ซัพที่12: หนูวม่ายอาววว
ซัพที่12: หนูวม่ายอาววว
เมื่อเมิ่งชงหยวนป้อนยาด้วยช้อนอีกครั้ง ครั้งนี้จินหลงยอมฝืนทนกระเดือกลงไป ทำให้เจียงสงโล่งใจไปด้วย หลังป้อนยาหมด ชงหยวนจึงหันมาทางเจียงสง
“อาการขององค์ชายไม่หนักหนา ด้วยยาวิเศษของข้า เมื่อองค์ชายฟื้นขึ้นมาคงหายเป็นปกติ” เมิ่งชงหยวนอธิบาย เหล่านางกำนัลฮือฮา เจียงสงจึงถามขึ้น
“หายจากสติฟั่นเฟือนเลยหรือ?!”
“เห้ย! นั่นก็เกินไป ข้าหมายถึงหายจากอาการป่วยเป็นไข้หนาวตัวสั่นต่างหาก” หมอเทวดาตกใจร้องลั่น ทุกคนจึงพยักหน้าหงึกหงักช้าๆ เป็นอันเข้าใจ ต่างจากเจ้าตัวแสบบนเตียงที่กลั้นขำ
“แล้วเรื่องนี้ข้าแนะนำอย่าให้ปิดข่าวไว้ อย่าให้เรื่องนี้แพร่งพราย” เมิ่งชงหยวนแนะนำ
“ทำไมล่ะเจ้าคะ?” นางกำนัลเอ่ยถาม ท่านหมอถอนหายใจก่อนอธิบาย
“ขืนเรื่องนี้รู้ถึงฮ่องเต้เข้าล่ะก็ มีหวังพวกเราทั้งหมดหัวขาดแน่” เขาทำท่าเชือดคอประกอบ
“แต่ท่านเล่นโวยวายหน้าประตูเช่นนั้น คงแปลกนักหากฝ่าบาทไม่..” ไม่ทันที่เจียงสงจะเอ่ยจบ เสียงขานของขันทีหน้าประตูก็ดังขึ้น
“ฮ่องเต้เสด็จจจ” คนด้านในห้องต่างอ้าปากค้าง ใบหน้าซีดขาว เมิ่งชงหยวนอาศัยจังหวะที่ทุกคนหันไปมองต้นเสียงรีบเขย่าขาจินหลงให้ลุกขึ้นมาช่วย จังหวะเดียวกับที่ฮ่องเต้ก้าวเข้ามาด้านในห้อง แต่เจ้าตัวแสบกลับนอนนิ่งรอดูเรื่องสนุก
“จินหลงเป็นเช่นไรบ้าง” ฮ่องเต้สาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนต้องรีบถอยไปทำความเคารพ
“ทูลฝ่าบาท อาการองค์ชายสี่นั้นมิมีอะไรต้องเป็นกังวลพะยะค่ะ เมื่อครู่กระหม่อมได้ให้องค์ชายเสวยโอสถแล้ว” เมิ่งชงหยวนรายงาน ทว่าดวงตาของเขากับเพ่งไปที่องค์ชายน้อย
“แล้วเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้เช่นไร คุณชายอู๋ เหตุใดจินหลงจึงหนีไปวังหลังได้” ฮ่องเต้ตวาด เจียงสงสะดุ้งก่อนจะฉงน
..องค์ชายหนีไปวังหลังนี่เอง..ก็ว่าทำไมข้าจึงตามหาพระองค์ไม่เจอ
“ทูลฝ่าบาท เป็นความผิดหม่อมฉันเอ..” ไม่ทันที่เจียงสงจะพูดจบ จินหลงก็กำชายเสื้อเขาไว้ แล้วค่อยๆ ลืมตา
“ม่ายอาว ห้ามว่าพี่เจียงสง ปะป๋าห้ามว่าพี่เจียงสงง” จินหลงเบะปากจะร้องไห้ ฮ่องเต้จึงรีบวิ่งเข้ามาดูเขา
“จินหลงเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง เหตุใดเจ้าจึงหมดสติ” ฮ่องเต้ร้อนรน เจ้าตัวแสบยังไม่ปล่อยมือจากเสื้อของเจียงสง
“ห้ามว่าพี่เจียงสงง พี่เจียงสงไม่ผิดด หนูวผิดเองง ฮึก..ก..” เด็กน้อยเบะปากกว่าเคย
“ได้ๆ พ่อรับปากเจ้า เจ้าเล่ามาเถิดนี่มันเรื่องอะไร” จินหลงรีบใช้สมองประมวลผลหาวิธีที่มีผลกระทบน้อยที่สุด
วิธีที่จะไม่ทำให้คนของเขาเดือดร้อน
วิธีที่จะไม่ทำให้พี่รองเกลียด
วิธีที่จะไม่ทำให้เสด็จแม่เดือดร้อน
“หนู..หนูแค่อยากไปเล่นกะพี่รอง พี่สาม น้องห้าเองงง ฮืออ...อ หนูคิดเถิงพี่น้องงง” จินหลงแหกปากร้องไห้ เมิ่งชงหยวนนึกนับถือจินหลงในใจ ฮ่องเต้แสดงท่าทางร้อนรน ไม่รู้จะทำเช่นไร
“เช่นนั้นหลังเจ้ากินยาเคลื่อนดาราของหมอเมิ่งแล้ว ข้าจะให้เจ้าย้ายกลับตำหนักแล้วกัน” จินหลงหัวใจแทบหยุดเต้น ม๊ายยย ข้าไม่อยากกลับ ขืนกลับไปมีหวังได้โดนพี่รองฆ่าตายแหง
เจ้าตัวแสบร้อนรนในใจ ก่อนจะเงยหน้ามองเจียงสงที่เขายังคงจับชายเสื้อไว้
“พี่เจียงสงล่ะ พี่เจียงสงล่ะ” จินหลงแกล้งกำชายเสื้อเจียงสงแน่นกว่าเคย พร้อมกับดึงและกระตุกมันไปมา
“จินหลง เจียงสงไม่ใช่พี่ของเจ้า วังในมีเพียงสตรีและขันทีเท่านั้นที่เข้าไปได้” ฮ่องเต้พยายามอธิบาย จินหลงจึงเอามือจับไปที่จุดยุทธศาสตร์ของตน และเอียงคอมองผู้เป็นพ่ออย่างไม่เข้าใจ
“งั้นหนูเปงก็ผู้หญิง” ฮ่องเต้กุมขมับ ต่างจากคนในห้องที่กลั้นหัวเราะ โดยเฉพาะเมิ่งชงหยวนที่กัดริมฝีปากแน่น หน้าเริ่มเป็นสีแดงจากการกลั้นขำ
“เอาเป็นว่าคุณชายอู๋เข้าไปวังหลังกับเจ้าไม่ได้ เมื่อวันนั้นมาถึงเจ้าต้องบอกลาคุณชาย” เมื่อเห็นจินหลงปล่อยมือจากเสื้อของเจียงสง ฮ่องเต้จึงโล่งพระทัย ทว่าเจ้าตัวแสบกลับกระโดดขึ้นกอดคอเจียงสงแน่น ทำเอาอีกฝ่ายเซจนล้มลงไปอยู่กับพื้น
“เห้ย!” เจียงสงร้องด้วยความตกใจ ต่างจากเจ้าตัวเล็กที่ดิ้นพล่านอยู่บนหลัง
“ม่ายอาวๆๆ จินหลงจะอยู่วกะเจียงโสงงงง ม่ายอาวๆๆ” เจ้าตัวแสบแหกปากโวยวาย ยิ่งสร้างความทรมานให้กับท่านหมอเมิ่งในการกลั้นเสียงหัวเราะ
“จินหลง! ทำตัวดีๆ สิ เจ้าเป็นถึงองค์ชายสี่นะ” ฮ่องเต้ตวาด
“ม่ายอาวๆๆ จินหลงจะอย่กับเจียงสง จินหลงไม่ปายหนายยยย จินหลงอยากดูทีวี อยากกินแฮมเบอร์เกอร์ จินหลงร้อน เปิดแอร์ให้หน่อยยย” เจ้าตัวแสบปล่อยคอเจียงสงและลงมาดิ้นพล่านกับพื้นโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง ท่านหมอเมิ่งเห็นฮ่องเต้ตะลึง จึงกระแอมขึ้น
“ทูลฝ่าบาท ในฐานะที่กระหม่อมเป็นหมอผู้ดูแลองค์ชายสี่ กระหม่อมขอแนะนำว่าพระองค์อย่าได้ขัดองค์ชายเลยพะยะค่ะ ไม่แน่การมีคนรู้ใจอยู่ข้างกาย อาจทำให้องค์ชายมีพระอาการดีขึ้นก็เป็นได้พะยะค่ะ” เมิ่งชงหยวนเข้าข้างจินหลง ฮ่องเต้ถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า
“เช่นนั้นเรื่องนี้ไว้ค่อยคุยทีหลัง ..เมิ่งชงหยวน อาทิตย์หน้าก็ครบกำหนดเวลาของเจ้าแล้ว หวังว่ายาเคลื่อนดาราที่เจ้าโอ้อวดสรรพคุณจะได้ผลจริงดั่งที่เจ้าว่า” ฮ่องเต้ตรัส ก่อนจะหันไปมองเจียงสงที่ยังเหวอ
“เรื่องครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะความคิดถึงพี่น้องขององค์ชายสี่ ข้าจึงไม่เอาความ การที่พี่น้องรักใคร่ปรองดองย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีและหาได้ยากยิ่งในวังนี้” เมื่อตรัสจบ ฮ่องเต้จึงหันมาทางโอรสน้อย
“จินหลง ไว้ข้าจะให้พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม และน้องห้าแวะเวียนมาหาเจ้าบ้าง” สิ้นเสียง พระองค์จึงเดินจากไป ทิ้งให้จินหลงอ้าปากเหวอ
นี่กลายเป็นว่าเขาหาเรื่องให้ตัวเองอีกแล้วใช่ไหม!!
เจ้าตัวแสบแทบหลั่งน้ำตา ไม่เคยคิดเลยว่าทุกการกระทำของตัวเองจะวกกลับมาตลอด นี่สินะที่เขาเรียกว่าขว้างงูไม่พ้นคอ ท่าทางงูที่พันคอเขาจะเป็นงูอนาคอนด้าซะด้วยสิ!
“ช..ช้าก่อน..ช้าก่อนฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้อยากเป็นพี่เลี้ยงองค์ชายเสียหน่อยย กระหม่อมอยากฝึกเป็นทหารต่างหาก!” เจียงสงแหกปากลั่น แทบจะร้องไห้ ทั้งทีโชคร้ายที่เมื่อครู่เขาเอาแต่หวาดกลัวบารมีของฮ่องเต้ จนไม่กล้าเอ่ยอันใด กว่าจะนึกขึ้นได้ก็สายเกินไปแล้ว
“เอาน่าๆ อยู่กับองค์ชายก็ดูท่านสนุกนักนี่ ทั้งยังได้ฝึกวรยุทธ์ด้วย อีกอย่างขนาดองค์ชายมีอายุเพียงเท่านี้เจ้ายังไล่จับไม่ได้ นับภาษาอะไรกับการฝึกทหาร เหลวเป๋วแย่” ท่านหมอแดกดัน เจียงสงหันมาฉีกยิ้มหวาน ก่อนจะเอ่ยย้อนไปว่า
“แล้วท่านล่ะ ยาเคลื่อนดาราทำเสร็จแล้วหรือไร เหตใดจึงยังมาลอยชายอยู่ที่นี่” เมิ่งชงหยวนยักไหล่ ไม่สะทกสะเทือนกับคำของอีกฝ่าย
“แน่นอน ฝีมือระดับข้า ไม่นานก็เสร็จ เพราะอะไรน่ะหรือ? เพราะข้าคือหมอเทวดายังไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ”เมิ่งชงหยวนเท้าเอวคุยโอ้อวดตัวเอง เจียงสงกรอกตาไปมา ก่อนจะถอนหายใจและยิงคำถาม
“แล้ว..เหตุใดองค์ชายจึงฟื้นขึ้นมาพอดีล่ะ?” จินหลงและเมิ่งชงหยวนสะดุ้งเฮือกหันมามองหน้ากัน ก่อนจินหลงจะแกล้งเซไปมา
“หนูว..หนูวไม่หวายแล้ววว” สิ้นเสียง จินหลงจินล้มพับลงไปบนเตียง ทิ้งให้ท่านหมอรับหน้าแทน เมิ่งชงหยวนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่กล้าบอกว่าจินหลงแกล้งบ้า สมองอันชาญฉลาดคิดไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะได้ข้อสรุป
“เมื่อครู่ตอนฝ่าบาทเสด็จ ข้าได้ฝังเข็มลงบนร่างขององค์ชาย กระตุ้นให้พระองค์ตื่นขึ้นมาชั่วคราวก่อนจะนอนซมไปอีกครั้งเพราะพิษไข้” เมิ่งชงหยวนสร้างเรื่องได้อย่างแนบเนียน มีเสียงแสดงความนับถือมาจากเหล่านางกำนัล ต่างจากเจียงสงที่หรี่ตามองอย่างไม่อยากเชื่อ แต่จะให้คิดว่าเด็กตัวเท่านี้จะเล่นตามเกมท่านหมอ มันก็ดูจะเกินจริงไป เจียงสงเดินไปข้างเตียง จัดท่าให้จินหลงนอนดีๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง
“ทีนี้ก็หมดธุระของข้าแล้วสินะ” คุณชายอู๋เดินออกไปได้สักพัก เมิ่งชงหยวนจึงไล่นางกำนัลทั้งหมดออกไป และเดินไปปิดประตูอย่างมิดชิด ก่อนจะหันมาเอ่ยกับองค์ชาย
“ไม่มีใครอยู่แล้ว” พลันดวงตาของจินหลงจึงเบิกโผลง เจ้าตัวแสบเบะปากอย่างรำคาญใจ ก่อนลุกขึ้นนั่งบนเตียง
“เจ้านี่เนียนชะมัด ข้าล่ะอยากให้รางวัลตุ๊กตาทองเสียจริง” จินหลงกึ่งชมกี่งประชด เมิ่งชงหยวนจึงไม่เข้าใจ
“อะไรคือรางวัลตุ๊กตาทอง ตุ๊กตาที่สร้างจากทองคำหรือไง?” เจ้าตัวเล็กโบกมือปัดๆ ไม่อยากจะอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง
“ทีนี้ท่านก็เล่าให้ข้าฟังได้แล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดท่านจึงเปียกปอนทั้งตัว” เมิ่งชงหยวนเดินมานั่งที่เก้าอี้ จินหลงเอียงคอไปมา
“ก็ไม่มีอะไร เจ้าไม่ต้องรู้หรอก” จินหลงตอบปัด
“ข้าไม่รู้ไม่ได้ ท่านก็รู้อยู่ว่าตัวท่านไม่ใช่คนธรรมดา หากท่านเป็นอะไรขึ้นมา มีหวังพวกข้าหัวขาดกันพอดี” จินหลงส่งเสียงอ๋อเบาๆ
ก็นึกว่าห่วงข้า ที่แท้ก็ห่วงชีวิตตัวเอง
“ข้าแค่ไปหาพวกพี่รองนั่นแหละ ที่เสด็จพ่อมาเร็วก็คงเพราะได้ยินเรื่องข้าแอบเข้าวังหลังจากขันที จึงคิดจะเสด็จมาอยู่แล้ว” จินหลงเอนตัวลงนอนอีกครั้ง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่เนื้อตัวท่านเปียกปอน?” เมิ่งชงหยวนไม่เข้าใจ
“โดนกดน้ำจะให้เปื้อนดอกไม้หรือไง?” จินหลงยอกย้อน ทว่าคำของเขากลับทำให้เมิ่งชงหยวนร้องลั่น
“ห้ะ!! นี่พระองค์โด.. อุ๊บ” ไม่ทันทีท่ท่านหมอจะพูดจบ จินหลงรีบพุ่งเข้าปใช้มืออุดปาก
“ท่านจะบ้าหรอ! จะป่าวประกาศให้คนทั้งวังรู้หรือไง?!”เจ้าตัวเล็กต่อว่า ท่านหมอรีบดึงมือของเขาออก ก่อนจ้องน้าอีกฝ่าย
“พระองค์นั่นแหละ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นี่ นี่พระองค์เล่นกันอีท่าไหนถึงได้โดนกดน้ำ” เมิ่งชงหยวนต่อว่า
“เฃ่นบ้าเล่นบอไรล่ะ ข้าแค่เล่นกับน้องห้าอยู่ดีๆ จู่ๆพี่รองก็โผล่มาตามสเต็ปตัวโกงแบบในนิยาย ตอนแรกก็เห็นนั่งเรียนกับราชครูอยู่ ไม่รู้ทำอีท่าไหนถึงออกมาด้านนอกได้” จินหลงโวยวาย
“องค์ชายรองไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของพระองค์หรอกหรือ เหตุใดจึงทำร้ายพระองค์ได้” เมิ่งชงหยวนไม่เข้าใจ จินหลงจึงถอนหายใจ และกระโดดลงมาบนพื้น
“โลกในวังมันต่างจากโลกภายนอก โลกภายนอกพี่น้องเป็นดั่งความผูกพัน ช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน แต่ในวัง แม้สายเลือดเดียวกันก็สามารถเข่นฆ่ากันได้ พี่ฆ่าน้อง น้องฆ่าพี่ แม่ฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องปกติเมื่อมีบัลลังก์และผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง” จินหลงหน้าหมองลง เขานึกถึงช่วงเวลาวัยเด็กในชาติแรกที่ตัวเขาและน้องชายสนิทกันนักหนา ทว่าเมื่อโตมากลับถูกทำให้บาดหมาง ท้ายที่สุดก็ถูกน้องรักสังหาร
“..สรุปแล้ว พระองค์เป็นใครกันแน่?” จินหลงสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเมิ่งชงหยวน พร้อมเลิกคิ้วถาม
“ทั้งความคิด ทั้งท่าทาง ทั้งบรรยากาศรอบตัว ทั้งความรู้ความสามารถ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เด็กอายุห้าปีควรเป็น” จินหลงนิ่ง ก่อนจะเผยยิ้มจางๆ
“ท่านอยากรู้หรือ?” องค์ชายน้อยใช้มือไขว้หลังเดินไปมา
“แน่นอน” ท่านหมอเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง จินหลงจึงกระดิกนิ้วให้เขาเอียงหูมา
“ข้าจะบอกความจริงให้เจ้าฟัง เจ้าอาจไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่..สิ่งที่ข้าพูดคือความจริง การที่ได้มีใครสักคนมาปรึกษาหารือย่อมเป็นเรื่องดีนัก” จินหลงเอ่ย ท่านหมอจึงรีบเอียงหูให้ จินหลงยื่นหน้าไปใกล้ ก่อนจะเผยว่า
“ข้าคือ..เด็กที่หล่อที่สุดในโลกกกกกก!! / เห้ย!!” เจ้าตัวแสบแหกปากลั่น ท่านหมอร้องอย่างตกใจ แก้วหูของเขาสะเทือนจนดับไปชั่วครู่ ทำเอาหูซ้ายไม่ได้ยินอะไร ส่วนหูขวานั้นได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขององค์ชายตัวดี ที่บัดนี้ลงไปขำกลิ้งกับพื้น
“ท..ท่าน!!!” เมิ่งชงหยวนแหกปากชี้เจ้าตัวแสบที่อยู่บนพื้นด้วยโทสะ ไม่คิดว่าเจ้าเด็กแสบนี่จะเล่นเช่นนี้!
“ฮ่าๆๆๆ โอ้ยยย เอิ๊กๆ ท่านจะบ้าหรือไง ข้า..ฮ่าๆๆ ข้าก็เป็นข้า เป็นเด็กผู้มีวาสนาสูงส่ง มีทั้งหน้าตาหล่อเหลา ฐานะดีเลิศ ยศศักดิ์แทบจะไร้ใครเทียม ฮ่าๆๆ” จินหลงนอนเก๊กท่า ก่อนจะกลับไปหัวเราะอีกครั้ง เมิ่งชงหยวนเม้มปากแน่น ดวงตาวาวด้วยโทสะ
“ได้! ข้าจะไม่ช่วยพระองค์แล้ว! ข้าจะไปบอกคุณชายอู๋กับฝ่าบาท ว่าพระองค์แกล้งบ้า!” เมิ่งชงหยวนทำท่าเดินฟึดฟัดออกไป ทำเอาจินหลงตาเหลือก รีบวิ่งไปตะครุบชายผ้าอีกฝ่ายจากด้านหลัง ทำเอาเมิ่งชงหยวนแทบหน้าทิ่ม
“ได้ๆๆ ข้าบอกท่านแล้ว ข้าบอกท่านแล้วววว อย่าไปบอกเสด็จพ่อหรือคุณชายอู๋เชียวนะ!” จินหลงแหกปาก ทิ้งตัวลงบนพื้น ทำให้อีกฝ่ายไม่อาจเดินได้
“งั้นพระองค์ก็บอกข้ามาดีๆ ได้แล้ว” เมิ่งชงหยวนเริ่มหมดความอดทน จินหลงจึงช้อนตามองเขา ก่อนจะตอบว่า
“ข้าคืออดีตฮ่องเต้จากต่างโลกนามว่า หยางฮุ่ยหลง!”