ตอนที่แล้วบทที่ 25 ผู้ก่อตั้งตระกูลหลี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27 ถูกลดระดับเป็นตระกูลaสาขา

บทที่ 26 ถูกทิ้งให้อยู่ในความตกตะลึง...


บทที่ 26

ถูกทิ้งให้อยู่ในความตกตะลึง...

หลี่ซวนเฟิงกล่าวอธิบายน้ำเสียงนุ่มนวล “ทักษะของฟู่เฉิน แม้ว่าเขาจะแพ้การแข่งขันไปหนึ่งนัดเขายังคงมีโอกาสที่จะคว้าหนึ่งในห้าอันดับแรก สำหรับอนาคตของตระกูลหลี่ ข้าหวังว่าเขาจะแพ้นัดเดียวให้หยุ่นไห่ .”

“มันเป็นไปไม่ได้” หลี่เทียนฮั่นปฏิเสธในจุดนี้ “เมื่อผู้อาวุโสนอกนิกายคังเหลียน สังเกตการณ์การแข่งขันอัจฉริยะนี้ ถ้าฟู่เฉินจงใจยอมแพ้เขาจะสูญเสียคุณสมบัติเพื่อได้ไปต่อทันที”

มีเรื่องราวเคยเกิดขึ้นในอดีต เมื่อตระกูลหนึ่งต้องการได้ตำแหน่งในการแข่งขันมากขึ้นและสั่งให้ผู้แข่งขันที่มีความแข็งแกร่งจงใจยอมแพ้การแข่งขัน ผู้อาวุโสนอกนิกายคังเหลียนสังเกตเห็นและตัดสิทธิ์ผู้แข่งขันที่จงใจแพ้ทันที

และเชื่อได้เลยว่านิกายคังเหลียนจะทำเช่นนั้นจริง นับไม่ถ้วนเมืองที่อยู่ภายใต้การบัญชาของนิกาย พวกเขามีจำนวนอัจฉริยะในมือมากมายก่ายกอง พวกเขาจะไม่สนใจว่าจงใจหรือไม่ เพราะเหล่าสาวกที่มีศักยภาพแท้จริงได้ถูกรับเชิญให้เข้าร่วมนิกายแล้ว

“เราต้องยอมสละหนึ่งในนั้น เจ้าคือผู้นำตระกูลเจ้าควรรู้ว่าใครควรยอมแพ้” หลี่ซวนเฟิงรู้ว่าการจงใจยอมแพ้แข่งขันไม่ใช่วิถีทาง แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้องเขาไม่จำเป็นต้องร้องขอเป็นการส่วนตัว

หลี่เทียนฮั่นวางสีหน้าไม่พอใจแล้วกล่าวว่า “ท่านผู้ก่อตั้ง ท่านต้องการให้ข้าสละฟู่เฉินใช่หรือ? นี่ไม่ใช่คำถามอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ฟู่เฉินเห็นด้วย ข้าจะคัดค้าน”

เขาไม่ใช่คนที่เป็นกลางและเสียสละ ดังนั้นถ้าเขาเป็นผู้ปกครอง หากเป็นเพราะสถานะนี้ที่เขาต้องละทิ้งอนาคตของบุตรชาย เขาก็ยอมสละตำแหน่ง

หลี่หวงเฟิงคิ้วขมวดแคบ “ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าในฐานะพ่อ แต่เจ้าต้องยอมรับความจริงที่ว่าเจ้าไม่ใช่แค่พ่อของฟู่เฉิน แต่เจ้าก็เป็นผู้นำตระกูลหลี่ด้วย หากเจ้าไม่เสียสละเพื่อส่วนรวม แล้วผู้ใดเล่าจะยอมเสียสละเพื่อตระกูล”

“เสียสละ? การให้บุตรชายของข้ายอมแพ้คือสิ่งที่เรียกว่าการเสียสละเพื่อส่วนรวม งั้นเหรอ?” หลี่เทียนฮั่นถาม

หลี่ซวนเฟิงป่าวประกาศ “เทียนฮั่น ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสับสนหรือแสร้งทำกันแน่ โครงกระดูกปกติของฟู่เฉินเป็นความจริงที่ทุกคนรู้ แต่หยุ่นไห่มีโครงกระดูกระดับสองดาว โครงกระดูกปกติจะอยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างไร? การยอมแพ้ต่อโครงกระดูกปกติและเลือกโครงกระดูกระดับสองดาวเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตระกูลหลี่”

หลี่เทียนฮั่นไม่เห็นด้วย “ผู้ก่อตั้ง ข้ามองต่างออกไป แม้ว่าเขาจะมีโครงกระดูกสองดาว แต่ในโลกนี้มีโครงกระดูกระดับสองดาวมากมาย แต่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ขอบเขตปฐพีได้ โครงกระดูกปกติก็มีโอกาสบรรลุขอบเขตปฐพีได้ ห่างออกไปสามพันไมล์จากที่นี่ เจ้าเมืองเช่าหยางก็เริ่มต้นด้วยโครงกระดูกปกติเช่นกัน แต่เขายังได้รับตำแหน่งสำคัญเป็นถึงผู้ปกครองเมือง

“นั่นเป็นข้อยกเว้น มีเพียงไม่กี่คน หนึ่งในทุกห้าของผู้มีโครงกระดูกระดับสองดาวจะสร้างผู้ฝึกฝนขอบเขตปฐพีได้หนึ่งคน แต่โครงกระดูกปกติร้อยคนอาจไม่สามารถสร้างผู้ฝึกฝนขอบเขตปฐพีได้เลย ความน่าจะเป็นแค่ 1 ใน 100 มันเทียบกันไม่ได้”

“ท่านผู้ก่อตั้ง ท่านเชื่อจริง ๆเหรอว่าฟู่เฉินเป็นคนทั่วไปที่มีโครงกระดูกปกติ? ตระกูลหลี่ของเราก่อตั้งขึ้นเมื่อหกสิบปีที่แล้ว ท่านเคยเห็นโครงกระดูกปกติที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเช่นนี้หรือไม่? เขาน่าจะเป็นคนที่พิเศษถัดจากเจ้าเมืองเช่าหยาง”

หลี่ซวนเฟิงไม่เปลี่ยนความคิด ‘ดูเหมือนว่าหลี่ฟูเฉินไม่สามารถเปลี่ยนโครงกระดูกปกติได้ ท่าทีการแสดงออกก็อาจหาญยิ่งกว่าเจ้าเมืองเช่าหยางในช่วงวัยหนุ่มสาว แต่โครงกระดูกปกติมีตัวแปรที่ไม่รู้จักนับไม่ถ้วน เกินกว่าที่จะเสี่ยงได้”

เขาปฏิเสธคำพูดของหลี่เทียนฮั่น “ตระกูลหลี่ลงทุนกับหยุนไห่มาก ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมและไม่เพิกเฉยต่อความคาดหวังของข้าที่มีต่อท่าน”

เฉินยู่หยาน ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “ท่านผู้ก่อตั้งก่อนหน้านี้ฟู่เฉินได้ยกเลิกตำแหน่งเข้าสระน้ำทิพย์เพื่อเห็นแก่ตระกูลหลี่ ตอนนี้ท่านยังต้องการให้เขาละทิ้งโอกาสที่จะเข้าสู่นิกายคังเหลียนอีก ในอนาคตข้างหน้า ฟู่เฉินจะต้องสละชีวิตตนเองหรือไม่? มันดูไม่ยุติธรรมสำหรับฟู่เฉินมากไปเหรอ?”

เฉินยู่หยาน รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอยู่ในใจของนาง

“เฉินยู่หยาน เจ้าเป็นเพียงผู้หญิง เจ้าจะพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? หลี่ตี้ชานกล่าวตำหนิ

หลี่เทียนฮั่นโกรธเคือง “หลี่ตี้ชาน, หยานเป็นภรรยาของข้า เป็นนายหญิงแห่งประมุขตระกูลหลี่ ท่านมีอำนาจใดที่มาติเตียนนาง? ใครให้สิทธิ์ท่าน”

หลี่ตี้ชานไม่ยอมอ่อนข้อ “หลี่เทียนฮั่น ท่านใช้อำนาจหน้าที่ของท่านในฐานะประมุข แต่ท่านไม่ได้รับผิดชอบต่อผู้ใด ในมุมมองของท่าน อนาคตของตระกูลหลี่ไม่สำคัญเท่ากับบุตรชายของท่านเหรอ ท่านไม่สมควรที่จะเป็นผู้นำตระกูล”

“หลี่ตี้ชานอย่าโต้เถียงข้าอย่างผิด ๆ ข้า, หลี่เทียนฮั่นไม่เข้าใจความรับผิดชอบที่ท่านเอ่ยถึง จอมยุทธ์จำเป็นต้องมีกระดูกสันหลังของตัวเองและต่อสู้เพื่อสิ่งที่เป็นตัวเขา แต่บุตรชายของท่านต้องการให้ผู้อื่นยื่นมือมาช่วย ? แค่เห็นสิ่งนี้ ข้าคิดว่าเขาไม่อาจประสบความสำเร็จในอนาคต ในขณะที่บุตรชายของข้า ฟู่เฉินที่มีโครงกระดูกปกติเท่านั้นและเขาสามารถสร้างผลสำเร็จในปัจจุบันด้วยตัวเขาเอง โดยไม่ต้องรับบริจาคจากใคร”

“ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เขาพยายามด้วยตัวเอง งั้นเหรอ? ตลกสิ้นดี เขาไม่เคยได้รับโอสถหิมะสีชาดงั้นเหรอ บุตรชายของท่านสามารถก้าวไปสู่ระดับที่หกขอบเขตพลังลมปราณได้หรือไม่?” หลี่ตี้ชานกล่าวล้อเลียน

“เม็ดโอสถเป็นของขวัญจากข้าในฐานะพ่อของเขา มันมีอะไรผิดปกติเหรอ”

“แน่นอนว่าท่านทำได้ ท่านเป็นผู้นำตระกูล ท่านสามารถใช้ทุกสิ่งของตระกูลเพื่อช่วยบุตรชายของท่านย่อมได้ ข้าจะพูดอย่างไรได้เล่า?”

“ท่าน…” หลี่เทียนฮั่นโกรธจัดพร้อมดวงตาเบิกกว้าง

“พอได้แล้ว” หลี่ซวนเฟิงมองอย่างเย็นชาไปที่หลี่เทียนฮั่น

“เทียนฮั่น ท่านทำให้ข้าผิดหวัง ดูเหมือนว่ามันเป็นความผิดพลาดของข้าที่เลือกให้เจ้าเป็นผู้นำ จากนี้ไปท่านจะไม่ใช่ผู้ปกครองของตระกูลหลี่อีกต่อไป ส่วนฟู่เฉินบุตรชายของท่าน ข้าจะพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว”

เขาเชื่อมั่นว่าลูกหลานของตระกูลหลี่ คงไม่กล้าที่จะปฏิเสธผู้ก่อตั้ง

“ท่านผู้ก่อตั้ง…” เฉินยู่หยานพูดด้วยเสียงหดหู่

ขณะที่หลี่ฟู่เฉินมองจากด้านล่างเวที เสียงดังทะลุผ่านเข้าไปในโสตประสาทของเขา

“ฟู่เฉิน ข้าคือปู่ทวดของเจ้า,หลี่ซวนเฟิง”

หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้วขณะหันมองไปทิศทางที่หลี่ซวนเฟิงนั่งอยู่

“เจ้าเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหลี่และมีภาระหน้าที่ต้องเสียสละเพื่อตระกูล ตอนนี้ข้าอยากให้เจ้ายอมแพ้หยุ่นไห่ ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ทรยศความหวังอันยิ่งใหญ่ของปู่ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงามในภายหลัง”

หลี่ฟู่เฉินได้ยินคำขอของหลี่ซวนเฟิงทั้งหมดแม้ไม่แย้มถ้อยคำใด ๆ

หลี่ฟู่เฉินปราศจากความรู้สึกใดๆ แต่ดวงตาห่อเหี่ยวไร้กำลังใจ

ราวกับชะตากรรมกำลังเล่นตลกกับเขา ในการแข่งขันรอบที่สิบ หลี่ฟู่เฉินขึ้นไปต่อสู้กับหลี่หยุ่นไห่

“หลี่ฟู่เฉิน ข้าหวังว่าเจ้าจะเลือกสิ่งที่ถูกต้อง ในอนาคตเมื่อข้ากลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตปฐพี ข้าจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่ยุติธรรม เมื่อเจ้ามองย้อนกลับไปที่การตัดสินใจของเจ้าในวันนี้ เจ้าจะภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำเช่นนั้น” หลี่หยุ่นไห่กล่าวเสียงนุ่มนวล

“พึ่งพาผู้อื่นเพื่อให้ได้โอกาส เจ้าไม่รู้สึกวิตกใดๆ เช่นนั้นหรือ” หลี่ฟู่เฉินถาม

หลี่หยุ่นไห่หัวเราะ “ข้าจะวิตกเรื่องอะไรกัน? ในเมื่อกฎของโลกนี้คือแข็งแกร่งที่สุดคือสิ่งสูงสุด การเป็นคนแข็งแกร่ง กระบวนการไม่สำคัญเท่าผลลัพธ์และไม่ต้องสงสัยเลยว่าข้าเป็นความหวังของตระกูลหลี่ ไม่ใช่เจ้า”

“เจ้ามีสำนึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้างมั้ย”

หลี่ฟู่เฉินเลิกเปลือกตาขึ้นและจ้องไปที่หลี่หยุนไห่อย่างเอาจริงเอาจัง

“ตั้งแต่ที่ข้า, หลี่ฟู่เฉินอยู่ในโลกนี้ ข้าไม่เคยถูกครอบงำโดยใคร ไม่มีใครขัดขวางเส้นทางของข้า แม้แต่ผู้ก่อตั้ง…หลี่หยุ่นไห่ เจ้าจงเตรียมพร้อมรับความพ่ายแพ้เสียเถอะ!”

หลี่ฟู่เฉินไม่ได้วางแผนที่จะพ่ายแพ้คู่ต่อสู้ เพราะเขาไม่สมควร

ซ่วบ!

ดาบไม้แทงด้วยความเร็วที่น่าตกใจไปที่หลี่หยุ่นไห่ หลี่ฟู่เฉิน เชื่อว่าการโจมตีนี้คือการโจมตีที่ดีที่สุดของเขา สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ ด้วยประกายแสงของดาบเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้

หลี่หยุ่นไห่ถึงกับสะดุ้งตกใจ “หลี่ฟูเฉิน เจ้าอุกอาจมากเกินไป! เจ้าคือคนบาปแห่งตระกูลหลี่!”

หลี่หยุ่นไห่มีเวลามากพอที่จะยกดาบขึ้นเพื่อป้องกันตัว

ซ่วบ!

ดาบไม้ในมือของหลี่หยุนไห่แตกละเอียด เขารู้สึกเจ็บที่หน้าอก และลอยโผออกจากเวทีราวกับถูกพายุหมุนพัดพาไป

ในขณะนี้ พื้นที่สนามปะลองถูกทิ้งให้อยู่ในความตกตะลึง...

ติดตามอัพเดทได้ที่แฟนเพจ indynovels

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด