บทที่ 2 ทีมงานซัง
บทที่ 2 ทีมงานซัง
ID เทพเจ้าสูงสุดมีชื่อเต็ม ๆ คือเทพเจ้าสูงสุดโลกแฟนตาซีร่างจริงคือตาลุงวัย 40 ปลาย ๆ ที่ชอบแปลงกายเป็นเทพธิดาสาวสวยเซ็กซี่ขยี้ใจ
เขาคือผู้ผ่านการลองผิดลองถูกมาอย่างยาวนาน ผู้ที่ต้องการค่าความศรัทธา ในโลกแฟนตาซีของผู้คนเป็นอย่างสูงเลยทำการส่งชาวบ้านตาดำ ๆ ไปโลกแฟนตาซีนับสิบนับร้อยคน ผู้สร้างความวุ่นวาย และความฉิบหายให้กับญี่ปุ่น และถึงขั้นลุกลามมาต่างประเทศ จนเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ในวงการต่างโลก
ตัวอย่างเช่น ขับรถบรรทุกชนคนตายมานักต่อนัก หรือแอบชิงวิญญาณคนตายโยนไปเกิดใหม่ต่างโลก หรือกระทำการโดยละม่อมเช่น สุ่มอัญเชิญด้วยวงเวทย์ จนทำให้มีมังงะ ไลท์โนเวล และอนิเมะแนวต่างโลกผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แต่ปัจจุบัน เนื่องจากพวกมันมีเยอะเกินไปจนคนเสพเอียนและมาแต่แนวเดิมซ้ำ ๆ ท่านเทพเจ้าสูงสุดเลยมุ่งมั่นหาแนวทางใหม่ นั่นคือยูทูบเบอร์ ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ทั่วโลกในขณะนี้แทน
........
เทพเจ้าสูงสุด : ทีมงานซัง บินไปเคาะหัวมันทีหนึ่งสิ ดูเหมือนมันจะมองไม่เห็นเรานะ
ทีมงาน : รับทราบ
โป๊ก!
“โอ๊ย ไรวะ!” ตัวผมที่ช็อกอยู่นาน พลันได้สติจากการโดนอะไรสักอย่าง กระแทกเข้าที่หัวอย่างจัง
“ละ ลูกบอลลอยได้”
เทพเจ้าสูงสุด : ยินดีต้อนรับสู่โลกแฟนตาซีที่ 112 [อีโมติคอนหน้ายิ้ม]
ทีมงาน : ยินดีด้วย [อีโมติคอนปรบมือรัว ๆ ]
เบื้องหน้าผมคือลูกบอลที่สีทองขนาดใหญ่กว่ากำปั้นนิดหน่อย กำลังลอยอยู่กลางอากาศ แถมมีช่องแชทเด้งอยู่ด้านบนของลูกบอล “นั่นมัน...”
ก่อนที่ผมจะทันได้ตกใจไปมากกว่านี้ ช่องแชทที่มีคำอธิบายจากเทพเจ้าสูงสุดยาวเป็นเมตรก็เด้งขึ้นมา
เทพเจ้าสูงสุด : ไม่ต้องตกใจไป จะไลฟ์สตรีมข้ามโลกทั้งที ก็ต้องมีกล้องแบบพิเศษอยู่แล้ว และลูกบอลสีทองสุดพิเศษนี่ก็คือ ทีมงานซังนั่นเองงง เขาจะรับหน้าที่เป็นตากล้องให้เจ้า นอกจากนี้ยังเป็นพนักงานอำนวยความสะดวกถามอะไรตอบได้ เพราะฉะนั้นข้าไปล่ะ มีอะไรสงสัยก็ถามเอากับทีมงานซังแล้วกัน หวังว่าเจ้าจะดังสมใจในเร็ววัน ลาก่อนเจ้าหนู
“เฮ้ย เทพเจ้าสูงสุดเดี๋ยวก่อน” ผมเอื้อมมือไปจับทีมงานซังเขย่า ๆ เมื่อเรียกเท่าไร ไอ้เทพเจ้าสูงสุดก็ไม่ตอบกลับมาสักที
ทีมงาน : ท่านเทพเจ้าสูงสุดออฟไลน์ไปแล้ว โปรดหยุดเขย่าทีมงานตาลาย
ผมปล่อยมือจากทีมงานซัง ยกเบียร์ที่เหลือค้างในมือขึ้นมาดื่มต่อจนหมด แล้วปากระป๋องทิ้งลงพื้นอย่างหัวเสีย
“ทิ้งกันงี้เลยเหรอ ไอ้ตาลุงเทพเจ้าสูงสุด”
ทีมงาน : ไม่ต้องห่วงถ้ามีเรื่องสงสัย สามารถถามทีมงานได้ เราพร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทางต่างโลกเสมอ
ทีมงาน : แล้วก็ กรุณาเก็บขยะต่างโลกที่ทิ้งเรี่ยราดกลับไปด้วย ตาวิเศษไม่เห็นแต่ทีมงานเห็นนะ
ผมที่อ่านประโยคนั้นจบ ด้วยความกระดากอาย ก็เลยเหยียบกระป๋องเบียร์จนแบน แล้วก้มลงไปเก็บใส่กระเป๋ากางเกง
........
จากการที่ไล่ถามคำถามกับทีมงานซัง สรุปได้ว่า ผมเป็นนักเดินทางข้ามโลกไม่ได้อยู่ต่างโลกแบบถาวร ได้ยินแบบนี้เลยค่อยโล่งอกหน่อย นึกว่าจะโดนหลอกมาทิ้งไว้ต่างโลกซะแล้ว
ที่ว่าไม่ถาวรก็คือ ตัวผมจะถูกดึงมาโลกแฟนตาซีทุกวันเวลาตี 3 ถึง 8 โมงเช้า รวมแล้ว 5 ชั่วโมง และจะเริ่มการไลฟ์สตรีมทันทีที่เข้ามาสู่โลกใบนี้ โดยมีทีมงานซังเป็นตากล้อง เสียงและภาษาในโลกแฟนตาซี จะถูกแปลงเป็นภาษาไทยเพื่อผมโดยเฉพาะ และเมื่อทำการอัพคลิปย้อนหลัง ก็จะมีซับไตเติ้ลภาษาทั่วโลกให้เลือกอ่าน
ที่สำคัญผมจะไม่ตายจริง ๆ ในต่างโลก เมื่อผมตายผมจะถูกส่งกลับโลกเดิม และจะมาต่างโลกได้ใหม่ในตอนตี 3 ของวันถัดไป เพราะงั้น ตอนนี้ผมก็เลยกำลังถูกไลฟ์สตรีมอยู่เช่นกัน ที่ตาลุงเทพเจ้าสูงสุดบอกว่า มาต่างโลกแล้วจะดังและรวย ก็เพราะแบบนี้เองสินะ
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ ใครจะไปจำได้หมดกันล่ะ! ขนาดโดนพาข้ามมาต่างโลกก็ยังเมา ๆ เบลอ ๆ อยู่เลยดีนะที่ตอนนี้สร่างไปเยอะแล้ว
ระหว่างที่คุยกับทีมงานซัง ผมก็เดินตามถนนลูกรังที่ตัดผ่านป่าไปเรื่อย ๆ เผื่อจะเจอเมืองแต่ระหว่างที่เดิน ผมก็แอบหวังอยู่นะว่ามันจะมีรถผ่านมาสักคัน ไม่รู้ว่าผมอับโชคเกินไปหรือยังไง จนแล้วจนรอดก็เดินมาเจอทุ่งข้าวสาลีสีทองอร่าม กับกำแพงเมืองที่ทำโดยหินแบบหยาบ ๆ สีเทาเข้มโดยที่ไม่เห็นคนหรือรถสักคันผ่านมา...
ช่างเถอะไหน ๆ ก็เจอเมืองแล้ว ผมจะได้ทำในสิ่งที่อยากทำมานานสักที ตัวผมที่ยืนอยู่ตรงชายป่า มองภาพทุ่งข้าวสาลี และชาวนาที่กำลังพลิกหน้าดินอยู่ไม่ไกลอย่างขยันขันแข็ง ด้วยตาเป็นประกายวิบวับ แล้วทำการหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นหันหลังให้กับหมู่บ้าน ชูสองนิ้ว ยกโทรศัพท์เซลฟี่ตัวเองไป 1 แชะ หึหึ มาต่างโลกทั้งที ก็ต้องเซลฟี่ไว้เป็นหลักฐานกันหน่อยสิ!
ก่อนหน้านี้ทีมงานซังบอกไว้ว่า โลกแฟนตาซีที่ 112 มีพื้นฐานเป็นยุโรปยุคกลาง และความเป็นอยู่ยังล้าหลังโลกผมอยู่มาก ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ ว่ายุโรปยุคกลางมันเป็นแบบไหน หน้าตาเป็นยังไง แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองแล้วก็ต้องร้องอ๋อ เมื่อมันดูคล้ายเมืองในซีรีส์สุดฮิต เกมออฟโทรน ที่ผมติดหนึบหนับ นี่มันสุดยอดมากกกกก ก ไก่ ล้านตัว
เพราะงั้นตอนนี้ผมก็กำลังตื่นเต้นสุดขีดกับเมืองง่อย ๆ ที่ดันเหมือนฉากในซีรีส์เรื่องโปรด ทำให้ลืมตัววิ่งพล่านไปเซลฟี่มันทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่กำแพงที่สูงเกือบ 20 เมตร และป้อมสังเกตการณ์ที่ทำด้วยหินหยาบ ๆ มีตะไคร่เกาะเต็มไปหมด ไหนจะประตูทางเข้าเมืองทรงอาร์คโค้ง ที่เหมือนจะมีกำแพงเหล็กเป็นซี่ๆซ่อนไว้ด้านบน ตอนแรกผมกะไปยกกำแพงเหล็กลงแล้ว แต่โดนทหารยามสกัดไว้ก่อน
ผมเลยหันไปขอถ่ายรูปกับเหล่ายาม ที่ถือหอกอยู่หน้าประตูแทน พวกเขาแต่งคอสตูมได้เหมือนตัวประกอบ A ตัวประกอบ B ในซีรีส์เลยล่ะ พวกเขาส่วมหมวกเหล็ก และเสื้อเกราะเหล็กสีเงินหม่น ๆ แลดูซ่อมซ่อ ตอนแรกพี่แกก็ขัดขืนไม่ยอมเซลฟี่กับผม แต่พอพี่ยามแกเห็นหน้าตัวเองอยู่ในจอโทรศัพท์ก็ดันแข็งค้าง แถมจู่ ๆ ก็อ่อนน้อมถ่อมตน ยอมให้ถ่าย และปล่อยผมเข้าเมืองอย่างง่ายดายซะอย่างนั้น
แต่ช่างเรื่องนั้นเถอะ ผมเข้ามาในเมืองแล้ว โอ้วดูเกวียนนั่นสิ ดูถังไม้นั่นสิ ดูม้าตัวนั้นสิ ดูบ้านหินในเมืองนี้สิ ดู ๆ ๆ ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยสีดำและเทาของหินที่นำมาก่อสร้าง แล้วไหนจะยังข้าวของเครื่องใช้ที่ดูบ้านน๊อกบ้านอก สุดจะโบราณที่หาไม่ได้แล้วในยุค 2018 นอกจากนั้น ชาวเมืองแห่งนี้ยังหน้าตาเหมือนพวกคนทางแถบยุโรปบ้านเราจริง ๆ เลย นี่มัน Amazing มาก
ผมที่มองซ้ายขวา อาการเหมือนคนบ้านนอกเข้ากรุง ถ่ายนู่นถ่ายนี่ จนทำคนในเมืองแตกตื่นไปทั่ว ไม่นานก็โดนทหารยามนับสิบวิ่งมาล้อมจับ พร้อมอาวุธครบมือ ตัวผมที่เห็นว่าท่าจะไม่ดีแล้วก็เลยวิ่งหนี แต่จำนวนทหารยามก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าผมจะหนีไปทางไหน ก็โดนดักเจอตลอด ก็แน่ล่ะสิผมพึ่งเคยมาเมืองนี้เองนะ แค่เซลฟี่นิดหน่อยทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ บ้าเอ๊ย!
