ตอนที่แล้วซัพที่09: ชาติสองไม่ได้เกิดคงดีกว่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซัพที่11: เล่นกันนน เล่นกานนน

ซัพที่10: คิดว่าข้าจะโง่ซ้ำสองเรอะ ฮ่าๆๆๆ


 

ซัพที่10: คิดว่าข้าจะโง่ซ้ำสองเรอะ ฮ่าๆๆๆ

เมิ่งชงหยวนนั่งหน้าบึ้งสะกดกลั้นความไม่พอใจ เมื่อครู่บรรยากาศยามราตรีในห้องช่างเหมาะแก่การอ่านตำรา ทว่าบรรยากาศเหล่านั้นก็ต้องพังทลายด้วยฝีมือของเจียงสงและองค์ชายสี่

“จินหลงจาออกปายยย ฮืออ..อ..” จินหลงแกล้งร้องไห้โวยวายดีดดิ้นอยู่บนพื้น เสียงของเจ้าเด็กน้อยช่างชวนปวดประสาทนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นสายตาข่มขู่ของเด็กน้อยที่มองเขา

ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้า ข้าจะแหกปากร้องดังกว่าเดิม!

เจียงสงยืนยิ้มที่ประตู ไม่สนใจองค์ชายน้อยสักนิด

“โว้ยยยย พอกันที คุณชายอู๋เหตุใดท่านต้องพาองค์ชายมาห้องของข้าด้วย!” ข้าจะอ่านตำรา ไม่ได้จะดูการแสดง!

เจียงสงเลิกคิ้ว ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มอย่างไม่เสื่อมคลาย

“แล้วเหตุใดท่านหมอต้องพูดเช่นนั้นเล่า ไม่ใช่ว่าท่านมีหน้าที่ต้องตรวจรักษาองค์ชายหรือ?” เมิ่งชงหยวนแทบจะพ่นไฟได้ เขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ ไม่ไปทะเลาะกับเด็กทั้งสอง

“คุณชายอู๋ สิ่งที่ข้าอ่านล้วนเป็นตำราที่จะรักษาองค์ชาย หากท่านให้องค์ชายมารบกวนข้าอยู่เช่นนี้ ตัวยามีหรือจะเสร็จทันการณ์” เมิ่งชงหยวนยกหนังสือให้เด็กชายดู ทุกเล่มล้วนเป็นตำรายาหายากที่เขาเอามาจากสำนักหมอหลวง

“แล้วท่านหมอจะให้ข้าทำยังไง ตัวข้าเป็นเพียงเด็กวัยสิบปี ไม่มีความรู้ว่าจะทำเยี่ยงไรองค์ชายจึงหยุดร้อง” รอยยิ้มของเจียงสงเริ่มเย้ยหยันขึ้นเรื่อยๆ

“เช่นนั้นเจ้าก็ออกไปซะ วิชาของข้าไม่อาจให้ใครเห็นได้” เมิ่งชงหยวนงัดประโยคไม้ตาย จินหลงแอบพยักหน้าอยู่ในใจ

ใช่! ออกไปซะ ออกป๊ายยยยย

“ไม่ต้องเป็นกังวลไปท่านหมอ ข้ายินดีให้ท่านใช้ผ้ามาปิดตาข้า” เจียงสงยังดึงดัน คิ้วของท่านหมอคนดังเริ่มกระตุก

“เจ้าไม่วางใจข้าหรือ?” ท่านหมอใช้วาจาไล่ต้อน รอยยิ้มของเจียงสงเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ

“แล้วมีครั้งไหนบ้างที่องค์ชายไม่อาศัยจังหวะที่อยู่กับท่านในการหนี” เมิ่งชงหยวนขมวดคิ้ว

“วรยุทธ์ก็ไม่มี ทั้งยังห้ามทหารเข้ามาระหว่างตรวจ สุดท้ายก็เดือดร้อนพวกข้าต้องมาตามหาองค์ชาย” จบ... เมิ่งชงหยวนนวดหว่างคิ้วให้คลาย ก่อนจะหยิบยาเม็ดสีขาวเม็ดหนึ่งออกมาแล้วเดินไปทางเด็กน้อยที่ร้องไห้อยู่กับพื้น จินหลงมองเมิ่งชงหยวนด้วยสายตาเว้าวอน

ช่วยข้าหนีทีเถอะ วันเกิดทั้งทีข้าไม่อยากมาติดแหง็กอยู่นี่นะ!

“องค์ชาย อ้าปากทีพะยะค่ะ” เมิ่งชงหยวนยื่นยาไปที่ปากจินหลง เจ้าตัวเล็กมองหน้าอย่างลังเล

เอาอะไรมาให้ข้ากินล่ะเนี่ย

จินหลงลังเล ก่อนจะยอมอ้าปาก เมื่อเห็นปากน้อยๆ อ้าออก เมิ่งชงหยวนจึงยัดยาเข้าไปทันที แล้วใช้มือปิดปากแน่น บังคับให้กลืนลงไป

นี่ยาอะไรเนี่ย!

เจียงสงมองเมิ่งชงหยวนด้วยสายตาไม่วางใจ อีกฝ่ายเดินกลับไปนั่งอ่านตำราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จินหลงร้องเอะอะโวยวายกว่าเดิม ก่อนจะพล็อยหลับไปในเวลาไม่นาน

“พาพระองค์กลับไปที่ห้องด้วย” เมิ่งชงหยวนสั่ง ยานอนหลับขวดนี้เป็นยาที่เขาภาคภูมิใจอย่างมาก เพราะมีฤทธิ์รุนแรง แม้แต่ม้าที่พยศยังหลับได้ มีหรือองค์ชายตัวป่วนนี่จะหลับไม่ได้

“นี่ท่านกล้าวางยาองค์ชายเชียวหรือ” เมิ่งชงหยวนจึงแสร้งทำท่าตกใจ

“พูดอะไรของท่าน ใครวางยาองค์ชาย? ไม่มีเสียหน่อย องค์ชายแค่เพลียจนพล็อยหลับเท่านั้น” เจียงสงยิ้มค้างก่อนจะเผยสีหน้าเบื่อหน่าย เขาเดินไปอุ้มองค์ชายน้อยขึ้นพาดบ่า

“ช่างกล้าที่จะพูด”

 

ตึกๆๆๆ

เสียงวิ่งตึงตังดังมาแต่เช้า พร้อมกับประตูที่ถูกพลักออกอย่างแรง เมิ่งชงหยวนนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ไม่ได้รู้สึกถึงการมาเยือน จนกระทั่งวัตถุหนักสิบห้าโลกระแทกเข้าที่ท้อง

“อั่ก!!” เมิ่งชงหยวนตาเหลือกทันที ความรู้สึกจุกแล่นไปทั่วท้องจนตัวงอ เมื่อหันมาดูต้นตอก็พบดวงตาเกรี้ยวกราดขององค์ชายน้อย

“เมิ่ง ชง หยวน!!!” จินหลงแหกปากลั่น กระโดดทับอีกฝ่ายไม่ยอมหยุด

“บังอาจนัก กล้าดียังไงมาวางยาข้า!” องค์ชายน้อยเกิดโทสะ เพราะเจ้าหมอกำมะลอนี่แท้ๆ เมื่อคืนเขาจึงไม่ได้ไปฉลองกับพวกจื่อจง

“โอ้ย! คุณช..อุ่ก คุณชายอู๋! คุณชายอู๋ช่วยด้วย!” ท่านหมอเมิ่งร้องลั่น พยายามหนีออกจากเตียง เจียงสงยืนพิงประตู ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้ม ไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องเดือดร้อนของอีกฝาย

“บังอาจนัก เจ้าหมอกำมะลอ!” จินหลงยังไม่หยุดด่าทอ เมิ่งชงหยวนเมื่ออาศัยจังหวะพลิกตัวออกจากเตียงได้ ก็รีบวิ่งหนี ใช้เจียงสงเป็นโล่ป้องกัน

“คุณชายอู๋ ท่านเป็นผู้ดูแลองค์ชายมิใช่หรือ รีบทำอะไรสักอย่างเร็วเข้าสิ!” เมิ่งชงหยวนพยายามหลบหลีกลูกเตะน้อยๆ

“ท่านหมออย่าเอาข้ามาเกี่ยวด้วยสิ ในเมื่อท่านเป็นหมอก็ควรมีวิธีรับมือองค์ชาย ทั้งท่านควรจะยินดีนะที่สติองค์ชายคล้ายจะกลับมาเป็นปกติ” บ้าเลือดเช่นนี้หรือปกติ บ้าจริงเสียมากกว่า!

“เช่นนี้นี่นะปกติ?!” เมิ่งชงหยวนร้องเสียงหลง ก่อนจะเริ่มวิ่งหนีไปตามห้อง

“ข้าจะฆ่าเจ้า!!” จินหลงแหกปาก กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะอย่างแรง จนขวดยาสีขาวตกแตกกระจายไปทั่ว

“เห้ย! นั่นมันขวดยาล้ำค่านะ!” ท่านหมอร้องลั่นรีบเบรกตาเหลือกหันกลับไปเก็บยาที่กลิ้งอยู่บนพื้นทีละเม็ด จินหลงรู้สึกผิดจึงคิดช่วยเก็บ แต่เมื่อเห็นเจียงสงก้มลงเก็บยา ความคิดชั่วร้ายจึงผุดขึ้น

ฟิ้ว~

ร่างเล็กเจียงสงออกไปนอกเรือนไวปานสายลม เจียงสงยิ้มค้าง หน้าเปลี่ยนสี เขาหันขวับไปมองจินหลงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ไม่คิดว่าองค์ชายน้อยจะอาศัยช่องว่างหนีไป!

ฮ่าๆๆๆ โอกาสดีขนาดนี้ข้าจะอยู่ทำไม

“แย่แล้ว องค์ชายสี่หนีไปแล้ว! ตามไปเร็วเข้า” เมื่อตั้งสติได้เจียงสงรีบตะโกนสั่งทหาร เมิ่งชงหยวนไม่สนใจ เขายังคงรีบเก็บยาอย่างขะมักเขม้นไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ก่อนจะขนลุกซู่เมื่อสัมผัสจิตสังหารจากด้านหลัง เจียงสงเดินเข้ามาระยะประชิด ถลึงตามองท่านหมอด้วยโทสะ

“กลับมาท่านโดนแน่!” เจียงสงกัดฟันกรอด รู้สึกเหมือนไฟลุกท่วมตัว

 

จินหลงเมื่อหนีออกจากเรือนรับรองได้ ก็หัวเราะสะใจ ครั้งนี้เขาไม่โง่พอจะหนีออกจากวังให้เจียงสงจับได้หรอก ต้องปล่อยให้วิ่งวุ่นเป็นหนูติดจั่นสักพักจึงจะสะใจ

ฉะนั้นวันนี้แหละ ที่เขาจะต้องไปส่องเหล่าองค์ชายให้ได้!

เจ้าตัวแสบลอบเข้าไปในวังหลัง ปล่อยให้ด้านนอกวิ่งวุ่นตามหาตัวเขา จุดหมายแรกที่จินหลงมุ่งไปคือตำหนักของกุ้ยเฟย ผู้เป็นแม่ของเขา เพื่อสังเกตการณ์เหวินหลง

เสียงราชครูดังมาจากด้านในห้องหนังสือ เมื่อจินหลงมองจากบนต้นไม้ผ่านหน้าต่างลงไป ก็พบเหวินหลงกำลังนั่งเรียน ท่าทางดูหงุดหงิดนัก ราวกับไม่เข้าใจเนื้อหาอะไร

“องค์ชายรอง ตั้งใจหน่อยพะยะค่ะ” ราชครูตำหนิ เหวินหลงชักสีหน้า

“ข้าไม่เห็นอยากจะเรียนอะไรพวกนี้เลย ข้าไม่ชอบ ท่านเปลี่ยนไปสอนกลศึกแทนได้หรือไม่?” เหวินหลงบ่น ราชครูถอนหายใจ

