ตอนที่แล้วบทที่ 2 ทีมงานซัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 ข้าคือนาตาเลีย

บทที่ 3 วิหารแห่งความมืด


บทที่ 3 วิหารแห่งความมืด

“อย่างที่เจ้ารู้ วิหารแห่งความมืดถูกซ่อนอยู่ภายในเมืองนี้ ถ้าไม่ใช่วิหารระดับกลางก็ต้องเป็นวิหารระดับสูงแน่ ๆ” ทีน่าเกริ่นขึ้นมาอย่างจริงจัง มือก็แกะถั่วต้มใส่ปาก

“อะไรล่ะนั่น?” ผมที่นั่งดื่มเบียร์อยู่ข้าง ๆ เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ

“ข้าแกะรอยอยู่นาน จนในที่สุดก็พบที่ตั้งที่แน่นอนของมัน เพื่อไม่ให้เสียเวลาอีกครึ่งชั่วโมงเราจะบุกวิหารแห่งความมืดกัน”

เดี๋ยวนะ เหมือนเธอจะพูดเรื่องสำคัญใช่ไหม อะไรบุก ๆ นะแล้วเมื่อกี้เธอบอกว่าพวกเราใช่ไหม

“2คน?” ผมพูดเสียงสูงชี้ที่ตัวเองทีหนึ่ง และทีน่าอีกทีหนึ่ง

“จะมีใครอีกล่ะ เจ้าคือพ่อมดจากแพนทาแกรมส่วนข้าก็คือนักรบแห่งอัล์ฟเฮม ไม่ได้จะถล่มทั้งวิหารสักหน่อยภารกิจเจ้าคือช่วยข้าชิงตัวประกันเฉย ๆ”

เข้าใจผิดไปสุดกู่แล้วนะเธอออออ แล้วแค่สองคนจะไปทำอะไรได้กันเล่า! ไม่เอาด้วยหรอกเฟ้ย

“เฮ้ พวกเราพึ่งเจอกันเอง ควรทำความคุ้นเคยกันสักหน่อยดีไหม ก่อนจะไปร่วมทีมกันทำอะไรเสี่ยงตายอย่างนั้น ถ้าเธอรีบเรานั่งคุยกันอีกสัก 2 ชั่วโมงก่อนไปก็ได้” ผมพยายามจะบ่ายเบี่ยงหนีเรื่องเสี่ยงตาย ถ่วงเวลาได้อีกสองชั่วโมงผมก็ได้กลับไปนอนที่ห้องแล้ว

“ไม่จำเป็นยิ่งเสียเวลาไปเท่าไหร่ตัวประกันยิ่งเสี่ยงอันตรายเท่านั้น นี่มันเกี่ยวพันถึงชีวิตคนเลยนะ!”

“เอาล่ะผมจะสารภาพความจริงก็ได้ เธอน่ะเข้าใจผิดแล้ว ผมเป็นพ่อมดที่อ่อนแอและไร้ความสามารถ ช่วยอะไรเธอไม่ได้หรอกโปรดรอพ่อมดคนใหม่แล้วกันผมว่าเขาคงมาถึงในเร็ว ๆ นี้แหละ”

ทำไมผมจะต้องมาโดนยัยเอลฟ์พิลึกนี่ด่าและขู่ฆ่าด้วย? ใช่! ผมพึ่งคิดได้ทำไมผมต้องหงอให้เธอด้วย ปฏิเสธไปเลยสิยังไงชีวิตผมก็ต้องสำคัญกว่าคนแปลกหน้าอยู่แล้ว ผมคือคนที่จะเป็นซุปเปอร์สตาร์เลยนะ

ตอนนี้การขู่ฆ่าของทีน่าดูเด็ก ๆ ไปเลย เมื่อผมได้ยินว่าต้องไปไฟว้กับพวกตัวร้าย ที่ชื่อโคตรจะส่อถึงความโหด ผมอยากจะเป็นคนดังนะ ไม่ใช่ผู้กล้าซะหน่อย

หลังจบคำปฎิเสธของผมเธอดันเอากำปั้นทุบโต๊ะ ปึ้ง!

“ข้าเห็นน่ะ ว่าเจ้าเป็นพ่อมดที่เก่งกาจน่ะ อยากได้ค่าตัวเพิ่มใช่ไหมล่ะ พวกแพนทาแกรมหน้าเลือด ถ้านี่ไม่ใช่การช่วยตัวประกันจากวิหารแห่งความมืด ข้าคงไม่จ้างคนของแพนทาแกรมหรอก”

“เฮ้ ทีน่าใจเย็น ๆ” ลุงฮัสนันที่ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของทีน่า รีบเดินมาไกล่เกลี่ยสถานการณ์

“ผมต้องขอโทษจริง ๆ ผมไม่มีทางช่วยอะไรเธอได้หรอก อย่ามาเสียเวลากับผมเลย เธอรอพ่อมดคนใหม่เถอะ” ผมที่เห็นท่าทางหัวเสียของเธอ อธิบายออกไปซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น

แต่ทว่า...

“ได้โปรด...ข้าขอร้อง” เธอลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น

“เวลาทุกนาทีมีค่า ชีวิตของน้องสาวข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ข้ารอพ่อมดคนใหม่เดินทางมาไม่ได้แล้ว เจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่ช่วยข้าได้ในตอนนี้ ขอร้องล่ะ”

“เอ่อ แต่ผมว่าพ่อมดอีกคนน่าจะมาถึงภายในวันนี้แหละเชื่อสิ”

“ได้โปรดชีวิตของเธออยู่ในกำมือเจ้า”

นี่ฟังที่ผมพูดไม่เข้าหัวใช่ไหมเธอ ออกหูซ้ายทะลุหูขวาไปแล้วสินะ!

“ล้อเล่นรึไงไม่มีทางอ่ะ!”

ผมปฏิเสธไปอีกครั้ง แน่สิ ถึงยอมไปด้วยก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีปะ ก็ผมไม่ใช่พ่อมด แล้วผมก็เดาว่า การที่เธอต้องรอพ่อมดจากแพนทาแกรม ทั้งที่มีเวลาไม่มากเพื่อช่วยน้องเธอ มันจะต้องมีการใช้เวทมนตร์เฉพาะทางอะไรด้วยแน่ ๆ ดังนั้น เลี่ยงได้ควรเลี่ยงซะ

.........

แต่จนแล้วจนรอด ผมก็มาแอบซุ่มอยู่ตรงมุมบ้านหลังหนึ่งพร้อมแม่สาวเอลฟ์แถว ๆ ชานเมือง เพื่อดูลาดเลาก่อนบุก จุดที่เราอยู่ตอนนี้ไม่ไกลจากร้านลูกเป็ดน้อยเท่าไหร่นัก เดินเท้าลัดตามตรอกซอกซอยแค่ 15 นาทีก็ถึง และตึกสูงทึบตันด้านหน้า คือเป้าหมายของทีน่า มันเป็นตึกที่ทำด้วยหินสีเทาดำที่ภายนอกดูทรุดโทรม ไร้ซึ่งหน้าต่างมีเพียงประตูไม้ขนาดใหญ่ ด้านหน้าที่มีพวกชุดคลุมเทาเดินเข้าออก เธอบอกว่ามันคือวิหารลับเทพแห่งความมืด

“ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ” ระหว่างที่ยืนซุ่มหลบมุมกันอยู่นั้น ผมที่นึกย้อนไปถึงตอนที่เราเถียงกันในร้านลูกเป็ดน้อย ก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ บ้าเอ๊ยยัยนี่สายตื๊อของแท้ พอผมหลวมตัวตอบตกลงเท่านั้นแหละ ท่าทางเศร้า ๆ จะเป็นจะตายดันร่าเริงขึ้นมาซะงั้น

“เงียบน่า” ทีน่าเอามือมาอุดปากผมเอาไว้ ผมเลยได้แต่เหลือบตามองบนใส่เธอ ใครใช้ให้หล่อนสูงกว่าผมกันล่ะ พวกเอลฟ์นี่สูงยาวเข่าดีแบบนี้กันทุกคนเลยเหรอฟะ

อ่อ อีกอย่าง ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปใส่ชุดที่เข้ากับคนในเมืองแล้วครับ อภินันทนาการจากเอลฟ์สาวสุดสวยทีน่า ผู้ออกเงินให้ยืมและต้องคืนภายใน 3 วัน เธอบอกว่าชุดที่ผมใส่ก่อนหน้านี้มันเด่นเกินไปหน่อย

แต่พอใส่ชุดที่เธอหามาให้แล้ว มันดูจะไม่ใช่ชุดชาวเมืองปกติ เพราะตอนแรกผมเห็นพวกชาวเมืองเขาใส่แค่ผ้าง่าย ๆ ไม่เห็นจะมีอะไรเยอะแยะแบบนี้เลย

ทั้งชีวิต ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยจัดเต็มอะไรเท่านี้มาก่อน ถึงใส่แล้วจะดูเท่ขึ้น 2 ระดับแต่มันอึดอัดฉิบ...กงขายาวทำด้วยผ้ามีเข็มขัดหนังคาดทับอีกทีตรงเอว แล้วไหนจะบูทหนังยาวถึงหน้าแข้ง  กับถุงมือสีดำและเสื้อคลุมมีฮู้ด ทุกอย่างสีดำบอกได้คำเดียวว่าดำทั้งตัว ตอนนี้ในใจผมกำลังคิดว่า พวกเราหรือวิหารกันแน่ที่ดำกว่ากัน

ควรรู้นะ ว่าผมคนไทย แค่ใส่เสื้อ 2 ชั้นก็เริ่มอึดอัดแล้ว นี่ใส่ 3-4 ชั้น ลองคิดดูสิมันน่าอึดอัดขนาดไหน แล้วยังมีถุงมือ ถุงมือเนี่ยนะนอกจากตอนล้างส้วมแล้ว เคยใส่ที่ไหนอีกล่ะ สุดท้าย สิ่งที่เป็นปัญหาชีวิตมากสุด คือผ้าคลุม ผมไม่เคยใส่อะไรที่มันรุ่มร่ามขนาดนี้มาก่อน จะยืนจะนั่งแต่ละทีรู้สึกลำบากยากเย็น คุณต้องทำการสะบัดผ้าคลุมก่อนถึงจะนั่งได้รู้ไหม ไม่งั้นมันจะดูอุจาดตานิดหน่อยถ้านั่งทับผ้าคลุมน่ะ!

หลังจากที่เห็นพวกคนใส่ชุดคลุมเทาเดินเข้าออกจากตึก ท่าทางสุดจะน่าสงสัยแล้วก็เริ่มรู้สึกใจแป้ว ทั้งชีวิตผมเคยต่อสู้ของจริงแค่กับพวกนักเลงเองนะ ถ้าไม่นับตอนฝึกกับคู่ซ้อมและครูฝึกน่ะ

คุณต้องการอะไรจากวงการศิลปะการต่อสู้ปี 2018 ครับ ไปต่อยชาวบ้านทีหนึ่ง ก็โดนเรียกเข้าโรงพักแล้ววววว หรือผมจะกัดลิ้นตายกลับห้องดี? ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ใจผมก็ไม่กล้าพอที่จะฆ่าตัวตายอยู่ดี

“พวกมันต้องทำพิธีคืนนี้แน่ คนเดินเข้าไปในตึกไม่ขาดสายเลย เจ้าเห็นไหมล่ะข้าบอกแล้วว่ารอไม่ได้ เราจะเนียนเข้าไปในวิหารแล้วหาทางลงไปชั้นใต้ดิน ไปกันเถอะ” ในระหว่างที่ผมกำลังคิดแผนตายกลับห้องอยู่นั้น ทีน่าก็พูดขึ้นพร้อมกับดันหลังผมเดินดุ่ม ๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยว ๆ ไปสภาพนี้เนี่ยนะ ไม่ลอบไปทางประตูหลังไรงี้เหรอ!”

“น่าไม่ต้องกลัว ข้าอุตส่าห์หาชุดที่คล้ายคลึงมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะ”

ยัยเอลฟ์พิลึก ตาเธอเพี้ยนเหรอ ชุดเราสีดำชุดพวกมันสีเทาโว้ยยยยถึงทรงจะคล้ายกันก็เถอะ!

“พวกเจ้าเป็นใครกัน!!”

นั่นไงตูว่าแล้ว เดินไปได้ครึ่งทางพวกผมก็ถูกล้อม ผมได้ยินเสียงสบถเบา ๆ จากทีน่าได้ความว่า

“ชิ พวกมันรู้ตัวเร็วชะมัด”

มันก็แน่สิเธอ...

“กล้าบุกวิหารแห่งความมืดวันนี้ พวกเจ้าแน่มาก ไม่กลัวคำสาปแช่งจากท่านเทพงั้นรึ?” เสียงสาปแช่งก่นด่าเริ่มดังมาจากพวกชุดคลุมเทารอบ ๆ ตัวพวกผม ประหนึ่งลัทธิรวมพวกบ้าบูชาซาตาน ที่ชอบสวดมนต์ทำพิธีกรรมพิลึก ๆ ในวันแปลก ๆ ในสายตาผม คนพวกนี้แลดูปัญญานิ่มพอ ๆ กันเลย แต่จำนวนคนชุดเทาที่มารุมล้อมก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“ทำอะไรสักอย่างสิ พวกมันเริ่มร่ายเวทมืดแล้วนะ” ทีน่าสะกิดผมหยิก ๆ ผมหันไปมองทิศที่ทีมงานซังอยู่ทันที และได้เห็นข้อความลอยเด่นเป็นสง่าเต็ม ๆ ตาว่า

ทีมงาน : คนพวกนี้คือเหล่าผู้ศรัทธาเทพแห่งความมืดถูกเรียกว่าเหล่าสาวก พวกเขาไม่ใช่มนุษย์ปกติแล้วล่ะ จึงใช้เวทมืดและมนต์ดำได้เป็นกรณีพิเศษ ระวังด้วยพวกเขามีอำนาจในการสาปแช่งที่รุนแรง [อีโมติคอมชูสองนิ้วสู้ตาย]

แล้วพึ่งมาบอกตอนนี้เนี่ยนะ ฝากไว้ก่อนเถอะทีมงานซังงงงง เอาวะไหน ๆ แววล้มเหลวก็อยู่ไม่ไกลแล้ว ขอแค่รักษาชีวิตไว้ได้ก็พอ ผมจัดการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเร่งเสียงให้สุด และเปิดเพลงชาติของ BNK49 ดังลั่น หวังกลบเสียงสาปแช่งของไอ้บ้าชุดเทาพวกนี้

เมื่อเห็นพวกมันแลดูแตกตื่นกับเพลงที่ผมเปิดจนเสียงสวดชะงัก ผมก็กระโดดเตะ หนึ่งในพวกชุดคลุมเทาที่อยู่เบื้องหน้า จนมันล้มและก้มลงไปต่อยซ้ำจนมันสลบ แล้ววิ่งฝ่าออกไป

ทีน่าที่วิ่งตามมาติด ๆ ขว้างมีดสั้นออกไปสองเล่มใส่กลุ่มคนชุดเทา

ฉึก!

“อ๊ากกกก!”

เล่มหนึ่งปักเข้าที่ไหล่ของคนชุดเทา อีกเล่มปักโดนกลางหน้าผากพอดีเป๊ะ และเธอก็พุ่งตัวเข้าไปฟันซ้ำ ใส่คนชุดเทาที่บาดเจ็บด้วยมีดสั้นในมือ ส่งมันตายตามเพื่อนไป

“รีบลงไปชั้นใต้ดินเถอะ!”

เธอจัดการดับชีวิตพวกมันอย่างง่ายดาย ทำให้ผมที่ไม่เคยเห็นฉากฆาตกรรมจะ ๆ ตามาก่อนถึงกับชะงักค้าง จนเธอเดินมากระชากตัวให้วิ่งตามไปเท่านั้นแหละ ถึงกลับมาได้สติอีกรอบ มือที่ว่างจากการถือโทรศัพท์ เอื้อมมาปิดปากตัวเองกันขย้อนของเก่า

ยัยเอลฟ์พิลึกนี่เก่งขนาดไหนกัน? แล้วคนบนโลกนี้ฆ่ากันตายเป็นเรื่องปกติเลยงั้นเหรอ อุก…ตอนนี้ไม่ต้องมองตัวเองก็รู้ ว่าหน้าผมซีดขนาดไหน ผมวิ่งตามแรงลาก แรงผลักดันด้วยฝ่าเท้า และฝ่ามือของทีน่า เข้าไปในตัวตึก สภาพด้านในต่างจากด้านนอกโดยสิ้นเชิง มันดูไม่ทรุดโทรมอย่างที่เห็นภายนอก ด้านในมันหรูหราเหมือนกับโบสถ์ในยุคโกธิคเลยด้วยซ้ำ

ผนังสีเทาดำ ที่ระดับประดาด้วยลวดลายวิจิตรและเพดานสูง  ตรงกลางห้องมีแท่นบูชาขนาดใหญ่ รายรอบด้วยม้านั่งยาวที่มีพวกชุดเทานับสิบนั่งอยู่ เมื่อพวกมันเห็นผมและทีน่ารีบร้อนวิ่งเข้ามา ก็ต่างเริ่มร่ายคำสาปแช่ง แต่แน่นอนว่าด้วยเสียงเพลงในโทรศัพท์ผม ทำให้พวกมันแตกตื่นที่หาคนร้องไม่เจอ และยังทำให้พวกมันสับสนร่ายเวทไม่ออก จึงเป็นโอกาสทำให้ทีน่าตีฝ่าเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว

ถามจริง จะมีอะไรที่อ่อนแอกว่าจอมเวท ที่ไม่สามารถร่ายเวทมนตร์ได้อีกกันล่ะ?

พวกผมผ่านห้องโถ่งกลาง มาจนถึงส่วนทางเดินที่ทอดยาวได้อย่างไม่ยากเย็นนัก จำนวนศพของพวกมันเรียงรายตามเส้นทางที่ทีน่าก้าวผ่าน มันมากจนผมเลิกที่จะนับแล้ว

“ว่าแล้วว่าเจ้าต้องเป็นพ่อมดที่เก่งกาจ สายตาข้าไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว การบุกครั้งนี้มันง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลย” ทีน่าที่ไม่ได้รับรู้ว่าสภาพจิตผมดิ่งลงเหวแค่ไหน กับฉากฆาตกรรมของเธอพูดชมขึ้นมาอย่างร่าเริง

รอยยิ้มของทีน่าช่างเจิดจ้า และงดงามประหนึ่งเทพธิดา ถ้าไม่ติดที่เธอมีคราบเลือดเปรอะทั่วตัว กับแบล็คกราวเป็นศพพวกชุดเทานับสิบผมคงจะเคลิ้มไปแล้วล่ะ

บางที งานนี้อาจไม่ได้ล้มเหลวอย่างที่คิดไว้ตอนแรกแฮะ

ระหว่างที่เราฝ่าด่านพวกใช้เวทมาได้ ก็เริ่มเจอพวกใช้อาวุธบ้างแล้ว ทำให้ตอนนี้ทีน่ารับมือกับพวกมันได้ไม่ง่ายนัก จนมีพวกมันบางคนหลุดมาถึงตัวผม ทำให้ผมต้องตั้งสติงัดศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัว ที่ร่ำเรียนมานานนับ 10 ปี ออกมาใช้

ผมหลบหลีกการโจมตีจากดาบของพวกชุดดำ ด้วยฟุตเวิร์กของบ็อกซิง และหาโอกาสโจมตีแค่เพียงสวนกลับเท่านั้น เอาตรง ๆ ผมยังไม่กล้าโจมตี พวกที่ถืออาวุธมีคมอยู่ในมือ ด้วยมือเปล่าอย่างโง่ ๆ หรอก และผมก็ไม่ได้ใจแข็งพอจะฆ่าพวกมันได้เหมือนทีน่า ทำให้การต่อสู้ของผมยืดเยื้อกว่ามาก

ผมสู้กับพวกมัน 1 คน แต่ทีน่าเก็บไป 10 คนแล้ว เมื่อเธอว่าง เธอก็จะเข้ามาเชือดคนที่สู้ติดพันกับผมอยู่

“อ่า ผมขอโทษนะพี่ชาย” ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยศพ ผมจำต้องพยายามเอาตัวเองให้รอด ทำให้ผมเริ่มชินกับสภาพตอนนี้ได้ในระดับหนึ่ง จนกล้าขโมยดาบจากศพคนชุดเทาที่นอนตาย มาใช้งานชั่วคราว

แต่เมื่อเราใกล้ถึงทางลงชั้นใต้ดิน จู่ๆก็มีเสียงสวดสาปแช่งดังกระจายออกเป็นคำ ๆ ผสมกันจนฟังไม่ได้ศัพท์

ทีน่าที่รู้สึกไม่ดีจึงเร่งฝีเท้าขึ้น “เวทแปลก ๆ ของเจ้า ดังกว่านี้ได้อีกรึเปล่า”

“นี่สุดเสียงแล้ว ทำไม”

“ท่าจะไม่ดีแล้วน่ะสิ พวกมันแบ่งกันร่ายเวทคนละท่อนแบบสั้น ๆ แทน”

“อะ อะไรกัน?”

“รีบไปกันเถอะ!”

พวกผมรีบวิ่งลงไปด้านล่าง พวกชุดคลุมเทาที่ด้านหลัง ก็ยังคงพยายามไล่ตามมาพร้อมร่ายคำสาปแช่งใส่ แต่ทั้งหมดก็ไร้ผล เมื่อพวกมันเริ่มเปิดปากคำแรก ก็โดนมีดสั้นของทีน่าเสียบคอทะลุ

.............

“ทางลงชั้นใต้ดินนี่มืดจริง ๆ” ทีน่าเริ่มบ่นขึ้นมา เมื่อเธอเริ่มมองขั้นบันไดไม่เห็น และก้าวพลาดเกือบกลิ้งตกไปหลายครั้ง จนผมต้องดึงตัวเอาไว้ในบางที พอเริ่มลงมาด้านล่างแสงสว่างก็น้อยลงเรื่อย ๆ ผนังหินด้านข้างคบไฟก็ถูกดับหมด จนทำให้การเดินลงบันไดหินนั้นยากลำบาก และอันตราย

“สายตาเธอแย่แล้วนะเนี่ย! ผมยังมองเห็นชัดอยู่เลย ถามจริงปามีดแม่นขนาดนั้นได้ไงฟะ” ผมอดจะแปลกใจกับเธอไม่ได้ มือก็เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ กดเปิดแอปไฟฉาย ส่องทางให้

“โอ้! เจ้าเป็นพ่อมดที่ยอดที่สุด เท่าที่ข้าเคยพบมาเลย ส่วนเรื่องปามีดแม่น มันเป็นเพราะสัญชาตญาณกับเซ้นส์ ที่ฝึกมาตั้งแต่เด็กน่ะ”

แบบนี้ก็ได้เหรออออ...ถึงว่าทำไมเธอปักใจเชื่อนักหนา ว่าผมเป็นพ่อมดจากแพนทาแกรมที่เธอว่าจ้าง ยัยเอลฟ์นี่สายตาแย่ถึงขั้นไหนกันแน่เนี่ย?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด