TQF:บทที่ 17 ปัญหา
TQF:บทที่ 17 ปัญหา
ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจและถามขึ้นว่า
“ผู้หญิงชาวสวนแบบไหน?เจ้ารู้ไหมว่านางมาจากที่ไหน?”
“นายท่าน ข้าไม่รู้ข้อมูลมากนัก นางมีลูก 4 คนและพวกเขาอยู่ในรถลาก ข้าคิดว่าอาหารที่พวกเขานำมาขายนั้นมีคุณภาพสูงข้าจึงซื้อมัน!”เจ้าของโรงเตี๊ยมตอบอย่างจนใจ
“โอ้..”ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย และหยิบตะเกียบขึ้นเพื่อที่จะรับประทานอาหารอีกครั้ง
“เจ้าจ่ายให้นางไปเท่าไหร่”
“นายท่านข้าจ่ายไป 3 ตำลึงและ 30 เหวิน สำหรับไก่ 20 ตัว,กระต่าย 30 ตัว,ข้าว 80 จิน และกะหล่ำปลี 15 จิน!”
“อะไรนะ!”ชายหนุ่มผู้กำลังนำอาหารเข้าปากต้องหยุดชะงักและหันมาจ้องมองเถ้าแก่โรงเตี๊ยมทันที หลังจากที่เขาสังเกตแน่ใจว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมไม่ได้พูดโกหก คิ้วของเขากระตุกเล็กน้อยและพูดเบาๆว่า
“ท่านนั้นได้กำไรอย่างมหาศาลแม้ว่าท่านจะจ่ายให้เธอถึง 30 ตำลึง!”
“โอ้!!!” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมคิดว่าเขาได้ยินผิดจึงอุทานเบาๆ มุมปากของชายหนุ่มกระตุกเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงลึก
“สิ่งของที่เจ้าซื้อมาจากนางนั้นให้ส่งไปมณฑลจิ้งทันที อย่าให้ใครรับรู้ ส่วนในอนาคตหากเจ้าได้รับผลผลิตเช่นนี้อีกให้ส่งไปที่มณฑลจิ้งเข้าใจหรือไม่”
“นายท่าน..นี่….”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมรู้สึกสับสนเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าแค่สั่งเจ้าและครั้งต่อไปอย่าเอาเปรียบพวกเธออีกจ่ายเงินให้พวกเธอมากกว่านี้ และบอกพวกเธอว่าเราจะซื้อทุกอย่างที่พวกเธอมี!”
“เอ่อ..”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมมองดูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทีซับซ้อน
ชายหนุ่มอ่านใจของเขาและพูดเบาๆว่า
“เจ้าน่าจะได้ชิมก่อนนำมันมาเสิร์ฟให้กับข้า แต่เจ้าไม่ได้สังเกตเห็นหรือว่าผลผลิตเหล่านี้มีคุณสมบัติทางจิตวิญญาณอยู่!”
“จิตวิญญาณ!”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมตะโกน “สัตว์วิญญาณ!”
“อืม...ตอนนี้เจ้าคิดว่าสิ่งของเหล่านี้คุ้มค่ากับเงิน 30 ตำลึงหรือไม่?ระวังอย่าให้ใครรู้ว่าผลผลิตของเธอนั้นมีคุณสมบัติทางจิตวิญญาณ เจ้าต้องจ่ายเงินให้กับนางมากขึ้นในอนาคต และดูว่าหญิงสาวคนนั้นปลูกและเลี้ยงผลผลิตเหล่านี้ได้อย่างไร…”
นางเฉิงและพวกเด็กๆกลับมาถึงบ้านในขณะที่โดยสารรถลากมาเรื่อยๆ หลังจากที่ขนย้ายสิ่งของที่พวกเขาซื้อมาเข้าไปในบ้านนางเฉิงบอกกับลูกสาวของเธอว่า
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าจงนำเกวียนไปคืนให้กับผู้เฒ่าในหมู่บ้านต้นไม้ได้ไหม”
“แน่นอน ข้าจะทำให้ดีที่สุด!” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว เห็นว่าแม่ของเธอนั้นเหนื่อยดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่นี้แทน
นางเฉิงพยักหน้าและพูดเสริมว่า
“นำขนมปังนึ่งไปให้หลานของเขาสัก 2-3 ลูก เราควรตอบแทนพวกเขาเมื่อเรายืมเกวียนของพวกเขามา”
“เข้าใจแล้วท่านแม่!”เธอหยิบขนมปังนึ่งไป 8 ชิ้นจาก 20 ชิ้นที่ซื้อมาเพื่อนำไปใช้เป็นของขวัญในการยืมเกวียน
เจิ้งหยวน ผู้ซึ่งนั่งกินขนมปังนึ่งอยู่พูดว่า “พี่ใหญ่ข้าจะไปกับท่าน!”
“พี่ใหญ่ข้าจะไปด้วยเช่นกัน!”
“พี่ใหญ่ข้าจะไปด้วยเหมือนกัน!”
เด็กๆตะโกนขึ้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยว มองไปที่พวกเขาและขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า
“เจิ้งหยวน, เจิ้งปิน เจ้าทั้งสองคนอยู่บ้านเพื่อช่วยท่านแม่ทำอาหารเย็น!”
“ตกลง”
พวกเขาทั้งสองคนเชื่อฟังพี่สาวของเขามากดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะปฏิบัติตาม หลานหลาน ยิ้มและเดินไปหา เฉิงเสี่ยวเสี่ยว
“พี่ใหญ่ข้าไปกับท่านได้ใช่ไหม!”
“ตกลงข้าจะพาเจ้าไปด้วย!”เมื่อมองไปเที่ยวรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาบนใบหน้าของน้องสาว เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยากที่จะปฏิเสธ
พวกเธอทั้งสองคนออกจากบ้านไปพร้อมขนมปังนึ่ง เฉิงเสี่ยวเสี่ยว พาน้องสาวของเธอไปที่เกวียนและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านต้นไม้ อีก 1 ชั่วโมงต่อมา เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ก็ถึงหมู่บ้านต้นไม้พร้อมกับเกวียน การมาถึงของเธอดึงดูดความสนใจจำนวนมากของชาวบ้าน พวกเขาต่างทักทายเธอด้วยความกระตือรือร้น แม้ว่าเธอไม่มีความทรงจำเดิมแต่เธอก็ยังพูดคุยกับพวกเขาอย่างสุภาพ เธอไม่รู้ว่าบ้านของผู้เฒ่าอยู่ที่ไหนแต่โชคดีที่เธอพาน้องสาวมาด้วยน้องสาวของเธอสามารถพาเธอไปยังบ้านของผู้เฒ่าได้ เมื่อเธอมาถึงประตูบ้านผู้เฒ่าเองก็ได้ยินการมาถึงของพวกเธอเช่นกันเขาออกมาทักทาย เฉิงเสี่ยวเสี่ยว เห็นผู้เฒ่าอายุประมาณ 60 รอยยิ้มของเขาเหมือนดอกเบญจมาศ
“ดูสิใครมา พวกเธอคือลูกสาวทั้งสองคนของบ้านเฉิง!”
“ท่านปู่หลิวข้าเอาเกวียนมาคืน ขอบคุณที่ให้เรายืมมันไป!”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว คำนับและมอบขนมปังนึ่งที่เธอนำมาด้วยให้กับเขา
“ท่านปู่หลิวนี่คือขนมปังนึ่งที่เราซื้อมาจากตลาด ข้านำมาฝากเด็กๆโปรดรับไว้ด้วย มันเป็นการตอบแทนน้ำใจของท่าน!”
“โอ้แม่นางเฉิงเจ้าสุภาพเกินไปแล้วไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้! เจ้าควรที่จะให้มันแก่น้องชายและน้องสาวของเจ้า!”ผู้เฒ่าหลิวรับช่วงเกวียนต่อไปและโบกมือปฏิเสธขนมปังนึ่ง
หลานหลาน ที่ยังอยู่ในเกวียนยืนขึ้นและพูดเสียงดังว่า
“ท่านปู่หลิวพวกเราซื้อขนมปังนึ่งมามากมาย!แม่บอกว่าให้มอบสิ่งนี้ให้กับพี่ชายและพี่สาวของบ้านหลิว!”
“โอ้ หลานหลาน ตัวน้อยช่างเป็นเด็กที่น่ารัก!” ผู้เฒ่าหลิวยิ้ม
ในขณะนั้นเองมีผู้หญิงอายุประมาณ 40 ปีเดินออกมาจากบ้าน เธอเป็นลูกสะใภ้ของผู้เฒ่าหลิว เธอมีชื่อว่า โจวหยูเหนียง เมื่อเธอเห็นคนอยู่หน้าบ้านเธอยิ้มและพูดว่า
“ เสี่ยวเสี่ยว และ หลานหลาน ทำไมไม่เข้ามาข้างในก่อนล่ะ”
“ไม่เป็นไรท่านน้าโจว พวกเราต้องรีบกลับบ้านเพื่อช่วยท่านแม่ทำอาหารเย็น” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว กล่าวพร้อมกับคำนับ
เมื่อมองเห็นหญิงสาวที่สง่างามต่อหน้าเธอ โจวหยูเหนียง อดพูดไม่ได้ว่า
“สาวน้อยเฉิงนั้นได้รับการศึกษามาอย่างดี ผู้ชายคนใดได้นางเป็นภรรยาช่างโชคดี!”
“ข้าคิดว่าหลิวดันหวางนั้นเหมาะกับนาง หยูเหนียงทำไมเจ้าไม่จับคู่ทั้งสองคนล่ะ บางทีแม่ของหลิวดันหวางอาจซื้อหัวหมูเพื่อเป็นการขอบคุณเจ้า!”
บุคคลที่พูดขึ้นมานั้นเธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนอยู่ในชุดลายดอกไม้ เธอเองก็เป็นชาวบ้านของหมู่บ้านต้นไม้เช่นกันชื่อของเธอคือเสี่ยวหง คนส่วนใหญ่เรียกเธอว่าหงเหนียง
เมื่อ โจวหยูเหนียง ได้ยินดังนั้นเธอได้แต่เพียงยิ้มและพูดว่า
“ดูเหมือนว่ามีคนต้องการที่จะจับคู่ให้กับหลานชายของข้า ดูเหมือนว่าเจ้าชอบจับคู่ให้กับบ้านเฉิง?”
เสี่ยวเสี่ยว รู้สึกอึดอัดเมื่อผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอกำลังพูดเกี่ยวกับเธอ ถ้าเธอรู้เธอคงไม่มา เธอพยายามกล่าวอำลาพวกเขา และเมื่อนำ หลานหลาน ลงจากเกวียน หลานหลานก็ตะโกนว่า
“ไร้สาระ! พี่ใหญ่ของข้าจะไม่แต่งงานกับเด็กกะโปโล นางเป็นผู้หญิงที่มีเกียรติ ข้าจะไม่ยอมให้พวกท่านพูดถึงพี่สาวข้าเช่นนี้!”
สาววัยกลางคนทั้งสองคนกำลังสนทนากันอยู่และพวกเธอไม่คาดคิดว่า หลานหลาน จะพูดเช่นนี้ โจวหยูเหนียง ไม่ได้พูดคำใดออกมาแต่ หงเหนียง จ้องมองอย่างโมโห เธอเหลือบมอง เฉิงเสี่ยวเสี่ยว และพูดเหยียดหยาม
“โอ้ ดูเหมือนว่า หลานหลาน นั้นสำคัญตัวเจ้าไว้สูง แต่ตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบันของครอบครัวเจ้า ข้าเองก็ไม่คิดว่าเจ้าจะมีปัญญาแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยได้ เว้นเสียแต่ว่าไปเป็น ภรรยาน้อย!”
“ไร้สาระเจ้าสิเป็นภรรยาน้อย ชิงชิง(ลูกสาวหงเหนียง)จะเป็นภรรยาน้อย!” หลานหลาน ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ถึงแม้ว่า หลานหลาน จะเป็นเด็กแต่เธอรู้ว่าการเป็นภรรยาน้อยเป็นสิ่งที่ไม่ดี นั่นคือสาเหตุที่เธอตอบสนองเหมือนลูกแมวที่คำรามกางกรงเล็บไปมา
น่าเสียดายเสียงของ หลานหลาน นั้นดังเกินไปจึงดึงดูดความสนใจของคนรอบข้าง ชาวบ้าน 7-8 คนเริ่มมามุงดูพวกเขา เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ที่ยืนอยู่ข้างๆแทบอยากจะขุดหลุมฝังตัวเอง
------------------------------- ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจและถามขึ้นว่า
“ผู้หญิงชาวสวนแบบไหน?เจ้ารู้ไหมว่านางมาจากที่ไหน?”
“นายท่าน ข้าไม่รู้ข้อมูลมากนัก นางมีลูก 4 คนและพวกเขาอยู่ในรถลาก ข้าคิดว่าอาหารที่พวกเขานำมาขายนั้นมีคุณภาพสูงข้าจึงซื้อมัน!”เจ้าของโรงเตี๊ยมตอบอย่างจนใจ
“โอ้..”ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย และหยิบตะเกียบขึ้นเพื่อที่จะรับประทานอาหารอีกครั้ง
“เจ้าจ่ายให้นางไปเท่าไหร่”
“นายท่านข้าจ่ายไป 3 ตำลึงและ 30 เหวิน สำหรับไก่ 20 ตัว,กระต่าย 30 ตัว,ข้าว 80 จิน และกะหล่ำปลี 15 จิน!”
“อะไรนะ!”ชายหนุ่มผู้กำลังนำอาหารเข้าปากต้องหยุดชะงักและหันมาจ้องมองเถ้าแก่โรงเตี๊ยมทันที หลังจากที่เขาสังเกตแน่ใจว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมไม่ได้พูดโกหก คิ้วของเขากระตุกเล็กน้อยและพูดเบาๆว่า
“ท่านนั้นได้กำไรอย่างมหาศาลแม้ว่าท่านจะจ่ายให้เธอถึง 30 ตำลึง!”
“โอ้!!!” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมคิดว่าเขาได้ยินผิดจึงอุทานเบาๆ มุมปากของชายหนุ่มกระตุกเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงลึก
“สิ่งของที่เจ้าซื้อมาจากนางนั้นให้ส่งไปมณฑลจิ้งทันที อย่าให้ใครรับรู้ ส่วนในอนาคตหากเจ้าได้รับผลผลิตเช่นนี้อีกให้ส่งไปที่มณฑลจิ้งเข้าใจหรือไม่”
“นายท่าน..นี่….”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมรู้สึกสับสนเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าแค่สั่งเจ้าและครั้งต่อไปอย่าเอาเปรียบพวกเธออีกจ่ายเงินให้พวกเธอมากกว่านี้ และบอกพวกเธอว่าเราจะซื้อทุกอย่างที่พวกเธอมี!”
“เอ่อ..”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมมองดูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทีซับซ้อน
ชายหนุ่มอ่านใจของเขาและพูดเบาๆว่า
“เจ้าน่าจะได้ชิมก่อนนำมันมาเสิร์ฟให้กับข้า แต่เจ้าไม่ได้สังเกตเห็นหรือว่าผลผลิตเหล่านี้มีคุณสมบัติทางจิตวิญญาณอยู่!”
“จิตวิญญาณ!”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมตะโกน “สัตว์วิญญาณ!”
“อืม...ตอนนี้เจ้าคิดว่าสิ่งของเหล่านี้คุ้มค่ากับเงิน 30 ตำลึงหรือไม่?ระวังอย่าให้ใครรู้ว่าผลผลิตของเธอนั้นมีคุณสมบัติทางจิตวิญญาณ เจ้าต้องจ่ายเงินให้กับนางมากขึ้นในอนาคต และดูว่าหญิงสาวคนนั้นปลูกและเลี้ยงผลผลิตเหล่านี้ได้อย่างไร…”
นางเฉิงและพวกเด็กๆกลับมาถึงบ้านในขณะที่โดยสารรถลากมาเรื่อยๆ หลังจากที่ขนย้ายสิ่งของที่พวกเขาซื้อมาเข้าไปในบ้านนางเฉิงบอกกับลูกสาวของเธอว่า
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าจงนำเกวียนไปคืนให้กับผู้เฒ่าในหมู่บ้านต้นไม้ได้ไหม”
“แน่นอน ข้าจะทำให้ดีที่สุด!” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว เห็นว่าแม่ของเธอนั้นเหนื่อยดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่นี้แทน
นางเฉิงพยักหน้าและพูดเสริมว่า
“นำขนมปังนึ่งไปให้หลานของเขาสัก 2-3 ลูก เราควรตอบแทนพวกเขาเมื่อเรายืมเกวียนของพวกเขามา”
“เข้าใจแล้วท่านแม่!”เธอหยิบขนมปังนึ่งไป 8 ชิ้นจาก 20 ชิ้นที่ซื้อมาเพื่อนำไปใช้เป็นของขวัญในการยืมเกวียน
เจิ้งหยวน ผู้ซึ่งนั่งกินขนมปังนึ่งอยู่พูดว่า “พี่ใหญ่ข้าจะไปกับท่าน!”
“พี่ใหญ่ข้าจะไปด้วยเช่นกัน!”
“พี่ใหญ่ข้าจะไปด้วยเหมือนกัน!”
เด็กๆตะโกนขึ้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยว มองไปที่พวกเขาและขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า
“เจิ้งหยวน, เจิ้งปิน เจ้าทั้งสองคนอยู่บ้านเพื่อช่วยท่านแม่ทำอาหารเย็น!”
“ตกลง”
พวกเขาทั้งสองคนเชื่อฟังพี่สาวของเขามากดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะปฏิบัติตาม หลานหลาน ยิ้มและเดินไปหา เฉิงเสี่ยวเสี่ยว
“พี่ใหญ่ข้าไปกับท่านได้ใช่ไหม!”
“ตกลงข้าจะพาเจ้าไปด้วย!”เมื่อมองไปเที่ยวรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาบนใบหน้าของน้องสาว เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยากที่จะปฏิเสธ
พวกเธอทั้งสองคนออกจากบ้านไปพร้อมขนมปังนึ่ง เฉิงเสี่ยวเสี่ยว พาน้องสาวของเธอไปที่เกวียนและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านต้นไม้ อีก 1 ชั่วโมงต่อมา เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ก็ถึงหมู่บ้านต้นไม้พร้อมกับเกวียน การมาถึงของเธอดึงดูดความสนใจจำนวนมากของชาวบ้าน พวกเขาต่างทักทายเธอด้วยความกระตือรือร้น แม้ว่าเธอไม่มีความทรงจำเดิมแต่เธอก็ยังพูดคุยกับพวกเขาอย่างสุภาพ เธอไม่รู้ว่าบ้านของผู้เฒ่าอยู่ที่ไหนแต่โชคดีที่เธอพาน้องสาวมาด้วยน้องสาวของเธอสามารถพาเธอไปยังบ้านของผู้เฒ่าได้ เมื่อเธอมาถึงประตูบ้านผู้เฒ่าเองก็ได้ยินการมาถึงของพวกเธอเช่นกันเขาออกมาทักทาย เฉิงเสี่ยวเสี่ยว เห็นผู้เฒ่าอายุประมาณ 60 รอยยิ้มของเขาเหมือนดอกเบญจมาศ
“ดูสิใครมา พวกเธอคือลูกสาวทั้งสองคนของบ้านเฉิง!”
“ท่านปู่หลิวข้าเอาเกวียนมาคืน ขอบคุณที่ให้เรายืมมันไป!”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว คำนับและมอบขนมปังนึ่งที่เธอนำมาด้วยให้กับเขา
“ท่านปู่หลิวนี่คือขนมปังนึ่งที่เราซื้อมาจากตลาด ข้านำมาฝากเด็กๆโปรดรับไว้ด้วย มันเป็นการตอบแทนน้ำใจของท่าน!”
“โอ้แม่นางเฉิงเจ้าสุภาพเกินไปแล้วไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้! เจ้าควรที่จะให้มันแก่น้องชายและน้องสาวของเจ้า!”ผู้เฒ่าหลิวรับช่วงเกวียนต่อไปและโบกมือปฏิเสธขนมปังนึ่ง
หลานหลาน ที่ยังอยู่ในเกวียนยืนขึ้นและพูดเสียงดังว่า
“ท่านปู่หลิวพวกเราซื้อขนมปังนึ่งมามากมาย!แม่บอกว่าให้มอบสิ่งนี้ให้กับพี่ชายและพี่สาวของบ้านหลิว!”
“โอ้ หลานหลาน ตัวน้อยช่างเป็นเด็กที่น่ารัก!” ผู้เฒ่าหลิวยิ้ม
ในขณะนั้นเองมีผู้หญิงอายุประมาณ 40 ปีเดินออกมาจากบ้าน เธอเป็นลูกสะใภ้ของผู้เฒ่าหลิว เธอมีชื่อว่า โจวหยูเหนียง เมื่อเธอเห็นคนอยู่หน้าบ้านเธอยิ้มและพูดว่า
“ เสี่ยวเสี่ยว และ หลานหลาน ทำไมไม่เข้ามาข้างในก่อนล่ะ”
“ไม่เป็นไรท่านน้าโจว พวกเราต้องรีบกลับบ้านเพื่อช่วยท่านแม่ทำอาหารเย็น” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว กล่าวพร้อมกับคำนับ
เมื่อมองเห็นหญิงสาวที่สง่างามต่อหน้าเธอ โจวหยูเหนียง อดพูดไม่ได้ว่า
“สาวน้อยเฉิงนั้นได้รับการศึกษามาอย่างดี ผู้ชายคนใดได้นางเป็นภรรยาช่างโชคดี!”
“ข้าคิดว่าหลิวดันหวางนั้นเหมาะกับนาง หยูเหนียงทำไมเจ้าไม่จับคู่ทั้งสองคนล่ะ บางทีแม่ของหลิวดันหวางอาจซื้อหัวหมูเพื่อเป็นการขอบคุณเจ้า!”
บุคคลที่พูดขึ้นมานั้นเธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนอยู่ในชุดลายดอกไม้ เธอเองก็เป็นชาวบ้านของหมู่บ้านต้นไม้เช่นกันชื่อของเธอคือเสี่ยวหง คนส่วนใหญ่เรียกเธอว่าหงเหนียง
เมื่อ โจวหยูเหนียง ได้ยินดังนั้นเธอได้แต่เพียงยิ้มและพูดว่า
“ดูเหมือนว่ามีคนต้องการที่จะจับคู่ให้กับหลานชายของข้า ดูเหมือนว่าเจ้าชอบจับคู่ให้กับบ้านเฉิง?”
เสี่ยวเสี่ยว รู้สึกอึดอัดเมื่อผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอกำลังพูดเกี่ยวกับเธอ ถ้าเธอรู้เธอคงไม่มา เธอพยายามกล่าวอำลาพวกเขา และเมื่อนำ หลานหลาน ลงจากเกวียน หลานหลานก็ตะโกนว่า
“ไร้สาระ! พี่ใหญ่ของข้าจะไม่แต่งงานกับเด็กกะโปโล นางเป็นผู้หญิงที่มีเกียรติ ข้าจะไม่ยอมให้พวกท่านพูดถึงพี่สาวข้าเช่นนี้!”
สาววัยกลางคนทั้งสองคนกำลังสนทนากันอยู่และพวกเธอไม่คาดคิดว่า หลานหลาน จะพูดเช่นนี้ โจวหยูเหนียง ไม่ได้พูดคำใดออกมาแต่ หงเหนียง จ้องมองอย่างโมโห เธอเหลือบมอง เฉิงเสี่ยวเสี่ยว และพูดเหยียดหยาม
“โอ้ ดูเหมือนว่า หลานหลาน นั้นสำคัญตัวเจ้าไว้สูง แต่ตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบันของครอบครัวเจ้า ข้าเองก็ไม่คิดว่าเจ้าจะมีปัญญาแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยได้ เว้นเสียแต่ว่าไปเป็น ภรรยาน้อย!”
“ไร้สาระเจ้าสิเป็นภรรยาน้อย ชิงชิง(ลูกสาวหงเหนียง)จะเป็นภรรยาน้อย!” หลานหลาน ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ถึงแม้ว่า หลานหลาน จะเป็นเด็กแต่เธอรู้ว่าการเป็นภรรยาน้อยเป็นสิ่งที่ไม่ดี นั่นคือสาเหตุที่เธอตอบสนองเหมือนลูกแมวที่คำรามกางกรงเล็บไปมา
น่าเสียดายเสียงของ หลานหลาน นั้นดังเกินไปจึงดึงดูดความสนใจของคนรอบข้าง ชาวบ้าน 7-8 คนเริ่มมามุงดูพวกเขา เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ที่ยืนอยู่ข้างๆแทบอยากจะขุดหลุมฝังตัวเอง
-------------------------------