“องค์ชาย พระองค์ทรงใฝ่เรียนรู้ด้านการทหารนับว่าดีนัก แต่หากพระองค์ไม่มีความรู้ทุกแขนง จะมิอาจปกครองบ้านเมืองได้” จินหลงฟังก็พยักหน้าหงึกหงักตาม ตัวเขารู้สึกเข้าใจความรู้สึกเหวินหลงเป็นอย่างดี เพราะเขาเองก็ผ่านจุดๆ นี้มาแล้ว

ชีวิตไร้อิสระ ถูกจับมาเรียนหนังสือตั้งแต่เล็ก โตมาอีกหน่อยก็ต้องจับดาบ แถมยังต้องมาฝึกมารยาทภาพลักษณ์อีก น่าเบื่อสิ้นดี

จินหลงนั่งมองเหวินหลงอยู่บนต้นไม้ นึกอยากรู้ว่าถ้าเขาโผล่ไปจะเกิดอะไรขึ้น จึงรอจนได้เวลาที่ราชครูปล่อยให้เหวินหลงได้พัก องค์ชายรองนั่งหมดแรงฟุบอยู่กับโต๊ะ จินหลงจึงแกล้งไปสะกิดด้านหลัง

“พี่จ๋าๆ” เหวินหลงสะดุ้งโหยง หันขวับมามองอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“เจ้า! ท..ทำไมมาอยู่นี่!” เหวินหลงลุกขึ้น ไม่ชอบใจที่เห็นหน้าจินหลง

“พี่เห็นเสี่ยวเหมยไหม จินหลงหาเสี่ยวเหมยไม่เจออ” จินหลงแกล้งเบะปากจะร้องไห้ เหวินหลงไม่สนใจ กระชากเขาให้เดินตาม

“มานี่!” องค์ชายรองก้าวขาอย่างฉับไว ไม่สนใจขาสั้นๆ ของน้องชาย

“พี่จะไปไหน จะพาจินหลงไปหาเสี่ยวเหมยเหรออ?” จินหลงถามตาเป็นประกาย เหวินหลงสะบัดแขนจินหลงทิ้งอย่างแรก ก่อนจะหันมาชี้หน้า

“เสี่ยวเหมยๆ! ในหัวเจ้ามันมีเรื่องอื่นบ้างไหม กลับไปเลยนะ เจ้ากลับไปที่เรือนรับรองของเจ้าไปเลยไป!” เหวินหลงตวาดและชี้ไปที่ประตูตำหนัก จินหลงน้ำตาคลอ ส่ายหน้าไปมา

“ไม่ ไม่เอา จินหลงไม่ไป จินหลงจะอยู่นี่” จินหลงงอแง

“ดี! เจ้าไม่ไปใช่ไหม” เหวินหลงกระชากแขนจินหลง พลักออกไปนอกประตู

“อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก!” เหวินหลงชักสีหน้า ก่อนจะเดินหันหลังกลับไป จินหลงพยายามร้องไห้อยู่นาน แต่ก็ไม่ได้รับความเมตตา

คนแบบนี้เป็นฮ่องเต้ มีหวังประเทศล่มจมแน่

เจ้าตัวเล็กคิด ก่อนจะหนีไปหาองค์ชายสามที่ตำหนัก ได้ยินว่าตำหนักของเต๋อเฟยอยู่ไม่ไกลนัก ทั้งยังมีบรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบ สมกับเป็นชายาผู้ใฝ่ทางธรรม

 

เมื่อมาถึงจินหลงก็แอบอยู่หลังพุ่มไม้ ตรงหน้าของเขาเป็นองค์ชายสามฮุ๋ยเจี๋ย นี่เป็นครั้งแรกที่จินหลงได้พบกับพี่สาม เขาจึงพยายามสังเกตอีกฝ่ายให้ชัดเจน

องค์ชายสามมีรูปโฉมงดงามราวกับสตรี ผิวขาวผ่อง คิ้วโก่ง จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง หากเกิดเป็นองค์หญิงคงกลายเป็นที่หมายปองขององค์ชายต่างแคว้น

ฮุ๋ยเจี๋ยนั่งอ่านหนังสืออยู่บริเวณสวนในตำหนัก ด้านหน้ามีถ้วยชาและขนมเล็กน้อย ท่าทางของฮุ๋ยเจี๋ยดูเงียบสงบดุจสายน้ำ บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความอ่อนโยน มือเรียวค่อยๆ พลิกหน้ากระดาษไปอย่างไม่รีบร้อน

“ฮุ๋ยเจี๋ย” หญิงสูงศักดิ์นางหนึ่งเดินเข้ามาหาองค์ชายสาม นางดูละม้ายคล้ายฮุ๋ยเจี๋ยนัก

“เสด็จแม่” ฮุ่ยเจี๋ยรีบวางหนังสือและลุกขึ้น

“แม่จะไปตำหนักสนมเปียว คงนานกว่าจะกลับ เจ้าอย่าอ่านตำราหักโหมเกินไปเล่า หากลมหนาวพัดมาก็เข้าไปในตำหนักเสีย” เต๋อเฟยเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ฮุ่ยเจี๋ยพยักหน้ารับ

“พะยะค่ะเสด็จแม่ แต่หม่อมฉันมิได้ฝืนตัวเอง ตำราเหล่านี้ล้วนมีแต่เรื่องที่น่าสนใจ พออ่านแล้วก็รู้สึกเพลินเพลินนัก หากจบเล่มนี้แล้วหม่อมฉันจะเข้าตำหนักพะยะค่ะ” องค์ชายสามเอ่ยด้วยรอยยิ้มน้อยๆ จินหลงนึกทึ่งกับวาจาและท่าทางที่ทรงภูมิเกินวัยขององค์ชายสาม หากไม่มีเขาอยู่ คิดว่าคงเป็นองค์ชายสามที่ต้องตาฮ่องเต้

เมื่อเต๋อเฟยเดินจากไป จินหลงจึงอาศัยจังหวะที่นางกำนัลไปหยิบของให้องค์ชายสามในการโผล่ออกมา

“ฮืออ..อ.” จินหลงแกล้งร้องไห้ เดินออกมาจากหลังต้นไม้ ฮุ๋ยเจี๋ยหันมามอง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปม

เด็กงั้นหรือ? หากมาอยู่ในวังหลังได้ ก็คงเป็นองค์ชายสินะ

ฮุ๋ยเจี๋ยปิดหนังสือลงอีกครั้ง และวางมันไว้บนโต๊ะหิน ก่อนจะเดินมาหาจินหลง ย่อตัวลงและถามเด็กชาย

“เจ้าเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม?” ฮุ๋ยเจี๋ยลูบศีรษะเด็กน้อยด้วยความอ่อนโยน

“ข้า..ฮึก..ข้าหาเสี่ยวเหมยไม่เจอ..อ..” จินหลงปาดน้ำตา เรียกร้องความสงสารเต็มที่

“เสี่ยวเหมย? เสี่ยวเหมยคือใคร?” ฮุ๋ยเจี๋ยพยายามคิด จำได้ว่าตำหนักนี้ไม่มีใครชื่อนี้

“เสี่ยว..เสี่ยวเหมยเป็นเพื่อนของข้า นางมัก..มักจะมาเล่นกับข้าตอนที่ข้าไม่มีใคร” องค์ชายสามใช้ผ้าซับน้ำตาเด็กน้อย

“เจ้ามาอยู่นี่คงไม่ได้บอกใคร พอจะบอกข้าได้ไหม ว่าเจ้าเป็นน้องสี่หรือน้องห้า” ฮุ๋ยเจี๋ยถาม แต่ไม่ทันที่จินหลงจะตอบ นางกำนัลกลับกับมาพอดี

“องค์ชายสี่?! เหตุใดพระองค์จึงมาอยู่นี่เพคะ” องค์ชายสี่..? ฮุ๋ยเจี๋ยหันกลับมามองหน้าเด็กชายที่กำลังร้องไห้

เด็กผู้นี้หรือคือองค์ชายสี่ที่สติฟั่นเฟือน?

“เด็กคนนี้คือน้องสี่จริงๆ หรือ?” องค์ชายสามหันไปถามนางกำนัล

“เพคะ หม่อมฉันจำได้ดี เพียงแต่หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์ชายสี่จึงมาอยู่นี่ ได้ยินว่าองค์ชายถูกย้ายออกจากตำหนักไปอยู่เรือนรับรองเป็นการชั่วคราว” ฮุ๋ยเจี๋ยยังคงไม่เข้าใจ

“แต่ข้ากลับรู้สึกว่าเขาปกติดีนะ” จินหลงแอบสะดุ้ง ช่วงนี้เขาเล่นละครซอฟท์เกินไปหรือไง

“หม่อมฉันได้ยินมาว่าองค์ชายสี่มักเห็นภาพหลอน เห็นเด็กหญิงวิ่งด้วยตลอดเวลา แต่ตอนนี้พระอาการดีขึ้นหลายเท่านัก เพราะได้ท่านหมอเทวดาเมิ่งชงหยวนดูแล” เหอะ หมอเทวดาหรือหมอกำมะลอกันแน่

ฮุ๋ยเจี๋ยมองหน้าจินหลง นิ่งคิดสักพักก่อนจะถอนหายใจ

“เช่นนั้นเจ้าให้ขันทีพาน้องสี่กลับเรือนเถอะ ขืนเกิดอะไรขึ้นคงได้มีปัญหากับกุ้ยเฟย” องค์ชายสามสั่งการ นางกำนัลจึงไปเรียกขันทีด้านหน้า จินหลงอาศัยจังหวะที่ฮุ๋ยเจี๋ยหันหลังในการกระโดดหนีไป

เท่าที่ดู องค์ชายสามเป็นผู้ที่เหมาะสมนัก ทั้งวาจา กิริยา ท่าทาง ล้วนแต่หาที่ติไม่ได้ ทั้งยังมีนิสัยเมตตาโอบอ้อมอารี ดีกว่าพี่ใหญ่กับพี่รองนัก

จินหลงกระโดดไปตามกิ่งไม้ ตอนนี้เขายังไม่อาจสรุปได้ว่าจะสนับสนุนใคร เพราะตัวเขายังไม่ได้พบกับองค์ชายห้าจิ้งฉวี่ องค์ชายที่เขาเป็นกังวลมากที่สุด เพราะเป็นองค์ชายที่อายุน้อย ทั้งยังเพิ่งสูญเสียแม่ไปได้ครึ่งปี ข่าวสารเกี่ยวกับองค์ชายห้าที่จินหลงได้รับแต่ละข่าว ก็ดูจะย่ำแย่ทั้งนั้น

 

เมื่อจินหลงมาถึงตำหนักของเสียนเฟยผู้รับองค์ชายห้าจิ้งฉวี่เป็นลูกบุญธรรม บรรยากาศนำหนักไม่ต่างจากตำหนักอื่นนัก ทว่ากลับไร้วี่แววของจิ้งฉวี่

เจ้าตัวแสบเดินไปยังหลังตำหนัก ก่อนจะพบร่างเล็กที่นั่งดูปลาในบ่อน้ำ ท่าทางเหม่อลอยไม่สดใส เห็นแล้วก็ช่างปวดใจนัก ในเมื่อตัวเขาเป็นคนทำให้น้องห้าเป็นเช่นนี้

จินหลงนิ่งคิดอยู่นาน ว่าควรจะเข้าไปทักเช่นไรดี แต่คิดไปคิดมา เขาลองซุ่มดูสถานการณ์คงดีกว่านัก เพราะไม่รู่ว่าหากทักน้องห้าไป จะเป็นผลดีหรือผลเสีย

เอาวะ! ไม่ลองไม่รู้

จินหลงวิ่งออกไปแกล้งล้มตึงข้างๆ จิ้งฉวี่ เด็กน้อยสะดุ้งตกใจ เบะปากทำท่าจะร้องไห้

“เจ้า..จ.เจ้าเป็นใคร!” จิ้งฉวี่ร้องโวยวาย ขอบตาเริ่มแดงก่ำ

เดี๋ยวๆๆ ข้าแค่โผล่ออกมาแค่นี้ก็ตกใจจะร้องไห้แล้วหรือ

แบบนี้ไม่ไหวแหง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด