ตอนที่แล้วตอนที่ 178 มีใครบางคนมาขโมยพระชายาของข้าคนนี้?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 180 มาที่นี่เพื่อมอบพระราชโองการให้พวกเจ้า

ตอนที่ 179 คารวะท่านแม่


ม่านถูกลดลงในงานเลี้ยงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ก่อนที่งานเลี้ยงจะเลิกลา ทุกคนแสดงความเห็นใจต่อเฟิงหยูเฮงเพื่อสอดคล้องกับเหตุผลหลักในการจัดงานเลี้ยงนี้เพื่อปลอบขวัญนางจากเรื่องที่เกิดขึ้นในมณฑลเฟิงตง

สำหรับเฟิงจินหยวน เขาไม่ได้พูดอะไรเลยในช่วงหลังของงานเลี้ยง เขาถือถ้วยไวน์และครุ่นคิด เขาคิดเกี่ยวกับกำลังใจที่เฟิงหยูเฮงได้รับ หากเขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาจะไม่รู้จริง ๆ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องตกใจเมื่อคิดถึงมัน เกือบทุกคนที่นางมีอิทธิพลต่อพวกเขา ในอนาคตถ้ามันยังคงเป็นแบบนี้มันก็คงจะดี อย่างไรก็ตามหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นบางทีจำนวนคนที่สร้างปัญหาให้กับตระกูลเฟิงจะยิ่งใหญ่กว่าคราวนี้

นั่งอยู่ในเรือลำเล็กที่ออกจากเกาะกลางทะเลสาบ เขารู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ จะดีขึ้น เหยาซื่อกลายเป็นฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิงอีกครั้ง เฟิงหยูเฮงและเฟิงจื่อหรูได้กลายเป็นบุตรสาวและบุตรชายของฮูหยินใหญ่ เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน ไม่ควรมีอะไรคุ้มในการสร้างปัญหาหรือไม่?

แต่ประเด็นในตอนท้ายขององค์ชายสามทำให้เขากังวล อาการป่วยของพระชายาขององค์ชายสามนั้นหายดีแล้ว ดังนั้นการพูดคุยเรื่องการแต่งงานของเฟิงเฉินหยูก็จะถูกปฏิเสธกลับมา เฟิงเฉินหยูจะถึงอายุที่สามารถแต่งงานในปีหน้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถชะลอเรื่องนี้ต่อไปได้

จิตใจของเขาสับสนเพราะเขาต้องคิดถึงทุกสิ่ง สำหรับเฟิงหยูเฮง ในเวลานี้นางได้ขึ้นเรือหยกสีดำของซวนเทียนหมิงแล้ว ทั้งสองนั่งมองหน้ากันในขณะที่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เรือหยกสีดำนี้บังเอิญอยู่ข้างเรือหยกขาวของซวนเทียนฮั่ว เรือลำหนึ่งสีดำและอีกลำหนึ่งสีขาว พวกเขาดูเหมือนทูตจากนรก แม้ว่าจะเป็นที่พอใจต่อดวงตามาก แต่ก็ทำให้ใจของผู้คนสั่นไหว

“พรุ่งนี้ข้าจะไปที่ค่ายทหาร” ซวนเทียนหมิงพูดขึ้นและอธิบายว่า “ทั้งสี่แคว้นรอบราชวงศ์ต้าชุนเป็นอันตรายต่อแคว้น ตอนนี้อาจดูเหมือนจะเงียบสงบ แต่ก็ยากที่จะบอกว่าพวกเขาบางทีพวกเขาจะสร้างปัญหาเมื่อไหร่ก็ได้”

เฟิงหยูเฮงพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา “ราชวงศ์ต้าชุนมีขนาดใหญ่และมีทรัพยากรจำนวนมาก มีที่ดินอุดมสมบูรณ์ แคว้นที่อยู่ใกล้เคียงมีขนาดเล็ก หรือไม่มีที่ดินที่เหมาะสมในการผลิตอาหาร ภาคเหนือหนาวมากและภาคใต้ก็ร้อนเกินไป ซึ่งจำกัดการเติบโตตามธรรมชาติ ถ้ามันยังดำเนินต่อไป สิ่งต่าง ๆ อาจก่อให้เกิดปัญหาได้” นางนั่งกับเขาและวิเคราะห์ว่า "ครั้งสุดท้าย แม้ว่าข้าจะพูดกับเสด็จพ่อ ราชวงศ์ต้าชุนที่แยกพวกเขาออกจากกันในกลางมันไม่น่าเป็นไปได้มากสำหรับสี่แคว้นเล็ก ๆ ร่วมกันเพื่อสร้างปัญหาให้กับราชวงศ์ต้าชุน แต่มีเสมอถ้าเกิดอะไรขึ้น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาสามารถวางแผนร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องพูด หรือเกิดอะไรขึ้นถ้ามีสายลับในราชวงศ์ต้าชุนที่ได้ประโยชน์จากการให้ข้อมูล สถานการณ์เหล่านี้เป็นไปได้ทั้งหมด”

