TQF:บทที่ 21 ผู้หญิงปากร้าย
TQF:บทที่ 21 ผู้หญิงปากร้าย
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว เดินตามแม่ของเธอเข้าไปในห้องครัว อาหารเช้านั้นได้เตรียมเรียบร้อยแล้วนางเฉิงยืนอยู่ข้างเตาและมองดูลูกสาวของเธออย่างตั้งใจด้วยความสามารถ ในการ “เปลี่ยนหินให้กลายเป็นทองคำ”ของลูกสาวเธอทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวล ท่าทางของนางเฉิงนั้นทำให้ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว รู้สึกอึดอัด เธอจึงถามขึ้นว่า
“ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือ?ท่านต้องการบอกอะไรกับข้า”
“เสี่ยวเสี่ยว….” ริมฝีปากของนางเฉิงสั่นเทาเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่หยุดเอาไว้ ท่าทางของเธอแสดงออกถึงความเศร้าหลังจากนั้นเธอถอนหายใจ
“ไม่มีอะไรหรอก ช่วยแม่หยิบโจ๊กออกไปเพื่อทานอาหารเช้ากันเถอะ!”
“ท่านแม่ ท่านเป็นห่วงว่าจะมีคนพูดถึงเรื่องที่พวกเขาได้เห็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาใช่หรือไม่?” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่สามารถเดาความคิดสิ่งที่อยู่ในใจของแม่เธอได้
นางเฉิง โบกมือเธอส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า
“แม่ไม่เป็นกังวลหรอก คนอื่นไม่เห็นว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร พวกเขาคงได้แต่เพียงนินทา แต่ข้าเป็นห่วงเจ้า การที่เจ้าทำเช่นนี้มันส่งผลเสียต่อเจ้าหรือไม่!”
“ท่านแม่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง เสี่ยวเสี่ยว สบายดี!” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว รู้สึกมีความสุขและพยายามปลอบแม่ของเธอ บางทีเป็นเพราะเธออ่านนิยายแฟนตาซีมามากเกินไป เธอจึงไม่เคยคิดว่าการมีมิตินั้นจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเธอหรือไม่ เธอเพียงคิดว่ามันมีประโยชน์ต่อผู้อื่นดังนั้นเธอจึงไม่คิดอะไรมาก
นางเฉิงจ้องมองลูกสาวอย่างจริงจังจากนั้นเธอถอนหายใจเบาๆและตบลงบนมือของลูกสาว
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าไม่เข้าใจ หากความลับนี้เปิดเผยเจ้าและพี่น้องของเจ้า จะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง!”
“ท่านแม่ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่พูดจาไร้สาระอีก” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่ใช่เด็กน้อยดังนั้นเธอจึงเข้าใจว่าความสามารถที่เธอมีนั้นทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้
“สวรรค์ประทานพรมาให้เรา แม่ไม่ต้องการให้เรื่องนี้ทำให้เจ้าเดือดร้อน โชคดีที่ตอนนี้เจ้าโตขึ้นมากข้าจึงรู้สึกกังวลน้อยลง เจ้าทำทุกอย่างให้กับครอบครัวมากยิ่งนัก”
“ท่านแม่โปรดอย่ารู้สึกอย่างนั้น เราเป็นครอบครัวเดียวกัน!” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่ชอบที่แม่ของเธอคิดแบบนี้ นี้ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงบางอย่างเมื่อคืนนี้เธอจึงขมวดคิ้ว
“ เสี่ยวเสี่ยว เจ้ามีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านแม่ทำไมท่านไม่นำไก่ไปฝากผู้เฒ่าหลิวสักหน่อยเล่า เพื่อให้เขาเขียนบางอย่างให้กับเรา เผื่อภายภาคหน้าเราสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคตได้”
“เจ้าหมายถึง…” นางเฉิง ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว พยายามบอกเธอ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว อธิบายว่า
“ท่านแม่ แม้ว่าเราจะอยู่ที่นี่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่พื้นที่แห่งนี้ยังคงเป็นของหมู่บ้านต้นไม้ ตอนนี้เรากำลังทำฟาร์มและเลี้ยงสัตว์วิถีชีวิตของเรากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ หากชาวบ้านหมู่บ้านต้นไม้รู้สึกอิจฉาและต้องการพื้นที่ดินคืนพวกเราจะไม่มีสิทธิ์ในดินแดนเหล่านี้หากไม่ทำข้อตกลงกับผู้เฒ่าหลิว”
“อ่า..ข้าไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลย เราอยู่ที่นี่มา 2-3 ปีแล้วทำไมพวกเขาจะต่อสู้กับเราเรื่องนี้” ในใจของนางเฉิงนั้นพื้นที่ที่เธออยู่นั้นถือว่าเป็นของเธอ ทำไมพวกผู้คนเหล่านี้ถึงต้องการสิ่งนี้ของพวกเธอกัน?
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว อ่านใจแม่ของเธอออกและพูดว่า
“ท่านแม่ผู้คนนั้นมีความโลภมากมาย ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกคน แต่คนแบบนี้ก็ยังมีอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสภาพครอบครัวของเราดีขึ้นก็จะมีแต่คนอิจฉา ถ้าคิดว่าเราควรวางแผนเตรียมพร้อมแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นเราคงไม่สามารถทำอะไรได้”
“ เสี่ยวเสี่ยว เจ้าพูดได้ถูกต้อง!”นางเฉิงเงียบไปสักพักเธอไม่ใช่ผู้หญิงโง่ เธอจะหนักได้ถึงความโลภและความโหดเหี้ยมของผู้คน ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงไม่ต้องมาอยู่ที่นี่ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เธอเห็นด้วยที่จะไปหาผู้เฒ่าหลิว เพื่อให้เขียนบางอย่างแก่พวกเธอ
“ตกลงแม่จะเดินทางไปที่นั่นหลังจากอาหารเช้า!”
“ท่านแม่ไปกินข้าวกันเถอะ!”
นางเฉิงยิ้ม และไปกินข้าวพร้อมกัน เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ช่วยยกอาหารเช้า ทันใดนั้นเธอก็จำได้ว่ามีปลาอยู่ในมิติซึ่งเป็นปลาที่โตเต็มที่ ดังนั้นรอยยิ้มของเธอจนสดใสขึ้นและพูดว่า
“ท่านแม่ปลาในมิตินั้นกำลังอยู่ในวัยที่สามารถนำมาเป็นอาหารได้ เราสามารถทำปลาทอดในมื้อกลางวันได้ไหม”
“ได้สิ เราไม่ได้กินปลามานานแล้ว!”
“ข้ามั่นใจว่าพวกน้องๆจะต้องชอบมัน”
“แน่นอน เพราะพวกเขาชอบทุกอย่าง!”
หลังจากทานอาหารเช้านางเฉิงเข้าไปในบ้าน และพูดคุยกับ เฉิงไป๋หยวน จากนั้นเดินทางไปยังหมู่บ้านต้นไม้พร้อมกับไก่และกระต่าย
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว เห็นแม่ของเธอที่เป็นคนจิตใจดีทำให้เธอต้องหัวส่ายหัว ไม่ใช่ว่าเธอไม่ต้องการเสียกระต่ายให้กับพวกเขา แต่เธอรู้สึกว่าการนำของไปเล็กน้อยนั้นจะไม่ดึงดูดความสนใจคนอื่น เนื่องจากเธอรู้สึกว่าการเดินทางไปตลาดทั้งสองครั้งนั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
2-3 ชั่วโมงต่อมานางเฉิงก็เดินทางกลับมายังบ้าน เธอสังเกตเห็นว่านางเฉิงอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดและมีความสุขในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเธอจึงถามแม่ของเธออย่างงุนงงว่า
“ท่านแม่เป็นอะไรหรือ มีอะไรเกิดขึ้น?”
“เรื่องเล็กน้อย!”นางเฉิงถอนหายใจและพูดว่า
“ตอนนี้มันได้รับการแก้ไขแล้ว ผู้เฒ่าหลิวยอมรับข้อเสนอของเรา ไม่มีใครในหมู่บ้านต้นไม้ทำการเกษตรมากนักดังนั้นพื้นที่เหล่านี้จึงเป็นพื้นที่ว่าง เราสามารถปลูกมันได้”
“มีคนอื่นพูดอะไรอีกหรือไม่?” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ
นางเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและเริ่มเล่าเหตุการณ์
ความจริงเมื่อ นางเฉิง มุ่งหน้าไปยังบ้านของผู้เฒ่าหลิวพร้อมกับไก่และกระต่าย เธอได้พบกับชาวบ้านจำนวน หนึ่งพวกเขารู้สึกประหลาดใจที่เธอค่อนข้างใจดีแก่ผู้เฒ่าหลิว และพวกเขายังอยากรู้อยากเห็นว่าเธอมีจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้เพื่อสิ่งใด
นั่นทำให้ผู้หญิงที่ชอบนินทามายังบ้านของผู้เฒ่าหลิว เมื่อนางเฉิงเสนอความคิดที่จะขอพื้นที่ในการทำไร่นา ผู้หญิงเหล่านั้นต่างส่งเสียงขัดค้านจนทำให้ผู้เฒ่าหลิวรู้สึกลังเลที่จะยอมรับข้อเสนอของเธอ เพราะสุดท้ายแล้วพื้นที่ทั้งหมดของหมู่บ้านต้นไม้ก็เป็นของชาวบ้าน ผู้เฒ่าหลิวไม่อาจตัดสินใจได้เพียงคนเดียว นางเฉิงไม่เข้าใจว่าผู้หญิงเหล่านี้ต้องการสิ่งใด อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นว่าผู้นำของกลุ่มผู้หญิงเหล่านี้คือคือเสี่ยวหงคนที่มีเรื่องทะเลาะ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว นางเฉิงรู้ทันทีว่าเธอพยายามทำอะไร เธอโกรธมากจนใบหน้ากลายเป็นสีแดง ไม่ใช่ว่าเธอดูถูกชาวบ้านแต่พวกเขาโจมตีลูกสาวของเธอด้วยคำพูดที่น่ารังเกียจ และเป็นเพราะลูกสาวของเธอทำให้เสี่ยวหงเสียหน้าเมื่อสองสามวันก่อน
นางเฉิงซึ่งเป็นผู้หญิงอ่อนโยนอยู่เสมอได้ระเบิดอารมณ์และพูดโต้เถียงกลับไปทำให้พวกเขาพูดไม่ออก ผู้หญิงชาวบ้านไม่ได้รับการศึกษาดังนั้นเมื่อฟังคำพูดของนางเฉิงพวกเขาไม่ค่อยเข้าใจและไม่สามารถตอบโต้ได้
ในที่สุดผู้เฒ่าหลิวซึ่งมีใจโอนเอียงให้กับนางเฉิงเสมอรู้สึกเบื่อหน่ายผู้หญิงเหล่านี้ที่มารวมตัวกันดังนั้นเขาจึงให้สัญญาว่าจะโอนกรรมสิทธิ์พื้นที่ให้กับนางเฉิง
หลังจากที่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ฟังเรื่องราวจบเธอรู้สึกมีความสุข ถึงแม้ในตอนนี้เธอไม่สามารถที่จะทำอะไรผู้หญิงปากร้ายเหล่านั้นได้แต่เธอก็พูดขึ้นมาว่า
“ท่านแม่อย่าได้กังวลใจเลยในตอนนี้ หากพวกเขาพยายามมาก่อปัญหาจริงๆพวกเราสามารถจัดการกับพวกเขาได้!”
-----------------------------