GE84 แลกแต้มนิกาย คัมภีร์สวรรค์ไร้อักษร [ฟรี]
เรื่องการประลองในอีก 6 เดือนข้างหน้าของหนิงฝานและไป๋เฟยเถิง แพร่กระจายไปทั่วนิกายกุ่ยเชว่อย่างรวดเร็ว
กระประลองของผู้เยาว์นามหนิงฝาน และปีศาจไป๋แห่งนิกายกุ่ยเชว่ ช่างเป็นการประลองที่ไม่ยุติธรรม
แม้หนิงฝานจะได้เป็นผู้อาวุโสและเป็นผู้มากพรสวรรค์ แต่ไม่มีใครเชื่อว่าจะเอาชนะปีศาจไป๋ได้
การที่ข่าวแพร่กระจาย ทำให้ศิษย์นิกายจำนวนมากที่พบ คารวะหนิงฝานด้วยความนับถือ
แต่หนิงฝานไม่ได้ใส่ใจ
…
ในช่วงครึ่งปีนี้ หนิงฝานตั้งใจจะทะลวงไปยังรอยต่อระหว่างขอบเขตแก่นทองคำและขอบเขตประสานวิญญาณ ซึ่งเรียกว่าระดับครึ่งก้าวแก่นทองคำ
หากจะให้เก็บตัวฝึกฝนเป็นเวลานาน หนิงฝานต้องเตรียมตัว
สิ่งแรกคือปรุงโอสถ!
การทะลวงไปยังครึ่งก้าวแก่นทองคำนั้น จำเป็นต้องใช้โอสถเสริมวิญญาณจำนวนมาก
นอกจากนี้ การเสริมกำลังให้กองทัพปีศาจทมิฬของตน ต้องใช้โอสถเปิดเส้นชีพจรจำนวนมากเช่นกัน เพราะเมืองหนิงในยามนี้ ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง
ซื่อหวูเสียเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุด หากต้องการให้ทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม หนิงฝานต้องปรุงโอสถให้นาง
หลู่หนานสื่อและหนานหยางสื่อ หนิงฝานไม่ได้สนใจทั้งสองมากนัก แต่ด้วยทั้งสองเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีเส้นสายในแคว้นเยว่ ทั้งชื่อเสียงของตระกูลก็ไม่ธรรมดา เขาจึงตั้งใจจะให้ทั้งสองช่วยรวบรวมสมุนไพร และแร่ที่จำเป็น
ผู้ที่หนิงฝานให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือหนานกง ซื่อถู และยุ่ยฉี ด้วยสติปัญญาที่เฉียบแหลม กลยุทธ์ที่เฉียบขาด ทำให้หนานกงสามารถดูแลเมืองหนิงได้เป็นอย่างดี หนานกงเป็นผู้ฝึกฝนธาตุอันสนีและน้ำแข็ง แม้ยามนี้จะสูญเสียเส้นลมปราณอัสนีไป แต่หนิงฝานมีวิธีรักษา เพียงแต่ต้องทนกับความเจ็บปวด
หากสำเร็จ หนานกงจะกลายเป็นผู้ฝึกตนสองธาตุ แต่หากเทียบกับธาตุเพลิงและน้ำแข็งของหนิงฝานแล้ว หนานกงย่อมด้อยกว่า
นอกจากนี้ หากเสริมด้านกลยุทธ์ให้นานกงเพิ่ม มันจะกลายเป็นผู้ช่วยชั้นดี
ส่วนซื่อถู มันเป็นผู้ฝักใฝ่เพียงกระบี่ จิตใจมีเพียงกระบี่ จนทำให้หนิงฝานยังรู้สึกด้อยกว่า ยามนี้ ซื่อถูขาดเพียงผู้เชี่ยวชาญที่สามารถชี้แนะกระบี่ให้ แต่ในใจของหนิงฝาน มีคนผู้หนึ่งที่น่าจะสั่งสอนได้
ส่วนยุ่ยฉี… เป็นผู้ที่สื่อสัตย์จนหาได้ยาก นอกจากนี้ มันยังขัดเกลาผสานกับหมู จนกลายเป็นผู้ที่ยกระดับพลังได้เร็วที่สุด หากในอนาคตหมูของมันก่อแก่นทองคำได้สำเร็จ หมูตัวนั้นจะกลายเป็นสตรีที่งดงาม
นอกจากนี้ ยุ่ยฉี ยังเป็นผู้ที่หยั่งอนาคตได้ยาก
หากเมื่อใดที่กลับเมืองหนิง หนิงฝานจะมอบโอสถจักรพรรดิหยกให้พวกมัน
หนิงฝานไม่กล้ามอบโอสถจักรพรรดิหยกให้จื่อเฮ่อ เพราะความเจ็บปวดที่ได้รับรุนแรงเกินกว่านางจะทนไหว แต่หนิงฝานยังเชื่อว่า หนานกง ยุ่ยฉี และซื่อถูจะทนรับได้
เหลือเวลาอีก 100 ปีจึงจะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ หนิงฝานมั่นใจว่า ในช่วง 100 ปีนี้ เขาสามารถยกระดับตนเอง และยกระดับกองทัพปีศาจทมิฬของตน ให้แข็งแกร่งพอที่จะเหยียบย่างไปทั่วโลกพิรุณ กระทั่งสังหารผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกได้
“อีก 100 ปี… ข้าต้องไล่ตามเทพกษัตริย์เนี่ยให้ทัน”
เมื่อหวนนึกถึงเทพกษัตริย์ หนิงฝานกำหมัดแน่น
นอกจากโอสถที่ต้องเตรียมแล้ว หนิงฝานยังต้องเตรียมวิธีฝึกวิชาและดูดซับเพลิงปีศาจทมิฬให้ได้
ส่วนปราณหยินลึกล้ำ เขาจะหาโอกาสไปพบกุ่ยเชว่สื่อเพื่อขอ เพราะยามนี้ กุ่ยเชว่สื่อก็เหมือนพ่อตา และไม่น่าจะปฏิเสธ
หลังจากขบคิดได้แล้ว หนิงฝานก็มุ่งกลับไปยังส่วนของศิษย์ฝ่ายใน
แต้มจำนวน 2.15 ล้าน เป็นแต้มจำนวนไม่น้อย ที่ใช้แลกของล้ำค่าได้
“ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีสิ่งที่ทำให้ข้าสนใจหรือไม่...” หนิงฝานคาดหวัง
ยามนี้เป็นยามบ่าย ศิษย์ส่วนใหญ่จะพักทานอาหาร นั่งพักบ้าง หรือฝึกวิชาบ้าง ทำให้ตำหนักแลกเปลี่ยนแต้มเงียบเหงา
เมิ่งฉู่ผู้ดูแลตำหนัก มันนั่งเอนกายอย่างเกียจคร้าน จิบชา และฮัมเพลงอย่างมีความสุข
“ผู้ฝึกตนต้องการสิ่งใด? ชีวิตนิรันดร์? จะต้องการไปเพื่ออันใด? แม้ตัวข้าไม่เป็นนิรันดร์ ตัวข้าเองก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
คำกล่าวนี้ของเมิ่งฉู่ หากเป็นผู้เชี่ยวชาญทั่วไปจะไม่เข้าใจ แต่หากเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกุ่ยเชว่สื่อจะเข้าใจ
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเมิ่งฉู่ เสียงหัวเราะขบขันก็ดังมา
“ผู้อาวุโส… ท่านกล่าวผิดแล้ว ในโลกใบนี้ หากไร้ซึ่งพลัง ก็ไม่อาจมีความสุข”
เจ้าของเสียงเป็นผู้เยาว์ที่ดูมั่นใจในตัวเอง
เมิ่งฉู่วางถ้วยน้ำชาลง สีหน้าดูไม่ค่อยพอใจ เพราะด้วยศิษย์ขอบเขตเปิดเส้นชีพจร ย่อมไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของคำกล่าว
แต่คำกล่าวของผู้เยาว์คนนั้นก็เป็นความจริง
เมื่อเมิ่งฉู่ได้เห็นใบหน้าของผู้เยาว์ผู้นั้น มันไม่กล้าโกรธทั้งยังยิ้มให้ยอย่างนอบน้อม
ผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวดำ ผู้ดูแลโถงขัดเกลาผสาน นักฆ่าประสานวิญญาณ...หนิงฝาน!
เมิ่งฉู่เร่งลุกยืนและเดินออกมาต้อนรับ มันยิ้มพลางกล่าว “ฮ่าฮ่า ที่แท้เป็นผู้อาวุโสหนิง ตำหนักแลกเปลี่ยนของข้าอาจไม่ดีเท่าโถงขัดเกลาผสานของท่าน”
จากคำกล่าวของอีกฝ่าย หนิงฝานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้
ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม พวกมันคิดเพียงว่าการขัดเกลาผสานคือการดูดซับพลังของอีกฝ่าย
ไม่แปลกที่เมิ่งฉู่จะคิดเช่นนั้น เพราะวิชาขัดเกลาผสาน ทำให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งยังต้องทำร้ายสตรี ถึงมีพลังได้ในระดับนี้
หนิงฝานจึงทำได้เพียงยิ้มตอบ...
“เหตุที่ข้ามาพบท่านในวันนี้ เพราะข้าต้องการแลกเปลี่ยนแต้ม ข้าเพิ่งเข้าร่วมนิกาย จึงไม่ทราบว่าในนิกายมีสิ่งใดให้แลกเปลี่ยนบ้าง”
“มีไม่น้อยเลยหล่ะ อย่างชิ้นนี้ สร้างขึ้นด้วยผู้สร้างที่มีชื่อเสียง ฮ่าฮ่า… ผู้อาวุโสหนิงดูนี่...”
มันนำหยกสลักออกมา
หยกชิ้นนี้เป็นหยกระดับสูงที่งดงาม แต่รูปร่างของมัน กลับเหมือนอวัยวะเพศของบุรุษ
“เป็นเช่นใดผู้อาวุโสหนิง ท่านถูกใจหรือไม่? เช่นนั้นดูมุกเม็ดนี้ มันถูกนำมาจากทะเลอสูรตะวันตก หากนำมันใส่เข้าไปในร่างสตรี จะช่วยให้การร่วมรักของนางเร้าใจยิ่งขึ้น...”
เมิ่งฉู่นำเสนอสิ่งต่างอย่างๆภาคภูมิ และหนิงฝานก็ต้องขัดความตั้งใจของมัน
“พอก่อนผู้อาวุโสเมิ่ง ขอท่านเปิดข่ายอาคม ข้าจะเข้าไปดูข้างในเอง”
“หืม? ผู้อาวุโสหนิงยังไม่พอใจกับสิ่งที่ข้านำเสนอหรือ? เห้อ… 200 ปีมาแล้วที่ข้าไม่ได้สัมผัสสตรี เมื่อคราวที่ข้ายังเป็นผู้เยาว์ ข้าเข้าออกบ้านสตรีเป็นว่าเล่น แต่ตอนนี้ ข้าต้องอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวทุกค่ำคืน...”
หนิงฝานไม่รู้จะรับมือกับคนผู้นี้ยังไง หากเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม ย่อมไม่ขาดแคลนสตรี เว้นแต่คนผู้นั้นจะไม่ค้นหา
และบางที ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะ อาจมีสตรีมากมายกว่าผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมเสียอีก
หนิงฝานถอนหายใจเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดถึงความต่างระหว่าง ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม หากคิดดูแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ย่อมเป็นมนุษย์เช่นกัน มีทั้งความต้องการและปรารถนาไม่ต่างกัน หากจะกล่าวว่าต่าง คงต่างกันที่วิธีฝึกฝน ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมจะฝึกฝนด้วยวิธีการที่ชั่วร้าย และสนใจเพียงเป้าหมาย ส่วนผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะ จะยึดถือความถูกต้องและสนใจรากฐานการฝึกเป็นสำคัญ
เมื่อข่ายอาคมถูกคลาย หนิงฝานก็เดินเข้าไปดูภายใน เมิ่งฉู่เองก็เดินตามช้าๆ
“หญ้าหยกตะวันออก 100 ปี… หากโตกว่านี้ มันจะใช้กลั่นเป็น ‘หมอกหยก’ ได้ ไม่ว่าผู้ใดที่ต่ำกว่าขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ย่อมไม่กล้าเข้าใกล้”
“ปะการังราชา… เป็นสิ่งที่ช่วยให้สัมผัสเทพมั่นคง และช่วยหยกระดับสัมผัสเทพของข้าได้อย่างรวดเร็ว แต่ราคาค่อนข้างแพง ต้องแลกด้วย 5 หมื่นแต้ม… แต่ข้าแลก”
“วารีอัสนี… สิ่งนี้ก็ดี หากในตลาดทั่วไปจะเรียกมันว่า ‘วารีพิสุทธิ์’ ไม่มีผู้ใดในนิกายรู้จักที่มาของมัน จึงแลกได้ด้วย 1 หมื่นแต้มเท่านั้น… ของสิ่งนี้ตั้งราคาถูกเกินไป แม้ขายในราคา 1 ล้านแต้มยังไม่นับว่าแพง เพราะมันใช้เป็นวัสดุในการหลอมสร้างอาวุธเทพโบราณ แต่หากนำมารวมกับกระบี่แยกสวรรค์ของข้า จะทำให้กระบี่มีพลังอัสนี… ข้าแลก”
หนิงฝานชงักฝีเท้า เอื้อมมือไปหยิบตำราโบราณเล่มหนึ่ง
หนิงฝานคลายผนึกของมันอย่างรวดเร็ว จนทำให้เมิ่งฉู่ตกตะลึง เพราะผนึกที่รักษามันไว้เป็นถึงข่ายอาคมระดับสูง ที่นอกจากผู้เชี่ยวชาญระดับ 4 ปีศาจของนิกายแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดแก้ได้
‘ได้ยินว่าผู้อาวุโสหนิงจะประลองกับปีศาจไป๋… ข้าว่าผู้อาวุโสหนิงหุนหันเกินไป… แต่จากสิ่งที่เห็นแล้ว ดูคล้ายผู้อาวุโสหนิงจะเก็บงำพลังไว้มากมาย บางที อาจไม่ได้ด้อยไปกว่าปีศาจไป๋เลยก็ได้!’
เมิ่งฉู่ขบคิด มันนับถือหนิงฝาน ยิ่งเห็นหนิงฝานสนใจตำราโบราณเล่มนั้น มันยิ่งไม่กล้ารบกวน มันสงสัยว่าเหตุใดหนิงฝานจึงสนใจตำราโบราณเช่นนี้
ตำราโบราณเล่มนี้… แท้จริงคือ ‘คัมภีร์สวรรค์ไร้อักษร’ เพราะทุกหน้าที่หนิงฝานเปิด ล้วนเป็นหน้าที่ว่างเปล่า
นอกจากข่ายอาคมที่ผนึกคัมภีร์เอาไว้แล้ว ที่หน้าหนึ่งยังมีตัวอักษรเขียนไว้
“ตายเพื่อกษัตริย์!”
เมื่อเห็นคำที่เขียน จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว ได้แล่นเข้าไปในหัวของหนิงฝาน ทำให้เขารู้สึกหวากกลัวเป็นครั้งแรก
‘ผู้ที่เขียนข้อความนี้ เป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิสวรรค์… คนผู้นั้นเป็นผู้ใด!’
จิตสังหารเช่นนี้ คนทั่วไปไม่อาจสัมผัสได้ มีเพียงผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเท่านั้นที่พอจะสัมผัสได้
แต่คัมภีร์สวรรค์ไร้อักษรนี้ กลับมีค่าเพียง 500 แต้ม
หนิงฝานอธิบายความรู้สึกของตนในยามนี้ไม่ได้ แม้ตำราเล่มนี้จะมีประโยคนั้นที่เขียนไว้ แต่นั่นก็เพียงพอให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายหวาดกลัว
ไม่รู้ว่าผู้ที่เขียนคัมภีร์เล่มนี้ขึ้นในอดีต มีความรู้สึกเช่นใดในยามนั้น เพราะความรู้สึกที่สัมผัสได้จากมันช่างรุนแรง และราวกับมันจะไม่มีวันบุบสลาย แม้จะผ่านกาลเวลาไปเนิ่นนาน
มันอยู่มานานนับหลายร้อยล้านปี แต่ยังไม่บุบสลาย
“ระดับพลังของคนผู้นี้น่ากลัวนัก! หาก 500 แต้มแลกกับประโยคในนี้ นับว่าคุ้มค่า”
หากจะเทียบหาผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิสวรรค์ คงมีเพียงเทพที่คงอยู่ในสมัยโบราณ
ยามนี้ หนิงฝานขบคิดถึงบางสิ่ง
หากผู้สืบทอดของเหล่าจักรพรรดิเซียนมีมากมายราวกับเส้นขน ผู้สืบทอดของเทพย่อมมีมากมายเฉกเช่นพิรุณเช่นกัน
และวันหนึ่ง เหล่าผู้สืบทอดทั้งหลาย จะมาบรรจบกันยังแดนสวรรค์ทั้ง 4!
หนิงฝานทราบดีว่าไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้ เขาจึงเปิดหน้ากระดาษใหม่ แต่นั่นกลับทำให้เมิ่งฉู่ตกตะลึง
เพราะคัมภีร์สวรรค์ไร้อักษรเล่มนี้ แม้เป็นกุ่ยเชว่สื่อยังต้องใช้พลังมหาศาลในการเปิดแต่ละหน้า แต่ยามนี้ หนิงฝานกลับทำได้อย่างง่ายดาย
หากผูกโยงกับปีศาจไป๋ มันย่อมเปิดตำราไม่ได้สักหน้า
เมิ่งฉู่เริ่มตระหนักแล้วว่า นิกายกุ่ยเชว่ดูแคลนหนิงฝานเกินไป เพราะแท้จริงแล้ว เขาอาจแข็งแกร่งทัดเทียมกุ่ยเชว่สื่อเลยก็เป็นได้
“ทั่วทั้งนิกายยังไม่ทราบ มีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่ทราบ… ฮ่าฮ่า ข้าต้องทำดีกับผู้อาวุโสหนิงให้มาก!”
ดวงตาของเมิ่งฉู่เป็นประกาย!...