Chapter 5 : Leo VS Pisces
“เฮ้ย ! คุณ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ผมรีบพยุงร่างของคนที่บาดเจ็บขึ้นมาจากพื้นบริเวณนั้น มืออีกข้างรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าแจ็คเก็ตของตัวเองเพื่อหยิบมือถือขึ้นมาเรียกรถพยาบาลให้มารับตัวคนเจ็บ ขณะที่ปากผมกำลังจะพูดเรียกรถพยาบาลผ่านทางมือถือของตัวเอง ก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้าตัวไม่ยอมให้ผมเอาเขาส่งโรงพยาบาลนี่นา
เอาไงดีวะเนี่ย ไปทำความผิดอะไรแล้วหลบหนีมาหรือเปล่า แต่สภาพเลือดท่วมตัวเหมือนโดยทำร้ายแบบนี้ก็ไม่น่าจะใช่มั้ง น่าจะถูกกระทำมากกว่า ที่ไม่ให้ส่งโรงพยาบาล อาจเป็นเพราะว่าเขากลัวคนที่ทำร้ายเขาตามไปเจอก็ได้ อีกอย่างพอนึกเทียบเวลากับการที่ผมพาหมอนี่ไปบ้านกับรอรถโรงพยาบาลมารับ ทางเลือกแรกน่าจะเร็วกว่า แถมที่บ้านของผมก็มีคนที่น่าจะพอรักษาอาการบาดเจ็บได้ด้วย
เอาว่ะ ! พาไปที่บ้านก็ได้ ดูจากหน้าแล้วไม่น่าใช่พวกอาชญากรหนีความผิด
พอคิดได้แบบนั้นผมก็รีบพยุงร่างนั้นตรงไปที่บ้านทันที ก่อนไปผมถอดแจ๊คเก็ตตัวเองออกมาซับห้ามเลือดบริเวณท้องของเขาที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด ไม่รู้หมอนี่ไปโดนใครฟันมา แถมที่ขายังมีเลือดไหลออกมาอีก เหมือนโดนของแหลมคมแทงมาอีกแผล ขากลับช่างเป็นอะไรที่ทุลักทุเลพอสมควร ตอนแรกว่าจะมาเดินเล่นตอนกลางคืนให้ชิว ๆ ไป ๆ มา ๆ ดันได้คนเจ็บกลับมาด้วย
เกือบสิบนาทีผมก็มาถึงบ้านตัวเอง ผมพยุงร่างของคนคนนั้นมานอนไว้ที่กลางโต๊ะขนาดใหญ่ชั้นหนึ่งของบ้านซึ่งเป็นร้านกาแฟ ก่อนวิ่งขึ้นไปชั้นสองเพื่อเรียกฟินิกซ์ให้ออกมาช่วย ฟินิกซ์เป็นภูติดวงดาวที่นอกจากจะมีพลังในการควบคุมไฟแล้ว เจ้าตัวยังมีทักษะในการรักษาอาการบาดเจ็บอีกด้วย
“กวินท์ มีไรหรือเปล่า มาเรียกซะดึกเลย” ฟินิกซ์พูดออกมาอย่างงัวเงีย หลังจากเจ้าตัวเดินออกมาจากห้องแล้วเห็นหน้าผมที่ยืนอยู่หน้าประตู
“อย่าเพิ่งถามฟินิกซ์ ลงมากับผมก่อน มีคนเจ็บอยู่ข้างล่าง”
“ฮะ !”
