ตอนที่ 176 พี่สาม ท่านไม่รู้สึกละอายบ้างหรือที่ไม่ให้ของขวัญ ?
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นผู้คนมองสมาชิกในตระกูลเฟิงอย่างดูถูก พระองค์พบว่าสิ่งนี้สนุกมาก เมื่อคิดเพียงเล็กน้อย พระองค์ตรัสอีกครั้งว่า “เสนาบดีเฟิงเป็นขุนนางขั้นหนึ่ง และเป็นเสนาบดีที่เชื่อถือได้มากที่สุดของเรา แต่ฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิงนั้นเราไม่ได้แต่งตั้ง นี่เป็นผลมาจากความประมาทของเราอย่างแท้จริง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงจินหยวนคิดว่าเหยาซื่อจะได้รับการแต่งตั้ง ?
ลืมมันไปตราบใดที่ฮ่องเต้ไม่ได้ตรวจสอบเรื่องอื่น ๆ หากเขาต้องการมอบตำแหน่ง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดมันจะเป็นโชคของตระกูลเฟิง สำหรับเขาไม่มีข้อเสีย แต่…
พระองค์เหลือบมองเฟิงเฉินหยูที่อยู่ข้าง ๆ และและถอนหายใจภายใน
ไม่ว่านางจะเป็นหงส์เพลิงหรือไม่ นางก็ไม่มีตำแหน่งที่จำเป็นอีกต่อไปในฐานะบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิง เจ้าเคยเห็นฮองเฮาที่เกิดจากนางสนมหรือไม่ ?
“จางหยวน เตรียมผ้าธรรมดาและม้วนหยกเพื่อเตรียมร่างชื่อ สำหรับบุตรสาวของเหยาเซียน, เหยา…” ทันใดนั้นฮ่องเต้ก็หยุด แล้วหันไปถามฮองเฮา “นางชื่ออะไรนะ?”
ฮองเฮารีบบอกพระองค์ว่า “เหยาเชี่ยนหรู”
“ใช่แล้ว!” ฮ่องเต้ตรัสเสียงดังว่า “สำหรับบุตรสาวของเหยาเซียน เหยาเชี่ยนหรู ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮูหยินขั้นหนึ่ง และไปป่าวประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน”
สมาชิกของตระกูลเฟิงต่างป้องมือกัน “ขอบพระทัยฝ่าบาท”
จากนั้นฮ่องเต้ก็ทรงยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไร นี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ลูกสะใภ้ของเราจะเป็นบุตรสาวของอนุได้อย่างไร !”
ในที่สุดคนไม่กี่ลุกขึ้นยืนจากพื้น เฟิงเฉินหยูมียี่หลินช่วยประคองเพื่อยืนขึ้น ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก นางมองไปที่เฟิงจินหยวน แต่บิดาของนางไม่คิดที่จะมองนาง
บุตรสาวของเหยาเซียน, เหยาเชี่ยนหรู ? ทำไมฮ่องเต้ถึงไม่พูดว่าเป็นฮูหยินใหญ่ของเฟิงจินหยวน? ชั่วครู่หนึ่งเขาไม่สามารถเข้าใจอย่างแท้จริงว่าฮ่องเต้กำลังคิดอะไรอยู่
แต่ในเวลานี้เฟิงเฟินไดสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน นางเข้าใกล้เฟิงหยูเฮง นางพูดทันทีด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “พี่รองคิดถึงเฟินไดหรือไม่เจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงมองน้องสี่และรู้สึกว่าความสามารถของเด็กหญิงคนนี้ยิ่งใหญ่กว่าของเฟิงเฉินหยู เมื่ออายุเพียง 10 ปี นางก็สามารถรู้สึกถึงสถานการณ์ได้ เมื่อนางโตขึ้นบางทีนางก็อาจจะเข้ากันได้ยากเช่นกัน
“น้องสี่ไม่ได้กลับไปบ้านของตระกูลเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย” เฟิงหยูเฮงไม่ได้บอกว่านางคิดถึงเฟิงเฟินไดหรือไม่ นางพูดข้อความที่ไม่ชัดเจนนี้ออกไปซึ่งทำให้เฟิงเฟินไดเข้าใจความคิดของนางได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแมวที่อยู่บนตักและดวงตาของมัน ไม่ว่าเฟิงเฟินไดจะมองมันอย่างไร นางก็รู้สึกกลัว นางได้แต่ถอยไปข้างหลังสองก้าวแล้วซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเฟิงเฉินหยู
ในเวลานี้พวกเขาได้ยินใครบางคนส่งเสียง “หืม” และพูดว่า “มีอีกคนหนึ่งมา !”
ทุกคนมองไปในทิศทางของทะเลสาบ แน่นอนมีเรือลำเล็กลำหนึ่งแล่นมาที่ฝั่ง และหญิงสาวผู้มั่งคั่งในชุดลายดอกไม้ก็ลงจากเรือ นางเดินตรงไปตรงกลางของฉาก
“ขอแสดงความยินดีกับน้องสะใภ้ที่ได้รับพระราชทานตำแหน่งองค์หญิงแห่งมณฑล ขอแสดงความยินดีกับฮูหยินเหยาที่ได้รับตำแหน่งเป็นฮูหยินขั้นหนึ่ง” หญิงสาวเดินไปข้างหน้า และยิ้มอย่างจริงใจให้เฟิงหยูเฮง จากนั้นนางก็คุกเข่าคำนับต่อฮ่องเต้ “ลูกสะใภ้ถวายบังคมเสด็จพ่อและเสด็จแม่ หม่อมฉันหวังว่าเสด็จพ่อและเสด็จแม่จะมีพระพลานามัยที่ดีเพคะ”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาทุกคนก็รู้ว่านี่เป็นพระชายา แต่รูปร่างหน้าตาของนางก็ไม่คุ้นเคยจริง ๆ ชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครจำนางได้
ในเวลานี้ซวนเทียนเย่ผู้ซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มองค์ชายและเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวได้ลุกขึ้นยืนทันที เมื่อมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่คุกเข่าตรงกลาง ดวงตาของเขาเบิกกว้างและยากที่จะปกปิดความประหลาดใจที่ปรากฏบนใบหน้าของเขา
ฮองเฮามองไปที่ซวนเทียนเย่และถามด้วยความอยากรู้ “เจ้ากำลังทำอะไร เจ้ารู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นพระชายาของเจ้าเองหรือ ?”
เมื่อได้ยินถ้อยคำของฮองเฮา ทุกคนก็ตอบสนองเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้เป็นพระชายาขององค์ชายสามจริงหรือ ? ไหนมีคนบอกว่านางป่วยและไม่สามารถลุกจากเตียงได้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรนางก็ดูไม่เหมือนคนป่วยแม้แต่น้อย
ซวนเทียนเย่ก็คิดเช่นเดียวกัน ! ร่างกายของพระชายาเขาอยู่ในสภาพแบบไหน เขารู้ดีที่สุด ยิ่งกว่านั้นอาการป่วยนี้เป็นสิ่งที่เกิดจากการกระทำของเขาเป็นส่วนใหญ่ วันที่ฮองเฮาสั่งให้นางเข้ามาในพระราชวังถึงแม้จะมีคำกล่าวว่านางจะเข้าไปในพระราชวังเพื่อรักษาตัวให้สุขภาพของนางดีขึ้นโดยแพทย์หลวง ซวนเทียนเย่ไม่เชื่อว่าแพทย์หลวงที่ไร้ค่าเหล่านั้นสามารถรักษานางได้สำเร็จ แม้ว่านางจะดีขึ้นเล็กน้อย นางก็ไม่สามารถอยู่ต่อในพระราชวังตลอดไปได้ ตราบใดที่นางยังไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ เขาก็จะมีวิธีทำให้ผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถกลับมายืนได้อีกครั้ง
สถานการณ์ปัจจุบันคืออะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่ยืนขึ้น ใบหน้าของนางร่าเริงและชีพจรนางนิ่ง การเคลื่อนไหวของนางราบรื่นและนางไม่ได้หอบหายใจออกจากการเคลื่อนไหว นางไม่เหมือนคนที่ป่วยเลย
เขาไม่เข้าใจ นางเข้าไปในพระราชวังเพียงไม่กี่วัน เกิดอะไรขึ้นทำไมผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนแปลงได้ในทันทีเช่นนี้?
"ลุกขึ้น! เจ้าเพิ่งหายจากอาการป่วยหนัก เจ้าต้องดูแลร่างกายมาก ๆ “ฮ่องเต้พูดเพื่อให้พระชายาองค์ชายสามลุกขึ้น จากนั้นพระองค์ก็มองซวนเทียนเย่และพูดว่า”เจ้าเป็นอะไร เจ้าไม่ได้ยินที่เสด็จแม่ถามหรือ?”
เท่านั้นซวนเทียนเย่จึงตอบสนอง และเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อคำนับฮองเฮา “ขอโทษเสด็จแม่ ลูกเพียงแต่แปลกใจมากและพูดไม่ออก ไป่หรูป่วยมาหลายปีแล้ว ลูกชายไม่ได้เห็นนางแบบนี้มานานแล้วพะยะค่ะ”
ฮองเฮาพยักหน้า “แล้วเจ้ามีความสุขหรือไม่มีความสุข ?”
ซวนเทียนเย่ขมวดคิ้วและสับสนเล็กน้อย “ลูกมีความสุขมากพะยะค่ะ” ฮองเฮาใช้ชีวิตโดยไม่ต้องมีลูก นางไม่มีบุตรชายเป็นของตัวเอง ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกถึงความรู้สึกของมารดา สำหรับคนอย่างซวนเทียนเย่ เขาสามารถแสดงออกได้ดีที่สุด หากเขาถูกขอให้อดทนเพิ่มอีกนิดหน่อยนั่นคงเป็นเรื่องยาก โชคดีที่ฮองเฮามักไม่ค่อยสร้างปัญหาให้กับผู้อื่นและไม่พูดมากนัก นางไม่จู้จี้จุกจิก แต่คราวนี้นางเป็นผู้กำหนดให้พระชายาองค์ชายสามเข้ามาในพระราชวัง ความโกรธของซวนเทียนเย่จึงไปลงที่นาง
ฮองเฮาไม่ได้โง่ การกระทำของซวนเทียนเย่นั้นเห็นได้อย่างชัดเจน แต่นางไม่สนใจ นางกล่าวเสริมว่า “ใช่งั้นหรือ? ท่าทางของเจ้าดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น” จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นแล้วถามฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ท่านคิดอย่างไร ?”
ฮ่องเต้และฮองเฮาเหมือนกัน “เราก็คิดว่าเขาไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น”
สีหน้าโกรธของซวนเทียนเย่ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น
“พูดไปแล้ว เย่เอ๋อ เวลานี้เจ้าต้องขอบคุณน้องสะใภ้เก้าของเจ้า” ฮ่องเต้ตรัสด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่ใช่เพราะรุ่นเยาว์ของตระกูลเหยาที่เก่งในวงการแพทย์ อาการป่วยของพระชายาคงไม่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ! ลองคิดดูด้วยตัวเจ้าเอง ตั้งแต่วันที่นางป่วยจนถึงเมื่อนางไม่สามารถออกจากห้องได้ มันกี่ปีมาแล้ว เราได้ยินมาว่าเจ้าได้ตามแพทย์ดี ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่เจ้ายังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ”
เฟิงจินหยวนรู้สึกว่าวิธีที่ฮ่องเต้พูดอย่างแท้จริงไม่ได้ไว้หน้าเขาเลย เขายังคงยืนอยู่ที่นี่ ดังนั้นทำไมเขาถึงพูดถึงคนรุ่นเยาว์ของตระกูลเหยาเสมอ? ก่อนหน้านี้เหยาซื่อกลับไปดำรงตำแหน่งฮูหยินใหญ่ของเขา ดังนั้นนางจึงไม่เกี่ยวข้องกับเขาอย่างสิ้นเชิงในพริบตา
แต่เขาไม่กล้าโกรธฮ่องเต้ เขาทำได้แค่ก้มหัวลงและฟังอย่างเงียบ ๆ
สำหรับซวนเทียนเย่ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมพระชายาของเขาถึงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว มันเป็นเพราะเฟิงหยูเฮง !
เขาหันมองไปเฟิงหยูเฮง เขาเคยได้ยินเรื่องความสามารถทางการแพทย์ของคุณหนูรองตระกูลเฟิงไม่ด้อยไปกว่าหมอเทวดาเหยาเซียน นางอายุเพียง 12 ปี แต่เมื่อเด็กผู้หญิงคนนี้โตขึ้น ในตอนแรกเขาไม่เชื่อว่าข่าวลือที่ได้ยิน แต่แม้แต่ฮ่องเต้ก็บอกว่าอาการป่วยของพระชายาเขาถูกรักษาให้หายขาด นางหายขาดแม้ว่าเขาจะแอบเปลี่ยนยา ดูเหมือนว่าเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อในความสามารถทางการแพทย์ของเฟิงหยูเฮง
“น้องสะใภ้มีความสามารถอย่างแท้จริง องค์ชายนี้เคยได้ยินมานานแล้ว รักษาอาการป่วยของพระชายา ข้ารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง” เขาเป็นคนฉลาด เรื่องนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้และฮองเฮาได้ร่วมมือกับเฟิงหยูเฮง เรื่องที่เขาวางแผนแต่งงานกับเฟิงเฉินหยูไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถซ่อนได้จากคนเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าพวกเขาจะเลือกใช้วิธีนี้เพื่อหยุดเขา แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของครอบครัวเฟิงในปัจจุบันว่าต้องการให้เฟิงเฉินหยูหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการถกเถียงกันอย่างแท้จริง “องค์ชายคนนี้จะไม่มีวันลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของน้องสะใภ้” คำพูดสุดท้ายนี้จริงใจยิ่งกว่า
เฟิงหยูเฮงยกมุมปากของนางเป็นรอยยิ้ม “ในเมื่อพี่สามเรียกข้าว่าน้องสะใภ้แล้ว เราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เราควรพูดอย่างคุ้นเคยไม่ใช่พูดหมือนเราเป็นคนอื่นต่อกันเพคะ”
ซวนเทียนเย่เงยหน้าขึ้นมองนาง เขารู้สึกว่าเด็กหญิงคนนี้ไม่เหมือนเด็กอายุ 12 ปี ในคำพูดของนางมีความลึกลับลึกลับเหมือนแมวที่นางอุ้มไว้บนตักของนาง
“พี่สาม” ทันใดนั้นก็มีเสียงลึกลับพูดขึ้นมา ซวนเทียนเย่รู้สึกว่าหัวของเขาบวม เขาบอกได้เลยว่ามันเป็นน้องชายที่เข้าใจยาก ซวนเทียนหมิง “อาเฮงของเรารักษาพระชายาของท่านพี่ แต่ท่านพี่ไม่แสดงความขอบคุณเลยหรือ?”
เขามาขออะไรบางอย่าง!
ซวนเทียนเย่กล่าวอย่างรวดเร็ว “โดยธรรมชาติข้าต้องขอบคุณน้องสะใภ้” คิดเล็กน้อย เขาจะมอบอะไรได้บ้าง
ก่อนที่เขาจะคิดเสร็จ ซวนเทียนหมิงพูดต่อ “อาเฮงของเราไม่ชอบของขวัญที่ไม่มีความหมายระหว่างผู้หญิง ข้าได้ยินว่าพี่สามมีเหมืองหยก และข้าไม่รู้ว่าท่านพี่ยินดีที่จะมอบมันเพื่อเป็นการขอบคุณหรือไม่?”
“แน่นอนว่าเขาเต็มใจ!” ก่อนที่ซวนเทียนเย่จะพูด พระชายาองค์ชายสามพูดขึ้นมาก่อน “น้องเก้าพูดเรื่องอะไรกันนะ พี่สามของเจ้ากับข้าแต่งงานในเมื่อยังหนุ่มสาวและรักกันมาหลายปีแล้ว น้องสะใภ้รักษาอาการป่วยของข้าได้ ไม่ต้องพูดถึงแค่เหมืองหยก แม้ว่าเจ้าต้องการตำหนักเซียง พี่สามของเจ้าก็ต้องยกให้ เสด็จพี่คิดแบบนั้นหรือไม่เพคะ ?”
หัวใจของซวนเทียนเย่เต้นแรงด้วยความโกรธ เหมืองหยก ซวนเทียนหมิงได้พูดจริง ๆ แล้วขอเหมืองหยกของเขา ? และพระชายาของเขาได้ตอบตกลงไปแล้ว ?
เมื่อมองไปที่พระชายาด้วยความไม่เชื่อ เขาเห็นว่านางมองดูเขาด้วยท่าทางที่ทำให้งงงวย “ทำไมเสด็จพี่ถึงมีสีหน้าเช่นนี้? เป็นไปได้ไหมที่ท่านไม่ต้องการ?”
ในเวลานี้ฮ่องเต้พูดขึ้นว่า “เย่เอ๋อ ข้าสอนตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เพื่อที่จะไม่ลืมบุญคุณ บุญคุณเล็กน้อยตอนนี้ควรได้รับการตอบแทนหลายครั้งในอนาคต เจ้าลืมไปแล้วหรือ?”
ซวนเทียนเย่ยืนนิ่งอยู่กับที่ เขามุ่งเน้นไปที่การสูดหายใจลึก ๆ เนื่องจากความโกรธบนใบหน้าของเขาถึงขีดจำกัด ทุกคนรู้สึกว่าถ้าใครจะทำให้เขาแย่ลงในเวลานี้องค์ชายสามก็จะปะทุขึ้น
ในท้ายที่สุดการฝึกฝนความอดทนตั้งแต่เด็ก และความเงียบที่เหลืออยู่ทำให้เขามีจิตใจที่แจ่มใส
ซวนเทียนเย่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว การรักษาพระชายาองค์ชายสามดูเหมือนว่าเป้าหมายของฮ่องเต้ไม่เพียงแต่ป้องกันเขาจากการแต่งงานกับเฟิงเฉินหยู เขากลัวว่าเรื่องสุดท้ายของวันจะเป็นชีวิตของเขา!
ทุกคนรู้ว่าองค์ชายสามซวนเทียนเย่ได้รับเหมืองหยกมานานหลายปีแล้ว มันอยู่ในภูเขาของซิวโจว ในเวลานั้นมันไม่ได้ผลิตหยกมาก แต่ค่าใช้จ่ายมีค่ามากกว่ามูลค่าของหยกที่ผลิตจำนวนมาก ในอดีตฮ่องเต้อาจรู้สึกว่ามีกำไรไม่มากที่จะได้รับ ดังนั้นเขาจึงมอบให้แก่ซวนเทียนเย่อย่างไม่เห็นแก่ตัว
ซวนเทียนเย่เคยชื่นชมยินดีไปชั่วขณะหนึ่งโดยคิดว่าปัญหาในปัจจุบันของเขาหมายความว่าจะไม่มีผลกำไรในอนาคต เขาได้พบคนที่จะตรวจสอบแล้ว ภูเขาลูกนั้นใหญ่มาก ตราบใดที่เขาทำงานได้ดีในการขุดมัน เขาจะมีปริมาณการผลิตหยกที่น่าประหลาดใจ มันจะไม่หมดลงใน 50 ปี ฮ่องเต้ไม่ได้มองการณ์ไกลและยอมให้เขาทำกำไร
แน่นอนว่าเหมืองหยกนั้นให้ผลกำไรมากขึ้นทุกปีที่ผ่านมา เขาวางแผนกลยุทธ์และส่งออกนอกแคว้นอย่างลับ ๆ สิ่งที่เขาพึ่งพาส่วนใหญ่คือเงินที่ได้จากเหมืองหยก
แต่เขาไม่รู้สึกว่าฮ่องเต้รู้เรื่องเหล่านี้ อย่างไรก็ตามในวันนี้เท่านั้นที่เขาเข้าใจบิดาของเขาไม่รู้ได้อย่างไร ฮ่องเต้กำลังรอให้เขาสั่งการขุดและเพื่อให้มันพัฒนาก่อนที่จะยึดครองมัน สิ่งนี้จะช่วยฮ่องเต้ประหยัดค่าใช้จ่ายเริ่มต้นและอันตราย คนงานได้โตเต็มที่และมีประสบการณ์จากการทำงานหนักมาหลายปี ข้อจำกัดที่ใหญ่ที่สุดคือการลดปริมาณของหยกที่สูญเปล่า นอกจากนี้มณฑลเล็ก ๆ ใกล้กับภูเขาก็เริ่มเติบโตขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของเขา
ในโลกนี้ ... เขาไม่สามารถเอาชนะสุนัขจิ้งจอกเฒ่าได้อย่างแท้จริง
“ลูกจะลืมความช่วยเหลือของน้องสะใภ้ได้อย่างไร เดิมทีเหมืองหยกนั้นก็เป็นของขวัญสำหรับงานแต่งงานของน้องเก้า ตอนนี้เรื่องนี้เกิดขึ้นก็จะมอบให้กับน้องสะใภ้ล่วงหน้าเลยแล้วกัน ! เมื่อถึงเวลาสำหรับงานแต่งงานของน้องเก้า ลูกจะหาของขวัญชิ้นอื่นให้พะคะย่ะ !”