Chapter 3 : Leo
Chapter 3 : Leo
“นะ ... นี่ มัน Leo [ลีโอ]”
ผมได้ยินเสียงของพ่อพูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกักเบา ๆ
เหมือนสมองของผมยังคงดีเลย์อยู่ หลังจากดีใจที่อัญเชิญภูติแห่งดวงดาวออกมาได้แบบไม่คาดคิดมาก่อน ตอนนี้กำลังคิดตามคำพูดของพ่อ ลีโอ เห ... หรือว่านี่มันคือหนึ่งใน 12 ภูติจักรราศีนี่หว่า
เฮ้ย ! ผมอัญเชิญได้ภูติหนึ่งใน 12 จักรราศี ที่พ่อบอกว่าโอกาสได้ยากมากกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก การที่อัญเชิญภูติดวงดาวออกมาได้ นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับอัญเชิญแล้วได้ภูติดวงดาวระดับโคตรแรร์ไอเทมแบบนี้เลย เพราะลีโอถูกจัดอยู่ในประเภทภูติดวงดาวระดับสูง ที่สำคัญ มันถูกอัญเชิญมาจากคนที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้แบบผมด้วย เป็นไปได้ไงเนี่ย
ดวงตาสีฟ้าของลีโอมองไปรอบ ๆ ห้องเหมือนกำลังสำรวจว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เส้นผมสีขาวเหมือนใยไหมของเจ้าตัวถูกมือขวาของตัวเองยกขึ้นเสยแบบเท่ ๆ เจ้าตัวหันซ้ายขวาเดินไปรอบ ๆ เหมือนนายแบบ จนผมคิดว่าบางทีมันก็เก๊กหล่อจนเกินความจำเป็นไปแล้ว ยิ่งมองยิ่งดูน่าหมั่นไส้ในสายตาของผู้ชาย และดูเหมือนว่าจะเพิ่มความน่าหมั่นไส้เข้าไปอีก เมื่อลีโอเหมือนจะไม่สนใจผมอีกเลยหลังจากมันเอียงคอมอง และพบว่าผู้ที่อัญเชิญตัวเองมาเป็นผู้ชาย
ช่างเป็นภูติดวงดาวที่ ...
ในที่สุดสายตาของลีโอก็กวาดไปพบกับหญิงสาวหนึ่งเดียวภายในห้อง นั่นก็คือฟินิกซ์ที่เป็นภูติดวงดาวของพ่อผมนั่นเอง ใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ฟินิกซ์ด้วยสายตากรุ้มกริ่มเหมือนคนที่เคยรู้จักกันมาก่อนเป็นอย่างดี ผมก็รอดูต่อไปว่าลีโอจะทำอะไร
“โอว ฟินิกซ์ ไม่เจอกันนานเธอยังสวยเหมือน ...”
ผลัวะ !
ตุบ ! ตู้ม !
โคร้ม !
ร่างของลีโอถูกฟินิกซ์กระโดดขาคู่เข้าใส่กลางลำตัวจนกระเด็นไปติดผนังห้องจนทำให้ผนังหินแถวนั้นแตกออกมาเป็นเสี่ยง ๆ พร้อมกับร่องรอยขนาดใหญ่โต มีเศษหินร่วงเต็มไปหมดโดยไม่เกรงใจพ่อผมผู้เป็นเจ้านายเลยสักนิด ตามด้วยบอลเพลิงขนาดย่อมที่พุ่งตามไปติด ๆ ทันที
ผมงี้ถึงกับอึ้งมองตาค้าง งงกับอารมณ์ของฟินิกซ์ที่ตั้งแต่ผมลืมตามาบนโลก ผมยังไม่เคยเห็นภูติดวงดาวของพ่อตัวเองเล่นใหญ่ โกรธใครขนาดนี้มาก่อนเลย ฟินิกซ์ไปโกรธลีโอมาตั้งแต่ชาติปางไหนเนี่ย
ภูติดวงดาวของผมค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นมาช้า ๆ หมดสภาพที่ดูดีเหมือนตอนถูกอัญเชิญมาใหม่ ๆ อย่างกับไปผ่านสมรภูมิรบสงครามครั้งใหญ่มา ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับสิงโตย่าง ผมสีขาวของของลีโอแหว่งเป็นหย่อม ๆ เนื่องจากไฟของฟินิกซ์ ใบหน้าและลำตัวบางส่วนเป็นรอยแผลไหม้เล็กน้อย แต่ไม่นานก็เกิดออร่าสีฟ้าอ่อนขึ้นมารอบตัวลีโอ ก่อนทุกสิ่งที่อย่างที่เกิดขึ้นบนตัวจะค่อย ๆ จางหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
“ทะ ทำไมเธอโหดร้ายกับฉันแบบนี้” ลีโอพูดขึ้นมาเศร้า ๆ ทำหน้าเหมือนเด็กที่โดนเพื่อนแกล้ง
นี่มันเรื่องบ้าอะไรของสองคนนี้กันเนี่ย ! ภูติดวงดาวเขาเล่นอะไรกันเฮ้ย ! พ่อกับผมได้แต่ยืนมองสองคนนั้นกันอย่างงง ๆ
“เธอยังโกรธที่ฉันไปคบกับ Aquarius [อควาเรียส] อยู่หรอ ยกโทษให้ฉันเถอะนะฟินิกซ์ เรากลับไปเป็นเพื่อนกันได้นะ น้า” ลีโอพูดออกมาอ้อน ๆ เข้าไปเกาะแข้งเกาะขาฟินิกซ์อย่างเว้าวอน
“หุบปากของนายซะ ไอ้สิงโตบ้า ! ไม่รู้กวินท์อัญเชิญสิงโตหน้าหม้อแบบนายมาได้ไง ซวยแสนซวยจริง ๆ แล้วไหนจะเรื่องกุญแจดอกที่ 13 อีก ฉันละอยากจะบ้าตาย !” ฟินิกซ์พูดขึ้นมาพลางสะบัดแขนลีโอที่เข้ามาเกาะแกะตัวเอง
“แหม เธอก็คิดมาก สงครามครั้งนี้มันก็แค่อีกเกม มันต้องไม่เหมือนเมื่อ 500 ปีที่แล้ว คราวนี้ฉันจะทำให้ผู้อัญเชิญของฉันได้ครอบครองกุญแจดอกที่ 13 เอง เราจะชนะเกมครั้งนี้ ใช่ไหมไอ้หนู”
พูดจบลีโอก็หันมามองหน้าผม ยักคิ้วให้หนึ่งที ผมชี้ไปที่ตัวเองแบบงง ๆ ผมเป็นไอ้หนูงั้นหรอ
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ดูไม่ได้แก่กว่าผมสักเท่าไรเนี่ยนะ ...
แล้วสงคราม กุญแจดอกที่ 13 คืออะไร ? งงไปหมดแล้ว
“พอเลย เรื่องนี้มันไม่ตลกนะลีโอ นายอาจจะคิดว่าชีวิตมนุษย์ไม่สำคัญ แต่สำหรับฉัน ฉันผูกพันกับครอบครัวนี้มาก ฉันอยู่กับพวกเขามาเกือบ 20 ปี บอกตามตรงว่าไม่เคยคิดเหมือนกันว่ากวินท์จะอัญเชิญได้ภูติดวงดาวหนึ่งใน 12 จักรราศีแบบนายออกมา ฉันกับการันต์ก็แค่ต้องการให้เขามีภูติดวงดาวไว้คอยช่วยเหลือเท่านั้นเอง ทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้นะ”
ผมเห็นลีโอฟังจบก็นิ่ง ทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนพูดต่อ
“ไอ้หนู ถ้านายไม่อยากเข้าร่วมเกมครั้งนี้ก็ฆ่าตัวตายซะ พันธสัญญาระหว่างเราจะได้เป็นอิสระ เกมนี้ฉันอยากชนะไอ้แมงป่องที่มันหยามหน้าฉันเมื่อรอบที่แล้วใจจะขาด อีกอย่าง ฉันอยากจะได้เจ้านายใหม่สวย ๆ เอ๊กซ์ ๆ ด้วย แบบนั้นจะสู้ขาดใจเลย”
“ฮะ !”
ฟังจบ กุญแจอัญเชิญในมือผมนี่สั่นไปหมด !
เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็น ภูติแห่งดวงดาวจะให้เจ้านายตัวเองฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้เป็นอิสระและไปหาเจ้านายคนใหม่ โอ๊ย ผมอยากจะบ้า จากที่เคยคิดดีใจที่อุตส่าห์อัญเชิญภูติแห่งดวงดาวออกมาได้ เล่นเอาซะตอนนี้อยากจะขว้างกุญแจอัญเชิญทิ้งลงท่อระบายน้ำเลยทีเดียว
แต่เสียดาย ดอกละตั้งล้านเคอเรน ...
“ฉันว่าเดี๋ยวเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจังดีกว่า” พ่อผมพูดขัดขึ้นมาหลังจากเงียบอยู่นานคล้ายกับตั้งสติอยู่
“วิน ไปหาอะไรให้ลีโอใส่หน่อย อย่าปล่อยให้ภูติดวงดาวของลูกเดินแกว่งไปมาแบบนี้” พ่อผมพูดต่อ
“เอ่อ ... ครับพ่อ”
ผมเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสภาพของลีโอตอนนี้มันเป็นยังไง ...
ว่าแล้วผมก็เดินกลับขึ้นไปชั้นบนของบ้านเพื่อไปหาเสื้อผ้าของตัวเองมาให้ไอ้สิงโตชีเปลือยนั่นใส่
หลังจากผมขึ้นไปเอาเสื้อผ้ามาให้ลีโอใส่เสร็จเรียบร้อย ผมก็ถูกพ่อเรียกให้ไปนั่งรวมกับฟินิกซ์และลีโอที่นั่งอยู่แถวโต๊ะทำงานพ่อไม่ต่างกัน ไม่นานพ่อก็เริ่มเล่าเรื่องของผมออกไปให้ลีโอฟัง
“ฮะ นี่นายไม่มีเวทมนตร์ !” ลีโอร้องตะโกนดังลั่นออกมา เจ้าตัวหันมามองหน้าผมแบบช็อกสุดขีด หลังจากที่ฟังพ่อผมเล่าเรื่องที่ผมไม่มีเวทมนตร์ออกไป ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกชายสายเลือดแท้ ๆ ของผู้ใช้เวทก็ตาม
“ใช่ กวินท์ไม่มีเวทมนตร์ลีโอ นายต้องดูแลเขาดี ๆ ให้ปลอดภัยจากผู้ครอบครองกุญแจจักรราศีคนอื่น เข้าใจไหม” ฟินิกซ์พูดเสริมออกมา
แล้วทำไมต้องให้ปลอดภัยจากผู้ครอบครองกุญแจคนอื่นด้วยล่ะ ผมคิดในใจแต่ไม่ได้ถามออกไป
“แล้วเกมนี้ฉันจะชนะได้ไง งี้ก็เหมือนได้ภาระ ไม่ได้ผู้อัญเชิญคอยสนับสนุนเลยดิ” ลีโอพูดต่อ
คำพูดแต่ละอย่างของลีโอนี่มันทำให้ผมชักเริ่มจะฉุนละ นี่มันอะไรกันนักหนา แค่ตอนได้ยินว่าให้ผมฆ่าตัวตายก็หงุดหงิดมากพออยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะมีหน้ามาบอกว่าผมเป็นตัวภาระอีก เป็นภูติดวงดาวภาษาอะไรวะเนี่ย งงไปหมดแล้ว
ตอนแรกผมก็คิดว่าอย่างน้อย ๆ ผมก็มีโอกาสเป็นเหมือนพ่อ ผมเคยแอบคิดมาตลอดว่าอยากเป็นเหมือนพ่อตัวเองให้เจ้าตัวภูมิใจ อยากมีเวทมนตร์กับเขาบ้าง และอยู่ดี ๆ มันก็เป็นจริงขึ้นมา แม้จะเป็นอะไรที่โคตรจะปาฏิหาริย์ก็เถอะ แต่การที่มาเจอไอ้ภูติดวงดาวสิงโตแบบนี้ชักเริ่มอยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมละ แถมสงครามเกมบ้าบอคอแตกกุญแจดอกที่ 13 อะไรอีกที่ผมยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ดูพ่อกับฟินิกซ์ทำหน้าเครียดกันพอสมควรก็เลยยังไม่เซ้าซี้ถาม รอให้เขาพูดออกมาเอง
“นี่มันเรื่องอะไรกันอะพ่อ ไหนพ่อเคยบอกว่าภูติดวงดาวจะถูกอัญเชิญมาเพื่อช่วยดูแล คุ้มครองผู้ใช้เวทไง ทำไมความรู้สึกผม ไอ้สิงโตเผือกนี่มันไม่ได้ดูเหมือนฟินิกซ์ที่คอยดูแลคุ้มครองพ่อเลยอะ ตั้งแต่บอกให้ผมฆ่าตัวตายละ”
“อ้าว ! ไอ้หนู พูดดี ๆ ดิ นี่ฉันภูติดวงดาวของนายนะ ไม่ใช่ไอ้สิงโตเผือก”
“ผมชื่อกวินท์ เรียกวินก็ได้ ไม่ใช่ไอ้หนู”
“โอ๊ย หยุด ! ทั้งคู่นั่นแหละ”
ฟินิกซ์ตวาดแว้ดขึ้นมา หลังจากสงครามน้ำลายระหว่างภูติแห่งดวงดาวกับผมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นมา เล่นเอาเราสองคนสงบเสงี่ยมทันที ผมถอนหายใจออกมาแบบเซ็ง ๆ หันไปมองหน้าพ่อที่วันนี้ทำหน้าจริงจังจนผมไม่กล้าเล่นด้วย สายตาของเจ้าตัวหันมามองผมก่อนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเครียด
“ฟังนะวิน เรื่องนี้สำคัญ พ่อจะเล่าเรื่องกุญแจดอกที่ 13 ให้ฟังว่ามันคืออะไรกันแน่ พ่อรู้ว่าเราเองก็สงสัยเรื่องนี้อยู่ กุญแจดอกที่ 13 เป็นเสมือนกุญแจที่ไว้ใช้ไขความปรารถนาสูงสุดของผู้ถือครอง ไม่ว่าจะเป็นเงินตรา อำนาจ พลัง หรือแม้กระทั่งชีวิตที่เป็นอมตะ แต่การที่จะได้มันมาครอบครอง มันต้องแลกกับการฆ่าเจ้าของกุญแจจักรราศีอีก 11 คนที่เหลือ เพราะพันธสัญญาระหว่างภูติดวงดาวจะได้หายไปหลังจากผู้ถือครองกุญแจตาย คนที่ฆ่าจะได้ครอบครองกุญแจของผู้ถือครองคนเก่าแทน กุญแจดอกที่ 13 ว่ากันว่าจะปรากฏขึ้นมาทุก ๆ 500 ปี เมื่อภูติแห่งดวงดาวจักรราศีถูกอัญเชิญมาจนครบทั้งหมด ถึงตอนนั้นสงครามระหว่างผู้ใช้เวทจะเกิดขึ้นแน่ ๆ ต่อให้เราไม่สนใจกุญแจดอกที่ 13 แต่ยังไงก็ต้องมีคนที่ต้องการกุญแจจักรราศีของเราอยู่ดี มันเป็นความปรารถนาของมนุษย์ ที่เป็นเหมือนน้ำมันที่ช่วยทำให้เปลวเพลิงลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว”
ฟังจบก็เริ่มรู้สึกช็อกขึ้นมา ...