ฟินิกซ์ร้องออกมางง ๆ อย่างตกใจ แต่ผมไม่สนใจ ดึงมือเธอให้วิ่งลงมาที่ชั้นล่างของร้านด้วยกัน พอฟินิกซ์เห็นคนเจ็บก็รีบเข้าไปดูอาการทันที เจ้าตัวใช้มือตัวเองแตะ ๆ ไปที่แผลของชายคนนั้นเหมือนสำรวจความลึกของบาดแผลทั้งบริเวณท้องและแผลที่ขา
“แผลลึกเหมือนกันนะเนี่ย แต่น่าจะช่วยได้อยู่” ฟินิกซ์พูดพึมพำออกมา
ฟินิกซ์ขยับตัวถอยห่างจากผู้ชายคนนั้น ร่างกายของเธอมีออร่าสีส้มแผ่ออกมา รูปร่างของฟินิกซ์ค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากมนุษย์ช้า ๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นนกฟินิกซ์สง่างาม ตัวใหญ่กว่าผมเกือบสองเท่า ทั้งร่างลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงแต่ผมกลับไม่รู้สึกร้อนเลยสักนิด ผมเคยเห็นฟินิกซ์ในร่างนี้บ่อยแล้ว เปลวเพลิงจะทำอันตรายก็ต่อเมื่อเธอคิดว่าคนคนนั้นเป็นอันตรายกับเธอเท่านั้น
ใบหน้าของนกฟินิกซ์ขยับเข้าไปใกล้บริเวณแผลของชายหนุ่มที่นอนอยู่ ไม่นานดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มก็ค่อย ๆ มีหยาดน้ำใสเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่นั้น น้ำตาของนกฟินิกซ์มีฤทธิ์เยียวยาบาดแผลทุกประเภท และผลลัพธ์นั้นดีเกินคาดเลยทีเดียว ผมมองเห็นแผลของคนคนนั้นค่อย ๆ สมานตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ทั้งบริเวณท้องและบริเวณขาของเขา ไม่ช้ามันก็ปิดสนิทเหลือเพียงเลือดเล็กน้อยที่ซึมออกมาเท่านั้น
ร่างของฟินิกซ์มีออร่าสีส้มแผ่ออกมาอีกครั้งก่อนร่างกายของเธอจะค่อย ๆ กลับกลายเป็นมนุษย์อย่างเดิม
แต่ ...
เสื้อผ้าหายไปหมด เหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ เนื่องจากชุดนอนของเธอถูกเผาไปตอนกลายร่างเป็นนกฟินิกซ์เมื่อกี้ไง
ผมเลยเผลอแอบมองแวบหนึ่ง บ้าจริง มันใช่เวลาไหมกวินท์ ! นั่นภูติดวงดาวนะเว้ย !
ใบหน้าของฟินิกซ์ขึ้นสีเล็กน้อย เมื่อสังเกตเห็นว่าผมเหลือบมองอยู่ ก่อนเจ้าตัวจะรีบหันหลังให้ผมแล้วด่าออกมาเป็นชุดใหญ่จนสำนึกผิดไม่ทันเลยทีเดียว
“ไอ้เด็กบ้า ! หันไปเดี๋ยวนี้ มองอะไรไม่ทราบ ตอนเด็ก ๆ ก็น่ารัก ทำไมโตมาทำนิสัยแบบนี้นะ การันต์ไม่เคยสั่งสอนหรือไงว่าแอบมองผู้หญิงแบบนี้มันไม่สุภาพ อ๋อ ... ลืมไป ไอ้บ้านั่นก็เป็นเหมือนกัน !”
เสียงบ่นยาวเหยียดลามไปถึงพ่อผมขณะที่เจ้าตัววิ่งขึ้นไปชั้นสองของร้านเพื่อแต่งตัว ส่วนผมเองก็รีบหันหน้าหนีโดยเร็วมาสนใจร่างที่นอนอยู่บนโต๊ะแทน
“ผมไม่ได้ตั้งใจ หันแล้ว ๆ” ผมร้องบอกออกไปก่อนหัวเราะเบา ๆ
ตอนนี้พอสังเกตร่างที่นอนอยู่ก็พบว่าใบหน้าเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาเล็กน้อย ปากไม่ซีดขาวแล้ว ดูท่าทางจะอาการดีขึ้นมากเลยทีเดียว แต่เหมือนตัวยังคงร้อนอยู่ ที่เหลือก็คงหาอะไรมาเช็ดตัวให้หายสกปรกซินะ
แล้วทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะเนี่ย ...
