บทที่ 25 ผู้ก่อตั้งตระกูลหลี่
บทที่ 25
ผู้ก่อตั้งตระกูลหลี่
ผู้ก่อตั้งตระกูลหลี่ เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตปฐพีและมีระดับการฝึกฝนที่สูงกว่ากวนตงซึ่งอยู่ขอบเขตปฐพีระดับที่สาม
เป็นเพราะผู้ก่อตั้ง ที่ทำให้ตระกูลหลี่สามารถรักษาสถานะของพวกเขาต่อไปได้ หากไม่ใช่เพราะเขา ตระกูลหลี่จะอ่อนแอกว่าสามตระกูลใหญ่และไม่สามารถยืนหยัดได้ในเมืองหยุ่นวู่
ผู้ก่อตั้งตระกูลหลี่คือ หลี่ซวนเฟิง เขารู้เหตุผลการมาของหลี่ตี้ชานและหลี่ซานเหอ “หยุ่นไห่ยังไม่แพ้แม้นัดเดียว ข้าจะขอพิจารณาอีกทีในวันพรุ่งนี้”
ในความเป็นจริงเขาก็ชื่นชมหลี่หยุ่นไห่ ในฐานะผู้ฝึกฝนขอบเขตปฐพีเขาเข้าใจว่าความต้องการบรรลุขอบเขตปฐพีรู้สึกเช่นไร เขามีโครงกระดูกระดับสองดาวและอยู่ที่ระดับเก้าของขอบเขตก่อกำเนิดเป็นเวลาถึง10 ปี หากเขามีโครงกระดูกปกติ อาจเป็นข้อจำกัดในการฝึกบ่มเพาะขอบเขตก่อกำเนิดระดับที่เก้า
“ขอพระคุณขอรับท่านผู้ก่อตั้ง”
หลี่ตี้ชานแสดงท่าทีปลื้มปริ่ม ด้วยคำพูดหลี่ซวนเฟิง แผนการณ์นี้จะมีอัตราความสำเร็จสูงถึง 80%
***
อีกห้องหนึ่ง มีหลี่ฟู่เฉินและบิดา มารดา
“ฟู่เฉิน ความสามารถของเจ้านั้น การเข้าชิง 5 อันดับแรกน่าจะเป็นไปได้สูง แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งโลดเต้นไป”
***
กระทั่งตอนนี้หัวใจของหลี่ตี้ชานยังคงเต้นรัว ใครจะตำหนิเขาก็ตาม หากผู้นั้นรู้ว่าบุตรชายขอเขาจะกลายเป็นศิษย์สาวกของนิกายคังเหลียน จะต้องตื่นเต้นแน่นอน
“ท่านพ่อท่านแม่มั่นใจได้เลย ข้าจะทำมันให้ได้”
หลี่ฟู่เฉินตัดสินใจยังไม่ใช้วิชาหยกแดงขั้นที่หก ถ้าถูกนำมาใช้ ใครก็มิอาจต้านทานแรงกวัดแกว่งดาบของเขาได้ ยกเว้นหยางไค
***
ค่ำคืนแห่งความเงียบสงัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันที่สองก็มาถึง
ผู้คนคับคั่ง ปลุกเร้าบรรยากาศรอบสนามปะลอง
“ตอนนี้การประกวดอัจฉริยะได้เริ่มขึ้น” เฉินตูเจียนเหอ ประกาศ
รอบที่สี่ หลี่ฟู่เฉินมีกำลังใจจากการชนะเมื่อวาน เขาจึงเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างไม่ประหลาดใจ
หลี่หยุ่นไห่ไม่พอใจ สืบเนื่องจากเขาต้องพบกับเหอปิง นักต่อสู้เต็งหนึ่งทางแคว้นเหนือในนัดที่สี่
ทักษะการต่อสู้ของเหอปิงนั้นไม่ด้อยไปกว่าทักษะของหยางไคและเขามีความแข็งแกร่งทางกายภาพ 500 กิโลกรัม
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบครั้ง ...เหอปิงก็สยบหลี่หยุนไห่ได้
“วิชาดาบเหาะเหิน!”
หลี่หยุ่นไห่ได้รับการฝึกฝนในวิชาดาบลอยล่อง เขาเอนกายและออกกระบวนท่าที่เป็นเอกลักษณ์ของวิชา
“ท่าอินทรีย์ผงาดฟ้า!”
เหอปิง ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์การต่อสู้ที่มากมาย เขาเหินขึ้นกลางอากาศทันทีและตีโต้กลับ
ฟึ่บ!
เขาโจมตีลงบนหน้าอกของหลี่หยุ่นไห่ และเกือบเป็นลมอย่างหวุดหวิดเนื่องจากกำลังมหาศาลภายใต้การโจมตีของเขา
“เหอปิงคนนี้ช่างแข็งแกร่ง! เขาสามารถเอาชนะหลี่หยุ่นไห่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากสระน้ำทิพย์”
“ในบรรดาตระกูลเล็กๆ เหอปิงนั้นเป็นคนแรกที่มีความสามารถในการต่อสู้โดยไม่ต้องสงสัย
จือฮงซิ่วมาเป็นอันดับสอง การเอาชนะหลี่หยุ่นไห่เป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดหมาย”
หลังจากที่กวนเผิ้งพ่าย หลี่หยุนไห่เป็นผู้เข้าแข่งขันคนที่สองที่แพ้ สิ่งที่ทำให้คาดว่าผู้เข้าแข่งขันที่ได้แช่น้ำทิพย์ไม่สามารถต้านทานได้ คือทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ที่สามารถเอาชนะพวกเขาได้
นี่ไม่ใช่การแข่งขันนัดเดียว ในรอบที่ห้า จือหงซิ่วพ่ายแพ้ต่อหยางห่าว ผู้เป็นอันดับสองในหมู่อัจฉริยะของตระกูลหยาง ท่าทางการใช้ดาบอันงดงาม ถึงกับทำให้ผู้ชมเลิกคิ้วตะลึง
ผู้เข้าแข่งขันทั้งสามคนแพ้ราบคาบ
การแข่งขันอัจฉริยะที่เข้าสู่รอบที่หก หลี่หยุ่นไห่ต้องแข่งขันกับเฉินตูจิว ซึ่งเป็นนักสู้อันดับหนึ่งของตระกูลเฉินตู
เฉินตูจิวฝึกฝนเคล็ดวิชาเช่าหยางหลูในรูปแบบสูงสุดของอันดับที่สี่ ความกล้าแกร่งของพลังลมปราณของเฉินตูจิวจึงนำหน้าหยางไค หลี่หยุ่นไห่มาเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร เมื่อเพียงเจ็ดหรือแปดกระบวนท่า หลี่หยุนไห่ก็ถูกสยบโดยเฉินตูจิว
บนแท่นพลับพลา รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของเฉินตูเจียนเหอ
ในฐานะเจ้าเมืองหยุ่นวู่ เขาได้บ่มเพาะวิชาระดับลี้ลับขั้นกลางของนิกายคังเหลียน วิชาเปลวเพลิงแดง แต่เนื่องจากกฎของนิกายที่ห้ามถ่ายทอดวิชาของนิกาย วิชาเปลวเพลิงแดงจึงไม่ได้ส่งผ่านไปยังตระกูลเฉินตู
เคล็ดวิชาเช่าหยางหลูนั้นถูกค้นพบนอกนิกาย มันมีทั้งหมดเก้าระดับและเมื่อได้รับการบ่มเพาะถึงอันดับที่สี่แล้ว มันแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับวิชาเหลืองระดับสูงขั้นห้า พลังของเคล็ดวิชาเช่าหยางหลูนั้นร้ายแรงมาก เมื่อผู้ฝึกฝนโจมตีศัตรูด้วยวิชานี้ พวกเขาจะรู้สึกราวถูกไฟแผดเผาและประสบกับความเจ็บปวดอันยากจะทนทาน
หลังจากผ่านไปแล้วหกรอบ ผู้เข้าแข่งขันสองคนถูกตัดสิทธ์ออก เนื่องจากชนะการแข่งขันเพียงนัดเดียวและแพ้ไปทั้งหมดห้ารอบ
รอบที่เจ็ดหลี่ฟูเฉินต้องพบกับเฉินตูเหลียง
“อย่าคิดว่าเจ้าชนะกวนเผิ้งแล้วจะหมายความว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้ ข้าแข็งแกร่งกว่าเขา”
สองเดือนที่ผ่านมาเฉินตูเหลียงไม่ได้มั่นใจจะเอาชนะหลี่ฟู่เฉิน แต่นั่นเป็นก่อนหน้าที่จะเข้าแช่สระน้ำทิพย์และก่อนการฝึกฝนการต่อสู้
“ชัยชนะไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยคำพูด” หลี่ฟู่เฉินกล่าวอย่างเฉยเมย
“เจ้าช่างอวดดี ดูสิว่าข้าจะถอนรากถอนโคนเจ้าอย่างไร”
การโคจรเคล็ดวิชาเช่าหยางหลู วนหมุนรอบตัวของเฉินตูเหลียงอย่างพุ่งพล่าน ความร้อนจากพื้นผิวดาบไม้ ทำให้ดูเหมือนมันบิดโค้งเล็กน้อยดั่งภาพลวงตา ไม่มีใครสามารถจินตนาการผลที่ตามมาจากกระปะทะด้วยดาบนี้
หลังจากเจ็ดหรือแปดยก เฉินตูเหลียงดูไม่อาจหาญอีกต่อไป ดาบของหลี่ฟู่เฉินโดดเด่นกว่าเขามาก วิถีดาบนั้นมีฝีมือมากและทำให้เฉินตูเหลียงถึงกับกระสับกระส่าย
หลี่ฟู่เฉินใช้เพลงดาบเส่าชาง เพื่อจัดการเฉินตูเหลียง
ด้วยวิชาเพลงดาบเส่าชางขั้นสุดท้าย มันไม่เพียงไร้ที่ติเท่านั้น แต่พลังลมปราณของดาบก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ไม่รวมความแข็งแกร่งทางกายภาพของดาบที่รับพละกำลัง 1,000 กิโลกรัมเมื่อเปรียบเทียบกับ 700-800 กิโลกรัมของคนอื่น แม้หลี่ฟู่เฉินจะไม่ได้เข้าแช่สระน้ำทิพย์, การปลดปล่อยพลังของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่น
“มันถึงเวลาแล้ว.”
หลี่ฟู่เฉินเร่งความเร็วดาบให้รวดเร็วขึ้น ทุกการกวัดแกว่ง เสียงแหลมในหูแทรกซอนเข้าไปในอากาศ ไม่มีเวลาพอที่จะตอบโต้ เฉินตูเหลียงถูกกระแทกที่หน้าอกและร่วงลงจากเวที
"ให้ตายสิ!"
เฉินตูเจียนเหอ ทุบถ้วยชาในมือ พร้อมกับใบหน้าถอดสี
หลี่ฟูเฉินส่ายศรีษะ เขาเอาชนะเฉินตูเหลียงได้ เฉินตูเหลียงอ่อนแอเกินไปไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานหรือทักษะการต่อสู้ คู่ต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินทั้งหมดล้วนด้อย เมื่อถึงจุดนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงวิชาหยกแดงขั้นที่หกที่ยังไม่ได้แสดงความสามารถถึง 70% หมายความว่าแม้จะไม่ได้นำวิชาหยกแดงขั้นที่หกมาใช้ เขาก็ยังหายใจหายคอคล่อง
รอบที่แปด หลี่หยุ่นไห่แพ้อีกครั้ง คราวนี้พ่ายให้กับจือฮงซิ่ว
ความแข็งแรงทางกายภาพของจือฮงซิ่วห่างชั้นจากหลี่หยุ่นไห่นัก แต่ทักษะดาบของนางนั้นเกือบบรรลุขั้นสำเร็จ ด้วยท่าทีการฟันดาบชั้นเลิศและทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม หลี่หยุ่นไห่ยืนหยัดต่อสู้แค่ไม่กี่สิบดาบ ก่อนที่เขาจะพลาดสะดุดลงจากเวที
หลี่ตี้ชานแสดงท่าทีร้อนรนกับการพ่ายแพ้ของหลี่หยุ่นไห่ต่อจือฮงซิ่ว
หากลี่หยุนไห่ต้องแพ้อีกสองนัดเขาจะถูกตัดออกจากการแข่งขันทันที ยกเว้นเหอปิง ,เฉินตูจิว และ จือฮงซิ่ว ยังคงมีอัจฉริยะมากมายที่สามารถมีชัยต่อหลี่หยุ่นไห่ อาทิหยางไคและหลี่ฟู่เฉิน เช่นเดียวกับหยางเฮาและเฉินตูเหลียง ที่ระดับเดียวกับหลี่หยุ่นไห่
หลี่หยุ่นไห่จะได้ไปต่อหรือไม่ ยังเป็นกุญแจสำคัญ
“ท่านผู้ก่อตั้ง” หลี่ตี้ชานกล่าวถึงหลี่ซวนเฟิงที่อยู่ด้านข้าง
หลี่ซวนเฟิงพยักหน้ารับ
“เทียนฮั่น ในฐานะประมุขแห่งตระกูลหลี่ เจ้าต้องคำนึงผลประโยชน์ส่วนรวมที่ยิ่งใหญ่กว่าให้มาก สิ่งที่ข้าจะขอต่อไปนี้จะเกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลหลี่ ข้าขอให้เจ้าเข้าใจและตัดสินใจทำมันให้เกิดขึ้น”
หลี่ซวนเฟิงพูดกับหลี่เทียนฮั่นด้วยน้ำเสียงจริงใจและหนักแน่น
“ท่านผู้ก่อตั้ง ท่านต้องการร้องขออะไรจากข้า?” หลี่เทียนฮั่นถามอย่างงงวย......