ซัพที่07: คนหนึ่งก็ข่มขู่ อีกคนก็ไล่บี้ เห็นข้าเป็นตัวอะไรแน่นี่
ซัพที่07: คนหนึ่งก็ข่มขู่ อีกคนก็ไล่บี้ เห็นข้าเป็นตัวอะไรแน่นี่
ข้าวของเครื่องใช้ของจินหลงกำลังทยอยย้ายมาจัดเรียงในเรือนรับรอง เจ้าตัวแสบนั่งขัดสมาธิ เท้าแขนมองชงหยวนที่กำลังฮัมเพลงจัดสัมภาระในห้อง
“นี่ข้าต้องเสียเวลาทั้งวันเพราะเจ้าคนเดียว” จินหลงต่อว่า ทว่าอีกฝ่ายกลับหันมาหัวเราะ
“น่าๆ องค์ชาย พระองค์เองก็ไม่ได้มีธุระสำคัญอะไรนี่ หรืออยากจะกลับไปช่วยนางกำนัลจัดของที่ห้องของพระองค์ข้าก็ไม่ว่าหรอกนะ” เมิ่งชงหยวนไม่สำนึก เจ้าตัวแสบจึงแยกเขี้ยว
“ใครบอกว่าข้าไม่มีธุนะกัย ถ้าเป็นป่านนี้ข้าหนีไปอยู่กับเด็กกำพร้านอกวังแล้ว” จินหลงถอนหายใจ ไม่รู้ป่านนี้พวกจื่อจงจะเป็นยังไงบ้าง ชงหยวนคิ้วขมวดหันมามองเจ้าตัวเล็ก
“ท่านออกไปทำอะไรกับเด็กกำพร้านอกวังกันแน่” จินหลงใช้หางตามองเขา
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าจะบอกทำไม” เจ้าตัวแสบแลบลิ้นแบร่ ทำเอาชงหยวนคิ้วกระตุก
นี่หากไม่ติดว่าเป็นองค์ชาย เขาคงดึงลิ้นน้อยๆ นั่นสั่งสอนแล้ว!
“จะว่าไป ท่านยังไม่บอกข้าเลย ว่าทำไมจึงไม่อยากเป็นรัชทายาท” ชงหยวนถาม จินหลงยักไหล่ หาเรื่องเอาคืนอีกฝ่าย
“ทีข้ายังไม่ถามเลยว่าทำไมเจ้าไม่อยากเป็นหมอหลวง” จินหลงลอยหน้าลอยตา แต่กลับถูกประโยคที่ดัดเสียงล้อเลียนของหมอเมิ่งตีแสกหน้า
“ตำแหน่งหมอหลวงเป็นตำแหน่งที่สูงนัก ทำไมเจ้าถึงไม่อยากเป็น? ไม่รู้ใครกันนะที่กล่าวประโยคนี้” จินหลงอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจำได้
“นี่..นี่ถ้าไม่แกล้งบ้าอยู่ ข้าจะสั่งคนมาโบยเจ้า!” เด็กน้อยดิ้นพล่านๆ ไม่คิดว่าจะมีคนยอกย้อนเขาได้ขนาดนี้
“งั้นพระองค์ก็เลิกแกล้งบ้าสิ ข้าจะได้ทูลขอรางวัล” ท่านหมอเมิ่งตาเป็นประกาย
“จะละเมอก็ไปนอนซะ” อีกฝ่ายไล่
ไม่นานจึงมีนางกำนัลคนหนึ่งเข้ามาหาพวกเขา เพื่อบอกว่าห้องของจินหลงถูกจัดเตรียมเรียบร้อย เมื่อไปดู เจ้าตัวแสบก็ต้องฉงนกับเตียงอีกเตียงที่อยู่ใกล้ๆ
“เย้ๆ เตียงสองเตียงๆ” จินหลงแกล้งปีนขึ้นไปวิ่งบนเตียง ดวงตาตวัดมองเมิ่งชงหยวนเพื่อให้เขาเป็นคนถามแทน ท่านหมอเมิ่งเมื่อเห็นสายตา ก็ถอนหายใจก่อนถามนางกำนัล
“ทำไมจึงมีเตียงถึงสองเตียงเล่า ไม่ใช่ว่าให้ข้าอาศัยอีกห้องหรือ?” ปกตินางกำนัลขันทีก็อยู่อีกที่ ไม่เห็นจำเป็นต้องมีเตียงถึงสองเตียง
“ฮ่องเต้ทรงออกราชโองการ ให้คุณชายอู๋มาเป็นเพื่อนเล่นและผู้ดูแลองค์ชายสี่ และมีรับสั่งให้คุณชายอู๋อาศัยอยู่นี่เจ้าค่ะ” จินหลงอ้าปากค้าง เมื่อได้สติจึงวิ่งโร่เข้าไปเกาะกระโปรงนางกำนัล
“เพื่อนเล่นเหรอ? เพื่อนเล่นเหรอ? แล้วเสี่ยวเหมยล่ะ เสี่ยวเหมยของข้าล่ะ” จินหลงช้อนตามองนาง หมอเมิ่งเห็นดังนั้นก็หลุดขำ เรียกสายตาอาฆาตของจินหลงได้แวบหนึ่ง
“องค์ชายเพคะ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้องค์ชายจะมีเพื่อนเล่นคนใหม่ ข้าน้อยรับรองว่าเขาต้องดีแพ้ไม่เสี่ยวเหมยของท่านแน่” จินหลงแสร้งทำหน้าหมอง แต่ในใจกลับตรงข้าม
เวรๆๆ เจอเจ้าหมอแสบนี่ไม่พอ ข้าต้องเจอใครอีกเนี่ย!
ค่ำวันนั้น จินหลงจึงหนีออกจากวังโดยเงียบ เพื่อไปพบกับพวกจื่อจง โดยหารู้ไม่ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งแอบจับจ้องการกระทำของเขาอยู่ การหลบหนีครั้งนี้เป็นไปได้ง่ายกว่าเคย เพราะรอบด้านมืดสนิท ทว่าเมื่อมาถึงที่ เด็กส่วนมากก็หลับไปแล้ว เหลือแต่เด็กที่เป็นเวรยาม
“ท่านผู้มีคุณ!” ยามทั้งสองตกใจที่จู่ๆ จินหลงก็โผล่มาตรงหน้า
“ตามจื่อจงให้ข้าที” จินหลงเดินเข้ามา เด็กคนหนึ่งจึงรีบเดินเข้าไปในถ้ำเพื่อปลุกจื่อจง
ไม่นานจื่อจงจึงรีบวิ่งออกมา เมื่อเห็นจินหลงก็ถอนหายใจโล่งอก
“ท่านผู้มีคุณ วันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านไม่ได้มา” จินหลงขมวดคิ้ว ..จะว่าไปเขาก็เพิ่งสังเกต
“ทำไมพวกเจ้าเรียกข้าว่าผู้มีคุณตลอดเลย” เจ้าตัวเล็กเอียงคอสงสัย
“ก็พวกข้าไม่รู้จักชื่อท่าน” ยามน้อยคนหนึ่งตอบ จินหลงหน้าเหวอ
“อ้าว ข้าไม่ได้บอกไปพวกเจ้าไปตั้งแต่ตอนอยู่ในถ้ำเหรอ” ทั้งสามส่ายหน้า จินหลงได้แต่ยิ้มแหยๆ
สงสัยเขาจะกลัวปีศาจร้ายนั่นเกินจนลืม
เจ้าตัวแสบครุ่นคิด ตอนนี้ชื่อเขาถูกเผยแพร่ไปทั่วแคว้นจากประกาศตามหาหมอเทวดา คงไม่ดีหากใช้ชื่อนี้ ในอนาคตไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะสอนเด็กเหล่านี้อ่านเขียน คงได้พบประกาศนั่นแน่
“ข้าชื่อเหออยู่ร์หาน” จินหลงใช้นามในชาติสองในการแนะนำตัว จื่อจงขมวดคิ้ว
“นายน้อยเหอ?” ...ไหงกลายเป็นนายน้อย
“ข้าไม่ใช่นายของพวกเจ้า จะเรียกข้านายทำไม เรียกข้าอยู่ร์หานก็พอ” จินหลงตอบปัด ในเมื่อพวกเขาไม่ใช่คนรับใช้ ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกเช่นนี้ให้อึดอัด
“แต่ท่านเป็นผู้มีคุณของพวกเรา จะให้เรียกท่านเช่นนั้นมัน..” เด็กทั้งสามหันมามองหน้ากัน
“ก็ข้าไม่ชอบ ข้าชอบความสัมพันธ์แบบครอบครัวมากกว่า พวกเจ้าก็รู้ว่าข้ามาจากครอบครัวขุนนาง เจอแต่ผู้คนสวมหน้ากาก ให้ข้าได้อยู่สบายๆ เถอะ” จินหลงยู่ปาก แต่อีกฝ่ายยังลังเล
“ข้าก็จะเป็นน้องอยู่ร์ของพวกท่าน ส่วนท่านก็จะเป็นพี่ใหญ่จื่อจง” จินหลงยิ้มแป้น บีบบังคับอีกฝ่ายให้ตอบตกลง
“แต่นั่นมัน..” จื่อจงไม่กล้าตอบรับ จินหลงจึงงัดไม้เด็ด
“ใช่สิ พวกเจ้าบอกว่าข้าเป็นผู้มีคุณ แต่ผู้มีคุณคนนี้ขอแค่นี้ยังทำให้ไม่ได้ ข้าแค่อยากอยู่ในตำแหน่งเท่าเทียมกับพวกเจ้าแค่นั้นเอง” จินหลงพองแก้มแง่งอน จื่อจงและยามทั้งสองอ้าปากค้าง
“ก็ได้ ข้าเรียกท่านน้องอยู่ร์ก็ได้” อีกฝ่ายนึกอยากร้องไห้
“คำว่าท่านก็ไม่เอา” เด็กเล็กเอาแต่ใจ จื่อจงจึงถอนหายใจออกมาแรง
“ได้ๆ ข้าเรียกเจ้าน้องอยู่ร์ก็ได้!” เด็กโตแทบอยากตะโกนลั่น แต่ก็กลัวเด็กในถ้ำจะตื่น
“ดี วันนี้ที่ข้ามาช้าเพราะท่านพ่อจ้างหมอมาดูแลข้า ทำให้ข้าปลีกตัวออกมาไม่ได้ ทั้งพรุ่งนี้ยังจะมีคนดูแลเพิ่มมาอีก ไม่รู้จะหลบออกมาได้ไหม แต่ข้าจะพยายาม” จินหลงรับปาก
“ท่าน..เจ้าป่วยหรือ?” จื่อจงพิจารณาสีหน้าจินหลง
“เปล่า ข้าแกล้งป่วย เลยโดนเจ้าหมอกำมะลอนั่นข่มขู่ต่อรองอะไรด้วยนิดหน่อย” จินหลงยักไหล่ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“เรื่องนั้นช่างเถอะ แต่วันนี้ข้าจะสอนวิธีฝึกขั้นต่อไปให้ ไว้พวกเจ้าฝึกแล้วพรุ่งนี้ไปสอนคนอื่นต่อด้วย” จินหลงกวักมือเรียกพวกเขาไปฝึกรอบพิเศษ ก่อนจะทิ้งท้ายว่าช่วงนี้อาจปลีกตัวมายาก
เช้าวันต่อมา เด็กชายแปลกหน้าจึงปรากฏต่อหน้าจินหลง ใบหน้าที่สะอาดสะอ้านและงดงามของเขาบูดบึ้งอย่างไม่ชอบใจ จินหลงจูงมือนางกำนัล เงยหน้ามองเด็กชายที่โตกว่าราวสี่ห้าปี
“องค์ชายเพคะ คนผู้นี้คือคุณชายอู๋เจียงสง ผู้จะมาเป็นพระสหายขององค์เพคะ” เจียงสงโค้งตัวทำความเคารพอย่างรวดเร็ว ท่าทางของเขาแสดงออกอย่างเด่นชัดว่าไม่อยากมา
แหม่ คิดว่าข้าอยากให้เจ้ามานักเหรอ!
จินหลงวิ่งทั่วสวนในเรือนรับรอง แกล้งตามหาเสี่ยวเหมยตามพุ่มไม้ ส่วนเจียงสงฝึกร่างกายไม่ยุ่งเกี่ยวกับจินหลง ท่าทีของพวกเขาทำให้เหล่านางรับใช้มีสีหน้าแย่ลงเรื่อยๆ เมิ่งชงหยวนเห็นดังนั้นจึงกวักมือเรียกซูเม่ย หัวหน้านางกำนัลของจินหลงมาคุย
“เจ้าพอจะรู้หรือไม่ ว่าเหตุใดคุณชายอู๋จึงมีท่าทางเช่นนั้น” ซูเม่ยหันไปมองทิศที่ชงหยวนชี้
“ข้าได้ยินว่าแท้จริงคุณชายอยากฝึกร่างกายอยู่กับบ้าน ไม่อยากมาเป็นพี่เลี้ยงดูแลองค์ชาย แต่เพราะเป็นราชโองการจึงขัดไม่ได้” ชงหยวนพยักหน้าช้าๆ พร้อมแผนการบางอย่างที่ผุดขึ้นในใจ
“เจ้าไปพาองค์ชายมาหาข้าที ข้าจะเริ่มฝังเข็ม” ชงหยวนอ้าง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อจัดเตรียมของ ไม่นานจินหลงจึงถูกอุ้มมา เมื่อประตูปิดลงไร้คนนอกด้านใน เจ้าตัวแสบจึงเปลี่ยนท่าที กระโดดขึ้นนั่งบนเก้าอี้
“เรียกข้ามาทำไม ฝังขงฝังเข็มมันไม่จำเป็นนี่” จินหลงเบื่อหน่าย ชงหยวนจึงปิดห่อเข็ม
“แน่สิ ข้าแค่หยิบขึ้นมาตีเนียน” เด็กน้อยหรี่ตามองอีกฝ่าย ไม่เข้าใจว่าจะเรียกเขามาทำไม
“ข้าแค่อยากรู้ว่า พระองค์ไม่มีมุกอื่นให้เล่นบ้างหรือ นอกจากมุกเสี่ยวเหมยน่ะ” ชงหยวนเท้าคาง แต่ประโยคของเขาทำเอาจินหลงสะอึก
ก็ข้าคิดไม่ออกอะ!!
“เรื่องของข้าเจ้าไม่ต้องยุ่ง!” จินหลงฮึดฮัด ชงหยวนไม่สนใจ เขายังคงถามต่อ
“แล้ววันนี้พระองค์จะหนีออกนอกวังอีกหรือไม่?” จินหลงเงยหน้ามองอีกฝ่าย ขมวดคิ้วไม่เข้าใจจุดประสงค์
“เจ้าจะถามทำไม จะขัดขวางข้าหรือ” อีกฝ่ายฉีกยิ้มก่อนพูดจานอบน้อม
“ผู้น้อยไม่คิดขัดขวางพระองค์หรอก” ...งั้นก็ดีไป
“วันนี้ข้าออกไปแน่ แต่ยังหาจังหวะอยู่” จินหลงถอนหายใจ แม้คุณชายอู๋จะไม่มายุ่งกับเขา แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายคอยมองตามเสมอ ทั้งยังเว้นระยะไม่เกินสามเมตรอีกด้วย
ชงหยวนเห็นท่าทางของจินหลง จึงเดินไปเปิดหน้าต่าง
"งั้นพระองค์ก็อาศัยจังหวะนี้หนีไปสิ" รอยยิ้มของอีกฝ่ายทำให้จินหลงไม่วางใจ
คิดจะทำอะไรกันแน่?
"เหตุใดพระองค์จึงมองข้าเช่นนั้นเล่า ข้าเพียงหวังดีอยากช่วยพระองค์หนีออกไปได้โดยง่าย"
เพราะเป็นเจ้าไง! ข้าถึงไม่วางใจ
แต่ก็นับว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะหนีออกไป ไม่แน่บางทีอีกฝ่ายอาจเข้าใจเขาก็ได้ ยังไงซะหมอเมิ่งก็ไม่ได้มีหน้าที่จับตาเขาอยู่แล้วนี่ ต่อให้เขาหนีไปได้ ก็ไม่ผิดอะไรมาก
เมื่อตัดสินใจได้จินหลงกระโดดขึ้นริมหน้าต่าง ก่อนจะหันมากล่าวว่า
"ขอบคุณที่เข้าใจข้า" เมื่อเจ้าตัวเล็กใช้วิชาตัวเบากระโดดออกนอกห้อง ชงหยวนจึงแหกปากลั่นสุดเสียง
"แย่แล้ว! องค์ชายสี่หนีไปแล้ว!!!" เจ้าตัวแสบแทบก้าวพลาดตกกำแพง หันขวับมามองชงหยวนอย่างไม่อยากเชื่อ
บัดซบ! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่!
เหล่านางกำนัลและเจียงสงวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก เมื่อเจียงสงเห็นจินหลงยืนอยู่บนกำแพงนอกหน้าต่าง เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ใครก็ได้รีบตามองค์ชายไปเร็ว!” ชงหยวนแกล้งทำท่าทีร้อนรน ทุกคนจึงได้สติ
“ข้าไปเอง!” เจียงสงไม่ปล่อยให้จินหลงหนีไปได้ เขารีบกระโดดออกนอกหน้าต่างวิ่งตาม เจ้าตัวแสบเห็นเจียงสงกระโดดเกาะกำแพงดึงตัวขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว ก็รีบวิ่งหนีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เมิ่งชงหยวน ไอ้หมอสารเลว! ไอ้คนทรยศศศ!
เมื่อทั้งสองวิ่งหายไปตามกำแพง ชงหยวนเผยยิ้มก่อนหัวเราะคิกคัก ต่างจากขันทีและนางกำนัลที่วิ่งวุ่น
“ท่านหมอ! เหตุใดองค์ชายจึงออกไปได้!” ซูเม่ยร้องถามชงหยวน เขาจึงกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะหันมาทำหน้าจริงจัง
“เมื่อครู่ข้าเพิ่งค้นพบ องค์ชายมิได้มองเห็นเพียงเสี่ยวเหมย แต่พระองค์ยังได้ยินเสียงเรียกให้ช่วยตลอดเวลา เพราะองค์ชายมีจิตใจเมตตา เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจึงมักหนีออกไปตามหาเสียงนั่น” ชงหยวนสร้างเรื่องเป็นตุเป็นตะ ซูเม่ยตกตะลึง
“แล้ว..แล้วท่านพอจะมีทางรักษาหรือไม่? คงไม่ดีแน่หากองค์ชายหนีหายไปทุกวัน” ชงหยวนส่ายหน้า
“เป็นไปได้ยากนัก ข้าบอกพวกเจ้าแล้ว ว่าโรคที่องค์ชายเป็นนั้นคือโรคชะตาฟ้าลิขิต แม้ข้าจะทำให้เด็กหญิงปีศาจตนนั้นหายไปได้ แต่ข้าไม่อาจกำจัดเสียงเรียกนั่นได้ คาดว่าคงต้องลำบากคุณชายอู๋เสียแล้ว” ท่านหมอเทวดาแสร้งทำสีหน้าจนปัญญา
“เช่นนั้นพวกข้าควรทำเช่นไร หากเกิดอะไรขึ้นกับองค์ชาย พวกข้าคงได้หัวขาดแน่!” ซูเม่ยย่ำเท้าร้อนรน
“ข้าบอกพวกเจ้าไปแล้ว ว่าคงต้องลำบากคุณชายอู๋ ดังที่เจ้าเห็น คุณชายอู๋ผู้นี้ความสามารถเพียงพอในการไล่ตามองค์ชายสี่ ด้วยสรีระที่เล็กต่างจากผู้ใหญ่ ไม่ว่าองค์ชายจะหนีไปที่ใด ข้าเชื่อว่าคุณชายอู๋สามารถตามไปได้” ชงหยวนทำทีเชื่อในตัวอู๋เจียงสง แต่แท้จริงเขาเพียงไม่อยากให้จินหลงเข้าเมือง
เมื่อคืนชงหยวนคาดการณ์ไว้ว่าจินหลงต้องหนีออกจากวัง เขาจึงดักรออยู่บริเวณสวน นึกอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังคอยช่วยองค์ชายน้อยหลบหนี และคนผู้นั้นต้องการอะไร
แต่ไม่คิดเลยว่าองค์ชายจะหนีออกจากวังด้วยความสามารถของพระองค์เอง แล้ว.. เขาควรจะปล่อยเด็กสี่ขวบผู้ไม่รู้จักโ,กภายนอกออกไปเดินร่อนๆ คนเดียวหรือ?
นอกวังมีโจรอยู่มาก มันไม่ใช่ที่ที่พระองค์จะออกไปเดินเล่นได้ ขืนมีใครล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริง คงไม่แคล้วถูกจับเรียกค่าไถ่ ครั้นตัวเขาจะตามพระองค์ไปก็ทำไม่ได้ เนื่องจากไม่มีวรยุทธ์เพียงพอ จะไปแจ้งทหารก็ลังเล ไม่รู้จะทำแผนเจ้าตัวเล็กพังจนไม่ให้ความร่วมมือกับเขาอีกหรือไม่
คิดไปคิดมาสุดท้ายก็ต้องนั่งถ่างตาตื่นทั้งคืน เพื่อดูว่าองค์ชายจะกลับมาเมื่อใด หากหายไปนานเกิน เขาจะได้ได้วิ่งโร่ไปแจ้งทหาร ดีที่พระองค์ไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง
และยังโชคดีที่วันนี้ได้เห็นคุณชายอู๋ฝึกวิทยายุทธ ดูแล้วน่าจะมีเพียงพอต่อการไล่ตามองค์ชาย ยังไงซะก็เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท ที่ต้องการให้องค์ชายน้อยมีเพื่อนเล่น การที่เขาไปยุแหย่ให้ทั้งคู่วิ่งเล่นด้วยกันก็ถือเป็นเรื่องดีนัก ชงหยวนเดินฮัมเพลงออกจากห้อง มุ่งหน้าไปยังห้องสมุดที่สำนักหมอหลวงเพื่อศึกษาตำรา
อา.. ได้ช่วยฝ่าบาทบรรลุพระประสงค์นี่ช่างรู้สึกดีจริงๆ
“น..ใน..แฮ่กๆ ในที่สุด ก..ก็.. ก็สลัดหลุดสักที” จินหลงนั่งหอบพิงกำแพงนอกวังอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่นึกว่าคุณชายอู๋จะสามารถตามติดเขาได้ร่วมสองชั่วโมง ไม่ว่าเขาจะมุดรูหมาลอด ซ่อนอยู่บนหลังคา แอบอยู่บนต้นไม้ ไม่ว่าที่ไหนอีกฝ่ายก็ตามตัวเขาเจอ
นึกแล้วก็แค้นใจนัก เจ้าหมอเมิ่งนั่น! อย่าให้ข้าเลิกบ้าเชียวนะ ไม่เช่นนั้นข้าจะแฉให้ยับ ว่าเจ้ามันหมอกำมะลอ!
“ท่านผู้มีค..น้องอยู่ร์?” จินหลงเงยหน้ามอง ก่อนจะพบเด็กชายคนที่เคยใช้ให้ไปซื้อข้าวและหมั่นโถวครั้งก่อนกำลังยืนมองเขาอยู่
ท่าทางจื่อจงคงย้ำกับทุกคนแล้วสินะ
“ท่านพี่..มาอยู่นี่ได้ไง?” เจ้าตัวแสบตะลึง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้เห็นตอนที่เขาข้ามกำแพงมาหรือไม่
“ข้าออกมาซื้อข้าวสารน่ะ แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาอยู่นี่ได้?” จินหลงนิ่งคิดเล็กน้อย พลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนเผยใบหน้าออดอ้อน ไม่ยอมตอบคำถามอีกฝ่าย
“ท่านพี่ ตอนนี้น้องอยู่ร์เมื๊อยเมื่อย ขอน้องอยู่ร์ขี่คอหน่อยสิ” จินหลงชูมือขึ้นให้อีกฝ่ายอุ้มเขาขึ้น ท่าทางของจินหลงทำให้เด็กโต0ไม่อยากเชื่อสายตา
“ก..ก็ได้อยู่หรอก แต่เช่นนั้นก็จะขนข้าวไม่ได้” จินหลงส่ายหน้า
“ไม่ต้องห่วง ไปถึงถ้ำเมื่อไร เดี๋ยวข้าจะสอนพวกท่านล่าสัตว์เอง!”
ด้านคุณชายอู๋ที่ตอนนี้กลับมายังเรือนรับรองปล่อยให้ทหารและขันทีตามหาตัวจินหลง ใบหน้างามของเขาบู้บี้ไปด้วยโทสะ เด็กชายกระทืบเท้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างรุนแรง ไม่คิดว่าตนจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กสติฟั่นเฟือนที่มีอายุเพียงสี่ปี
“บ้า! บ้าที่สุด! เด็กนั่นอายุแค่สี่ปีเองนะ ทำไมข้าถึงจับตัวไม่ได้ล่ะ!” เจียงสงแค้นใจ
“คุณชายอู๋ ได้โปรดอย่าพูดเช่นนั้น หากใครมาได้ยินเข้าคุณชายจะมีโทษนะเจ้าคะ” นางกำนัลใกล้ๆ เอ่ยเตือน เจียงสงตวัดสายตามายังพวกนาง
“เจ้าช่วยวาดแผนที่วังคร่าวๆ ให้ข้าที ทุกวันข้าจะจดบันทึกและศึกษาเส้นทางหลบหนีขององค์ชาย ไม่มีทางที่พระองค์จะหนีข้าพ้น!” เจียงสงสั่งการ เขาจะไม่มีวันประมาทองค์ชายน้อยองค์นี้อีกเด็ดขาด!
อย่ามาดูถูกข้าอู๋เจียงสงเชียวนะ!!
ขณะที่จินหลงกำลังฝึกวิชาให้กับเด็กกำพร้า ขณะที่อู๋เจียงสงกำลังเตรียมแผนที่บันทึกเส้นทางหลบหนี ขณะที่เมิ่งชงหยวนกำลังอ่านตำรา ขณะที่ผู้คนเดินขวั่กไขว่ไปมา ก็ได้เวลาที่ใครอีกคนจะลงมาจุติ
เพราะวันนี้คือวันครบรอบห้าปี นับตั้งแต่จินหลงลงมาอยู่ในครรภ์
เป็นอีกหนึ่งวันแห่งโชคชะตาที่จะเปลี่ยนแปลงลิขิตสวรรค์
วันแห่งคำสัญญาที่พระเจ้าจะทำให้พรของเขาสัมฤทธิ์ผล
วันที่เด็กอีกคนจะลงมาอยู่ในครรภ์..