“หมายความว่า ... จะมีคนมาฆ่าผมเพื่อเอากุญแจอัญเชิญไปงั้นหรอพ่อ” ผมถามพ่อออกไป
รู้สึกใจหายวาบขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่ามีเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย ผมเคยคิดว่าภูติแห่งดวงดาวก็เหมือนกันทั้งหมด เพียงแต่โอกาสในการอัญเชิญมามีมากน้อยแตกต่างกันออกไป อย่างนี้มันก็เท่ากับว่าการอัญเชิญได้ภูติดวงดาวระดับกลางหรือระดับต่ำ ก็น่าจะดีกว่าอัญเชิญได้ภูติดวงดาวระดับสูงน่ะสิ เพราะถึงแม้ว่าภูติดวงดาวระดับสูงจะมีพลังมากกว่าก็จริง แต่แบบนี้มันเท่ากับการเอาตัวเองไปเสี่ยงกับความเป็นความตายชัด ๆ เหมือนยืนอยู่บนขอบหน้าผาที่ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะมีใครมาผลักให้ตกลงไป
“ใช่ ไม่น่าเลย พ่อทำให้ลูกตกอยู่ในอันตราย พ่อขอโทษวิน พ่อไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้” พ่อผมพูดตอบกลับมาแบบเครียด ๆ เจ้าตัวก้มหน้ามองโต๊ะทำงานของตัวเอง ผมเห็นพ่อเป็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกไม่ดี ผมเข้าใจว่าพ่ออยากให้ผมอัญเชิญภูติแห่งดวงดาวมาคอยช่วยเหลือ คอยดูแลผมเวลาเกิดอันตรายขึ้น แต่ผมมันคงจะโชคร้ายเองที่ดันไปอัญเชิญภูติแห่งดวงดาวหนึ่งใน 12 จักรราศีออกมาได้ ทั้งที่โอกาสมันน้อยมากแท้ ๆ
“พ่อ มันไม่ใช่ความผิดพ่อเลย พ่อก็แค่หวังดีกับผม ผมไม่โทษพ่อหรอก อีกอย่างฟินิกซ์ก็อยู่ พ่อก็อยู่ ใครมันจะมาทำอะไรผมได้” ผมพูดไป ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้พ่อ
“ดราม่าน้ำตาไหล”
อยู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากตัวต้นเรื่อง ผมตวัดหางตาไปมองไอ้สิงโตเผือกนั่น ทำไมปากมันดีขนาดนี้นะ
“กวินท์ มีสิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้เวทมีอำนาจเหนือภูติแห่งดวงดาวได้ ถ้าไอ้สิงโตหน้าหม้อมันทำให้นายหงุดหงิดมาก นายก็จับมันขังไว้ในกุญแจสักสามวันสามคืน”
เสียงคำแนะนำดังมาจากปากของฟินิกซ์ที่นั่งอยู่ถัดจากลีโอ ซึ่งผมก็คิดว่านั่นเป็นคำแนะนำที่โคตรจะมีประโยชน์เลยทีเดียว ผมเองก็เหม็นขี้หน้าไอ้สิงโตเผือกนี่เหมือนกัน หมั่นไส้มันมานานแล้ว
“นี่ ! ฟินิกซ์ เธอเองก็เป็นภูติแห่งดวงดาว ทำไมต้องไปบอกเรื่องนี้ให้ไอ้หนูนั่นด้วย” ลีโอโวยวายขึ้นมา
“ผมต้องทำไงฟินิกซ์” ผมถามฟินิกซ์ต่อ ไม่สนใจเสียงนกเสียงกา
“เฮ้ย ! อย่านะไอ้หนู”
“แค่พูดชื่อภูติแห่งดวงดาวและบอกให้เข้าไปอยู่ในกุญแจ” ฟินิกซ์ตอบผมกลับมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับสนับสนุนให้ผมทำอย่างเต็มที่ พ่อผมเองก็เงียบไม่ได้พูดอะไร
“เฮ้ย ไม่เอา นี่เพิ่งถูกอัญเชิญออกมาเองนะ”
“ลีโอ ฉันขอสั่งให้นายเข้าไปอยู่ในกุญแจ”
ทันทีที่พูดจบก็เกิดแสงออร่าสีฟ้าจากร่างของลีโอก่อนเจ้าตัวจะกลายเป็นแค่ดวงไฟกลม ๆ สีฟ้าและลอยเข้ามาอยู่ในกุญแจจักรราศีของผมที่วางไว้อยู่บนโต๊ะทันที
“เฮ้ย ! เรียกฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะไอ้หนู ฉันจะออกไป !”
เสียงโวยวายยังคงออกมาจากกุญแจอยู่ดี นั่นทำให้ผมเก็บกุญแจจักรราศีของตัวเองเข้ากระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว
อยู่ในนั้นไปสักสามวันนะไอ้สิงโตเผือก !
ผมกับพ่อไม่ได้คุยอะไรกันต่อ พ่อบอกให้ผมไปพักผ่อน วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ว่าจะวางแผนจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี ซึ่งผมเองก็ทำตามที่พ่อบอกอย่างว่าง่าย ในใจลึก ๆ ตอนนี้ก็แอบเครียดอยู่เหมือนกันว่าทำไมตัวเองโชคร้ายขนาดนี้ แต่ผมกลัวพ่อคิดมากมากกว่า ว่าเขาเป็นต้นเหตุทำให้ผมเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ผมเลยไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป
ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมถูกฆ่าง่าย ๆ หรอก ถ้าเรื่องมันเป็นแบบที่พ่อว่าจริง ผมเกิดมาอายุแค่ 18 ปีเอง จะต้องตายเพราะเรื่องแบบนี้น่ะหรอ มันเป็นอะไรที่โคตรจะรับไม่ได้เลย มีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะทำตั้งเยอะ ผมเชื่อว่ามันต้องมีทางออก ที่ทำให้ผมผ่านเรื่องนี้ไปได้แน่ ๆ อย่างที่พ่อเคยสอนผมไว้เสมอ แล้วถ้าเรื่องกุญแจดอกที่สิบสามมันสามารถไขความปรารถนาได้ทุกอย่างจริง ๆ มันก็เป็นเดิมพันที่น่าสนใจเหมือนกัน แต่กับการที่ต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนี้ มันก็แอบน่ากลัว
แต่ยังไงผมก็เลือกไม่ได้แล้วตอนนี้ ... ซวยอัญเชิญไอ้สิงโตเผือกมาได้แล้วนี่
ผมจะไม่ยอมถูกใครฆ่าตายได้ง่าย ๆ แน่
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า
ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิดในยามค่ำคืน สัญลักษณ์รูปกลุ่มดาวสิงโตกำลังส่องแสงสีฟ้าสว่างจ้าเป็นประกายอยู่เหนือประเทศประเทศหนึ่งในทวีปเอเชีย ภาพนั้นปรากฏอยู่บนจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่กลางห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์แห่งหนึ่ง ภายในห้องนั้นมีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์อยู่นับสิบคนที่นั่งอยู่ที่หน้าจอควอนตัมคอมพิวเตอร์แต่ละตัวที่ช่วยในการประมวลผล พวกเขาทำหน้าที่จำลองและคอยสังเกตปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในลักษณะเดียวกัน
ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก...
แต่มันเป็นครั้งที่ 12 แล้วต่างหากที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จะต่างกันก็ตรงที่เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มดาวจักรราศีอื่น
“ในที่สุด สงครามกุญแจดอกที่ 13 ก็เริ่มอย่างเป็นทางการแล้วซินะ” เสียงทุ้มห้าวเสียงหนึ่งพูดขึ้นมา เจ้าตัวเดินมาหยุดอยู่บริเวณหน้าจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ คนพูดดูท่าทางจะเป็นเหมือนหัวหน้าของนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้
ใบหน้าของคนพูดยิ้มออกมาที่ริมฝีปากก่อนหันไปมองเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตัวเอง ใบหน้าสวยของเด็กสาวที่เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เหมือนกันไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา เจ้าตัวเพียงแต่หันไปมองคนที่พูดเมื่อกี้
“เตรียมตัวพร้อมหรือยัง ไอรีน”
“ค่ะพ่อ”