“รีบมาทางนี้เร็ว”
ในระหว่างที่ผมกำลังวิ่งหนีทหารยามด้วยตีนเปล่าอยู่นั้น ก็มีคนตะโกนขึ้น พร้อมกับขว้างถังไม้ใส่เหล่าทหารยามเบื้องหลังผม ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเพียงพริบตา
โครม!
“อุ๊บ” “โอ๊ย!”
โดนจัง ๆ จนทหารยามแถวหน้า ที่ใกล้ถึงตัวผมล้มระเนระนาด
“โทษทีนะพี่ยาม” ผมหันไปขอโทษขอโพย ก่อนจะวิ่งตามคนในฮู้ดดำน่าสงสัย เจ้าของเสียงในตอนแรก เข้าไปในตรอกเล็ก ๆ แถว ๆ นั้น แถมพอเข้ามาแล้วยังต้องซอกซอนไปมาจนผมจำทางกลับไม่ถูก
ในสถานการณ์คับขันก็มีใครไม่รู้โผล่มาช่วย นี่มันสถานการณ์ของเหล่าตัวเอกในหนังชัด ๆ มันเยี่ยมไปเลยไม่ใช่รึไง! ผมจะกลายเป็นคนดังแล้วสินะ
ผมเริ่มส่งเสียงเชียร์ เมื่อเราบังเอิญมุดตามซอกลืบของเมืองไปเจอทหารยาม แล้วเจ้าคนน่าสงสัยในฮู้ดดำก็ตบทิ้งรายตัวอย่างรวดเร็ว “โอ้วยอดเลย สู้มัน” “เจ๋งเป้ง เธอเก่งสุดยอดไปเลย”
“ใช่แล้วพวกคุณฟังไม่ผิดหรอก เห็นหน้าอกหน้าใจนั่นไหมล่ะ ผมว่าภายใต้ฮู้ดดำเธอต้องเป็นสาวสวยเซ็กซี่แน่ ๆ” เนื่องจากผมพึ่งระลึกได้ว่าตอนนี้ก็กำลังไลฟ์สตรีมอยู่ เลยหันไปพูดบรรยายสถานการณ์สุดตื่นเต้นเบื้องหน้ากับทีมงานซัง
“นายพูดกับใครน่ะ รีบตามมาได้แล้ว”
ผมที่ได้ยินแม่สาวในฮู้ดดำเรียก ก็เลยรีบวิ่งตามไปต้อย ๆ ทั้งยังไม่ลืมแอบกระซิบกับทีมงานซังในตรอกแคบ ๆ ทำหน้าที่ยูทูบบอร์ไปตลอดทาง
ลืมบอกไปอีกอย่าง ทีมงานซังมีสถานะเป็นเผ่าภูตล่ะ คนทั่วไปเลยมองไม่เห็น ตอนแรกผมนึกว่าภูตมันจะเหมือนกับทิงเกอร์เบลล์ ในปีเตอร์แพนซะอีก ที่เป็นคนตัวเล็กๆเท่าฝ่ามือ มีปีกใสๆเหมือนแมลงปอ
แต่ที่ไหนได้ ทีมงานซังบอกว่าภูตในโลกแฟนตาซีที่ 112 มีหลากหลายสปีชีส์ แต่ที่เหมือน ๆ กันก็คือ สิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากฮอบก็อบลิน จะมองพวกเขาไม่เห็น ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้ฮอบก็อบลินมันหน้าตาเป็นยังไง แต่ผมอ่ะมองเห็นได้เป็นกรณีพิเศษ
[ ฮอบก็อบลิน (Hobgoblins) : เป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งของก็อบลิน พวกมันอ่อนโยนและเป็นมิตรกว่าก็อบลินปกติ พวกมันไม่ทำร้ายคน แต่จะกลายเป็นเจ้าตัวเล็กจอมกวน เมื่ออยู่ในอารมณ์อยากเล่นตลก พวกมันชื่นชอบละอองภูตเป็นพิเศษ และเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่ล่าภูตได้]
หลังจากเดินทะลุซอยโน้นออกซอยนี้ ไม่นานแม่สาวฮู้ดดำก็พาผมมาหยุดหน้าประตูไม้แปลก ๆ ที่ป้ายด้านบนเป็นรูปลูกเป็ดน้อยสีเหลืองในตรอกสุดโกโรโกโส
สถานที่แม่งโคตรจะน่าสงสัยเลยครับ
เธอคนนั้นเคาะประตูดังก๊อก ๆ ไม่กี่อึดใจต่อมา ช่องตาแมวบนประตูก็ถูกเลื่อนเปิด และมีดวงตาคู่หนึ่งโผล่ขึ้นมา
“โอ้ว ทีน่านั่นเอง”เสียงกล่าวทักทายเบื้องหลังบานประตูดังขึ้น ก่อนที่ช่องตาแมวจะถูกปิดคืน และประตูไม้ถูกเปิดออกต้อนรับ
คนที่โผล่มาเบื้องหลังบานประตู คือชายวัยกลางคนมีกล้ามเป็นมัด ๆ หน้าตาโคตรจะเถื่อน แต่ดันมีตุ๊กตาเป็ดน้อยสีเหลือง ๆ วางอยู่บนหัวซะงั้น ดูเหมือนเขาจะรับหน้าที่เป็นคนเฝ้าประตู คอยตรวจคนเข้าออก “ร้านลูกเป็ดน้อยยินดีต้อนรับ ว่าไงหน้าใหม่”
เดี๋ยวววว สภาพเอ็งช่างไม่เข้ากับเป็ดบนหัวเลยสักนิด แล้วชื่อร้านนั่นมันอะไรฟะ!
“สวัสดีบีนี่” ทีน่ากล่าวทักทายตามมารยาท เธอเปิดฮู้ดที่คลุมหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้าเยาว์วัยของหญิงสาวผู้หนึ่ง รูปลักษณ์ของเธองดงาม และน่าตกตะลึงสุดขีด ผมของเธอเป็นสีส้มตัดสั้นเหมือนดีเจโซดา ตาสีเขียวใส สัดส่วนชวนฝันสุดๆ ติดอยู่อย่างเดียว หน้าอกเล็กไปนิด...ช่างห่างจากดีเจโซดาไปหลายขุม
แต่หูของเธอ...เฮ้ยยยย เธอเป็นเอลฟ์อย่างนั้นเหรอ?
ด้วยใบหูที่แหลมยาวไม่เหมือนคนทั่วไป ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ ถึงเผ่าพันธุ์หนึ่งในหนังไตรภาคที่ดังไปทั่วโลก
นี่ตูเจอเอลฟ์ตัวเป็น ๆ ! ต่างโลกสุดยอดดดดดดดดดดด
“มัวยืนทำอะไรอยู่ล่ะ เข้ามาสิ”ผมที่ได้ยินทีน่าเรียก สติก็พลันกลับเข้าร่าง ตัวผมที่ไม่รู้จะไปไหนดีจึงเดินตามเธอเข้าไปด้านในอย่างว่าง่าย
“วะ หวัดดีครับพี่” ผมไหว้ทักทายพี่กล้ามหน้าประตู ก่อนจะรีบสาวเท้าตามทีน่าเข้าไปด้านใน
ถึงสถานที่มันจะน่าสงสัย แต่ผมก็ไม่มีที่ไปแล้ว ให้ออกไปเดินกลางเมืองแล้วโดนทหารยามวิ่งไล่จับน่ะเหรอ ลืมมันซะเถอะ อีก 3 ชั่วโมงผมก็โดนส่งกลับห้องแล้ว เพราะงั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวสักนิด
ภาพแรกที่ผมเห็นเมื่อเดินเข้าประตูมา ก็คือกลุ่มชายฉกรรจ์ ท่าทางโคตรจะนักเลงต่างหันมามองกันให้พรึบ แถมจ้องมองผมตาไม่กะพริบ ไหนจะยังสถานที่ ที่เหมือนร้านเหล้าของพวกใต้ดินผิดกฎหมายในหนังแนวย้อนยุค บรรยากาศโดยรอบสุดอึมครึม มีควันไฟจากซิการ์ลอยกระจายไปทั่ว เสียงพูดคุยด้านในดังผสมกันจนฟังไม่ได้ศัพท์
จากที่เห็นพวกผู้หญิง นอกจากสาวเสิร์ฟแล้วก็มีบ้างอยู่ประปราย แต่ผมขอพูดตรง ๆ นะชื่อร้านโคตรจะไม่เข้ากับสภาพภายในเลย เอ็งจะหลอกลวงผู้บริโภค ก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยสิเฮ้ย!
ตัวผมที่สัญชาตญาณระวังภัยร้องเตือนรัว ๆ จากการที่โดนจ้องเขม็ง ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาก็เลยเผลอตั้งการ์ดแบบมวยไทย แล้วค่อย ๆ สืบเท้าตามแม่สาวเอลฟ์ไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ
จนทีน่าทนไม่ไหว ได้มาดันหลังผมเดินตรงไปที่บาร์ “ท่ามากจริง พวกนั้นไม่ทำอะไรเจ้าหรอกน่า”
และตามที่เธอพูด ผมโดนดันมาจนถึงบาร์อย่างปลอดภัย ไร้คนลุกขึ้นมาทุบขวดโชว์พาว
“ไงทีน่า เหมือนเราพึ่งเจอกันไปเมื่อเช้านะ”บาร์เทนเดอร์ตาลุงหนวดเคราดกดำ หัวล้าน ใส่เสื้อกล้ามปักลายลูกเป็ดน้อย ที่อยู่อีกฝากของบาร์ เอ่ยทักทายทันทีที่แม่สาวเอลฟ์ทีน่านั่งลงบนเก้าอี้
“สวัสดีลุง พอดีเจอตัวได้ไวผิดคาดน่ะ”
ผมที่นั่งลงข้าง ๆ เธอกำลังใช้โทรศัพท์ถ่ายนู่นนี่ไปรอบๆ จำต้องหันมามอง เมื่อรู้สึกเหมือนโดนจ้องอยู่ด้วยสายตาของหนึ่งเอลฟ์หนึ่งตาลุงหัวล้าน
“ข้าชื่อฮัสนันเป็นบาร์เทนเดอร์ และเจ้าของที่นี่”ตาลุงหนวดยื่นมือมาทักทาย มืออีกข้างก็ดึงหนวดเหนือริมฝีปากจนยืดเป็นเส้นตรง และปล่อยกลับคือสภาพเดิม พอดูดี ๆ หนวดลุงแกงามกว่าหนวดของขุนพันธุ์ซะอีกนะเนี่ย
“หวัดดีครับผมชื่อภาวิน เรียกภาก็ได้”ผมยื่นมือออกไป จับมือลุงเจ้าของบาร์ลูกเป็ดน้อยเขย่าสองสามทีตามมารยาท แล้วก็หันไปขอจับมือทีน่า แต่สาวเจ้าดันเมินไม่ยอมจับมือด้วยตอบมาแค่ว่าตัวเองชื่อทีน่า ผมที่หน้าหนาเป็นทุนเดิมเลยหันกลับไปยิ้มให้ตาลุงหนวด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โฮ่ คำพูดดูพิลึกสมกับเป็นพวกพ่อมดดีนะ”
“ใช่ไหมลุง ท่าทางก็พิลึก ๆ ตอนแรกนึกว่าจะหาตัวยากซะแล้ว ที่ไหนได้ดันโดนทหารยามวิ่งไล่ไปทั่วเมือง รองเท้าก็ไม่ใส่ เพราะแบบนั้น เลยต้องพามาหลบในร้านลุงก่อนเนี่ยแหละ” ทีน่าเท้าคางกับโต๊ะ มองผมด้วยสีหน้าเอือม ๆ
ผมยกมือขึ้นแทรกประโยคสนทนาของทั้งคู่“เดี๋ยวนะ พ่อมดอะไรกัน”
แต่จบคำผมเท่านั้นแหละ ทีน่าตบโต๊ะดังป้าบ“เจ้าไม่ต้องมาทำไก๋หรอกน่า นี่มันบาร์ใต้ดิน ขนาดข้าเป็นเอลฟ์ยังไม่มีคนมายุ่มย่ามเลย แล้วท่าทางเจ้าก็ดูไม่เนียนสักนิด เลิกเอาอาร์ติแฟคเปล่งแสงขึ้นมาส่องนู่นส่องนี่ซะที”
[อาร์ติแฟค : สิ่งประดิษฐ์ที่มีพลังวิเศษในตัวเอง อุปกรณ์เวทมนตร์ก็นับเป็นอุปกรณ์อาร์ติแฟคเช่นกัน ]
“แต่นี่มันโทรศัพท์ สมาร์ทโฟนน่ะ สมาร์ท...โฟน”
พูดยังไม่ทันจบดี ทีน่าที่เหมือนจะรำคาญ เพราะผมไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อมดอย่างที่เธอว่าสักที หยิบมีดสั้นมาปักโต๊ะดัง ฉึก!
“ถ้าเจ้าไม่ใช่พ่อมดที่ทางแพนทาแกรมส่งมาจริง ๆ ก็คงต้องฆ่าปิดปากซะแล้วล่ะ!”
แม่สาวเอลฟ์ดันเข้าใจผิดไปสุดกู่ซะแล้วววววว ท่าทางโหด ไม่สมกับหน้าตาอ่อนหวานงดงามนั่นเลยสักนิด
“ขอโทษกั๊บ ผมเป็นพ่อมดกั๊บ”ผมที่ยังไม่ยากโดนมีดปักหัว จึงเผลอตอบรับไปแบบอัตโนมัติ ถึงจะไม่ตายจริง ๆ แต่มันต้องเจ็บมากแน่ ๆ
เอาน่าตอนนี้สมอ้างไปก่อนแล้วกัน อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ได้กลับห้องแล้ว เผลอ ๆ เจ้าพ่อมดตัวจริงคงจะมาอธิบายให้เธอฟัง หลังจากผมกลับไปแล้วก็ได้
........
ตัวผมที่คิดเช่นนั้นไม่ได้รู้เลยว่า ช่วงนาทีนี้คือจุดเริ่มต้นของตำนานพ่อมดอมตะ ฉายาที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่ที่จริงแล้ว นั่นมันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดไปทั่วโลกต่างหากล่ะเฟ้ย!