ซัพที่05: มันคือปีศาจร้าย! ปีศาจร้ายที่ไม่รู้จักสูญพันธุ์!!
ซัพที่05: มันคือปีศาจร้าย! ปีศาจร้ายที่ไม่รู้จักสูญพันธุ์!!
วันต่อมา จินหลงสะบัดขันทีออกอีกครั้ง และชิ่งหนีออกจากวังเช่นเคย สร้างความวุ่นวายนัก ลำบากขันทีและนางกำนัลต้องเดือดร้อนตามหา กลัวว่าหากองค์ชายเป็นอะไรไป หัวพวกเขาคงได้หลุดจากบ่า โชคร้าย..หากไม่ใช่ทหารฝีมือดี คงจับจินหลงได้ยาก เจ้าตัวเล็กฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่เด็ก ทั้งยังตัวเล็กกะทัดรัด มีความคล่องแคล่วว่องไว มุดช่องลอดหนีไปได้ทุกครั้ง
ออกจากวังครั้งนี้เจ้าตัวแสบไม่ถอดชุดนอกออก แต่เดินมายังจุดนัดพบพร้อมห่อผ้าห่อหนึ่งด้วยท่าทางสบายใจ ก่อนเขาจะพบเด็กกำพร้านับยี่สิบคนที่กำลังนั่งรอด้วยท่าทางกังวล บางคนร้อนใจเดินไปเดินมา
“เป็นอะไรกันไป ทำไมดูกังวลนัก” เสียงเรียกของจินหลงทำให้ทุกคนหันมา ก่อนเผยให้เห็นถึงความโล่งอก
“ในที่สุดท่านก็มาแล้ว” จื่อจงถอนหายใจ จินหลงเอียงคอคิด ก่อนจะบรรลุ
ออ กลัวว่าข้าจะหลอกเล่นนี่เอง
“ก็ต้องมาแน่สิ เอ้านี่!” จินหลงยื่นห่อผ้าให้จื่อจง เขาฉงนและเปิดดู จึงพบเสื้อผ้าเนื้อดีด้านใน จื่อจงมองหน้าจินหลง ไม่เข้าใจอีกฝ่ายจะเอาของพวกนี้ให้เขาทำไม
“ข้าขโมยเสื้อพี่ชายมา เจ้าหาคนที่สวมได้พอดีไซซ์มาที” จื่อจงเอียงคอไม่เข้าใจ
“แล้ว..ไซซ์แปลว่าอะไร?” เวร.. ลืมว่ายุคนี้ยังไม่มีคำทับศัพท์ จินหลงกระแอมก่อนอธิบาย
“อะแฮ่ม.. คำว่าไซซ์เนี่ย แปลว่าขนาด ที่ข้าพูดไปก็หมายความว่า ให้เจ้าหาคนที่สวมชุดนี้พอดีขนาดมาให้ข้าที” จื่อจงพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเรียกเพื่อนวัยเดียวกันไปเทียบขนาด
เมื่อได้ตัวเด็กสามคนที่ใส่ชุดของเหวินหลงได้ จินหลงจึงนำผ้าสะอาดที่พกมาไปชุบน้ำ ก่อนจะให้พวกเขาเข้าไปในตรอก เพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้สะอาด ให้ดูเหมือนลูกขุนนาง ก่อนจะจับมาทำผม
“เอาล่ะเรียบร้อย!” จินหลงยืดอกภูมิใจ เด็กกำพร้าสามดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
“สุดยอด” เด็กคนอื่นชื่นชม ขณะเดินมาดูรอบตัวทั้งสาม
“แต่..เสื้อผ้าดีๆ แบบนี้ เอามาให้พวกข้าใส่จะดีหรือ?” หนึ่งในสามเป็นกังวล
“ไม่เป็นไรๆ ขืนไม่ใส่ชุดพวกนี้ มีหวังได้ถูกหาว่าเป็นโจรแน่” ..ถึงข้าจะเป็นโจรขโมยชุดก็เถอะ
เด็กทั้งสามต่างฉงน จินหลงจึงมอบเงินจำนวนหนึ่งให้พวกเขาแยกย้ายไปซื้อหมั่นโถว ข้าวสาร และหม้อนึ่งมา โดยเน้นย้ำว่าให้พูดด้วยท่าทางมั่นใจ และบอกว่าจะเอาไปแจกเด็กยากไร้
พักหนึ่งทั้งสามจึงกลับมา พร้อมกับกระสอบหมั่นโถวสามกระสอบและกระสอบข้าวสารหกกระสอบ จินหลงให้เหล่าเด็กกำพร้าเปิดกระสอบหมั่นโถวทั้งหมด เพื่อเติมเต็มกระเพาะ จะได้มีแรงเดินทาง
“รีบกินเข้าล่ะ แต่อย่าสำลักตายนะ ข้าไม่เป็นวิชาแพทย์” จินหลงเคี้ยวหมั่นโถวตุ้ยๆ
เมื่อเห็นทุกคนกินหมดแล้ว เขาจึงให้เด็กทั้งสามเปลี่ยนกลับเป็นชุดขอทาน และให้ทุกคนทยอยออกไปนอกเมืองทีละน้อยพร้อมกระสอบข้าว เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตเกินไป ระหว่างนั้นจินหลงจึงสวมชุดขอทานที่สั่งให้จื่อจงเตรียมมา
ราวหนึ่งชั่วโมง พวกเขาจึงมารวมกลุ่มด้านนอกประตูเมือง แล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าตามหาหน้าผา โดยถามทางจากเด็กกำพร้าที่มาจากต่างเมือง ด้วยขาสั้นๆ ของเด็กน้อยหลายคน ทำให้การเดินทางเป็นไปได้ล่าช้า ทั้งยังต้องคอยเก็บสมุนไพรและพืชผักตามทาง จินหลงเริ่มเหงื่อตก รู้สึกร้อนจนอยากแก้ผ้าเดิน..ติดที่เด็กผู้หญิงในกลุ่มเยอะเกิน
“นี่..เมื่อไรจะถึงอะ” จินหลงหันไปถามเด็กที่รู้ทาง
“ข้าคิดว่าอีกไม่ไกลนี่แหละ”
ข้าได้ยินประโยคนี้มานานแล้วนะ! ว๊ากกก ร้อนนนน!
เจ้าตัวแสบทนร้อนไม่ไหว กระโดดขึ้นไปบนยอดต้นไม้ พยายามมองหาหน้าผา มองไปได้ไม่นานก็พบ จินหลงตาพราว รีบวิ่งนำไปทันที ลำบากคนอื่นต้องวิ่งตาม
เมื่อมาถึงเจ้าตัวแสบกระโดดลงพื้น เดินเลียบไปตามผา เมื่อพบพุ่มไม้หนา เขาจึงพยายามลอดตัวเขาไป จนพบถ้ำที่ซ่อนอยู่
“จื่อจงๆ! ตัดพุ่มไม้นี่ที ข้าเจอถ้ำแล้ว” จินหลงดึงตัวเองออกจากพุ่มไม้ แล้วหันไปตะโกนบอกจื่อจงที่วิ่งตามมา จื่อจงจึงหยิบมีดในห่อผ้า และพาทุกคนช่วยกันรื้อพุ่มไม้ออก ปรากฏให้เห็นปากถ้ำขนาดเล็ก
“เข้าไปจะดีหรือ?” จื่อจงถาม
“แน่นอน! พุ่มไม้ปิดปากถ้ำขนาดนี้ ไม่มีสัตว์ร้ายหรอก ไม่เชื่อข้าจะนำไปก่อนก็ได้” ..หากถ้ำไม่ทะลุอะนะ เจ้าตัวแสบแอบคิดต่อในใจ เขาเดินนำเข้าไปท่าทางไม่เกรงกลัวสิ่งใด
จื่อจงมองตามหลังจินหลง ในใจนึกลังเล ทั้งยังสงสัย ว่าทำไมเด็กน้อยผู้นี้จึงมีใจเข้มแข็งนัก
“อ๊ากกกกก!!” เสียงร้องลั่นทำให้ทุกคนสะดุ้งเฮือก
“ช่วยด้วยยย! ไม่! ไม่เอา! จื่อจงงง ช่วยข้าด้วยย กรี๊ดดดด” จื่อจงหน้าเปลี่ยนสี ได้ยินจินหลงกรีดร้องเสียงแหลมราวกับเด็กผู้หญิง เขารีบคว้ามีดและพาทุกคนวิ่งเข้าไปช่วยจินหลง ทว่าเข้าไปได้ไม่กี่ก้าวจินหลงก็วิ่งพุ่งตาลีตาเหลือกกระโดดเข้ามากอดเขาแน่น
“ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย ป.ป..ปี..ปีศาจร้าย!! พวกมันคือปีศาจร้ายยย!” จินหลงร้องไห้งอแง เกาะจื่อจงแน่นอย่างไม่เหลือมาดหน้าถ้ำ จื่อจงเมื่อได้ยินว่าปีศาจร้าย ใบหน้าก็ถอดสีกว่าเคย
“เร็วเข้า! รีบออกจากถ้ำ!” จื่อจงสั่งการ ก่อนจะได้ยินเสียงบางอย่างจากในถ้ำ
“ไม่ทันแล้ว! ไม่ทันแล้ว!!” จินหลงร้องโวยวายขณะเด็กๆ กำลังวิ่งหนี พลันบางสิ่งจึงวิ่งมาตามพื้นและผนัง
“กรี๊ดดดดด!” เด็กหญิงหลายคนกรีดร้องประสานกับจินหลง พวกเธอรีบวิ่งออกจากถ้ำ ต่างจากเด็กคนอื่นที่มองปีศาจร้ายที่จินหลงหวาดกลัวด้วยความฉงน
ตุบ!
จื่อจงกระทืบปีศาจร้ายตนหนึ่งที่วิ่งเข้ามา ใบหน้าของเขาดูเบื่อหน่ายนัก ไม่อยากเชื่อว่าเด็กชายผู้พึ่งพาได้จะหวาดกลัวสิ่งนี้
“ท่านจินหลง.. นี่แค่แมลงสาบ” จื่อจงพยายามดันเด็กน้อยที่กอดเขาออก แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้ายิกๆ ใบหน้าน่าเอ็นดูเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไม่!! มันคือปีศาจร้าย! เจ้าไม่รู้หรือว่าไอ้ตัวนี้มันน่ากลัวขนาดไหน ทั้งอึด ทั้งเร็ว แถมบินได้ ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย อยู่บนโลกมาร่วมหลายหมื่นหลายแสนปีไม่รู้จักสูญพันธุ์ ทำไมข้ามาโลกนี้ยังต้องมาเจอเจ้าปีศาจบ้านี่ด้วย! ไอ้ปีศาจตายยาก ไอ้ปีศาจไม่ยอมสูญพันธุ์!” จินหลงก้มลงด่าศพแมลงสาบที่เท้าจื่อจง
“ท่านจะกลัวไอ้ตัวพวกนี้ทำไม แค่เหยียบมันก็ตายแล้ว” จื่อจงไม่เข้าใจ พยายามดึงจินหลงออกจากร่าง
“ไม่ข้าไม่ลง ข้าไม่อยู่แล้วที่นี่! ไปหาถ้ำใหม่กันเถอะ” จินหลงงอแง จื่อจงจึงหันไปสั่งเด็กกำพร้าด้านหลังที่กำลังเล่นกระทืบแมลงสาบ
“วางของได้เลย” จินหลงตะลึง
“จื่อจง! ข้าอยู่ไม่ได้ ในถ้ำมีปีศาจร้ายยยย” เด็กแสบยังคงโวยวาย จื่อจงเกาหัวนึกไม่ออกจะทำยังไง ตอนนี้ทุกคนก็เริ่มอ่อนแรง ให้เดินหาแบบไม่มีจุดหมายคงลำบาก ทั้งเขายังมั่นใจว่าต่อให้เป็นถ้ำอื่นก็ต้องเจอแมลงสาบอยู่ดี
“พวกข้าจะเข้าไปจัดการมันเอง ท่านรออยู่ข้างนอกกับเด็กผู้หญิงเถอะ” จื่อจงเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเดินออกจากถ้ำ โดยมีจินหลงเกาะอยู่กับตัว เมื่อออกมาด้านนอกได้แล้วจินหลงจึงยอมลงพื้นด้วยท่าทางลังเล จื่อจงจึงกลับเข้าไปช่วยพี่น้องกระทืบปีศาจร้าย เสียงหัวเราะจากการเล่นกระทืบแมลงสาบด้านในทำให้จินหลงไม่เข้าใจ
กระทืบไปได้ยังไง!
พักใหญ่จื่อจงจึงพาทุกคนเดินออกจากถ้ำพร้อมกับห่อใบไม้ใบใหญ่ห่อหนึ่ง จื่อจงให้คนโยนห่อไปให้ไกลจากถ้ำ คาดว่าคงเป็นห่อศพของเหล่าแมลงสาบ
“พวกข้าจัดการมันหมดแล้ว ท่านเข้าไปเถอะ” จินหลงหรี่ตาไม่อยากเชื่อเท่าไร
“แล้วเจ้าใช้อะไรหยิบซากปีศาจร้ายพวกนั้น” จื่อจงและพี่น้องมองมือตัวเอง
“ก็มือน่ะสิ” เจ้าตัวแสบอ้าปากค้าง ขนลุกซู่ขึ้นมาเมื่อนึกภาพ
“จะบ้าหรือไง!! ปีศาจร้ายนั่นมันตัวเชื้อโรคฆ่าคนได้เชียวนะ พวกเจ้ารีบไปล้างไปฟอกมือเดี๋ยวนี้!” จินหลงโวยวายกระโดด ทำให้จื่อจงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ฟอกมือ? ฟอกมือคืออะไร” โอเคข้าผิดเอง ลืมว่าโลกนี้ยังไม่มีสบู่!
“เอาเป็นว่าไปล้างมือเดี๋ยวนี้!” จินหลงสั่ง จื่อจงจึงชี้เข้าไปในถ้ำ
“ในถ้ำมีแหล่งน้ำ พวกข้าจึงล้างกันแล้ว” ดวงตาจินหลงเบิกกว้างอย่างไม่เคยเป็น ..ย..อย่าบอกนะ
“พวกเจ้า..ไม่ได้เอามือจุ่มลงไปใช่ไหม?” จินหลงและเหล่าเด็กหญิงหน้าถอดสี
“แน่นอน พวกข้าตักน้ำขึ้นมาจากบ่อ ไม่ได้เอามือจุ่มลงไป” จื่อจงมั่นใจ
“แล้วเจ้าใช้อะไรตักน้ำ?” เจ้าเด็กแสบยังไม่วางใจ
“ก็มือของคนข้างๆ...เอ้ะ?” จื่อจงชี้ไปที่เด็กด้านข้าง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเช่นนั้นก็เท่ากับมือของอีกฝ่ายจุ่มน้ำ เด็กหญิงทั้งหลายกรีดร้องโวยวาย เข้าไปอาละวาดใส่เด็กชาย
“พี่ใหญ่! ท่านทำไมทำอะไรไม่คิดเช่นนี้!”
“แล้วพวกข้าจะกระเดือกน้ำเหล่านั้นลงหรือ!”
“พี่ใหญ่บ้า! บ้าที่สุด พวกเจ้าด้วย!” หลังพวกจื่อจงโดนทุบตีเสร็จ จินหลงจึงถอนหายใจ เหลือบมองเด็กหญิงทั้งหลายที่ฟึดฟัด
“เอาเถอะ เวลาจะดื่มจะใช้น้ำ ก็ต้มให้เดือดก่อนแล้วกัน”
จบเรื่องปีศาจร้าย จื่อจงพาทุกคนเข้ามาในถ้ำโดยมีจินหลงเกาะหลังไม่ยอมเดิน เพดานถ้ำนั้นไม่สูงมาก หากเป็นผู้ใหญ่คงเข้าออกลำบาก แต่นั่นไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเด็กๆ อย่างพวกเขา ด้านในถ้ำเป็นโถงขนาดค่อนข้างใหญ่ มีซากปรักหักพังอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำขนาดย่อมที่มีน้ำตกเล็กๆ ไหลลงมา คาดว่าถ้ำนี้คงจุเด็กได้สักสามสิบถึงสี่สิบคน เหมาะแก่การอาศัยชั่วคราว
จินหลงกวาดตามองพื้นโดยรอบอย่างละเอียด เมื่อไร้วี่แววปีศาจร้าย เขาจึงยอมลงพื้น
“โชคดีแหะ ที่มีแหล่งน้ำอยู่ในถ้ำ” จินหลงโล่งใจ ทีนี้ก็ไม่มีปัญหาเรื่องที่อยู่และน้ำดื่ม เขาหันมาหาทุกคน ก่อนจะประกาศว่า
“นับแต่นี้ที่นี่คือบ้านของพวกเราชั่วคราว ไว้พวกเรามีกำลังมากพอค่อยออกไปสร้างบ้าน ตั้งรกรากเป็นของตัวเอง ถึงข้าจะไม่อาจอาศัยอยู่ที่นี่ได้ แต่ก็จะหนีออกมาหาพวกเจ้าทุกวัน เพื่อสอนวรยุทธ์และการเอาชีวิตรอด” จินหลงยิ้ม
“ทำไมท่านไม่อยู่กับพวกเราด้วยล่ะ?” เด็กน้อยวัยเดียวกันถาม
“ขืนข้าหายตัวออกจากบ้านข้ามคืน มีหวังพ่อแม่ข้าได้พิโรธตาย” ร้ายกว่านั้นได้มีคนตายแน่
หลังทุกอย่างลงตัว จื่อจงและเด็กอีกสี่คนจึงอาสาไปส่งจินหลงหน้าประตูเมือง แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธ เพราะเขาคิดจะใช้วิชาตัวเบากลับไป
เมื่อมาถึงวังหลัง ภาพขันทีและนางกำนัลวิ่งวุ่นสร้างความขบขันให้จินหลงนัก เจ้าตัวแสบลอบเข้าไปในตำหนัก นอนเอกขเนกอยู่บนเตียง ทำทีเป็นเล่นกับเสี่ยวเหมยเพื่อนรัก
เมื่อเริ่มวันใหม่ ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เหล่าขันทีและนางกำนัลวิ่งวุ่นทั้งน้ำตา ทว่าวันนี้กลับโชคร้าย ที่ฮ่องเต้เสด็จมาเยือน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ฮ่องเต้เรียกขันทีคนหนึ่งมาถาม ท่าทางเลิ่กลั่กของเขาทำให้ฮ่องเต้ไม่เข้าใจ
“ข้าถามไม่ได้ยินหรือไง?!” ฮ่องเต้เริ่มเกิดโทสะ
“ทูล..ทูลฝ่าบาท องค์ชายสี่..องค์ชายสี่หายตัวไปพะยะค่ะ” ขันทีกลั้นใจทูล เมื่อเห็นฮ่องเต้ตะลึง จึงรีบทูลต่อ
“ฝ่าบาท พระองค์ไม่ต้องกังวลพระทัยไป ทุกเย็นองค์ชายสี่จะกลับมาพะยะค่ะ” เขารีบแก้ตัว
“เจ้าว่ายังไงนะ? นี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่จินหลงหายไปงั้นหรือ?” เมื่อนึกได้ว่าตัวเองหลุดพูดอะไรไป ขันทีผู้น้อยจึงยกมือปิดปาก ฮ่องเต้จึงรีบมุ่งหน้าสู่ตำหนักกุ้ยเฟย
“ฮ่องเต้เสด็จจจ” ดวงตาคู่งามแพรวพราวเมื่อได้ยินว่าใครมา กุ้ยเฟยรีบเข้ามารับเสด็จ
“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท” ฮ่องเต้ไม่สนใจกุ้ยเฟย พระองค์หันซ้ายหันขวา
“จินหลงอยู่ไหน?” กุ้ยเฟยขมวดคิ้ว
“จินหลงออกไปเล่นในสวนเพคะ หม่อมฉันให้ขันทีนางกำนัลไปดูแล” กุ้ยเฟยตอบอย่างนอบน้อม ดวงตาคมกริบของฮ่องเต้จึงตวัดมองนาง
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าจินหลงหายไปแล้ว!” กุ้ยเฟยตะลึง
“เป็นไปไม่ได้เพคะ ในวังมีการคุ้มกันแน่นหนา ทั้งยังมีคนคอยดูแล จินหลงไม่มีทางหายไปได้เพคะ” กุ้ยเฟยร้อนรน ไม่เห็นมีใครแจ้งนางเลยนี่ ว่าจินหลงหายไป!
ด้านเจ้าตัวแสบที่ทำตำหนักลุกเป็นไฟ ตอนนี้กำลังสอนเหล่าเด็กกำพร้าโคจรลมปราณ ทว่าการสองของเขาเป็นไปได้ลำบากนัก เพราะ..
“ข้าก็บอกแล้วไง ให้นั่งหลับตา สัมผัสความรู้สึกรอบข้าง ให้คิดว่าในร่างกายมีพลังล้อมรอบ พยายามเคลื่อนพลังนั้นไปทั่วกาย” จินหลงพยายามอธิบาย แต่ไม่มีใครเข้าใจ
“เอางี้! งั้นพวกเจ้านั่งหลับตารวบรวมสมาธิ ห้ามวอกแวก ทำจิตใจให้เงียบสงบ ใครวอกแวกข้าจะใช้กิ่งไม้ตีจริงด้วย!” จินหลงชูกิ่งไม้เล็กๆ ในมือ
“แล้วทำแบบนี้ไปจะได้อะไร ท่านกำลังฝึกอะไรให้พวกข้า” จื่อจงถามจินหลงจึงเกาหัว
“ใครเก่งสุดในนี้?” จินหลงถาม เด็กทุกคนจึงชี้ไปที่จื่อจง
“งั้นจื่อจง มาสู้กับข้า” เจ้าตัวแสบกวักมือ จื่อจงจึงลุกขึ้นคล้ายฝืนใจ
“จะดีหรือ ท่านทั้งตัวเล็กและอายุน้อยกว่าข้านัก” โอ้โห นี่สบประมาทกันชัดๆ!!
“เออน่า ข้าจะแสดงตัวอย่างให้ดู” จื่อจงได้ยินดังนั้นจึงเดินไปอยู่ตรงหน้าจินหลง ตั้งท่าเตรียมสู้ จินหลงดูจากการตั้งท่าของจื่อจง ก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่เป็นวรยุทธ์ คงเป็นแค่เตะต่อยเอาตัวรอด
“พร้อมแล้วก็เข้ามาเลย” จินหลงยืนนิ่งไม่แม้แต่ตั้งท่า ยิ่งทำให้จื่อจงลังเล
“ถ้าเจ้าไม่กล้าเข้ามา ข้าจะเข้าไปเองนะ” พูดจบเจ้าตัวเล็กก็พุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย จื่อจงตะลึง รีบเหวี่ยงหมัดใส่หน้าจินหลง อีกฝ่ายเอี่ยวหลบทัน มือขวากระแทกไปที่อกของเด็กโต ร่างของเขาพุ่งไปกระแทกต้นไม้
“อั่ก!” จื่อจงกระอักเลือด จินหลงเท้าเอวพ่นลมหายใจ
“จบภายในสองวิ” เจ้าตัวเล็กเดินไปหาจื่อจง
“สิ่งที่ข้าใช้เรียกว่ากำลังภายใน วิชานี้สามารถทำลายอวัยวะภายในของอีกฝ่ายได้ถึงตาย แต่ตอนนี้ข้าอายุแค่สี่ปี กว่าจะถึงขั้นนั้นคงใช้เวลาอีกนาน” จินหลงอธิบาย
“ท่าน..ไปเรียนวิชานี้จากที่ใด” จื่อจงค่อยๆ ลุกขึ้น
จะให้บอกได้ยังไง ว่าเรียนจากจอมยุทธ์ผู้หนึ่งในชาติแรก
“ความลับ เอาเป็นว่าพวกเจ้าจะได้เรียนวรยุทธ์นี้จากข้าแล้วกัน นอกจากกำลังภายในยังมีสกัดจุด คิดว่าแค่สองอย่างนี้ก็สามารถทำให้อาศัยอยู่ในป่าได้แล้ว แต่หากจะล่าสัตว์หรือเอาของไปขาย ก็สวมชุดเมื่อวานเข้าเมือง” จินหลงเก๊กท่า
“ข้าจะบอกให้ หากพวกเจ้าเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง แม้หินผายังสามารถตัดได้ด้วยมือเปล่า แม้ตาบอดก็ยังสามารถมองเห็นด้วยจิต เป็นไง อยากลองฝึกแล้วใช่ไหมล่ะ?” จินหลงฉีกยิ้ม เด็กทั้งหลายจึงพยักหน้าหงึกหงัก
จินหลงใช้เวลาทั้งวันในการฝึกฝนพวกเขา กว่าจะกลับวังก็เย็นมากแล้ว ทว่าวันนี้บรรยากาศในตำหนักกลับมาคุ ไร้วี่แววของเสด็จแม่ มีเพียงเหวินหลงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง จินหลงเห็นดังนั้นจึงไปที่พุ่มไม้ในตำหนัก แล้ววิ่งออกมา
“ฮ่าๆๆ เสี่ยวเหมย เจ้ารอข้าด้วยสิ รอข้าด้วยย” เจ้าตัวแสบวิ่งไล่จับอากาศ นางกำนัลเห็นดังนั้นจึงรีบตะโกนบอก
“รีบไปทูลฝ่าบาทเร็ว องค์ชายสี่กลับมาแล้ว!” จินหลงทำทีไม่รู้ไม่ชี้วิ่งเล่นต่อ ก่อนจะถูกนางกำนัลมาขวาง
“องค์ชายเพคะ รีบกลับเข้าไปในตำหนักเถอะเพคะ” นางย่อตัวลง หวังอุ้มเด็กชาย
“บายๆ เสี่ยวเหมย บ๊ายบายยย” จินหลงแกล้งโบกมือให้อากาศด้านหลังนางกำนัล ยิ่งทำให้นางขนลุกซู่ รีบคว้าร่างองค์ชายวิ่งเข้าตำหนัก
“จินหลง!!” เสียงเหวินหลงตวาดทำให้จินหลงชะงัก หันมามองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“พี่ พี่จ๋า!” จินหลงทำท่าดีใจ นางกำนัลจึงวางเขาลง จินหลงวิ่งเตาะแตะจะไปกอดพี่ชาย แต่..
พลั่ก!
ร่างของจินหลงกระแทกกับพื้น เหวินหลงพลักเขาอย่างแรง นัยน์ตาเต็มไปด้วยโทสะ
เดี๋ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น เสด็จพี่โกรธอะไรเขา!
“ว้าย! องค์ชายรอง ทรงทำอะไรเพคะ” นางกำนัลรีบเขามาขวาง
“ถอยไป! ข้าจะฆ่ามัน! มันบังอาจทำให้เสด็จแม่เดือดร้อน!” จินหลงเหลอหลา เกือบลืมแกล้งบ้า
“ฆ่า?..ฆ่าเหรอ? ฆ่าเลยๆ ฮิๆๆ” ท่าทางตบมือดีใจของจินหลงยิ่งยั่วโทสะเหวินหลง
“เจ้า!!” เหวินหลงพยายามดันนางกำนัลออก
“ไม่ได้เพคะองค์ชายรอง! ใครก็ได้เข้ามาช่วยข้าที!” นางกำนัลตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ลี่ฉงจึงเข้ามาคนแรก
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!” ลี่ฉงร้องถาม ไม่เข้าใจสถานการณ์
“อุ้มองค์ชายสี่ไ..ว้าย!” ไม่ทางเอ่ยจบ นางก็ถูกพลักออก เหวินหลงเข้าไปกระชากคอเสื้อจินหลงขึ้น
“องค์ชายรอง!!” ลี่ฉงตกใจ นางกำนัลคนอื่นวิ่งมาดู
“ข้าทนมามากพอแล้ว! ทั้งๆ ที่คิดว่าโอกาสเป็นของข้า ทำไมเจ้าต้องมาเรียกร้องความสนใจกัน! วันนั้นเจ้าไม่ตาย วันนี้ข้านี่แหละจะฆ่าเจ้า!”
ฉิบหายแล้ว!!
เหวินหลงกระแทกจินหลงลงกับพื้น เงื้องหมัดชกหน้าอีกฝ่ายแรงเท่าที่เด็กวัยเจ็ดปีจะทำได้
ผลัวะ!
“พี่จ๋า ไม่เอา จินหลงเจ็บ จินหลงเจ็บบ” จินหลงยอมให้ในหมัดแรกเพื่อความสมจริง ก่อนเขาจะเริ่มปัดป้องตัวเอง
“แยกองค์ชายเร็ว!” ลี่ฉงสั่ง ก่อนรีบช่วยกันรั้งเหวินหลงไว้
“ปล่อยข้า! ข้าจะฆ่ามัน!” เหวินหลงดิ้นพล่าน
“รีบพาองค์ชายสี่ไปทำแผลซะ” ลี่ฉงสั่งการ นางกำนัลอีกคนจึงรีบอุ้มจินหลงที่ร้องไห้งอแงวิ่งออกไปจากห้องโถง
อูย..นี่มันเจ็บนะเนี่ย! เสด็จพี่เป็นบ้าอะไรอีกล่ะทีนี้