ซวนเทียนหมิงฟังการวิเคราะห์ของนางอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นว่านางหยุดแล้ว เขาก็พูดขึ้นว่า “ดังนั้นทหารต้องได้รับการฝึกฝนเพิ่ม ทหารรักษาการที่ชายแดนจะต้องระวัง แม่ทัพปิงหนานได้แจ้งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาในอดีตของเขาทราบเพื่อเพิ่มความระมัดระวัง ทำให้ข้ายุ่งมาก ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ แต่กองทัพค่ายทหารที่อยู่ทางเหนือจะต้องอดทนต่อฤดูหนาวที่มีอากาศอันหนาวเหน็บนี้ซึ่งเป็นการทดสอบร่างกายพวกเขาอีกทาง”

เฟิงหยูเฮงไม่เคยมีประสบการณ์ฤดูหนาวในยุคนี้ ได้แต่ถามว่า “มันหนาวมากเลยหรือ?”

ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “ไม่เพียงแค่หนาวเท่านั้น มันหนาวจนชาไปทั้งตัว ความเย็นสามารถทะลุผ่านผิวหนัง และสามารถทำให้กระดูกเย็นได้ ราชวงศ์ต้าชุนทอดยาวไปทางเหนือ เมื่อบรรพบุรุษสร้างแคว้นนี้ พวกเขาเพียงแต่กังวลเกี่ยวกับการขยายอาณาเขตของพวกเขา แต่พวกเขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาจะปกป้องดินแดนนี้หลังจากพวกเขาได้มาซึ่งดินแดนแห่งนี้”

“ดังนั้นในฤดูกาลนี้ภาคเหนือจะไม่ประสบภัยพิบัติ”

“มีภัยพิบัติฤดูหนาวทุกปี ปีนี้รู้สึกเหมือนว่ามันจะเย็นกว่าเล็กน้อย ดังนั้นข้าจึงกลัวว่ามันจะรุนแรงมากขึ้น” จ้องซวนเทียนหมิงอย่างลึกซึ้ง เมื่อพูดถึงภัยพิบัติฤดูหนาวของราชวงศ์ต้าชุน ดูเหมือนว่าดอกบัวที่หน้าผากของเขาจะกลายเป็นสีเข้มกว่า

“เจ้าต้องดูแลตัวเองดี ๆ” นางเริ่มกล่าวและกุมมือของเขาไว้แน่น “ข้าไม่เข้าใจเรื่องของค่ายทหาร และนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเกี่ยวกับภัยพิบัติฤดูหนาวของราชวงศ์ต้าชุน ดูเหมือนว่าความเข้าใจของข้าในโลกภายนอกนั้นยังไม่มาก เมื่อไร่ที่เจ้าวางเจ้าเล่าให้ข้าฟังด้วย ข้าต้องการแบ่งภาระนี้จากเจ้า”

“หากเจ้าต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับบางอย่างตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าสามารถถามพี่เจ็ดได้ พระองค์จะรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน”

“ตกลง” เฟิงหยูเฮงพยักหน้าอย่างจริงจัง และมุ่งมั่นที่จะค้นหาในความทรงจำ นางคิดกับตัวเองว่านางจะต้องเข้าใจราชวงศ์ต้าชุนดีขึ้นหลังจากกลับมา อย่างน้อยที่สุดนางก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องราวของซวนเทียนหมิงได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อพิจารณาถึงความรู้สึกของฮ่องเต้เกี่ยวกับพระโอรสองค์นี้และวิธีที่พระองค์ให้รางวัลและปกป้องนาง นอกจากนี้พระองค์ยังแทรกแซงกับเรื่องของครอบครัว นี่เป็นการปูทางให้นางอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยการยืนเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ มันคงเป็นเรื่องธรรมดามากเมื่อนางต้องปักปิ่นหงส์เพลิงในอนาคต

“เมื่อเจ้าจัดการเรื่องที่ค่ายทหารเสร็จแล้วกลับมาหาข้า ข้าจะรักษาขาของเจ้า” นางก้มศีรษะลงขณะจ้องมองที่ขาของเขา “มันอาจจะเจ็บเล็กน้อย”

“ข้าเคยชินกันมันแล้ว” เขาตอบแล้วถามนางว่า “เจ้าคิดว่าข้านั่งรถเข็นลำบากหรือไม่?”

“นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร” เฟิงหยูเฮงส่ายหัว “ข้ารู้ว่านี่เป็นหนึ่งในวิธีที่ฝ่าบาททรงคุ้มครองเจ้า แต่ข้าก็รู้ว่าเจ้าไม่ต้องการ”

“ข้าไม่ต้องการการปกป้องแบบนี้” ซวนเทียนหมิงจ้องที่นาง “ถ้าโลกนี้สามารถได้รับการปกป้องอย่างง่ายดายเช่นนี้นั่นจะไม่น่าสนใจ”

นางมองเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าขณะที่สายตาจ้องมองที่ดอกบัวสีม่วง นางจำได้ว่าครั้งแรกในคืนหนึ่งพวกเขาพบกันที่ภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ นางหลงเสน่ห์ดอกบัวนี้ ในพริบตามันได้จับหัวใจของนาง

ในที่สุดพวกเขาก็ออกจากพระราชวัง รถม้าของแต่ตระกูลรออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน ท้องฟ้ามืดครึ้ม และอากาศเย็นลง คนขับรถม้าทุกคนถูมือแล้วเดินวนเป็นวงกลม พวกเขาทุกคนหวังว่าฮูหยินและคุณหนูในตระกูลของพวกเขาจะออกมาเร็วกว่านี้เล็กน้อย

แต่สำหรับคนขับรถม้าของตระกูลเฟิง ไม่มีใครคาดหวังว่าเฟิงหยูเฮงจะกลับมาพร้อมกับพวกเขา ดังนั้นยังมีเพียงรถม้าคันเดียว เมื่อคิดถึงเด็กทั้งสามคนข้างใน รถม้าก็คับแคบไปเล็กน้อย หากมีคนปีนขึ้นไปอีก

เฟิงเฟินไดใช้ความคิดเล็กน้อยที่จะพูดกับเฟิงหยูเฮง “พี่รองสามารถนั่งในรถม้าได้ เฟินไดจะนั่งกับคนขับรถม้า”

ตอนนี้มันเป็นฤดูหนาวอากาศหนาวเหน็บ และโหดร้ายมาก หากเด็กอย่างเฟิงเฟินไดนั่งข้างนอกตลอดระยะเวลาการเดินทางกลับไปที่คฤหาสน์เฟิงถึงแม้ว่านางจะไม่แข็งตาย แต่ผิวของนางก็จะถูกหิมะกัด เฟิงหยูเฮงจะยอมรับได้อย่างไร

“ขอบใจน้องสี่มาก แต่อากาศหนาวมาก ถ้าเจ้านั่งข้างนอกพี่สาวจะสบายใจได้อย่างไร พระราชวังได้เตรียมรถม้าให้แล้ว ข้าจะพาเซียงหรูไปนั่งด้วย รถม้าของเจ้าจะได้กว้างขึ้น” หลังจากที่นางพูดจบ นางไม่ได้มองเฟิงเฟินไดและเฟิงเฉินหยู ก่อนลากเฟิงเซียงหรูไปในทิศทางอื่น

เฟิงเซียงหรูชื่นชมยินดีในใจ แต่ก็กังวลเล็กน้อยว่า “พี่ใหญ่และน้องสี่จะไม่โกรธใช่หรือไม่เจ้าคะ ?”

นางหัวเราะ “พวกเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร”

“งั้นมา…” เฟิงเซียงหรูอยากพูดแล้วอธิบายให้พวกเขาฟัง แต่เมื่อใคร่ครวญเพิ่มเติมแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง สถานะในครอบครัวเปลี่ยนไปในขณะนี้ พี่รองของนางเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ แม่รองเหยาได้กลายเป็นภรรยาใหญ่ ทำไมนางถึงต้องสนใจว่าเฟิงเฉินหยูจะรู้สึกอย่างไร เด็กหญิงตัวน้อยคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วยิ้มอย่างมีความสุข “เซียงหรูจะทำตามที่พี่รองพูดเจ้าค่ะ”

“นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง” เฟิงหยูเฮงบีบแก้มของเฟิงเซียงหรูแล้วชี้ไปที่รถม้าตรงหน้าพวกเขา “นั่นไง”

เฟิงเซียงหรูจ้องมองที่รถม้าด้วยสายตาเบิกกว้าง นางเห็นว่ารถม้าทำด้วยไม้สีแดงและสีเหลือง นางจำชื่อไม้ไม่ได้ แต่ไม่ว่านางจะมองมันอย่างไรมันดูดีกว่ารถม้าคันเดิมของเฟิงเฉินหยู นี่ไม่ได้พูดถึงการแกะสลักไม้ที่ด้านบนของแคร่ซึ่งทำจากวัสดุอะไร และผ้าม่านที่ทำจากผ้าไหมตาข่าย

“รถม้าทำจากไม้พะยูงสีเหลือง รูปปั้นด้านบนทำจากไม้กฤษณาที่แพงที่สุด” เฟิงหยูเฮงอธิบายให้เฟิงเซียงหรูฟัง “ผ้าไหมเจ้าคงจำได้ มาที่รถม้าก่อน ยังมีสิ่งที่ดีรออยู่”

ทั้งสองมาถึงตรงหน้ารถม้าและนางกำนัลวางเก้าอี้ลง เฟิงหยูเฮงเข้ามาในรถม้าแล้วเอื้อมมือดึงเฟิงเซียงหรูเข้ามา เฟิงเซียงหรูยกม่านขึ้นและเข้ามาในรถ นางเห็นไข่มุกส่องสว่างยามค่ำคืน ไข่มุกมีขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อบนเพดาน และโต๊ะคริสตัลพร้อมถ้วยชาคริสตัล นางตกตะลึงทันทีด้วยความตกใจ

เป็นเวลานานที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พูดไม่ออก นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฟิงหยูเฮงจัดการชงชาและเทชาใส่ถ้วยให้นางเมื่อไหร่

“นั่งได้แล้ว คนขับจะออกเดินทางแล้ว” นางพูดเพื่อเตือนเฟิงเซียงหรู gab’เซียงหรูรีบเรียกสติกลับมา

ขณะที่นางนั่งลง คนขับก็นั่งลงบนแคร่รถม้า กระตุกบังเหียนรถม้าเข้าด้วยกันวิ่งอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง

“ม้าตัวนี้ได้รับการฝึกโดยองค์ชายเก้าที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ วันที่ข้ากลับมาที่เมืองหลวง พระองค์ก็แวะไปที่ราชสำนักด้วย พระองค์นำกลับมา แต่ข้าไม่คิดว่าวันนี้ข้าจะได้รับประโยชน์จากมัน”

เฟิงเซียงหรูหยิบชาหนึ่งถ้วย และทันใดนั้นนางก็ได้กลิ่นชา จากนั้นนางลองชิมอย่างระมัดระวัง อ่าดูเหมือนว่ารสชาติไม่แตกต่างกันมากนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางดื่มชาจากถ้วยที่ทำจากคริสตัล นางกังวลเล็กน้อยเพราะนางกังวลว่านางจะทำตกแตก

เฟิงหยูเฮงมองดูเด็กหญิงคนนี้และพบว่ามันตลก และนางจงใจหยอกล้อเฟิงเซียงหรูว่า “ในอนาคตหากเจ้าพบสามีในอุดมคตินั้นเป็นสิ่งที่ดีย่อมไม่น้อยไปกว่าสิ่งที่ข้ามี”

“พี่รองรู้วิธีหยอกล้อเซียงหรู” ใบหน้าของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่นางหันหน้าหนีไม่ต้องการมองนาง

อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงกระพริบตา และถามว่า “ข้าไม่รู้เรื่องชุดเสื้อผ้าที่พี่เจ็ดส่งให้เจ้า แต่เจ้าได้รับหรือไม่?”

“โอ้!” เฟิงเซียงหรูตกใจมาก “พี่รองไม่ได้ส่งมาจริงๆ หรือเจ้าค่ะ?”

เฟิงหยูเฮงยิ้ม “เจ้ามีความสุขหรือผิดหวัง?”

ใบหน้าของเฟิงเซียงหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้งจากคำพูดของเฟิงหยูเฮง นางปิดปาก นางไม่รู้ว่านางควรตอบอย่างไร

เฟิงหยูเฮงไม่ได้เดือดร้อนกับนางมากนัก และพูดว่า “จริงๆ แล้วข้าบอกให้พี่เจ็ดช่วยเตรียมชุดเสื้อผ้าฤดูหนาวเพื่อให้เจ้าใส่มาที่พระราชวัง แต่มันเป็นเพียงคำขอเดียวนี้ เนื้อผ้า ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกตัดสินโดยพี่เจ็ด ถ้าพูดให้ถูกข้าเพียงกล่าวว่าข้าต้องการส่งชุดให้เจ้า คนที่ส่งมันให้เจ้าจริง ๆ คือพี่เจ็ด”

แก้มเล็กของเฟิงเซียงหรูมีสีแดงซับเลือด นางรีบยกมือขึ้นเพื่อปิดแก้ม นางไม่อยากคุยกับพี่สาวของนางอีกต่อไป

เฟิงหยูเฮงหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่พูด ในโลกนี้มีเรื่องมากมายในความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถพิจารณาได้ นางไม่ได้ตั้งใจจะจับคู่ให้คนอื่น แต่นางก็ยังหวังว่าคนที่นางห่วงใยจะมีบ้านที่ดี

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์เฟิง รถม้าของเฟิงจินหยวนเดินทางเร็วขึ้นเล็กน้อยและกลับถึงคฤหาสน์ก่อนผู้อื่น ในระหว่างนั้นเขาบอกคนในคฤหาสน์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง เมื่อสองพี่น้องออกจากรถม้า พวกเขาเห็นว่าทุกคนในตระกูลเฟิงยืนอยู่ในสนามนอกจากฮูหยินผู้เฒ่าที่นอนอยู่บนเตียง

เฟิงจินหยวนยืนที่ด้านหน้าพร้อมกับเหยาซื่อซึ่งยืนอยู่ข้างเขา อันชิ, ฮันชิ และจินเฉินยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา เมื่อรวมกับสาวใช้ทุกคน และยายจาวผู้เป็นสาวใช้ส่วนตัวของฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกมีชีวิตชีวามาก

อย่างไรก็ตามไม่สามารถพบร่องรอยแห่งความสุขบนใบหน้าของเหยาซื่อ นางยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ แม้ว่านางจะเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งแต่มันก็ไร้อารมณ์

การหายใจของฮันชินั้นไม่ค่อยมั่นคง เห็นได้ชัดว่านางโกรธแล้วถึงจุดหักเห นอกจากนี้นางยังคงหวังว่าเฟิงเฉินหยูจะทำร้ายนางเพื่อเฟิงเฟินไดจะเริ่มแสดงให้เห็นถึงโอกาสในตระกูลเฟิง แต่ก่อนที่ความฝันนี้จะเริ่มขึ้นอย่างจริงจัง เฟิงจินหยวนก็บอกนางว่าฮ่องเต้ให้เหยาซื่อกลับสู่ตำแหน่งฮูหยินใหญ่ สิ่งนี้ทำลายความหวังทั้งหมดของนาง

ไม่เหมือนอันชิและจินเฉิน ใบหน้าของพวกเขาดูมีความสุข เมื่อเห็นเฟิงหยูเฮงและเฟิงเซียงหรูเข้ามา พวกเขารู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาผ่อนคลายลง

เมื่อจินเฉินเห็นเฟิงหยูเฮง นางเกือบจะเริ่มร้องไห้ นางผ่านช่วงเวลาที่มีชีวิตด้วยความกังวล ขณะที่นางต่อต้านเฟิงเฉินหยูทำให้นางเดือดร้อนทุกวัน คืนแล้วคืนเล่านางนอนไม่หลับ วันเวลาที่แสนลำบากเหล่านั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว !

เฟิงหยูเฮงเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบ ๆ ในที่สุดนางมองไปที่เหยาซื่อ

มารดาและบุตรสาวสบตากัน เหยาซื่อน้ำตาไหลทันที เฟิงหยูเฮงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และคุกเข่าต่อหน้าเหยาซื่อพูดเสียงดัง “อาเฮงคารวะ…ท่านแม่!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด