บทที่ 4 ข้าคือนาตาเลีย
บทที่ 4 ข้าคือนาตาเลีย
ไม่กี่นาทีต่อมา ระหว่างที่เดินลงบันไดผมก็มองเห็นแสงสว่างจากคบไฟ สะท้อนเข้ากับผนังหินเป็นแสงสีแดงส้ม เป็นสัญญาณว่าน่าจะใกล้ถึงชั้นล่างสุดของวิหารแล้ว เพราะทางลงไปชั้นใต้ดินที่พวกเราอยู่ในตอนนี้เป็นบันไดเวียน ผมเลยยังไม่เห็นว่าด้านใต้นั่นมีอะไรอยู่กันแน่
“เหมือนเราจะถึงชั้นใต้ดินแล้ว ผมจะปิดไฟฉายก่อน เธอมองเห็นอยู่ใช่ไหม” ผมหันไปกระซิบบอกทีน่าที่เดินอยู่ข้าง ๆ
ตั้งแต่เราเดินลงบันไดมาได้สักพัก พวกชุดคลุมเทาก็ไม่ตามลงมาสวดคำสาปแช่งแล้ว
“พอจะเห็นแล้วล่ะ” ทีน่ากระซิบตอบกลับ พร้อมเอาหลังแนบผนังหินแล้วค่อย ๆ ก้าวลงบันได เพื่อหวังสำรวจทางเบื้องหน้า
ผมที่เห็นเธอทำท่าทางแบบนั้น คิดว่าคงจะไม่รอดเลยดึงแขนเธอเอาไว้ จะทำตัวให้ลำบากทำไมในเมื่อเรามีสมาร์ทโฟนอยู่ในมือ!
เอลฟ์สาวทำหน้างงใส่ผม ผมเลยชี้ไปที่โทรศัพท์ในมือ เธอเลยพยักหน้าให้อย่างว่าง่ายและกลับมายืนท่าปกติ ผมก้มไปกดเลือกแอปถ่ายภาพในโทรศัพท์แล้วยื่นมือออกไปเลยโค้งบันไดเวียน และกดถ่ายภาพแบบไร้เสียง
ภาพที่ถ่ายออกมาแม้จะมืดเพราะไม่ได้เปิดแฟลชแต่ก็ยังพอมองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้ครบถ้วน จากที่เห็นในภาพคือ ทางเดินแคบ ๆ ที่มีซี่ลูกกรงเรียงรายสองฟากฝั่ง ราวกับคุกชั่วคราวที่ผมเคยไปนอนค้างในสถานีตำรวจแถวหอพัก ต่างกันแค่คุกที่นี่มันสกปรกกว่านับ 10 เท่าแล้วก็ทั้งมืดทั้งอับชื้น ตัวผมที่อยู่ไม่ไกลสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ
อ๊อก! เหม็นฉิบ... ก็ว่ายิ่งลงมาลึกยิ่งเหม็นขึ้นทุกที
นอกจากความโสโครก ก็ยังมีคบไฟคอยให้แสงสลัว ๆ อยู่ตามรายทางแลดูหลอน ๆ และเหมือนจะมีผู้คุมเฝ้าอยู่ด้วย 1 คน เพราะภาพที่ถ่ายได้มันเดินอยู่ตรงกลางทางเดินระหว่างคุกทั้งสองฟากฝั่ง
ผู้คุมคุกในภาพ มีลำตัวผอมแห้งเก้งก้างแทบจะเหลือเป็นหนังหุ้มกระดูก ใส่ชุดคลุมเทา ๆ ดำ ๆ ที่ขาดแหว่งราวผ้าขี้ริ้วดูซกมก ช่างเข้ากับบรรยากาศคุกสมัยโบราณสุด ๆ ถ้าไม่บอกว่านี่เป็นคุกในวิหารลับเทพแห่งความมืดและไอ้ผู้คุมมันมีขา ผมคงจะคิดว่านี่มันคุกอัซคาบัน ลักษณะโดยรวมของมันทำเอาผมใจเต้นตึกตัก จนอยากจะลงไปขอเซลฟี่
“นั่นมันกูล อสูรนรกระดับต่ำ!” ทีน่าที่เพ่งมองจอโทรศัพท์ผมจนหน้าแทบจะติดจอ พูดออกมาเสียงเบาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ผมที่ได้ยินทีน่าพูดได้แต่ทำหน้างง กูลคือไรวะ? นั่นผู้คุมวิญญาณเวอร์ชันมีขาชัด ๆ ด้วยความสงสัยผมเลยหันไปมองทีมงานซังที่ลอยอยู่ข้างหน้า
ทีมงาน : กูลคือเผ่าพันธุ์หนึ่งในขุมนรก เป็นอสูรระดับต่ำเรียกได้ว่าอยู่ล่างสุดในลำดับชั้นพวกอสูร พวกมันเป็นอันเดธที่ชอบกินซากศพและสิ่งปฏิกูล พวกมันพูดไม่ได้แต่เป็นแรงงานทาสชั้นเยี่ยม เพราะถึงจะใช้งานมันหนักแค่ไหนก็ไม่ปริปากบ่นออกมาสักคำ
กู๊ดจ๊อบมากทีมงานซัง! ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ผมยกนิ้วโป้งส่งให้ทีมงานซังพร้อมรอยยิ้มมุมปากในท่าที่คิดว่าหล่อที่สุด ถึงยังไงเวลาหันไปมองสบตาทีมงานซัง ก็เหมือนหันไปมองกล้องต้องดูดีไว้ก่อน ถึงคำอธิบายจะไม่ได้ช่วยอะไรในสถานการณ์ตอนนี้เลยก็เถอะ มันพูดไม่ได้จะให้บ่นยังไงล่ะเฟ้ย โธ่เอ๊ย ที่อยากรู้คือวิธีจัดการต่างหาก
“มายกนิ้วโป้งชื่นชมอะไรตอนนี้” ทีน่าที่เงยหน้าออกจากจอโทรศัพท์ ตบมือผมดังป้าบ ก่อนที่เธอจะทำหน้าประหนึ่งบรรลุสัจธรรมบางอย่าง “อ่ะ หรือว่าเจ้ามีเวทมนตร์จัดการมันงั้นหรือ”
“ไม่มีอ่ะ ไอ้ตัวนี้มันโหดขนาดนั้นเลยรึไง”
ผมสะบัดมือที่โดนทีน่าฟาดเบา ๆ ตบมาได้ อูยเจ็บ นี่เธอเป็นประเภทใช้ความรุนแรงก่อนใช้หัวงั้นเหรอ ภาพลักษณ์เอลฟ์ในจินตนาการผมป่นปี้หมด นอกจากจะสายตาแย่ยังเป็นพวกใช้ความรุนแรงไม่เข้ากับหน้าตาแบบเอลฟ์ ๆ เลยสักนิด
“มันแค่ฆ่ายาก อึดถึกทนเป็นของแสลงสำหรับนักรบที่ถนัดมีดสั้นเช่นข้ามาก” ทีน่าถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ท่าทางยุ่งยากใจ
“แล้วเราจะทำยังไง?”
“เดี๋ยวข้าจะถ่วงเวลากูลไว้ ส่วนเจ้าตามหาน้องสาวข้าให้เจอแล้วกัน ยิ่งเจอเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
ดีมากที่ไม่เอาผมไปไฟว้กับไอ้กูลบ้ากูลบออะไรนั่น ผมเลยพยักหน้าให้เธอย่างว่าง่าย
“OK แต่ผมจะรู้ได้ไงว่าน้องเธอคนไหน?”
“เธอชื่อนาตาเลีย สังเกตง่าย ๆ ว่าเธอก็คือเอลฟ์สาวที่สวยน้อยกว่าข้านิดหนึ่งยังไงล่ะ” แล้วทำไมต้องจิกตาทำท่าเซ็กซี่ตอนบอกว่าน้องสาวสวยน้อยกว่าด้วยฟะ
อ่า รู้สึกว่าตรงนี้มัน Hot ผิดปกติไหมครับ? ด้วยความที่เธอเป็นสาวงามชนิดที่ในชีวิตผมพึ่งเคยเจอตัวเป็น ๆ แล้วมาพูดอยู่ใกล้ ๆ พร้อมทำท่าเซ็กซี่ขนาดนี้ ถึงเธอจะไม่ใช่สเปคผม แต่ก็ทำเอาใจผมเต้นตึกตัก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ผมหน้าแดงขนาดไหน ดีนะที่ชั้นใต้ดินมันมืด
เมื่อเราตกลงกันได้แล้วทีน่าก็เดินนำลงไปด้านล่าง พร้อมนำมีดสั้นที่ยาวกว่าเล่มอื่นมากกว่าครึ่งออกมาควงทั้งสองมือ “เฮ้ ไอ้กูลอัปลักษณ์!” ทีน่าตะโกนด่าดึงดูดความสนใจของมัน และถีบตัวพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว
ฉั๊วะ! มีดสั้นในมือทีน่าตวัดเฉือนเข้าที่คอกูลอย่างแม่นยำ
กี๊สสสสสสส!
แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่น่าพอใจนัก ลำคอที่โดนมีดเฉือนมีเพียงแค่รอยแดงจาง ๆ เท่านั้น กูลที่รับรู้ถึงตัวตนผู้บุกรุกขยับร่างกายโจมตีส่วนกลับทีน่าด้วยท่อนแขนอันเก้งก้าง
ตึง! ฟาดเข้าใส่กรงเหล็กอย่างจัง
ไม่เสียแรงที่ทีน่าเป็นเอลฟ์ เธอสามารถดัดตัวหลบในท่ายาก ทำให้รอดพ้นการโจมตีของกูลได้แม้อยู่ในที่แคบ เธอดีดตัวขึ้นและพยายามโจมตีผลักดันกูลเข้าไปให้ลึกที่สุดเพื่อเปิดทางให้ผมตามหานาตาเลีย
ระหว่างที่เอลฟ์สาวเข้าไปสู้เพื่อถ่วงเวลา ทางผมก็ไม่ได้อยู่เฉย เดินสาดไฟฉายส่องทีละห้องเลยครับ
ตึง! แค่ห้องแรกก็โดนของเข้าให้ ผมนี่สะดุ้งสุดตัว หญิงสาวสองคนโผล่เข้ามาเกาะซี่ลูกกรงอย่างแรง เมื่อโดนไฟฉายจากโทรศัพท์สาดใส่ จนทำผมแทบผงะกับสภาพเหมือนผีของพวกเธอ ใจผมหายแวบเลยทีเดียว ขวัญเอ๊ย ขวัญมา ผมพยายามหายใจเข้าออกลูบอกปลอบใจตัวเอง
“ท่าน ท่านพาเราออกไปทีได้โปรด” เสียงอันแหบแห้งปานขาดน้ำมานานเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน
เมื่อผมลองทำใจและพยายามสังเกตดี ๆ พวกเธอทั้งสองเป็นหญิงสาวหน้าตามอมแมมผมเผ้ากระเซิง แต่ไม่ใช่เอลฟ์ทั้งคู่
“เอิ่ม...” ผมทำตาล่อกแล่กไม่กล้าสู้หน้า กลัวก็กลัวสงสารก็สงสารให้ตายสิ
“ผมกำลังตามหานาตาเลียอยู่ครับพวกคุณรู้ไหมว่าเธอถูกขังอยู่ตรงไหน”
“ไม่ เราไม่รู้”
“งั้นพวกคุณรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวผมวนกลับมาใหม่” ผมถอนหายใจเบา ๆ ก็ไม่คิดว่าจะเจอตัวง่าย ๆ อยู่แล้วอะนะ
“ดะ เดี๋ยว อย่าลืมพวกข้านะ” พอผมจะเดินออกไป พวกเธอก็ยื่นมือออกมากระชากเสื้อรั้งผมไว้
“ครับ ๆ ปล่อยก๊อนนน เดี๋ยวผมวนมา OK รับรอง รับทราบไม่ทิ้ง” สภาพก็โคตรจะหลอนอยู่แล้วยังทำตัวหลอน ๆ อีกนะพวกเธอ!
ระหว่างที่ผมโดนสองสาวสุดหลอนยื้อยุดฉุดกระชากเสื้ออยู่นั้น เสียงของหญิงสาวจากห้องขังตรงข้ามก็ดังขึ้น พร้อมเรียวแขนขาวนวลโดดเด่นแม้อยู่ในที่มืด ยื่นออกมาโบกไปมานอกซี่ลูกกรง
“เจ้า ๆ กำลังตามหานาตาเลียอยู่ใช่หรือไม่ ข้านี่แหละนาตาเลีย”
ถึงจะดูหลอน ๆ แต่น่าจะใช่ดูจากแขนสวย ๆ นั่นแล้ว มีความคล้ายคลึงกับแขนทีน่าอยู่ 70 เปอร์เซ็นต์
ผมตบแปะ ๆ ลงบนมือยัยผู้หญิงสองคนนั้น จนพวกเธอยอมปล่อยแล้วยกไฟฉายขึ้นส่องห้องตรงข้าม ปรากฏว่า...
“ยัยคนหลอกลวง!” ใบหน้าที่ปรากฏไม่เข้าข่ายคนสวยเลยสักนิด หูก็ไม่ได้เป็นเอลฟ์ เอามโนภาพเจ้าของเรียวแขนแสนสวยผมกลับคืนมาเลยนะ
ผมเดินจากไปทันทีไม่เข้าไปใกล้ให้โดนฉุดเหมือนสองสาวนั่นอีก ทิ้งให้นาตาเลียของก๊อปยืนกรีดร้องเกาะซี่ลูกกรงทั้งอย่างนั้น “กรี๊ดดด กลับมาช่วยเดี๋ยวนี้เลยนะ กลับม๊าาาา ข้าก็ชื่อนาตาเลียเหมือนกันนะ”
แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงของหญิงสาวแต่ละห้องดังระงม แข่งกันพูดว่าเธอคือนาตาเลีย
“ข้า ข้านี่แหละนาตาเลีย ช่วยข้า ๆ”
“ไม่ข้าต่างหากนาตาเลีย อีหน้าปลวกเงียบไปเลยนะ”
“เจ้าสิหน้าปลวก ถ้าข้าได้อาบน้ำยังไงข้าก็งามกว่าเจ้า!”
“เจ้า ๆ ไม่ต้องสนใจพวกนาง ข้าสินาตาเลียตัวจริง”
“หล่อนโกหก ข้าเองนาตาเลีย ตอนนี้เจ้าอาจจำไม่ได้ แต่ถ้าข้าได้ล้างหน้าละก็เจ้าจะจำได้แน่นอน”
“โว้ย ไม่ต้องโวยวาย นาตาเลียเป็นเอลฟ์เฟ้ย! ถ้ารู้ก็รีบบอกมาว่าอยู่ไหน จะได้รีบกลับมาช่วย” ผมที่หมดความอดทนในการฟังเสียงทะเลาะตบตีข้ามกรงขังของพวกเธอ ตะโกนขึ้นมากลางปล้อง มองผ่าน ๆ ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เอลฟ์กันสักคน
สิ้นเสียงตะโกนของผม รอบข้างก็กลับมาเงียบสนิทดังเช่นในตอนแรก ดูท่าแล้วการที่พวกหล่อนเงียบกริบ น่าจะไม่รู้ว่านาตาเลียอยู่ที่ไหน อีกอย่างถ้าน้องสาวทีน่าอยู่แถวนี้จริง ๆ คงเรียกให้ผมไปช่วยออกมาแล้วล่ะ ผมเลยเดินต่อไปเรื่อย ๆ ทำเวลาในการตามหา ไม่เสียเวลาส่องไฟฉายดูรายคนอีกต่อไป
ในระหว่างที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งจู่ ๆ ก็มีเสียงใสกังวานดังจากกรงขังใกล้ ๆ จนผมที่เดินเลยไปแล้ว ต้องย้อนกลับไปมอง
“ท่านตามหาเอลฟ์หรือ?” เจ้าของเสียงเรียกคือหญิงสาวหน้าตางดงามอ่อนหวาน ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงกลางหลัง ตาสีเขียวใสและหน้าอกคัพ E ในชุดที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่ ๆ แม้ตามเนื้อตัวจะไม่ได้สะอาดสะอ้านนัก แต่สภาพของเธอช่างขัดกับบรรยากาศโดยรอบอย่างสิ้นเชิง
“อ่า...ใช่” ผมได้แต่อ้ำอึ้ง ทำไงได้นี่มันสเปคผมเลยนะ และผมก็เชื่อว่าเธอคือสาวงามในฝันของผู้ชายหลาย ๆ คนเลยล่ะสำหรับทีน่าเธอเป็นเอลฟ์แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องงดงามเหนือมนุษย์ แต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรมากมาย ทีน่าก็แค่สวยในสายตาผม ต่างกับเธอคนนี้ที่แค่แวบแรกที่มองก็ทำเอาใจผมเต้นแรง
“ข้าถูกจับมาพร้อมนางเราเป็นเพื่อนกัน จากที่ดูท่านเป็นพ่อมดใช่หรือไม่”
“อ่า จะว่างั้นก็ได้”
“ถ้อยคำพิลึกนัก ได้ยินเช่นนี้ข้าก็เบาใจนางถูกแยกไปขังเดียว ห้องขังในสุด”
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวผมจะกลับมาช่วยคุณ” ผมเบิกตาโตกล่าวขอบคุณเธอที่ให้ข้อมูลสำคัญ นึกว่าต้องเดินหาเองเองซะแล้ว แต่ก่อนจะได้ก้าวออกไปเธอก็เรียกผมไว้
“แต่เดี๋ยวท่านรู้ใช่หรือไม่ นางโดนปรสิตผนึกเวทของพวกวิหาร ถ้าไม่นำปรสิตออกมานางจะตายภายใน 3 วัน”
“ห๊ะ! อะไรนะ” ผมที่ได้ยินแบบนั้น ถึงกับพุ่งเข้ามาเกาะลูกกรงห้องขังด้วยสีหน้าตื่นตกใจ จนทำเธอสะดุ้งก้าวถอยหลัง
“ก็ปรสิตผนึกเวทอย่างไรเล่า นางเป็นเอลฟ์ที่ใช้เวทได้ นางเป็นส่วนสำคัญของพิธีกรรมพวกมัน”
“แล้วจะเอาออกยังไง๊”ผมถามกลับเสียงสูง เพราะแบบนี้สินะทีน่าถึงต้องการตัวพ่อมด
“ข้าไม่รู้ ท่านเป็นพ่อมดไม่ใช่หรือ”
“อ่ะใช่ ผมเป็นพ่อมด ผมจะรีบไปรีบมาขอบคุณอีกที” ผมพยักหน้าขอบคุณเธออีกรอบก่อนจะเดินจากไป เอาวะ ไปเอาตัวออกมาก่อนเรื่องปรสิตค่อยกว่ากันอีกตั้ง 3 วันหล่อนถึงจะตาย
“แต่เดี๋ยวนะคุณชื่ออะไร” ผมที่พึ่งนึกได้ว่ายังไม่รู้ชื่อเธอ เลยเดินถอยหลังกลับมาอีกรอบ
สาวงามในห้องขังหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ กับท่าทางเปิ่น ๆ ของผม
“ข้าชื่อชาล็อต ชาล็อต วินเชสเตอร์แล้วท่านเล่า”
“ผม เอ่อ ผมชื่อภาวิน เรียกภาก็ได้ครับ” ผมที่เขินเมื่อถูกสาวงามในสเปคถามชื่อ ถึงกับยกมือเกาหัวแก้เขิน คุณควรรู้ว่าหน้าเห่ย ๆ อย่างผมการถูกสาวงามถามชื่อเป็นสิ่งที่แรร์ขนาดไหน! ถึงนี่จะเป็นประโยคถามกลับตามมารยาทก็ตาม
[แรร์ : ในศัพท์เกมหมายถึงสิ่งที่หายาก]
“ผม...ผมไปล่ะ” อะไรคือฉากใจเต้นในคุกครับ ตั้งแต่ลงมาในคุกผมใจเต้นไป 3 รอบแล้วให้ตายเถอะ รีบไปช่วยนาตาเลีย ใช่ ๆ รีบไปช่วยนาตาเลีย ผมที่เอาแต่อ้อยอิ่งอยู่หน้าห้องขังชาล็อตพยายามปลุกใจลากขาตัวเองออกมา
“ขอบคุณมากท่านภา ช่วยนางให้ได้นะ” ชาล็อตที่เห็นผมเดินจากไป พูดเสียงดังออกมาตามหลัง
“คร้าบบบบ” ผมได้แต่เอามือกุมอกตรงตำแหน่งหัวใจ แล้วทำทำหน้าฟินสุด ๆ เมื่อได้ยินเสียงเธอให้กำลังใจ รีบสับขาเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ใจพร้อม กายพร้อม เราทำได้! หลังจากเดินผ่านห้องขังชาล็อต ผมก็เริ่มวิ่งทำเวลาเพราะตอนนี้เป็นเวลา 07:25 แล้วอีกแค่ครึ่งชั่วโมงผมจะถูกส่งกลับห้อง แต่พอวิ่งมาได้ถึงเกือบสุดทาง ก็เจอทีน่ากำลังหลบหลีกการโจมตีของผู้คุมวิญญาณ เอ๊ย! กูล ขวางทางอยู่
“ทีน่า นาตาเลียถูกขังในห้องด้านหลังผู้คุม!”
เอลฟ์สาวที่ได้ยินเสียตะโกนของผมหันมามอง “อะไรนะ”
“เฮ้ย ระวัง! ระวังลำตัว!”ผมร้องเสียงหลงเพราะเธอเอาแต่หันมามองผม จนไม่ได้ดูการโจมตีของกูล
ทีน่าได้ยินเสียงร้องเตือน เอนตัวทำสะพานโค้งหลบรอดการโจมตีของกูลได้ในวินาทีสุดท้าย
“สุดยอด! นายถ่ายทันไหมทีมงานซัง” จบคำของผมบับเบิ้ลข้อความตอบกลับก็เด้งขึ้นเหนือหัวลูกบอลสีทอง
ทีมงาน : แน่นอน [อีโมติคอนยิ้มแฉ่ง]
หลังจากทีน่าทำสะพานโค้งหลบรอดการโจมตีของกูล เธอก็ตีลังกากลับหลัง 5 ตลบมายืนใกล้ ๆ ผม
“เจ้าเจอน้องสาวข้าแล้วใช่ไหม?”
“เปล่า มีคนบอกว่าเธออยู่ห้องด้านหลังไอ้ตัวประหลาดนี่”
ระหว่างที่พวกผมคุยกันอยู่ กูลก็พุ่งเข้ามาอย่างไม่รีรอ ยัยเอลฟ์บ้าจะลากมันมาตรงนี้ทำไมมมมม ตะโกนคุยกันก็ได้ผมไม่ถือ ผมเลยจำต้องถอยหลังหลบตีนผู้คุมคุกอย่างทุลักทุเล
โครม! เสียงท่อนขาของกูลฟาดโดนลูกกรงเหล็กห้องขังจนดังลั่น
“ถ้างั้นเราจะฝ่าข้ามไปยังไง ทางเดินนี่ก็แคบชะมัดมันยืนตัวเดียวก็เต็มแล้ว” ทีน่าบ่นเบา ๆ ระหว่างที่ดัดตัวหลบกูลไปด้วย
“ไม่รู้!” ผมที่หลบลูกหลงของทั้งสองอย่างทุลักทุเลตะโกนตอบ ตอนนี้ใครจะมีเวลามานั่งคิดฟะ
ในระหว่างที่กลิ้งหลบผมก็ทำการล่าถอยไปหลบมุมหลังคบไฟหน้ากรงขัง มองการต่อสู้รุกรับของหนึ่งเอลฟ์หนึ่งกูล ก็ได้แต่คิดว่านี่มันการต่อสู้หรือแข่งกันทำท่าดัดตนกันแน่ ถึงทีน่าจะดัดตนหลบได้พลิ้วไหวปานนักกีฬากายกรรมโอลิมปิกเหรียญทองแต่ไอ้ตัวประหลาดนั่นดัดได้มากกว่าหลายเท่า
อธิบายง่าย ๆ เอาเป็นว่า ถ้าคุณเคยดูหนังผี ที่ผีมันส่งเสียงดังกร๊อบแกร๊บตลอดการเคลื่อนไหว ดัดกระดูกได้ทุกท่อน แล้วยังบิดแขนขาและคอได้ถึง 360 องศา นั่นแหละใช่ไอ้ตัวนี้เลย เวรเอ๊ยไอ้ผู้คุมมันหลอนโคตร เช้านี้ตูต้องเก็บไปฝันร้ายแน่ ๆ เพราะมันทำเอาภาพชาล็อตสุดสวยปลิวออกจากหัวผมทันที ความฟินผมบินหายไปหมดแล้ว บ้าจริง!