ไลท์วิ่งมาถึงทางสี่แยก ในนั้นมีร่างเงาสีดำพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ เป็นอมนุษย์สีดำที่สวมชุดสูทขาดๆ ทำให้ฝีเท้าเขาหยุดซะงักลง พอมองไปอีกทางหนึ่งก็เจออมนุษย์สีดำอีกตัวเดินโซซัดโซเซมาอีกทั้งที่ตัวข้างหลังกำลังตามมาอยู่
ไลท์กำลังถูกล้อมสามทิศมีเพียงทางเดียวที่ให้เขาไปเท่านั้น ซึ่งมันเป็นทางตัน..
ทางตัน เสมือนกับความมืดที่เข้ามาปิดกั้นความหวังของเขา ไลท์เดินถอยหลังทีละก้าวพร้อมจ้องมองสายตาสีขาวสามคู่ที่หมายจะเอาชีวิต พวกมันเปลี่ยนรูปร่างในมือให้กลายเป็นกรงเล็บยาวแหลมคมเดินเข้ามาใกล้ขึ้นทุกฝีก้าว
บาดแผลที่แขนเริ่มแสดงอาการเจ็บปวดสีหน้าของไลท์ซีดเผือกก่อนจะสะดุดลงพื้น มองกรงเล็บแหลมคมที่ถูกชโลมด้วยเมือกสีดำซึ่งกำลังเล็งมาที่ตนอยู่ วินาทีนั้นหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ รู้สึกว่าทุกอย่างมันว่างเปล่าไปหมด เหมือนกับล่วงรู้ว่าเวลาของตนใกล้จะหมดลงแล้ว
“อะ..อึก” ไลท์ได้แต่กัดฟันในวินาทีนั้นภาพของครอบครัวก็เริ่มแวบเข้ามาในหัว
เขาเป็นลูกคนโตของบ้าน เป็นความหวังของครอบครัว ยังมีความรับผิดชอบมากมายที่ต้องทำ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาจะตายไม่ได้ เพราะยังมีพ่อแม่ที่ต้องชดใช้บุญคุณ มีน้องชายและน้องสาวที่ต้องการคนผลักดันอีกในอนาคต เพราะฉะนั้น..
‘จะตายไม่ได้!’
“ฉันจะตายไม่ได้” ไลท์เอ่ยอย่างแผ่วเบา ใช้แขนข้างที่ไม่มีบาดแผลคว้าคัตเตอร์จากกระเป๋าตั้งท่าเยี่ยงนักสู้มือสมัครเล่น ดวงตาฉายแววหวาดกลัวแต่กล้าหาญ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าคงทำอะไรไม่ได้ แต่ว่า..
‘ถ้าไม่ทำอะไรเลย นั่นคือความตายของจริง’
“แน่จริงก็เข้ามาเลยสิ! ไอ้พวกสัตว์ประหลาด!”
“เหรียญของฉัน!”
[Assert(ยืนยัน)] เสียงสังเคราะห์ดังขึ้นก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ในวินาทีที่เหล่าอมนุษย์สีดำหมายจะเอากรงเล็บแหลมคมเข้ากะซวกก็มีเงาปริศนาพุ่งเข้าใส่ ฝ่าเท้าเข้าประทับร่างของพวกมันก่อให้เกิดเสียงอัดดังระเบิด ส่งให้อมนุษย์สองตัวกระเด็นลอยไปไกล
“จ่ายเงินเพิ่ม1000เหรียญ เพิ่มพลังการโจมตีด้วยหมัด” เสียงหวานเท่เอื้อนเอ่ย
[Assert(ยืนยัน)] เสียงเดิมดังขึ้นทำให้อมนุษย์สีดำรู้สึกใจคอไม่ดี ยกแขนขึ้นตั้งป้องกันแต่ช้าไป กำปั้นที่หุ้มด้วยถุงมือเล็กๆ ลอยผ่านหน้าเขากระแทกเข้าใส่จนกระเด็นไปตามัวอื่นๆ ไลท์ที่นึกว่าตัวเองจะไม่รอดแล้วได้แต่ทำหน้าช็อกสุดขีด
ตรงหน้าเขาคือหญิงสาวที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตามากคนหนึ่ง เธอมีเส้นผมลอนยาวสีบลอนด์เงินดูเด่นสง่า ดวงตาสีแดงข้างน้ำเงินช่างดูลุ่มลึกคล้ายคนผ่านโลกมาเยอะ รูปร่างผอมเพรียวสัดส่วนได้ที่ยิ่งกว่านางแบบ ผิวกายขาวเปล่งปลั่งไม่ต่างจากทุ่งหิมะ สวมชุดสีดำเปิดไหล่ข้างกับกางเกงยีนยาวจรดรองเท้าบูธหนังสีน้ำตาล
“นายเป็นชิพเตอร์ใช่ไหม” เธอหันมาถามไลท์
“ชิพ..เตอร์?”
“ไม่ได้อ่านจดหมายหมดสินะ”
“ครับ..ผม” ไลท์ตอบไปทั้งยังตะลึงอยู่ หญิงสาวพยักหน้าหนึ่งทีก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นพูด
“ออราเคิล นี่เมซูลพูด พบเจอชิพเตอร์หนึ่งคนกำลังถูกกรีดโจมตี จำนวนสามตัวเลเวลสอง รับมือคนเดียวได้ ไม่ต้องการกำลังเสริม”
“เหรียญ..เหรียญของพวกฉัน” พวกอมนุษย์สีดำต่างพากันทยอยลุกขึ้น ร่างกายสั่นเทาไปด้วยความโกรธพร้อมส่งสายตาเพ่งเล็งเรือนร่างของหญิงสาวหวังจะบันดาลโทสะให้เป็นชิ้นๆ
“ไม่ใช่” เมซูลเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ข้อมือสะบัดเบาๆ ปรากฏดาบเรเพียร์สีเงินขึ้นกลางอากาศ เธอจับคว้ามันและชี้ปลายคมไปทางพวกมัน
“ผู้ชายคนนี้เป็นของฉันแล้ว”
“แก!!!” เหล่าอมนุษย์คำรามอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมโจนทะยานวิ่งเข้ามาหมายปองจะเอาชีวิต แววตาสีแดงน้ำเงินปราศจากความเกรงกลัว ตั้งดาบมั่นแล้วก้าวเท้าเข้าปะทะ
ดาบเรเพียร์ในมือส่งแสงประกายวาบหนึ่งก่อนจะเหวี่ยงอาวุธเข้าใส่พวกอมนุษย์ เกิดเสียงปะทะดังก้องไปทั่วบริเวณ แม้ดาบจะเรียวเล็กแต่กลับมีพลังแข็งแกร่งเกินความคาดหมาย สามารถต้านทานเรี่ยวแรงของพวกมันทั้งสามได้อย่างง่ายดาย
พวกอมนุษย์ถอยกระจายกำลังล้อมรอบ เข้าจู่โจมพร้อมกันเหมือนนัดหมายกันมา หญิงสาวสะบัดดาบหมุนตัวพลิ้วไหวปัดป้องกรงเล็บไม่ให้เข้าถึงตัว เมื่อโจมตีเข้ามุมอับก็หลบหลีกอย่างไม่ยี่หระ ท่าทีอันทรงพลังและสง่างามในขณะเดียวกันตราตรึงอยู่ในสายตาของชายหนุ่มจนวางตาไม่ลง
“สุดยอด..”
‘เหมือนกับว่า เธอกำลังเต้นรำไม่มีผิด’
“จ่ายเงินเพิ่ม1500เหรียญ” เมซูลเอ่ยแสงสีแดงฉายวูบหนึ่งครั้ง เธอรอดผ่านใต้วงแขนของอมนุษย์หนึ่งตนเพื่อพุ่งตรงเข้าไปเสียบเข้าที่หน้าอกของเพื่อนมัน เรียวดาบแทงทะลุให้เลือดสีทองก็ค่อยๆ ไหลทะลักอย่างเชื่องช้า และพุ่งกระฉูดเป็นน้ำพุเมื่อเธอสะบัดดึงดาบกลับไป
เหวี่ยงขาเตะเข้าที่เบ้าหน้าอีกตัวอย่างรุนแรงพร้อมฝากรอยแผลทะลุที่บริเวณขาเล็กน้อย เมซูลสะบัดเสื้อเผยให้เห็นเข็มขัดสีเงินที่บรรจุอุปกรณ์บางอย่าง เธอหยิบการ์ดขอบสีทองใบหนึ่งออกมาจากกล่องตลับแล้วเสียบมันลงที่ช่องใส่อันรัดติดกับต้นขาขวา
[[Monster Card : DJ. Dolphin 23,500Coin?] (ดีเจ.โลมา)
“เช็ค”
[Payout Complete (ชำระเสร็จสิ้น)] สิ้นเสียงสังเคราะห์ ปลาโลมาสวมหมวกฮิปฮอปพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ พุ่งเข้าชนอมนุษย์อีกตนเข้าอย่างแรงจนกระเด็นไปหลายเมตร มันแหวกว่ายตรงมาอ้อมล้อมนายหญิงของมัน
“โลมา?” ไลท์แทบไม่เชื่อตาตัวเอง จู่ๆ ก็มีปลาโลมาโผล่มาจากตรงไหนเขาไม่ทันสังเกต แต่เห็นได้ชัดว่ามันเคลื่อนไหวในอากาศได้อย่างอิสระ แบบที่ไม่เป็นไปตามหลักการทางวิทยาศาสตร์
“ปี้!” มันส่งเสียงร้องสดใสน่ารัก เมซูลหันมาใช้มือลูบที่ใบหน้าของมันอย่างอบอุ่น
“โดฟี่ รีบจัดการกันเถอะ”
“ปี้” โดฟี่ขานรับเสียงจากนายหญิงแล้วหันไปจ้องเหล่าอมนุษย์ ในดวงตาสีดำอันไร้เดียงสานั้นกลับฉายแววความน่าสะพรึงของผู้ล่าเอาไว้ในส่วนลึก มีเพียงผู้ถูกล่าเท่านั้นถึงสัมผัสความรู้สึกนี้เอาไว้ได้ ร่างสีดำทั้งสามทำทีจะหนีเอาชีวิตรอด แต่มีหรือที่จะปล่อยไปโดยง่าย
เมซูลหยิบการ์ดอีกใบขึ้นมาและเสียบใส่ช่องการ์ด
[Ability Card : คุกน้ำวนปลาตาย 4,500Coin]
“เช็ค”
[Payout Complete (ชำระเสร็จสิ้น)]
มวลน้ำจำนวนมหาศาลปรากฏขึ้นล้อมรอบเป็นดั่งพายุน้ำ ขังผู้ที่อยู่ในรัศมีมิให้เยี่ยงกรายออกไปด้านนอกแม้แต่ก้าวเดียว ดีเจโลมาส่งเสียงร้องพุ่งกระโจนใส่น้ำวนว่ายผ่านเป็นดังพัศดีของคุกน้ำแห่งนี้
เหล่าอมนุษย์ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว จากผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่า ความรู้สึกที่มันรับรู้ในเวลานี้คือการนอนรอความตายเท่านั้น
“ถ้าเป็นโบรกเกอร์หน้าใหม่ พวกนายอาจมีสิทธิ์รอด แต่ขอเสดงความเสียใจด้วย...”
“เพราะฉันเก่งมาก..ลาก่อนนะ”
“ไม่!!!!!!!”
[Attack Card : ระบำดาบน้ำวน 8,500Coin]
“จ่ายเพิ่ม2500เหรียญ”
[Assert(ยืนยัน)]
“เช็ค”
[Uptrend Final Finish]
โลมาน้อยพุ่งใช้ช่วงล่างฟาดเข้าที่แผ่นหลังของอมนุษย์สีดำตนหนึ่งอย่างรุนแรง ส่งให้กระเด็นไปถึงนายหญิงของมัน เมซูลจับดาบแน่นทิ่มแทงจุดอย่างต่อเนื่องปัดมันกระเด็นไปทางอื่นเข้ากระแทกเข้ากับน้ำวน ร่างสีดำถูกแรงหมุนมหาศาลดีดออกมาพุ่งเข้าใส่ปลายดาบคมจนทะลุอก
สายตาของผู้ล่าจับจ้องไปยังเหยื่ออีกสองตนที่เหลือ เธอวิ่งเข้าหาและฟาดฟันใส่ ทิ่มแทงป้องปัดอย่างไร้ความปรานี เสมือนกับพวกมันกลายเป็นหุ่นฝึกซ้อมที่มีไว้ให้หญิงสาวฝึกแทงดาบกับเป็นลูกบอลให้ปลาโลมาเล่นสนุกเท่านั้น
ทุกท่วงท่าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไลท์ได้แต่กะพริบตาจนพอรู้สึกตัวอีกทีทุกอย่างมันก็จบลงแล้ว ร่างของอมนุษย์สีดำนอนแผ่ไร้วิญญาณบนพื้นถนน ก่อนจะค่อยๆ สลายไปกลายเป็นธนบัตรจำนวนมากลอยขึ้นกลางอากาศ ชายหนุ่มทำตาโตไม่กะพริบจนได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นอีก
[Dividend (เงินปันผล) : 25,600Coin]
“เอาล่ะ..มาทำธุระของเรากันดีกว่า คุณชิพเตอร์” หญิงสาวหันหน้ามามองที่ชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ท่ามกลางฉากหลังที่เต็มไปด้วยใบธนบัตรที่ปลิวไปตามอากาศไม่ต่างจากใบไม้ การพบพานของทั้งคู่ จะเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานบทหนึ่ง ที่จะถูกจารึกไปตลอดกาล