เอาวะ ถือว่าช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คิดได้แบบนั้นผมก็ไปหาผ้ามาทำความสะอาดคนเจ็บให้
“น่าจะโอเคแล้ว” ผมพึมพำพูดขึ้นมา มองหน้าคนที่นอนหลับตาอยู่ ดูสดชื่นขึ้นมาอีกเล็กน้อย จังหวะเดียวกันกับฟินิกซ์ที่เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านพอดีในชุดนอนชุดใหม่
“แล้วไปเก็บหมอนี่มาจากไหนเนี่ยกวินท์ ทำไมไม่พาไปส่งโรงพยาบาล” ฟินิกซ์พูดขึ้นมา เดินมาช่วยผมเช็ดคราบเลือดที่หยดที่พื้นบางส่วนระหว่างที่ลากคนเจ็บเข้ามาในบ้าน พร้อมกับทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ
“ผมออกไปเดินเล่นเหมือนปกติแหละ แล้วไปเจอหมอนี่นอนอยู่แถวซอกตึก ก็เลยเข้าไปช่วยแต่เขาหลับไปก่อน แถมก่อนหลับบอกว่าห้ามส่งโรงพยาบาล ผมเลยพามาหาฟินิกซ์ไง” ผมตอบฟินิกซ์กลับไป
“อื้ม ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ เอาใครก็ไม่รู้เข้าบ้าน ให้ไปบอกการันต์ให้ไหม”
“ไม่ต้องไปปลุกพ่อหรอกฟินิกซ์ เขาคงหลับไม่รู้เรื่องอีกแหง ขนาดเราทำเสียงโครมครามข้างล่างยังไม่ตื่นมาดูเลย ส่วนหมอนี้คงไม่น่ามีปัญหามั้ง เจ็บเจียนตายขนาดนี้ ให้เขานอนที่นี่คืนหนึ่งพรุ่งนี้น่าจะฟื้นแล้วค่อยให้เขาออกไป”
ผมพูดจบฟินิกซ์ก็พยักหน้าเห็นด้วย ผมเองก็คิดว่าเขาคงมีเหตุผลอะไรสักอย่างแหละที่ไม่อยากให้พาส่งโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามแต่ ช่างมันเถอะ ไหน ๆ ก็ช่วยมาถึงขนาดนี้แล้ว
“ว่าแต่ หมอนี่หน้าคุ้น ๆ แฮะ” ฟินิกซ์พูดขึ้นมา
“หรอ ผมไม่เห็นคุ้นเลยฟินิกซ์ เคยเจอเขาแถวนี้หรอ”
ฟินิกซ์นิ่งเงียบคิดนิดหนึ่งก่อนขอมือถือผมไปเสริชหาอะไรบางอย่าง ไม่นานภาพโฮโลแกรมสามมิติก็ถูกโชว์ขึ้นมาจากมือถือของผม มันเป็นภาพของชายที่นอนบาดเจ็บอยู่ แต่ในภาพที่แสดงเป็นตอนที่เจ้าตัวกำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีขนาดใหญ่ โดยมีแฟนคลับรุมล้อมอยู่ด้านล่างเต็มไปหมด ผมมองภาพที่แสดงออกมาจากโฮโลแกรมสามมิติสลับกับใบหน้าที่นอนอยู่บนโต๊ะ
ชัดเลย ... สำเนาถูกต้อง
“วิน ! นี่มันมินจุนนักร้องชื่อดังจากต่างประเทศไม่ใช่หรอ” ฟินิกซ์ร้องออกมาอย่างอึ้ง ๆ
“ฮะ” ผมก็งงเหมือนกันที่อยู่ ๆ คนที่พามาจะกลายเป็นนักร้องชื่อดังไปได้
“นายไม่ตามข่าวสารเลยนะ นี่ขนาดฉันเป็นภูติดวงดาวยังรู้จักผ่าน ๆ เลย มิน่าหน้าตาคุ้น ๆ แบบนี้ซินะเขาถึงไม่อยากให้พาส่งโรงพยาบาลเพราะอาจจะเป็นข่าวได้”
ผมพยักหน้าตามที่ฟินิกซ์พูดอย่างเข้าใจ สงสัยคงจะเป็นอย่างงั้นแหละ แถมคงกลัวมีคนตามไปทำร้ายด้วย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเพลียเหลือเกิน ง่วงมากแล้วด้วย รู้สึกว่านี่ก็เกือบจะตีสามพอดี คราวนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะนอนไม่หลับ ได้นอนหลับแบบสมใจอยากแน่ผม
“งั้นเดี๋ยวผมพาเขาไปไว้ที่ห้องชั้นสามก่อนละกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อตื่นมาเปิดร้านเจอใครก็ไม่รู้นอนอยู่กลางโต๊ะจะตกใจแย่ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาถามเขากันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมง่วงมากเลยตอนนี้”
“โอเค ๆ ฝันดีนะวิน”
“ฝันดีครับผม”
ผมบอกฝันดีฟินิกซ์ก่อนค่อย ๆ พยุงร่างที่นอนอยู่ขึ้นไปด้านบนห้องของแขกชั้นสามที่ยังว่างอยู่ พอไปถึงห้องก็จัดการโยนร่างที่นอนหลับไม่รู้เรื่องลงบนเตียง หาผ้าห่มโยนคลุมให้อีกที ก่อนเดินออกมาแล้วดับไฟอย่างเหนื่อยอ่อน
เสร็จสักที ไปนอนได้ ...
โดยที่ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าทันทีที่ออกมาจากห้องนั้น มีแสงออร่าสีฟ้าน้ำทะเลทะลุลอดช่องใต้ประตูออกมา
ผมตื่นขึ้นมาอีกวันตอนเกือบแปดโมงเช้า ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจอย่างงัวเงีย พลางนึกขึ้นได้ว่าขังไอ้สิงโตเผือกไว้ในตู้เซฟตัวเอง จึงเดินไปเปิดตู้เซฟแล้วหยิบกุญแจจักรราศีออกมา
ทันทีที่ได้กุญแจจักรราศีออกมาอยู่ด้านนอกเท่านั้นแหละ เสียงลีโอก็พูดออกมาทันที
“กวินท์ ! ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้ นายกำลังตกอยู่ในอันตราย !”
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แค่อยากออกมาข้างนอกต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือไง ยังไงผมก็กะจะปล่อยออกมาอยู่แล้ว ไม่ได้ใจร้ายใจดำขนาดนั้นหรอกน่า
“ออกมา ๆ ลีโอ ออกมาได้แล้ว” ผมพูดออกไป
ไม่นานดวงไฟสีฟ้าก็ลอยออกมาจากกุญแจแล้วกลายเป็นร่างของลีโอที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของผม ใบหน้าของลีโอจริงจังขึ้นมาแบบผิดปกติก่อนพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ฉันสัมผัสได้ว่ามีภูติดวงดาวจักรราศีอยู่ในบ้านหลังนี้”
ยัง ... ยังไม่หยุดเล่นใหญ่
แต่เมื่อสังเกตสีหน้าจริงจัง บวกกับแววตาที่ไม่มีแววเล่นแม้แต่น้อยของดวงตาสีฟ้าเข้มตรงหน้าก็ทำเอาผมรู้สึกเริ่มระแวงขึ้นมา ไอ้ตัวผมมันก็แค่คนธรรมดา ไม่มีพลังเวทอะไรไปต่อสู้กับใครเขา ถ้าปะทะกันขึ้นมาละก็ มีแต่ตายกับตายอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ทำไมมันไวขนาดนี้เนี่ย ผมเพิ่งอัญเชิญลีโอออกมาได้แค่สามวันเองนะ
“นี่พูดจริงใช่ไหมเนี่ย” ผมถามลีโอออกไป ระแวงมองซ้ายมองขวาไปรอบห้อง
“จริง เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหลังจากพาฉันเข้าไปเก็บในเซฟหรือเปล่า”
“ก็ ... ไม่นะ แค่ออกไปเดินเล่นแล้วเจอคนบาดเจ็บเลยช่วยไว้ นอนอยู่ห้องตรงข้ามเนี่ย”
ทันทีที่พูดจบ ในมือข้างขวาของลีโอก็มีแสงสว่างสีฟ้าเป็นออร่าออกมา มีลักษณะเป็นรูปร่างคล้ายดาบ พอแสงนั้นเริ่มหายไปก็ปรากฏให้เห็นเป็นดาบสีทองคมกริบที่พร้อมจะตัดทุกอย่างให้ขาดสะบั้น
“เฮ้ย ! ลีโอ จะทำอะไรอะ” ผมร้องถามออกไป รีบเดินตามลีโอออกมาจากห้องของตัวเองทันที
“หยุดถามน่า มาหลบอยู่หลังฉันไว้”
ลีโอเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของแขกที่ผมแบกมาทิ้งไว้เมื่อคืน มือของเจ้าตัวค่อย ๆ เปิดประตูห้องนั้นเข้าไป ผมเดินตามเข้าไปติด ๆ ภายในห้อง เจ้าของร่างที่ผมแบกมานอนเมื่อคืนยังคงนอนหลับตาไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง แต่ตอนนี้ผมรู้สึกอากาศภายในห้องมันเย็นผิดปกติ เย็นเหมือนกับไม่ได้เกิดจากความเย็นของเครื่องปรับอากาศ
“หมอนี่เป็นผู้ถือครองกุญแจจักรราศี นายช่วยผิดคนล่ะกวินท์” ลีโอพูดขึ้นมา
ปลายดาบถูกยกขึ้นมาพร้อมพุ่งตัวเข้าไปหาคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องแบบที่ผมห้ามไม่ทัน แต่ยังไม่ทันที่ลีโอจะได้เข้าถึงตัว ดวงไฟสีฟ้าน้ำทะเลสองดวงก็ปรากฏขึ้นขวาง ก่อนจะกลายร่างเป็นสองหญิงสาวฝาแฝดที่หน้าตาสวยราวกับนางฟ้า ผมของทั้งคู่ยาวสลวยเป็นสีฟ้าอ่อนจนน่าเข้าไปสัมผัส แถมชุดที่ใส่มันโคตรจะเซ็กซี่เลย เสื้อคอกว้างที่คว้านไปถึงไหนต่อไหนกับกางเกงเข้ารูปที่สั้นเลยขาอ่อนมาเพียงนิดเดียว ใบหน้าของทั้งคู่ส่งยิ้มเย็น ๆ มาให้กับลีโอ
ทำไมผมถึงไม่ได้ภูติดวงดาวแบบนี้นะ ...
แต่ว่า นะ ... นี่มันผู้หญิงที่ืยืนร้องไห้จนผมเดินตามไปแต่หาไม่เจอเมื่อคืนนี้นี่
“นึกว่าใคร ที่แท้ลีโอนี่เอง บังเอิญจริง ๆ เลยเนอะ” ฝาแฝดที่ยืนอยู่ทางซ้ายหันไปพูดกับฝาแฝดตัวเองที่อยู่ทางด้านขวามือ
“นึกถึงสมัยก่อน ที่เรามีเจ้านายเป็นคนคนเดียวกัน นอนด้วยกันสามคนบนเตียงนุ่ม ๆ จริงไหมลีโอ” ฝาแฝดด้านขวาพูดขึ้นมากับลีโอ
คนถูกบอกให้คิดถึงอดีตอมยิ้มหน่อย ๆ อย่างเจ้าชู้ก่อนพูดออกมา
“ถ้าอยากได้แบบนั้น เธอสองคนก็ปล่อยให้ฉันฆ่าเจ้านายเธอซิ กุญแจจะได้เป็นของกวินท์ แล้วเราจะได้ลำลึกถึงความหลังแบบนั้นกันอีกไพส์ซีส”
ทันทีที่ลีโอพูดจบ ใบหน้าที่เคยยิ้มของสองสาวก็ยังคงยิ้มอยู่ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มสยอง ๆ ยังไงไม่รู้แฮะ
“มันง่ายไปมั้งลีโอ พวกเรายังไม่ลืมว่านายทำอะไรกับพวกเราสองคนไว้บ้าง ไอ้สิงโตหน้าหม้อ !”
ไอ้สิงโตหน้าหม้อ ...
แหม ... ชื่อเสียงของลีโอช่างโด่งดังในหมู่สาว ๆ ภูติแห่งดวงดาวเสียงจริงเลย ...
อุณหภูมิอากาศภายในห้องเริ่มเย็นขึ้นอีกจนผมเริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมา บนมือขวาของภูติแห่งดวงดาวไพส์ซีสทั้งสองคนปรากฏเป็นแส้ยาวที่จับตัวกันจากไอน้ำบริเวณรอบห้องที่ผมไม่คิดว่าจะมีเยอะขนาดนี้ เป็นอาวุธที่แปลกมากสำหรับผม เพราะของเหลวที่เป็นน้ำเหล่านั้นยังคงจับตัวเป็นแส้ คงรูปไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมหลังจากมือของทั้งสองสะบัดแส้ไปมา มันเหมือนกับว่าทั้งสองคนนั้นควบคุมกระแสน้ำได้
แส้ที่เป็นกระแสน้ำถูกเหวี่ยงมายังร่างของลีโออย่างรวดเร็วแต่เจ้าตัวกระโดดหลบทัน พร้อมกับผลักผมให้ออกห่างไปอีกทาง
โครม !
พื้นห้องแตกเป็นทางยาวหลังจากโดนกระแสน้ำนั่นฟาดเข้าเต็ม ๆ ผมถึงกับอึ้งไปเลย รีบถอยห่างจากบริเวณการต่อสู้ตรงนั้น ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าแส้ที่เกิดจากกระแสน้ำนั้นจะมีพลังมากขนาดนี้ แบบนี้ต้องไปเรียกพ่อกับฟินิกซ์มาแล้ว
บ้านผมจะพังไหมเนี่ย …
ร่างของลีโอเคลื่อนที่อย่างว่องไวจนผมมองแทบไม่ทัน เพียงเสี้ยววินาทีดาบสีทองก็ไปหยุดจ่ออยู่ที่คอของแฝดไพส์ซีสคนหนึ่ง แต่เท้าของลีโอก็ถูกแส้กระแสน้ำพันไว้จากอีกคนแล้วกระชากตัวเหวี่ยงออกไปอย่างรวดเร็วที่ผนังห้อง
ตู้ม !
ผนังห้องเป็นรอยร้าวแตกกระจาย แต่ลีโอดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลยสักนิด เจ้าตัวพุ่งตัวเข้าไปหาใหม่อย่างรวดเร็วกว่าเดิม จนผมเห็นเป็นเพียงเงาสีฟ้า พร้อมกับง้างดาบสีทองขึ้นมา เป้าหมายของลีโอไม่ได้อยู่ที่แฝดสองคนนั้นอีกต่อไป การเคลื่อนที่เมื่อกี้เป็นแค่การหลอกคู่ต่อสู้ แต่เป้าหมายอยู่ที่ร่างที่นอนบาดเจ็บบนเตียงต่างหาก
ลีโอกำลังจะฆ่าชายคนนั้น ... ในสมองผมตอนนี้เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา
“ลีโอ ! อย่าฆ่าเขา ! กลับมาในกุญแจ” ผมร้องออกไป
ร่างของลีโอชะงักกึกอยู่กลางอากาศ ก่อนจะกลายเป็นดวงไฟสีฟ้าลอยกลับมาอยู่ในกุญแจจักรราศีบนมือผมอย่างรวดเร็ว
“ทำบ้าอะไรของนายวิน ! ฉันจะฆ่าหมอนั่นได้อยู่แล้วเชียว” เสียงโวยวายดังออกมาอย่างหงุดหงิดจากกุญแจจักรราศีของผม ใครจะบ้าเห็นคนถูกฆ่าได้ต่อหน้าต่อตาล่ะเนี่ย หมอนั่นดูท่าทีไม่ได้เลวร้ายอะไรด้วย ถ้ามันเป็นการต่อสู้ ผมก็อยากให้มันเป็นแฟร์เกมมากกว่า ไม่ใช่ทำตอนคู่ต่อสู้ไม่มีสติแบบนี้
ผมมองไปยังแฝดทั้งคู่ที่ตอนนี้เข้าไปหาเจ้านายตัวเองอย่างเป็นห่วงด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับโผเข้ากอดร่างนั้นแน่นกลัวว่าเจ้านายตัวเองจะถูกทำร้าย
บอกได้คำเดียวว่าโคตรอิจฉาหมอนั่น ...
“ฉันอยากจะคุยกับเขาก่อน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ผมพูดกับลีโอที่อยู่ในกุญแจ พร้อมกับมองสภาพห้องรอบ ๆ ที่เละอย่างไม่มีชิ้นดี ตามมาด้วยร่างของพ่อกับฟินิกซ์ที่วิ่งขึ้นมาที่ชั้นสามเพราะได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากข้างบน
ความเสียหายครั้งนี้ ... ฝีมือไอ้สิงโตเผือกคนเดียวเลยนะพ่อ