ตอนที่ 5 กษัตริย์ผู้ไร้ใจ
ตอนที่ 5 กษัตริย์ผู้ไร้ใจ
โลหิต..โลหิตสีแดงสดไหลออกจากคอของกษัตริย์หนุ่ม..
นับเป็นการหลั่งโลหิตครั้งแรกในรอบสี่ปี หลังต่อสู้กับเจ้ามังกรเขียวเซเวียส
ปลายหางลูกศรเงินของพญามัจจุราชเพลิงพุ่งตรงใส่คอหอยเรดิกัล เขาเอียงคอไปด้านขวาหลบเลี่ยง ทำให้ปลายหางคอร์แซคเฉียดใส่คอด้านซ้ายของเรดิกัล ทำให้เกิดแผลยาวประมาณหนึ่งนิ้ว โลหิตหลั่งไหลออกมา
แม้เรดิกัลจะเอี้ยวตัวหลบปลายหางของคอร์แซคได้ แต่ทั้งสองกำลังประลองพลังเวทผ่านดาบกันอยู่ เป็นเหตุให้พลังเพลิงคอร์แซคได้เปรียบขึ้นมา คอร์แซคเพิ่มพลังเพลิงในดาบ เรดิกัลรู้สึกเหมือนถูกเพลิงแผดเผาร่างกาย คอร์แซคกดดาบลงทำให้ดาบของเรดิกัลค่อย ๆ ถูกกดเข้าหาไหล่เรดิกัลเอง
หากไม่ใช่เรดิกัลใช้เวทดาร์คกราวิตี้ไปก่อนหน้านั้น ทำให้สูญเสียพลังไปพอสมควร การประลองพลังเวทครั้งนี้เรดิกัลจะไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบถูกกดดันง่ายดายถึงเพียงนี้
ทันใด คอร์แซคสะบัดหางพุ่งใส่ท้องน้อยเรดิกัลอีกคราหมายเผด็จศึก เรดิกัลขยับมือซ้ายฟันจากบนลงล่าง ร้อง “เวฟออฟดูม” จากนั้นปรากฏคลื่นสีดำรูปเสี้ยวจันทร์ขึ้นจู่โจมใส่หางคอร์แซคทันที
คลื่นสีดำพอสัมผัสถูกหางของคอร์แซค หางของพญามัจจุราชเพลิงพลันระเบิด เห็นปลายหางคอร์แซคดิ้นอยู่บนพื้นราวอสรพิษดิ้นรนก่อนตาย คอร์แซคร้องอย่างเจ็บปวด เสียงร้องดังกึกก้องฟ้า เหล่าวิหคซึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ในป่าข้างเมืองโทลเคียต่างตกใจกระพือปีกบินหนี
ทั้งสองประลองพลังเวทกันอยู่ ไม่อาจเสียสมาธิได้แม้แต่น้อย การที่เรดิกัลกล้าแบ่งพลังธาตุมืดไปยังมือซ้ายนับเป็นสิ่งที่คอร์แซคคาดไม่ถึง แต่เรดิกัลก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ร่างของเขาถูกพลังเพลิงคอร์แซคที่ใช้ผ่านดาบกระแทกปลิวกระเด็นไป แม้แต่ดาบเพนก็ยังหลุดลอยออกจากมือ
เหล่าหน่วยแบล็คเคิซรวมทั้งกีรัสเห็นเจ้าเหนือหัวตนได้รับบาดเจ็บรีบเข้ามาอารักขา เรดิกัลกัดฟันค่อย ๆ ทรงกายยืนขึ้น เหล่าโกเลมไฟเห็นนายตนได้รับบาดเจ็บก็ตกใจเช่นกัน โกเลมไฟหลายตนจะเข้าทำร้ายเรดิกัล แต่คอร์แซคร้องสั่ง “ไม่ต้อง!!”
เพลิงที่ลุกท่วมตัวคอร์แซคพลันมารวบรวมอยู่ที่กลางหน้าอก เพลิงอันร้อนแรงรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนจากนั้นพุ่งจู่โจมใส่เรดิกัลและหน่วยแบล็คเคิซ
“โวคาโน่ สเฟียร์ ” (Volcano Sphere - ลูกเพลิงภูเขาไฟ) นี่เป็นพลังเวทพิเศษของคอร์แซคที่รวบรวมเพลิงในร่างกายแล้วจู่โจมใส่ศัตรูด้วยลูกไฟเพลิงขนาดยักษ์ ร้อนแรงยิ่งกว่าไฟจากภูเขาไฟใด ๆ พลังนี้คอร์แซคคิดค้นได้ตอนเก็บตัวอยู่ในภูเขาไฟเทมพอส
หน่วยแบล็คเคิซหลายสิบคนรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนอารักขาเรดิกัลถูกลูกไฟขนาดยักษ์เผาผลาญร่างกายร่างไหม้เกรียมเสียชีวิต ลูกไฟยักษ์พอสัมผัสพื้นก็ระเบิดออก หน่วยแบล็คเคิซอีกหลายสิบคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงถูกสะเก็ดไฟร้อนแรงได้รับบาดเจ็บ ส่วนกีรัสมีเวทความมืดคุ้มครองกายจึงเพียงโดนแรงระเบิดกระแทกสลบไป
พญามัจจุราชเพลิงปรากฏกายที่ใดที่นั่นต้องมีคนตาย คำร่ำลือนี้ไม่ผิดแม้แต่น้อย
พญามัจจุราชเพลิงมองซากศพหน่วยแบล็คเคิซซึ่งไหม้เกรียมด้วยความสมใจ แต่โทสะที่ถูกตัดหางยังหาได้คลายสิ้นเพราะมันยังไม่เห็นศพเรดิกัล
เรดิกัลยังมีชิวิตอยู่
คอร์แซคเห็นเรดิกัลยืนอยู่ไม่ไกลนักจากจุดที่ลูกเพลิงยักษ์ระเบิด แต่ก็ยืนทรงกายอย่างอ่อนแรง ร่างกายเต็มไปด้วยเขม่าจากควันเพลิง แต่แววตายังคงจ้องมาที่มันราวกับจะกลืนกินพญากระทิงเฒ่าทั้งตัว คอร์แซคเดินลากดาบเพลิงเข้าหาเรดิกัล หางของมันยังคงมีโลหิตสด ๆ ไหลอยู่ ครั้งนี้มันต้องปลิดชีพเชื้อพระวงศ์คนสุดท้ายของราชวงศ์มาร์ดิลให้ได้
แต่ขณะนั้นเองมันพลันได้ยินเสียงแตรเขาเป่าดังกังวาน
คอร์แซคและโกเลมไฟหันไปมองหาทิศทางของเสียงแตรเขา ไม่นานก็เห็นเศษฝุ่นคละคลุ้งด้านตะวันตก ปรากฏกองทัพชุดเกราะดำอย่างน้อยสามพันคนทั้งขับขี่ม้า ทั้งเดินเท้ามุ่งหน้ามายังสมรภูมิหน้าเมืองโทลเคีย ส่วนเรดิกัลพอได้เสียงก็ทราบดีว่านี่เป็นสัญญาณของฝ่ายตน แววตาของเขาคมกริบดุจมีดดาบ
ทหารชุดเกราะดำนี้มีทั้งทหารที่สวมเกราะรูปม้าปีศาจและทหารเกราะดำปกติบ้างถือดาบและโล่ บ้างถือหอกยาว นี่เป็นกองทัพผสมของหน่วยแบล็คเคิซและทหารเพธอสทั่วไป
ชั่วขณะที่คอร์แซคเสียสมาธิ เรดิกัลก็กระโดดพุ่งตรงจู่โจมหมัดใส่พลังหมัดแฝงด้วยเวทมนตร์ “ดาร์ค อิมแพค” (Dark Impact-มนต์ดำอัดกระแทก) วิชานี้เป็นเป็นวิชาธาตุความมืดระดับกลาง รวมพลังความมืดไว้ที่วัตถุหรือร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง หากสัมผัสถูกศัตรู กายศัตรูจะระเบิดทันทีจากแรงอัดของพลังเวท แต่ผู้ใช้เวทความมืดทั่วไปมักจะใช้เวทนี้ร่วมกับอาวุธมากกว่าเพราะเกรงร่างกายตนจะรับไม่ไหวพลอยบาดเจ็บไปด้วย กีรัสหัวหน้าหน่วยแบล็คเคิซก็ใช้เวทนี้ผสานกับอาวุธของเขา
หมัดของกษัตริย์หนุ่มพุ่งจู่โจมใส่ใบหน้าพญากระทิงเฒ่า คอร์แซคเห็นเรดิกัลไม่มีอาวุธก็ไม่คิดเอาเปรียบ มันรวบรวมพลังไฟไว้ที่ฝ่ามือจากนั้นซัดลูกไฟยักษ์ออก หมัดแห่งความมืดปะทะกับลูกไฟยักษ์ เกิดเป็นเสียงระเบิดกัมปนาท ร่างของกษัตริย์หนุ่มกระเด็นอีกครั้ง ครานี้ไปไกลยิ่งกว่าเดิม
คอร์แซคหัวร่อขึ้นกล่าวว่า “หมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้วหรือกษัตริย์น้อย?”
แต่เรดิกัลทรงกายลุกขึ้นได้อีก ครานี้แม้แต่พญามัจจุราชเพลิงยังอดลอบชื่นชมความเข้มแข็งของศัตรูผู้นี้ไม่ได้ เรดิกัลถอยกายไปอย่างช้า ๆ ท่วงท่าการเดินเริ่มไม่มั่นคง แสดงว่าได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
เหล่าหน่วยแบล็คเคิซซึ่งเหลืออยู่ประมาณสองร้อยคนต่างถือหอกดำเข้าจู่โจมคอร์แซค ถวายอารักขาเจ้าเหนือหัวตน แต่พญามัจจุราชเพลิงไม่เห็นคนเหล่านี้อยู่ในสายตา มันเพียงแค่สะบัดดาบโฮปเลสเฟรมไปมา เหล่าหน่วยแบล็คเคิซหากไม่ถูกคมดาบสังหารก็ต้องตกตายด้วยเปลวเพลิงจากดาบแห่งความสิ้นหวัง
ขณะนั้น กองทัพของเพธอสยกทัพเข้ามาถึงกลางสมรภูมิ เหล่าโกเลมไฟเห็นเช่นนั้นก็บุกเข้าต่อสู้ เสียงโห่ร้องฆ่าฟันดังขึ้นที่หน้าเมืองโทเคีย สมรภูมิแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและซากศพ
ทหารเพธอสมีราวสี่พันนาย สามพันนายต่อสู้กับกองทัพโกเลมไฟอย่างกล้าหาญ คอยต้านทานทัพโกเลมไฟไว้ ส่วนอีกพันกว่านายรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนพุ่งตรงมายังบริเวณเรดิกัลประทับอยู่
ทหารชุดดำนายหนึ่งขับควบอาชาดำ นำทัพทหารเพธอสราวพันคน บุกเข้าช่วยเหลือเรดิกัล เขานำกองทัพเพธอสตีฝ่ากองทัพโกเลมไฟที่ขัดขวางอย่างรวดเร็ว คนผู้นี้ถือขวานยาวมีคมทั้งสองด้าน เพลงขวานกวัดแกว่งไปมาอย่างแข็งกร้าว สังหารโกเลมไฟที่ขัดขวางในขวานเดียว เขาโดดเด่นยิ่งกว่าทหารเพธอสคนใด ใบหน้าของเขามีริ้วรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยแสดงถึงสัญญาณวัยชรา หนวดของมันมีสีดำแซมด้วยสีขาวประปราย
“ฝ่าบาท หม่อมฉันขออภัยโทษที่ถวายอารักขาล่าช้า ท่านมหาเสนาบดีบอกว่าให้เราถอยทัพกลับสู่เรียลธอสก่อน จากนั้นค่อยทำศึกตัดสินกับกระทิงเฒ่า”
คนผู้นี้คือเสนาบดีกลาโหมแห่งเพธอส ผู้ควบคุมกองทัพทหารกล้า นาม “เดนไดน์” มันใช้เวลาไม่นานก็นำทัพเข้าถึงจุดที่เรดิกัลประทับอยู่
กองทัพหลักของเพธอสซึ่งนำโดยซาอูถูกโกเลมไฟซุ่มโจมตีตามแผนการของคอร์แซค จึงทำให้ไม่สามารถมาช่วยเหลือได้ ซาอูเห็นศึกนี้ฝ่ายตนเสียเปรียบ จึงสั่งให้เดนไดน์แบ่งกำลังทหารสี่พันอ้อมมาอีกด้านของเมืองโทลเคีย เพื่อถวายอารักขากษัตริย์แห่งความมืด ส่วนซาอูคุมทหารห้าพันนายรับศึกกับโกเลมไฟที่ซุ่มโจมตี ซาอูผู้นี้ผู้คนยกย่องเป็นราชาเวทปีศาจ มีมนต์สารพัดชนิดจึงทำให้พอสกัดทัพซุ่มโจมตีได้บ้าง
ซาอูเห็นว่าศึกครั้งนี้ฝ่ายตนยากเป็นฝ่ายได้ชัย ได้แต่ยกทัพกลับเมืองหลวงเรียลธอสก่อน จากนั้นค่อยหาหนทางกลับแพ้เป็นชนะ พิชิตพญากระทิงเฒ่า
“เอาม้ามา” เดนไดน์สั่งทหารใต้บังคับบัญชาให้เอาม้าถวายแก่กษัตริย์หนุ่มเพื่อจะได้ถอยทัพ อาชาปีศาจของเรดิกัลซึ่งขี่มาในสมรภูมิหลังจากเกิดเหตุวุ่นวายไม่ทราบมันไปยังที่ใดแล้ว
ทหารหน่วยแบล็คเคิซนายหนึ่งยกอาชาปีศาจของตนให้
“ฝ่าบาท ทรงขึ้นม้าเถิด ท่านซาอูได้สั่งทหารหน่วยหนึ่งซุ่มโจมในเส้นทางถอยทัพไว้แล้ว จะช่วยสกัดทัพโกเลมไฟและสังหารพวกมันได้ส่วนหนึ่ง”
“สั่งทหารโจมตีคอร์แซค” กษัตริย์หนุ่มกล่าวขึ้น
“ว่ากระไร? ฝ่าบาท!” เดนไดน์เห็นกองทัพหน่วยแบล็คเคิซสองร้อยกว่าคนซึ่งถ่วงเวลาต่อสู้กับคอร์แซคทยอยตายทีละคน บัดนี้เหลือไม่ถึงร้อยคน ถ้าไม่ใช่หน่วยเบล็คเคิซซึ่งได้รับฝึกมาอย่างดีคงไม่สามารถถ่วงเวลาได้นานถึงเพียงนี้ ช่วยให้เดนไดน์ยกทัพเข้าสมรภูมิมาช่วยเหลือกษัตริย์หนุ่มได้ทัน หากไม่ถอยทัพเวลานี้เกรงว่าไม่มีโอกาสอีก
“พญามัจจุราชเฒ่ากำลังคลุ้มคลั่งฝ่าบาท หากบุกไปเวลานี้ ไม่ต่างจากนำคอไปรับคมดาบ” เดนไดน์กล่าวแย้ง
เรดิกัลตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ทำตามคำสั่งข้า”
เดนไดน์ไม่มีทางเลือกมันสั่งแบ่งหน่วยทหารเป็นสองกอง กองละสองสี่ร้อยคนเตรียมเข้าโจมตีคอร์แซคจากซ้ายขวา เหล่าทหารเคยได้ยินชื่อเสียงพญามัจจุราชเพลิงมาก่อนแล้ว ครั้งนี้ได้พบเห็นตัวจริงก็น่าเกรงขามสมคำลือ แต่ด้วยใจภักดิ์ที่มอบให้เจ้าเหนือหัวและปกป้องอาณาจักรที่ตนรัก แม้จำต้องสู้จนชีพดับสูญก็ยินยอม
เดนไดน์เห็นทหารไม่น้อยมีสีหน้าหวาดกลัวพญามัจจุราชเพลิงอย่างเห็นได้ชัด จึงกล่าวเสียงดังว่า
“พวกเจ้าทำเพื่อองค์เหนือหัวได้หรือไม่?”
“ได้!” ทหารแปดร้อยคนรับคำโดยพร้อมเพียง
เดนไดน์ถามเสียงดังอีกว่า
“สละชีพเพื่อเพธอสได้หรือไม่?”
“ได้!”
“งั้นบุกสังหารกระทิงเฒ่า ทวงแค้นให้ชาวเพธอส” เหล่าทหารเพธอสโห่ร้องกึกก้อง พวกเขาได้รับการปลุกขวัญจากเดนไดน์ค่อยมีความกล้าหาญขึ้นมาบ้าง ทหารสี่ร้อยคนสองกอง บุกเข้าหาพญากระทิงเฒ่าจากด้านซ้ายและขวา เดนไดน์เหลือทหารติดตัวไว้ร้อยกว่าคนเพื่อถวายอารักขาเรดิกัล
พญากระทิงเพลิงคอร์แซคเห็นเหล่าทหารเพธอสบุกมาจึงส่งเสียงขึ้น
“จัจเม้นท์ เชน”Judgement Chain-โซ่แห่งการพิพากษา)
ทันใดมือซ้ายของคอร์แซคปรากฏเปลวไฟหลอมเป็นรูปโซ่เพลิงขนาดยาวขึ้น นี่เป็นเวทมนตร์ธาตุไฟสามารถใช้จับศัตรูทรมานหรือจู่โจมเป็นวงกว้างก็ได้ สายโซ่เพลิงขนาดยาวสิบเมตรกวาดใส่ศัตรูที่บุกโจมตีเข้ามาทั้งสองด้าน ทหารเพธอสต่างล้มตายเมื่อถูกโซ่เพลิงมรณะนี้กระแทกใส่และแผดเผาร่าง
หน่วยแบล็คเคิซซึ่งอยู่ในกองทหารเพธอสหลายคนมีความว่องไวกว่าทหารทั่วไป ต่างบังคับม้าศาจของตนหลบโซ่มรณะเข้าประชิดตัวคอร์แซคได้ แต่ก็ไม่พ้นถูกดาบโฮปเลสเฟรมฟันใส่ร่างจนถูกเผาไหม้เป็นจุลอยู่ดี
“เรดิกัล เจ้าหมดปัญญาแล้วหรือ? ถึงส่งทหารมาตายแทน”
“พลังเวทของเจ้าหมดแล้วใช่ไหม? เด็กน้อยผู้อ่อนหัด”
คอร์แซคกล่าวกระตุ้นยุยงให้เรดิกัลออกมาสู้ศึกอีกครั้ง ขณะกล่าวก็กวาดสายโซ่เพลิงสังหารเหล่าทหารแห่งเพธอสไปด้วย
เดนไดน์หันไปมมองใบหน้าเรดิกัลที่เต็มไปด้วยคราบเขม่าจากควันเพลิง เห็นเรดิกัลยังมีสีหน้าเรียบเฉย
เดนไดน์กล่าวว่า “ฝ่าบาท…สั่งถอยทัพรักษาชีวิตทหารเราก่อน ท่านซาอูวางกับดักไว้แล้ว..”
เรดิกัลตรัสตัดบทว่า “สั่งระดมทหารมาอีกกองโจมตีคอร์แซค”
“นี่ไม่ต่างกับนำฝูงแกะส่งให้หมาป่าขย้ำ” เดนไดน์ครุ่นคิดในใจแต่ไม่กล้าขัดพระบัญชา มันสั่งทหารสิบนายไปรวบรวมทหารบริเวณใกล้เคียงที่กำลังทำศึกกับโกเลมไฟ ให้มารวมเป็นจุดเดียว
ผ่านไปอีกพักใหญ่ เดนไดน์รวบรวมทหารมาได้อีกราวเกือบสองร้อยนาย เขาสั่งให้ทหารเหล่านั้นเป็นกำลังเสริมเข้าโจมตีคอร์แซค
เหล่าโกเลมไฟหน้าเมืองโทลเคียมีราวพันกว่าตน พวกมันเห็นคอร์แซคนายเหนือหัวมันกำลังถูกล้อม แต่พวกมันก็ถูกทหารประมาณสามพันของเพธอสสกัดไว้ ทำให้เข้าช่วยเหลือไม่สะดวกบวกกับคอร์แซคแสดงอานุภาพของพญามัจจุราชมรณะ สังหารเหล่าทหารเพธอสคนแล้วคนเล่า พวกมันจึงไม่เห็นความจำเป็นต้องเข้าช่วยเหลือแต่อย่างไร
คอร์แซคใช้เวทลูกเพลิงไฟยักษ์จากกลางหน้าอกอีกครั้ง ส่งทหารเพธอสอีกยี่สิบกว่านายเข้าสู่ประตูมรณะ เสียงระเบิดไฟกึกก้องทำให้หูทหารหลายนายอื้อ ทหารเพธอสกว่าพันนายที่จู่โจมคอร์แซค บัดนี้เหลือเพียงสี่ห้าร้อยนาย ทั้งหมดต่างหวาดกลัวและสิ้นหวัง
คอร์แซคเดินก้าวหนึ่งทหารเพธอสหลายนายก็ถอยกายไปสิบก้าว
แต่ยังมีทหารหน่วยแบล็คเคิซกลุ่มหนึ่งพุ่งโจมตีอย่างกล้าหาญ ถูกคอร์แซคสะบัดโซ่กระแทกใส่ตกจากม้าปีศาจ ซากศพนอนเกลื่อนกลาดรอบข้างบริเวณนั้น เสียงลมหายใจพญามัจจุราชเพลิงถี่ขึ้น แสดงว่าตนเองก็สูญเสียพลังเวทและเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย
เดนไดน์ขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด กำขวานคู่มือแน่นจนเหงื่อซึม หากทหารเบื้องหน้าตนตกตายหมดสิ้นคงถึงครามันออกรบสังเวยชีวิตบ้าง แต่มันก็หาได้เกรงกลัวไม่ มันหันไปมองกษัตริย์หนุ่มเพื่อเตรียมถวายคำลาและออกรบเป็นครั้งสุดท้าย
แต่เรดิกัลไม่อยู่ !
เดนไดน์ตกใจไม่น้อย ไม่ทราบเจ้าเหนือหัวตนไปอยู่ที่ใด มันใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ของคอร์แซคและทหารเพธอส ไม่ทราบกษัตริย์หนุ่มหายไปเมื่อใด
ทหารกล้าอีกหลายสิบคนต่างบุกจู่โจมคอร์แซค หลายคนใบหน้ามอมแมมจากควันเพลิง คอร์แซคมือหนึ่งกวาดโซ่ มือหนึ่งสะบัดดาบสังหารทหารเพธอสอีกคนแล้วคนเล่า มันเดินข้ามศพทหารเพธอสมุ่งตรงไปยังกองทหารกว่าร้อยคนที่ซึ่งเรดิกัลและเดนไดน์อยู่
ทันใด ศพทหารเลวผู้หนึ่งพลันลุกขึ้นแทงดาบใส่คอร์แซคจากด้านหลัง คอร์แซครับรู้ได้อย่างว่องไว สะบัดหางพุ่งแทงใส่ทหารผู้นั้น แต่ด้วยความเหน็ดหนื่อยจากการศึกทำให้มันลืมไปว่าหางลูกศรเงินของมันถูกตัดทิ้งไปแล้ว ปลายหางอันขาดด้วนกระทบถูกทหารผู้นั้นแต่ไม่ส่งผลแต่อย่างไร ดาบของทหารเลวพุ่งเข้าแทงใส่กลางหลังคอร์แซค พญามัจจุราชเพลิงเห็นว่าดาบธรรมดาไม่มีทางจะทำอะไรผิวหนังอันแข็งแกร่งดุจเหล็กของมันได้
จริงดังคอร์แซคคาด ดาบของทหารเลวแทงถูกหลังมันเข้าเพียงแค่เล็กน้อย รู้สึกไม่ต่างจากถูกแมลงเล็กกัด
แต่คอร์แซครู้สึกผิดปกติ !
มันรู้สึกพลังเวทความมืดหลั่งไหลมาตามดาบไม่หยุดและรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ดาร์คอิมแพค” ดาบเล่มนั้นอัดด้วยพลังเวทความมืดจนระเบิดออก เศษดาบแตกกระจายเพราะทนแรงเวทอันมหาศาลไมได้ แผ่นหลังคอร์แซคระเบิดตามด้วยทันที โลหิตสาดกระจายเปื้อนใบหน้าทหารเลวที่หน้าตามอมแมมผู้นั้น
คอร์แซคร้องด้วยความเจ็บปวดมือซ้ายมันคลายโซ่เพลิงทิ้ง โซ่เพลิงสูญสลายไปในอากาศอยางรวดเร็ว มือขวามันสะบัดดาบโฮปเลสเฟรมกลับหลังหมายสังหารทหารเลวผู้นั้น
ทหารเลวผู้นั้นกระโดดลอยตัวขึ้นพร้อมกับหลบดาบโฮปเลสเฟรมไปด้วย
“เวฟออฟดูม!” พลังเวทมหาศาลรวมอยู่ที่สันมือทหารเลวผู้นั้นเป็นจุดเดียว มันทำท่าฟันมือออก พลังรูปเสี้ยวจันทร์สีดำขนาดใหญ่ฟันถูกคอของพญามัจจุราชเพลิง มันทุ่มเทพลังเวทสุดกำลังเดิมพันกับผลครั้งนี้
“ตูม!!” เสียงระเบิดดังกึกก้อง คอพญามัจจุราชเพลิงระเบิดออก แต่ด้วยผิวหนังอันแข็งแกร่งของมันทำให้คอไม่ถึงกับขาดหลุดจากกัน แรงระเบิดทำให้ที่ลำคอเปิดออกเป็นแผลกว้าง โลหิตไหลทะลักไม่หยุด
เสี้ยววินาทีก่อนเข้าสู่ประตูมรณะของพญามัจจุราชเพลิงมันพลันฉุกคิดได้ว่าทหารเลวผู้นั้นเป็นใคร
“เรดิกัล!”
“มันแสร้งอ่อนแรงและทำให้ข้าประมาท! ยอมส่งบริวารมาตายเพื่อให้ข้าเหน็ดเหนื่อยไม่ทันระวัง”
“มันยินยอมใช้ดาบธรรมดา ไม่ใช้ดาบเพนเพื่อไม่ให้ข้ารู้ตัว”
“ที่คาดไม่ถึงที่สุดมันยอมลดตัวเป็นทหารเลว แสร้งให้ข้าโจมตีจนบาดเจ็บและจู่โจมข้าจากด้านหลัง”
ความคิดมากมายเหล่านี้เกิดขึ้นในเสี้ยวนาทีก่อนที่พญามัจจุราชผู้คร่าชีวิตผู้อื่นนับไม่ถ้วน ต้องถูกสังหารลง
เหล่าโกเลมไฟเห็นนายตนศีรษะแทบขาดล้มร่างลงไปก็ตื่นตระหนกยิ่ง ส่วนฝ่ายทหารเพธอสแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง ทั้งสมรภูมิกลับมาเงียบกริบหลังเสียงโห่ร้องฆ่าฟันสงบลง
ไม่นาน เปลวไฟที่ลุกท่วมเหล่าโกเลมไฟก็ค่อย ๆ มอดดับลง พวกมันต่างร่ำร้องหวาดกลัวเพราะรู้ชะตากรรม จากนั้นไม่นานพวกมันก็ทยอยล้มลง ร่างกลับเป็นเศษก้อนหินใหญ่น้อยตามสภาพก่อนมีชีวิต รวมทั้งอูรุกหัวหน้าโกเลมไฟด้วย
เรดิกัลถอดหมวกทหารเลวออก ใช้แขนเช็ดคราบเขม่าควันและคราบเลือดบนใบหน้า สีหน้าแสดงความเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรง แต่แววตายังแสดงความเย็นชาดังเดิม…
-----------------
เป็นไงบ้างครับสู้สนุกสะใจไหม? โหดจริงพระเอกเราส่งลูกน้องไปตายเพื่อให้ตัวเองชนะ ตอนหน้าบอกเลยเด็ดที่สุดในชีวิตเรดิกัล !!