ตอนที่แล้วซัพที่05: มันคือปีศาจร้าย! ปีศาจร้ายที่ไม่รู้จักสูญพันธุ์!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซัพที่07: คนหนึ่งก็ข่มขู่ อีกคนก็ไล่บี้ เห็นข้าเป็นตัวอะไรแน่นี่

ซัพที่06: องค์ชายลวงโลก vs หมอกระล่อน


ซัพที่06: องค์ชายลวงโลก vs หมอกระล่อน

“เจ้าว่าอะไรนะ! เหวินหลงกับจินหลงงั้นหรือ!” ฮ่องเต้ลุกพรวดจากโต๊ะทรงงาน กุ้ยเฟยที่นั่งสนทนาอยู่ที่เก้าอี้ใกล้ๆ ตกตะลึง ไม่อยากเชื่อจะเกิดเหตุนี้

“พะยะค่ะ องค์ชายรองเมื่อได้พบองค์ชายสี่ก็เข้าไปทุบตีต่อว่า ตอนนี้ลี่ฉงเรียกหมอหลวงมาดูอาการองค์ชายสี่แล้วพะยะค่ะ” ขันทีโค้งกายทูล ฮ่องเต้และกุ้ยเฟยหันมามองหน้ากัน

“กุ้ยเฟย เจ้ากลับไปจัดการลูกซะ” กุ้ยเฟยทูลลา ก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวกลับไปวังหลังพร้อมขันทีและนางกำนัล

“ให้ตายเถอะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ฮ่องเต้นั่งสั่นขา ร้อนรนกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“ดูท่าข้าต้องหาคนดูแลจินหลงเสียแล้ว” ขันทีหูพึ่ง

“ฝ่าบาท พระองค์จะหานางกำนัลให้องค์ชายหรือพะยะค่ะ” ฮ่องเต้พยักหน้า ยกน้ำชาขึ้นกระดก ก่อนกระแทกถ้วยลง

“จินหลงมักมีอาการเพ้อถึงเสี่ยวเหมย ทั้งยังชอบหายตัวไป ข้าว่าบางทีจินหลงอาจต้องการเพื่อนเล่น ข้าจึงเรียกกุ้ยเฟยมาปรึกษาว่าจะให้เหวินหลงได้อยู่กับจินหลงมากขึ้น เด็กสองคนนี้แม้จะอยู่ในตำหนักเดียวกัน แต่ก็พบกันได้น้อยนัก อย่างไรเสียทั้งคู่ก็เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด สนิทกันได้ไม่ยาก แต่กลายเป็นว่าครั้งนี้เหวินหลงกลับทำร้ายจินหลง ดูท่านอกจากข้าจะต้องหาเพื่อนเล่นให้จินหลงแล้ว ยังต้องหานางกำนัลให้เฝ้าดูแลอีก!” ฮ่องเต้เกิดโทสะ ขันทีผู้น้อยจึงเงยหน้ามอง ก่อนจะถามว่า

“แล้วพระองค์คิดจะให้ผู้ใดเป็นเพื่อนเล่นองค์ชายสี่หรือพะยะค่ะ ถ้าจะให้อายุไล่เลี่ยกัน ก็คงเป็นองค์หญิงหก องค์หญิงเจ็ด และ...องค์ชายห้า?” ฮ่องเต้ถอนหายใจเมื่อได้ยินชื่อสุดท้าย

“เจ้าจิ้งก็อีกคน เจอหน้าข้าไม่พูดไม่จาไม่เคารพ ปลีกตัวอยู่คนเดียว เด็กนั่นคล้ายจะฝังใจว่าข้าและกุ้ยเฟยฆ่าเสด็จแม่ของเขา ขืนข้าส่งจิ้งฉวี่ไปอยู่กับจินหลง ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น” ขันทีพยายามช่วยฮ่องเต้ครุ่นคิด

“เช่นนั้นพระองค์ลองส่งองค์หญิงไปดีไหมพะยะค่ะ องค์หญิงหกมีอายุมากกว่าองค์ชายสี่เพียงหนึ่งปี ทั้งยังมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเช่นองค์ชายสี่สมัยก่อน ส่วนองค์หญิงเจ็ดมีอายุเท่ากับองค์ชาย ทว่ามีนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจ” ขันทีเสนอ

“หากเป็นองค์หญิงหก คงได้แต่นั่งดูจินหลงวิ่งเล่นแน่ ส่วนองค์หญิงเจ็ด..ข้าว่าคงรำคาญจินหลงเสียมากกว่า” ฮ่องเต้คิดหนัก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วนี่เรื่องการรักษาจินหลงเป็นเช่นไรบ้าง” ฮ่องเต้ถาม

“ทูลฝ่าบาท บัดนี้ยังไม่มีผู้ใดรักษาองค์ชายได้พะยะค่ะ แต่ได้ยินว่าหมอเทวดาเมิ่งชงหยวนเข้าเมืองมาสองวันแล้ว คาดว่าวันพรุ่งนี้คงเข้าวังมาพะยะค่ะ” ขันทีรายงาน ฮ่องเต้จึงพยายามนึก

“เมิ่งชงหยวน..ใช่เมิ่งชงหยวนที่ชาวบ้านลือกันว่าสามารถรักษาโรคที่ไม่มีใครรักษาได้งั้นหรือ?” ฮ่องเต้ทรงดีพระทัยยิ่ง

“พะยะค่ะ”

“ดี! ดีนัก หากเขาสามารถรักษาจินหลงจากอาการนี้ได้ ข้าจะตบรางวัลเขาอย่างงาม!”

 

วันต่อมาหลังเหวินหลงถูกกุ้ยเฟยขังอยู่ในตำหนัก คัดตำราห้าสิบเล่ม ส่วนจินหลงจึงถูกพามายังสำนักหมอหลวง ให้เหล่าหมอเทวดาช่วยตรวจอาการ

อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่มีหมอผีละวะ

จินหลงคิด ก่อนจะเริ่มอยู่ไม่สุก วุ่นวายโวยวายไปทั่ว เขาแกล้งเอียงคอเหลือกตาไปมา จนกระทั่งหมอหนุ่มคนสุดท้ายมาถึง เมิ่งชงหยวนเมื่อเห็นหน้าจินหลงก็เผยยิ้ม ก่อนจะตรวจชีพจรและศีรษะจินหลงจนทั่ว เขานั่งเท้าแขนดูอาการจินหลงอยู่เงียบๆ จนขันทีผู้หนึ่งต้องถามขึ้น

“ท่านหมอเมิ่ง ไม่ทราบว่าท่านสามารถรักษาองค์ชายได้หรือไม่” หมอเมิ่งเหลือบตามองขันที

“ได้ ได้อยู่แล้ว แต่ข้าไม่มั่นใจว่าจะทำให้องค์ชายหายทันทีได้หรือไม่ หรืออาจจำเป็นต้องใช้เวลาหลายปี ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการรักษาครั้งแรก” ทุกคนเผยสีหน้ายินดี ท่าทางมั่นใจของเมิ่งชงหยวน ทำให้จินหลงนึกอยากจะเบะปากมองบน

ได้บ้าได้บออะไร ข้าปกติดีแต่แรก แล้วเจ้าจะไปทำอะไรได้

“จริงหรือ! งั้นท่านเริ่มรักษาได้เลย” ขันทีเร่ง แต่เมิ่งชงหยวนกลับยกมือห้าม และหุบนิ้วให้เหลือเพียงนิ้วชี้

“จึ๊ๆๆ วิธีการรักษาของข้านั้นเป็นความลับ ห้ามมิให้ผู้ใดล่วงรู้ มิเช่นนั้นจะรักษาผิดพลาดได้” เมิ่งชงหยวนฉีกยิ้มแล้วใช้นิ้วนั้นชี้ไปที่ประตู ทว่าขันทีและนางกำนัลกลับลังเล

“พวกเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ข้าไม่คิดสั้นทำอะไรองค์ชายน้อยของเจ้าแน่ แถวนี้มีแต่ทหาร ขืนข้าทำอะไรไปมีหวังคงได้คอขาด จริงไหมล่ะ?” เขารับประกัน แต่เหล่าข้ารับใช้ยังไม่กล้าออกไป เมิ่งชงหยวนจึงลุกขึ้นยืน

“งั้นข้าออกไปเองก็ได้ พวกเจ้ารักษากันเองนะ” เมิ่งชงหยวนยกถุงผ้าขึ้นเตรียมก้าวออกจากประตู

“เดี๋ยวๆๆ พวกข้าออกแล้วๆ” ขันทีและนางกำนัลกรูกันออกนอกประตู หมอเทวดาจึงตะโกนไล่หลัง

“อย่าลืมกันคนให้ออกจากบริเวณนี้นะ” เมื่อด้านนอกเงียบกริบ เมิ่งชงหยวนจึงเปิดประตู ยื่นหน้าออกไปดูว่าไม่มีใครแล้วจริงไหม

เจ้าหมอบ้านี่วางแผนอะไร?

จินหลงแกล้งทำเป็นนั่งเล่นกับเสี่ยวเหมย หมอเมิ่งจึงค่อยๆ เดินมาตรงหน้าเขา ก่อนจะถามว่า

“องค์ชายเล่นกับเสี่ยวเหมยสนุกไหม?” เขาถามด้วยรอยยิ้ม

“สาหนู๊กก เล่นกับเสี่ยวเหมยสนุกก” จินหลงฉีกยิ้ม เอ่ยด้วยวาจายืดยาว หมอเมิ่งจึงพยักหน้าหงึกหงัก เขาเบิกตากว้างก่อนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์

“แล้วองค์ชายไปพบเสี่ยวเหมยที่ไหน สวนในตำหนัก หรือ..ที่ประตูเมือง?” คำสุดท้ายของเขาทำให้จินหลงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เมิ่งชงหยวนจับสังเกตได้จึงหันหลังก้าวเดิน

“ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายสี่เจิ้งจินหลงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดไม่เหมือนเด็ก ทั้งยังวุฒิภาวะและความสามารถสูงส่งไร้ใครเทียบ แต่กลับช่วยกุ้ยเฟยจนถูกวางยาสติฟั่นเฟือน ฮ่องเต้จึงประกาศตามหาหมอเทวดา” พูดจบเขาจึงหันหน้ามาอีกครั้ง และเดินมาที่จินหลง

“ตอนแรกข้าก็เชื่อตามนั้นหรอกนะ แต่ว่า!” หมอเมิ่งยื่นหน้ามาใกล้จินหลง

“ข้ากลับพบเด็กชายผู้หนึ่งในกลุ่มเด็กกำพร้าที่เดินออกนอกประตูเมืองเมื่อสองวันก่อน เด็กผู้นั้นช่างสะดุดตาข้านัก ผิวขาวผ่อง หน้าตาน่าเอ็นดู ท่าเดินและการแสดงออกเห็นชัดว่าผ่านการอบรมมา” จินหลงเริ่มหน้าซีด แต่ก็ยังทำทีเป็นเล่นกับเสี่ยวเหมยต่อไป เม่งชงหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตบโต๊ะข้างจินหลง จนเด็กชายสะดุ้งเฮือก

“ตอนแรกข้าก็คิดว่าคงเป็นลูกขุนนางตกยาก แต่วันนี้ได้เห็นหน้าท่าน จึงรู้ว่าเป็นถึงองค์ชายสี่” จินหลงแกล้งโวยวายทุบตีเมิ่งชงหยวน

“นิสัยไม่ดี เจ้าคนนิสัยไม่ดีทำร้ายเสี่ยวเหมย” เมิ่งชงหยวนจับแขนน้อยทั้งสองข้างไว้

“ปล่อยข้า! ปล่อยข้านะ” หมอเทวดากลอกตา

“ดูท่าพูดแค่นี้จะไม่ทำให้ท่านยอมรับได้นะ งั้นมาฟังคำสันนิษฐานของข้าดีกว่า” ...นี่ยังมีต่ออีกเหรอ! ไอ้หมอบ้านี่มันหลุดออกมาจากการ์ตูนเรื่องไหนวะ!

เมิ่งชงหยวนปล่อยแขนจินหลงที่ร้องโอดโอย ก่อนจะเดินวนยียวนไปรอบห้อง

“องค์ชายสี่เจิ้งจินหลง ไม่อยากเป็นรัชทายาทจึงหาทางหนี ครั้นจะแกล้งบ้าเลยก็กลัวจะถูกย้ายไปอยู่ส่วนลึกของวัง ไม่ได้พบผู้คน อีกทั้งหากพระองค์เป็นอะไรไป นางกำนัลที่ดูแลก็อาจถูกตัดหัว จึงมีใครบางคนช่วยคิดแผนการให้พระองค์ โดยการให้พระองค์จึงใช้ความสามารถที่มีทำให้ฮ่องเต้โปรดปราน จะได้รู้สึกเสียดายความสามารถ และประกาศทั่วแคว้นตามหาหมอเทวดา ทั้งพระองค์ยังอาศัยแผนร้ายของใครบางคนเพื่อเป็นเหตุในการสติฟั่นเฟือน ทำให้สามารถจับตัวคนร้ายที่คิดทำร้ายกุ้ยเฟยได้” มันรู้เกือบหมดได้ยังไง๊! จินหลงแหกปากลั่นอยู่ในใจ แต่ยังคงไม่ยอมรับ

“เสี่ยวเหมยเจ้าหิวน้ำใช่ไหม ข้าจะไปเอาน้ำให้เจ้านะ” จินหลงกระโดดลงจากเก้าอี้ เตรียมหนีออกไปจากตรงนั้น แต่กลับถูกหมอเทวดาคว้าแขนไว้

“หากท่านไม่ยอมรับ ข้าจะไปทูลเรื่องนี้กับฮ่องเต้ ให้พระองค์ไปตรวจสอบคนในเมืองว่ามีใครพบเห็นท่านบ้าง แล้วท่านก็จะโดนเรื่องหลอกหลวงเบื้องสูง อีกทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าเด็กกำพร้าที่อยู่กับเจ้าจะเป็นยังไงบ้าง” มันขู่ข้า!! จินหลงกำหมัดแน่น ก่อนจะหันไปมองหน้าเจ้าของมือ

“เจ้าต้องการอะไร?” ใบหน้าไม่พอใจทำให้เมิ่งชงหยวนยิ้มแย้ม

“แล้วท่านคิดว่ายังไงล่ะ?” ข้าก็คิดว่าข้าอยากจะต่อยหน้าน่าหมั่นไส้ของเจ้านี่ไง!

“หากเป็นอำนาจและทรัพย์สินเงินทอง ป่านนี้เจ้าคงวิ่งโร่ไปทูลเสด็จพ่อแล้ว ไม่มากวนโทสะข้าเช่นนี้” เมิ่งชงหยวนเดินกลับหลังไปนั่งบนเก้าอี้

“ข้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังท่าน ข้าจะได้ไปเจรจากับเขาต่อ” เกิดมาสองชาติ ไม่เคยเห็นใครยียวนได้ขนาดนี้เลย!

“งั้นก็เสียใจด้วยที่ท่านต้องคุยกับข้าต่อ เพราะไม่มีใครบงการข้าทั้งนั้น” จินหลงฉีกยิ้ม ก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม

“เด็กน้อยอย่างท่านเนี่ยนะจะคิดทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง?” เมิ่งชงหยวนไม่เชื่อ จินหลงจึงยักไหล่

“ใช่ เด็กน้อยน่ารักอย่างข้าเนี่ยแหละ ข้าไม่อยากเป็นรัชทายาท ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน จึงคิดแผนนี้ขึ้นมา แต่กลายเป็นว่าหลายสิ่งผิดแผนไป” ไม่คิดว่าจะเกิดการจับผิดคน เมิ่งชงหยวนหรี่ตามอง คล้ายไม่เชื่อ

“พูดมาได้แล้ว เจ้าต้องการอะไร หากข้าช่วยได้จะช่วย แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเจ้าต้องไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้” จินหลงรับปาก เมิ่งชงหยวนจึงคิดไปมา

“เด็กอย่างท่านจะไปทำอะไ..” ไม่ทันจะพูดจบจินหลงจึงสวนขึ้น

“ข้าฆ่าเจ้าได้แล้วกัน” ใบหน้าเด็กน้อยเปื้อนยิ้มเย็น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าร้องไห้

“ฮืออ..อ จินหลงเจ็บ ใครก็ได้ช่วยด้วย ข..เขา..เขาทำร้ายข้า เขาแกล้งข้า! ฮือๆๆ” จินหลงแสดงตัวอย่าง ทำเอาเมิ่งชงหยวนยิ้มค้าง

“แค่ข้าบ้าให้หนักกว่าเดิมก็จบแล้ว จริงไหม? แล้วก็จะเกิดเรื่องว่า หมอเทวดาเมิ่งชงหยวนรักษาองค์ชายสี่ผิดพลาด ทำให้องค์ชายสี่มีอาการหนักกว่าเคย อยากรู้จัง นอกจากเสด็จพ่อจะประหารเจ้า ชื่อเสียงของเจ้าจะเป็นเช่นไรบ้าง?” จินหลงลอยหน้าลอยตา เป็นเมิ่งชงหยวนบ้างที่ถูกต้อน

“ได้! ข้ายอมเชื่อแล้วว่าท่านคิดแผนเอง ข้าต้องการศึกษาตำราในวังหลวง ได้ยินว่าตำราในวังมีทั้งตำรายาโบราณและสูตรยาลับ” เมิ่งชงหยวนบอกความต้องการ

“ยาก หากไม่ใช่หมอหลวงชั้นผู้ใหญ่ ก็ไม่สามารถเข้าไปยังห้องนั้น นอกจากเจ้าจะเป็นหมอหลวงไปสักสิบยี่สิบปี” จินหลงมั่นใจ แต่เมิ่งชงหยวนเบะปาก

“ให้เป็นหมอหลวงข้าไม่เอาด้วยหรอก สู้เป็นหมอเร่ร่อนเดินทางไปทั่วดินแดนดีกว่า” จินหลงเลิกคิ้ว

“ตำแหน่งหมอหลวงเป็นตำแหน่งที่สูงนัก ทำไมเจ้าถึงไม่อยากเป็น” เมิ่งชงหยวนมองหน้าจินหลง

“ขนาดองค์ชายน้อยอย่างท่านยังไม่อยากเป็นรัชทายาท มีหรือข้าจะไม่อยากเป็นหมอหลวง”

ไอ้นี่มันย้อนนน!!

โว้ยยย คุยกับมันแล้วเสียประสาทนัก!

“แล้วเจ้าจะทำไง ข้าไม่ยอมกลับเป็นปกติหรอกนะ” ปลาไหลอย่างเขามีหรือจะยอม

“ข้ามีความคิดดีๆ” เมิ่งชงหยวนเสนอความคิด ก่อนจะเดินไปกระซิบกับจินหลง ดวงตาดวงน้อยเบิกกว้าง ก่อนจะหันมามองเขา

“เป็นไง?” หมอเทวดาถาม

“ถ้าเป็นวิธีนี้เป็นไปได้แน่ๆ แต่..” จินหลงคิด

“ท่านคิดว่าท่านจะเลิกแกล้งบ้าเมื่อไหร่ล่ะ?” หมอเทวดากอดอก

“ข้าจะไปรู้หรือไงล่ะ ไม่คิดด้วยซ้ำ” จินหลงตอบปัด เมิ่งชงหยวนเบะปาก

“ไม่รู้ได้ยังไง ท่านวางแผนอะไรไว้กันแน่ ไม่ยอมเลิกแกล้งบ้าเสียที” เมิ่งชงหยวนบ่น จินหลงจึงกลอกตา

“เรื่องของข้าน่ะ” จินหลงไม่สนใจ อีกฝ่ายพ่นลมหายใจ

“ก่อนท่านอายุครบสิบปี ท่านต้องเลิกแกล้งบ้า ตกลงหรือไม่” จินหลงหันขวับ

“ไม่” เจ้าตัวแสบปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายไม่ฟัง

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าท่านไม่ช่วยข้า ข้าจะป่าวประกาศไปทั่วดินแดน ว่าองค์ชายสี่ลวงโลก!” เมิ่งชงหยวนปฏิเสธ

“เจ้า!!” จินหลงอ้าปากค้างพูดไม่ออก อยากชี้หน้าด่าอีกฝ่ายนัก

ว่าข้าลวงโลก แผนเจ้าก็ลวงโลกเหมือนกันนั่นแหละ!

“ท่านเองก็เป็นองค์ชายผู้ทรงปรีชา ไม่ลองคิดดูล่ะ ข้าได้อ่านตำรา ท่านได้อยู่นอกวังหลัง หนีออกจากวังง่ายกว่าเคยอีก” เมิ่งชงหยวนโน้มน้าว ก่อนจะฉีกยิ้มกระซิบกับจินหลง

“อีกอย่าง ได้ข้าเป็นหมอประจำตัวชั่วคราวนับว่าไม่เลว ตั้งแต่นี้ไป ก็ไม่จำเป็นต้องมีหมอมากหน้าโผล่มาให้ท่านเห็นทุกวัน” จินหลงนึกอยากขย้ำหน้ายิ้มๆ ของอีกฝ่ายให้เละ

จะสื่อว่าต่อไปนี้จะไม่มีใครพ่นน้ำลายใส่หน้าข้าสินะ!

“ยี่สิบปี! ข้าจะเลิกแกล้งบ้าก่อนอายุยี่สิบ!” จินหลงยื่นคำขาด หมอเทวดาเมิ่งจึงพยักหน้า ก่อนเดินลอยหน้าลอยตาไปเปิดประตู

“พวกข้างนอกน่ะเข้ามาได้แล้ว!” จินหลงเห็นท่าทางอีกฝ่ายก็นึกอยากกระทืบให้ตาย

ข้าล่ะเกลียดคนแสบสันกวนประสาทแบบนี้ที่สุด!

แต่เอ๊ะ.. นิสัยแบบนี้ทำไมข้าคุ้นนัก?

ขณะที่จินหลงนั่งคิด เหล่าขันทีและนางกำนัลก็กรูเข้ามาดูอาการ

“องค์ชายทรงเป็นยังไงบ้างพะยะค่ะ” ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ถามอาการ จินหลงมองหน้าเขาก่อนเบือนหน้าหนี

หงุดหงิดโว้ยยยย

“ตอนนี้องค์ชายของพวกเจ้าจะมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ เด็กที่ชื่อเสี่ยวเหมยจะค่อยๆ หายไป” เมิ่งชงหยวนรู้สึกขบขันกับท่าทีองค์ชายน้อย

“แล้วองค์ชายจะหายสนิทหรือไม่” ขันทีถามอย่างร้อนรน เมิ่งชงหยวนจึงกระแอม

“ตัวข้าเป็นหมอเร่ร่อน รู้ตำหรับยามากมาย ทว่าอาการขององค์ชายนั้นหนักหนา ไม่มียาใดช่วยได้ ข้าจักต้องใช้เวลาครึ่งปีในการการศึกษาตำราในวัง เพื่อคิดค้นตัวยาพิเศษให้องค์ชาย อ้อ! แต่ข้าไม่ต้องการเป็นหมอหลวงหรอกนะ” เมิ่งชงหยวนหยิบกระดานโหรศาสตร์ออกมาจากถุงผ้า อาศัยความไม่รู้ของทุกคนในการเลื่อนตำแหน่งมั่วๆ ให้ดู

“โรคนี้เป็นโรคชะตาฟ้าลิขิต องค์ชายสี่จะหายเป็นปกติเมื่ออายุหกสิบปี แต่หากองค์ชายกินยาเคลื่อนดาราของข้าจะเกิดปาฏิหาริย์ พระองค์จะสามารถหายได้ภายในอายุยี่สิบปี” ไอ้โคตรลวงโลกกก! คนอย่างเจ้าไม่มีสิทธิมาว่าข้า! จินหลงแหกปากลั่นในใจ ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะสร้างเรื่องราวยิ่งใหญ่อลังการออกมาเช่นนี้

“พวกเจ้าคิดดีๆ นะ กว่าองค์ชายสี่จะหายก็อายุหกสิบปีแล้ว แต่เพียงแค่กินยาของข้าเข้าไป อีกเพียงแค่สิบห้าสิบหกปี พระองค์ก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง” สิบแปดมงกุฎชัดๆ

ขันทีเผยสีหน้าลำบากใจ เขาไม่มีอำนาจพอจะตัดสินเรื่องนี้ได้

“ทั้งข้ายังต้องการให้องค์ชายย้ายมาอยู่นอกวังหลัง เพื่อให้สะดวกต่อการสังเกตอาการและการรักษา พวกเจ้าคงไม่คิดจะให้ข้าเข้าไปรักษาองค์ชายด้านในวังหลังหรอกนะ” ขันทีรีบส่ายหน้า

“เรื่องที่ท่านขอเป็นเรื่องที่ข้าไม่อาจตัดสินใจได้ ขอท่านรอสักครู่ ข้าจะไปกราบทูลฮ่องเต้” ขันทีเหลือบมองจินหลง เจ้าตัวแสบจึงแกล้งโดดลงจากเก้าอี้ เดินไปมาแล้วถามว่า

“เสี่ยวเหมยอยู่ไหน เสี่ยวเหมยหายไปไหน?”

 

“จริงหรือ! หมอเมิ่งสามารถรักษาจินหลงได้งั้นหรือ!” ฮ่องเต้ทรงดีพระทัยยิ่ง พระองค์ลุกจากบัลลังก์มาถามขันทีโดยใกล้

“พะยะค่ะ หม่อมฉันสังเกตอาการขององค์ชายแล้ว พระองค์ทรงพบเสี่ยวเหมยน้อยลงแล้วพะยะค่ะ” ฮ่องเต้เผยยิ้ม ช่างเป็นข่าวดียิ่งนัก

“แล้วเมื่อไหร่จินหลงจะกลับเป็นปกติเล่า” ฮ่องเต้เร่งถาม

“ทูลฝ่าบาท หมอเทวดาเมิ่งกล่าวว่า อาการขององค์ชายสี่เป็นลิขิตฟ้า จะหายเป็นปกติเมื่ออายุหกสิบปี แต่หากกินยาเคลื่อนดาราของเขาแล้ว องค์ชายจะหายเป็นปลิดทิ้งภายในอายุยี่สิบปี” ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว

“เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าคนผู้นี้ไม่ใช่หมอปลอม” ยาที่เคลื่อนได้แม้กระทั่งดวงดาว ไม่น่ามีอยู่จริง

“พะยะค่ะ หม่อมฉันเคยให้คนไปตรวจสอบจนชี้ชัดแล้ว คนผู้นี้คือท่านหมอเมิ่งชงหยวนผู้มีอิทธิฤทธิ์จริงๆ” ขันทียืนยัน ฮ่องเต้จึงเดินไปเดินมาคล้ายครุ่นคิด

“เช่นนั้นเมื่อไรยาตัวนั่นจะเสร็จ” ขันทีมีท่าทางลังเล

“ทูลฝ่าบาท ท่านหมอเมิ่งบอกว่าตัวเขายังไม่มีสูตรยาที่สมบูรณ์ จึงต้องการศึกษาตำรายาภายในวังเป็นเวลาครึ่งปี และต้องการให้องค์ชายสี่ย้ายออกจากวังหลังเพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตอาการพะยะค่ะ” ฮ่องเต้ชะงัก

“หมอหลวงเว่ยว่าเช่นไรบ้าง?” ฮ่องเต้ถาม

“ทูลฝ่าบาท หัวหน้าหมอหลวงเว่ยกล่าวว่า หากเมิ่งชงหยวนสามารถรักษาองค์ชายสี่ได้จริง เขาก็ยินดีพะยะค่ะ” หมอหลวงเว่ยผู้นี้เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลของกุ้ยเฟย หากเขาดึงดันไม่ยอมเมิ่งชงหยวน ก็คงมีแต่ผลเสีย

“หากหมอหลวงเว่ยยินดี ข้าก็ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องจินหลงให้ย้ายไปที่เรือนรับรอง และให้หมอเมิ่งย้ายไปอยู่กับเขาด้วย จัดหาขันทีหกคนนางกำนัลแปดคนไปดูแลจินหลง อนุญาตให้กุ้ยเฟยไปพบได้ตามต้องการ” ฮ่องเต้รับสั่งคล่องแคล่ว ก่อนจะนิ่งนึกบางอย่าง

“พระองค์ทรงนึกอะไรได้หรือพะยะค่ะ” ขันทีบังอาจถาม ฮ่องเต้จึงหันมามองเขา

“มีขุนนางผู้ใดบ้าง ที่มีบุตรชายวัยเดียวกับจินหลง ทั้งยังเป็นวรยุทธ์และเฉลียวฉลาด?” ขันทีนิ่งนึก

“กระหม่อมจำได้ว่าใต้ท้าวอู๋มีบุตรชายชื่ออู๋เจียงสง ได้ยินว่าเจียงสงผู้นี้ต้องการเป็นแม่ทัพ ฝึกฝนวรยุทธ์ตั้งแต่เล็ก ทั้งยังมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด แต่มีอายุมากกว่าองค์ชายสี่ปี” ขันทีรายงานตามที่นึกได้ ขุนนางในวังหากไม่มีลูกโตแล้ว ก็เป็นลูกเล็กทั้งนั้น

“ข้ากำลังคิดว่าจินหลงถูกแยกออกจากวังหลังไปแต่เล็ก ทั้งเสี่ยวเหมยยังหายไป อาจทำให้โดดเดี่ยวจนเหงาหรือวุ่นวายใจ หากมีผู้ที่เป็นทั้งคนดูแลและเพื่อนเล่นคงดีนัก อู๋เจียงสงเองก็ฝึกวรยุทธ์ ไม่ไล่จินหลงทันก่อนจะหายตัวไปก็เป็นได้” ฮ่องเต้อธิบาย ขันทีเผยสีหน้ายินดี

“ฝ่าบาท พระองค์ทรงมีพระเมตตาและปราญ์เปรื่องยิ่งนัก หากองค์ชายสี่หายดีคงซึ้งพระทัยยิ่ง” ฮ่องเต้เผยยิ้ม ก่อนจะรับสั่ง

“พาตัวอู๋เจียงสงเข้าวัง ให้เขาเป็นผู้ดูแลจินหลง และให้อาศัยอยู่ในเรือนรับรองได้เป็นกรณีพิเศษ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด