ตอนที่แล้วGE82 รอยยิ้มของนาง แม้แสนหยกสวรรค์ก็มิอาจแลก [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE84 แลกแต้มนิกาย คัมภีร์สวรรค์ไร้อักษร [ฟรี]

GE83 ประลองกับไป๋เฟยเถิง [ฟรี]


หนิงฝานและหลานเหม่ยเดินไปยังที่นั่งที่อยู่ระดับต่ำสุด โดยไม่กล่าวสิ่งใด

หลังจากผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดทักทายกันเสร็จสิ้น กุ่ยเชว่สื่อก็กระแอมเพื่อให้ทุกคนสนใจ

“ผู้อาวุโสหนิง เจ้าสมควรทราบว่าที่เหล่าสหายเต๋ามารวมตัวกันในวันนี้ ก็เพราเรื่องแต้มนิกายของเจ้า พวกเรามีคำถามมากมาย เพราะไม่รู้ในสิ่งที่เจ้ากระทำ เช่นนั้นจงอธิบายว่าเจ้าทำสิ่งใดในป่าภูติพราย อธิบายว่าได้ 2.15 ล้านแต้มมาได้อย่างไร... แต่หากเจ้าไม่อยากอธิบาย หรือไม่อยากกล่าวถึงเรื่องใด ย่อมไม่มีผู้ใดบังคับเจ้า”

แต่หนิงฝานรู้ว่าเขาไม่อาจเลี่ยงการอธิบายนี้ได้

เพราะการที่หวางเหยาได้แต้ม 3 หมื่นในวันเดียว เหล่าผุ้อาวุโสได้สอบถาม และได้รับคำตอบจากมันว่า

“ก่อนจะเข้าป่าแห่งภูติพราย ข้าอยู่ในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 10 ข้าประสบกับจุดตีบตัน 1 เดือนเต็มและทะลวงขอบเขตได้ จากนั้นข้าจึงล่าสังหารภูติไปทั่วทั้งเขต 1 และเขต 2 ของป่าในวันสุดท้าย”

เมื่อเหล่าผู้อาวุโสตรวจสอบและยืนยันว่า ระดับพลังของมันอยู่ในขอบเขตประสานวิญญาณที่ 1 จึงยอมรับในคำอธิบายของมัน มันจึงได้เป็นผู้ดูแลศิษย์ อีกไม่นานมันจะได้เป็นผู้อาวุโสของนิกาย

ดังนั้น หนิงฝานจึงไม่อาจเลี่ยงได้ ยามนี้หนิงฝานบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง หากกล่าวว่าบุกตระเวณไปทั่วส่วนที่ 2 ของป่า เหล่าผู้อาวุโสรับได้ แต่หากกล่าวว่าสังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำ ย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อ

หนิงฝานไม่อาจบอกได้ถึงเรื่องวิชาลับสัมผัสเทพ เหม่ยเฉิน ปีศาจกระดูกขาว และผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง

“ข้าใช้พิษสังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำไปมากมาย...”

หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“ว่าไงนะ? พิษอันใดที่สังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำได้มากขนาดนั้น!”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของหนิงฝาน ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดเสียวสันหลังวาบ

หากกล่าวว่าหนิงฝานสังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำด้วยระดับพลังปัจจุบัน ย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อ

แต่หากเป็นพิษระดับสูง… อย่าว่าแต่ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มย่อมไม่รอดเช่นกัน

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายหวาดกลัวอยู่นั้น พวกมันกลับคิดถึงสิ่งหนึ่ง… หนิงฝานคือหลานชายของนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ปีศาจทมิฬหนิง

และเป็นไปได้ว่าปีศาจทมิฬหนิงอาจมอบโอสถพิษที่รุนแรงให้หนิงฝาน

“สหายน้อยหนิงพอจะบอกได้หรือไม่ว่าพิษชนิดใด...” ชายชราคนหนึ่งกล่าว

“ชื่อของมันคือ ‘พิษหยานหวาง’ เป็นพิษในโอสถผันแปรที่ 4...” หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ที่แท้เป็นโอสถพิษผันแปรที่ 4…!”

ผู้เชี่ยวชาญที่มารู้จักโอสถพิษชนิดนี้ โอสถพิษชนิดนี้ต้องใช้พิษ 99 ชนิดของสัตว์พิษในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม โอสถเพียง 1 เม็ด สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้อย่างง่ายดาย หากหนิงฝานจะใช้มันสังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำนับพันนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

แต่โอสถชนิดนนี้ จะมีเพียงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 เท่านั้นที่มีในครอบครอง แม้ปีศาจทมิฬหนิงจะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ผู้เก่งกาจยังยากจะมี... นั่นทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญยังสงสัย หนิงฝานจึงกล่าวเพิ่ม

“โอสถหยานหวาง ปู่ข้าได้มาจากอาจารย์… แต่ด้วยท่านกลัวว่าข้าจะพบอันตรายยามเข้าสู่ป่าภูติพราย ท่านจึงยอมมอบให้”

คำกล่าวของหนิงฝานทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญแทบหยุดหายใจ

นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ผู้เป็นอาจารย์ของปีศาจทมิฬหนิง เป็นผู้มอบพิษให้… ปีศาจทมิฬหนิงก็มีอาจารย์เช่นกัน ทั้งยังเป็นนักปรุงโอสถที่มีระดับสูงกว่า

คำอธิบายนี้มีเหตุผลอย่างที่สุด ผู้เป็นอาจารย์ย่อมมอบสมบัติและถ่ายทอดวิชาให้ศิษย์ ดังนั้น ผู้เป็นอาจารย์จะมอบโอสถให้ปีศาจทมิฬหนิงย่อมเป็นเรื่องสมควร

หากเรื่องนี้แพร่ออกไป จะไม่มีผู้ใดกล้าคิดร้ายกับเมืองหนิงอีก เพราะหากปีศาจทมิฬหนิงไม่มีผู้หนุนหลังที่ทรงพลัง มันย่อมไม่กล้ามาสร้างเมืองด้วยตนเองเช่นนั้น

การที่ปีศาจทมิฬหนิงมีนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 หนุนหลัง จะมีผู้ใดในแคว้นเยว่กล้าคิดร้าย

จากท่าทางของเหล่าผู้อาวุโสแล้ว หนิงฝานคิดว่าคำโกหกนี้ได้ผลดีเกินคาด เพราะต่อจากนี้ไป คงไม่มีผู้ใดกล้าคิดร้ายกับเมืองหนิงของตนอีก

ยามนี้ไม่มีผู้ใดสงสัยในแต้มของหนิงฝาน

แต่สิ่งที่พวกมันคิดในยามนี้คือ การใช้พิษหยานหวางกับภูติผี นับว่าน่าเสียของอย่างที่สุด

“หากข้ามีพิษหยวนหวาง ข้าย่อมปกครองแคว้นเยว่ได้!” ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากคิดเช่นนี้

แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันกลับฉุกคิดถึงบางสิ่ง

หากปีศาจทมิฬหนิงยังมีพิษหยานหวางอยู่กับตัวอีก ผู้เชี่ยวชาญทั้งแคว้นเยว่คงถูกสังหาร

ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากหวั่นเกรงหนิงฝาน

แม้เขาจะไม่แข็งแกร่งพอให้สังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำด้วยพลังตนเอง แต่การที่เขาเหยียบย่างไปทั่วทั้งส่วนที่ 3 ของป่า ด้วยพลังในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด และด้วยอายุเพียง 17 ปี ก็ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตแก่นทองคำหวั่นเกรงแล้ว

ดังนั้นยามนี้ คำอธิบายของหนิงฝาน จึงทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญเชื่อถือและพึงพอใจ

หลังจากนั้น ชู่ซวนเชียนสื่อ กุ่ยเชว่สื่อ และผู้เชี่ยวขอบเขตแก่นทองคำก็ได้แลกได้เปลี่ยนเต๋าแห่งการฝึกตนกัน กระทั่งทั้งหมด พึงพอใจกับการที่ได้เยือนนิกายกุ่ยเชว่ในครั้งนี้

แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีคนผู้หนึ่งที่ไม่พอใจหนิงฝาน นั่นคือจื่อโม่...ประมุขนิกายจี๋หลิน

แม้มันจะคงสีหน้าสงบ แต่ในใจกลับเย้ยหยัน

ครั้งก่อนที่มันกลับจากเมืองหนิง และได้ฟังคำรายงานจากผู้อาวุโสนิกาย มันจึงคิดว่าหนิงฝานเป็นผู้ช่วงชิงกระถางขัดเกลาทั้งหมดของมันไป

แต่เพื่อให้แน่ใจ มันได้ใช้สือหยิน...ผู้อาวุโสของนิกาย นำหยกสวรรค์จำนวน 1 แสน มุ่งไปแคว้นหวู่เพื่อเข้าพบผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ที่เชี่ยวชาญการทำนาย

ผลการทำนายเหนือกว่าที่จื่อโม่คาดไว้ เพราะผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้ทำนายว่า หนิงฝานเป็นผู้ช่วงชิงเย่หลิงและชุ่ยหลิงไปจริงๆ แต่ยังไม่เพียงเท่านั้น สตรีอีกทั้ง 15 ในขอบเขตประสานวิญญาณก็ถูกหนิงฝานช่วงชิงไปแล้วเช่นกัน

นั่นทำให้จื่อโม่โกรธแค้น จนอยากตามมาสังหารหนิงฝานถึงนิกายกุ่ยเชว่ ณ เดี๋ยวนั้น

แต่สิ่งที่ทำให้มันไม่กล้ากลับเป็นผลการทำนายอีกอย่างที่ปรากฏ

ว่าปีศาจทมิฬหนิง แท้จริงแล้วคือหนิงฝาน!

“ไอ้สารเลว! ผู้เชี่ยวชาญทั้งแคว้นเยว่ถูกเจ้าหลอกลวง… ปีศาจทมิฬหนิง นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แท้จริงกลับเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ ฮ่าฮ่าฮ่า… ดี… ดียิ่งนัก!”

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา… จื่อโม่ได้ส่งสือหยินไปสืบข่าวของหนิงฝาน มันได้ข่าวที่น่าตกตะลึง และข่าวที่ทำให้มีความสุขกลับมา

ข่าวที่น่าตกตะลึงคือแต้มนิกายของหนิงฝาน ส่วนข่าวที่ทำให้มีความสุข คือหนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย

เรื่องโอสถหยานหวางและนักปรุงยาผันแปรที่ 5 ที่เข้าใจกัน จื่อโม่ไม่เชื่อ

มันเกิดความคิดหนึ่ง คือแอบยึดครองเมืองหนิง เพื่อข่มขู่ให้หนิงฝานมาเป็นนักปรุงโอสถส่วนตัวของมัน

หนิงฝานไม่รู้ว่าคิดของอีกฝ่าย แต่ต่อให้รู้ เขาก็ทำอะไรไม่ได้

จากนี้ไป จื่อเฮ่อและคนอื่นๆอาจตกอยู่ในอันตราย

แต่ในนิกายกุ่ยเชว่เอง ยังมีหวางเหยาที่ปองร้าย

เวลาล่วงเลยไปถึงยามบ่ายแก่ หลังจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญพูดคุยและร่วมทานอาหาร ทั้งหมดก็กล่าวลาและแยกย้ายกันไป

กุ่ยเชว่สื่อผ่อนคลายลงมาก เพราะการที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากแบบนั้น มันไม่กล้าประมาท

หลังจากเสร็จเรื่องหนึ่ง กุ่ยเชว่สื่อยังไม่มีเวลาได้พัก ไป๋เฟยเถิงก็ก่อเรื่อง

เพราะหลังจากผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆจากไป จนเหลือเพียงผู้อาวุโสของนิกายกุ่ยเชว่ ไป๋เฟยเถิงก็ขวางทางหนิงฝานไว้

“ผู้อาวุโสหนิง… ข้าไป๋เฟยเถิงอยากเดิมพันประลองกับเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมีสมบัติวิญญาณระดับสูงสุดอยู่กับตัว!”

เรื่องนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆสนใจ เพราะพวกมันไม่รู้ว่าหนิงฝานจะมีสมบัติระดับสูงอยู่ สมบัติวิญญาณระดับสูงสุดนั้น เป็นสมบัติที่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มใช้ ดังนั้น หนิงฝานที่ครอบครองโอสถหยวนหวาง ย่อมมีสมบัติระดับนั้น

“ไป๋เฟยเถิง เจ้ารู้หรือว่าข้ามีสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด...”

หนิงฝานตกตะลึง เพราะสมบัติที่ว่าคือระฆังตะวันออก แต่ไป๋เฟยเถิงไม่น่าจะรู้เรื่องนี้

หนิงฝานแปลกใจ เหตุใดไป๋เฟยเถิงที่เจอกันครั้งแรกต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับตน

“ข้ากล่าวผิดงั้นรึ?”

ไป๋เฟยเถิงกล่าว ยามนี้ หลานเหม่ยที่อยู่ใกล้ๆหนิงฝานจึงกล่าวกระซิบ

“หนิงฝาน... ไป๋เฟยเถิงผู้นี้ไม่ลงรอยกับอาจารย์เจ้า มันจึงพลอยเกลียดเจ้าไปด้วย… เจ้าอย่าได้ประลองกับมัน มันเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ ส่วนเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ การประลองย่อมไม่ยุติธรรม”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้… เอาชนะอาจารย์ของข้าไม่ได้ จึงมาลงกับข้าแทน...” หนิงฝานยกยิ้มเย้ยหยัน

ดวงตาของหนิงฝานเป็นประกาย แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏ

คนผู้นี้เป็นศัตรูของอาจารย์!

หนิงฝานสัมผัสกระเป๋า ปล่อยกลิ่นอายของระฆังทะเลตะวันออกออกมา แต่ไม่ได้นำตัวระฆังออกมาแสดง

จากกลิ่นอาย เป็นสมบัติวิญญาณระดับสูงสุดอย่างแท้จริง!

ยามนี้ หนิงฝานไม่หวาดกลัวที่จะเปิดเผยว่าตนเองมีสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด เพราะในแคว้นเยว่ ผู้ที่จะช่วงชิงสมบัติจากมือเขาได้นั้น มีเพียงหยิบมือ ยิ่งมีชื่อเสียงของปีศาจทมิฬหนิง น้อยคนนักที่คิดกล้าลงมือกับเขา

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสมบัติ ไป๋เฟยเถิงมีความสุข มันเดาได้ถูกต้องว่าหนิงฝานมีสมบัติวิญญาณระดับสูงสุดอยู่จริง

“สิ่งเดิมพันในการประลองครั้งนี้ ข้าจะใช้ ‘ธงหมื่นวิญญาณ’ ที่เป็นสมบัติคู่กายข้า...”

ไป๋เฟยเถิงนำธงสีดำที่รายล้อมด้วยหมอกสีดำจางๆออกมา สมบัติของมันเป็นสมบัติวิญญาณระดับสูง

ด้วยคุณสมบัติและอานุภาพของธงหมื่นวิญญาณ จึงทำให้มันล้ำค่าเทียบชั้นได้กับสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด

หนิงฝานจ้องมองไป๋เฟยเถิงและกล่าวเย้ยหยัน “ไป๋เฟยเถิง เจ้าคิดจะนำสมบัติวิญญาณขั้นสูงมาแลกกับสมบัติวิญญาณระดับสูงสุดรึ? ช่างไร้ยางอายนัก”

“ว่าไงนะ! เจ้ากล้าตำหนิว่าข้าไร้นางอายรึ!”

“ผู้อาวุโสในขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง กลับท้าประลองผู้เยาว์ในขอบเขตประสานวิญญาณ… เจ้าคิดว่าไร้ยางอายหรือไม่? นำสมบัติด้อยค่ามาเดิมพันกับสมบัติล้ำค่า... เจ้าคิดว่าไร้ยางอายหรือไม่? แต่เจ้าวางใจเถอะ...ข้ารับคำท้าเจ้า แต่ข้าจะไม่รับอุปกรณ์วิญญาณต่ำชั้นของเจ้า หากข้าชนะ ข้าจะขอรับตำแหน่งของเจ้าแทน!”

“ฮึ่ม! เด็กเช่นเจ้ากลับคิดหวังตำแหน่งของข้า!”

ไป๋เฟยเถิงตกตะลึงเล็กน้อย

มันไม่เชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลางจะพ่ายให้กับผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูงสุด แม้หนิงฝานจะมีปีศาจทมิฬหนิงหนุนหลัง แต่การประลองต้องเป็นไปตามกฏของนิกาย หากปีศาจทมิฬหนิงยื่นมือเข้าช่วย จะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

“หากเจ้าชนะ เจ้าก็เอาตำแหน่งหนึ่งในสี่ปีศาจของข้าไป แต่หากเจ้าแพ้… สมบัติวิญญาณระดับสูงสุดของเจ้าต้องเป็นของข้า และข้าจะจ่าย 1 หมื่นหยกสวรรค์ให้เจ้าเพิ่ม”

1 หมื่นหยกสวรรค์ไม่อาจซื้อได้แม้แต่เสี้ยวเดียวของสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด แต่การกระทำของมันก็ถือว่าไว้หน้าปีศาจทมิฬหนิง

“การประลองจะเริ่มในอีก 6 เดือนข้างหน้า”

“ครึ่งปี? ดี! ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งปี!” ไป๋เฟยเถิงรับคำ แต่มันกลัวว่าหนิงฝานจะกลับคำ

เพียงครึ่งปี หากจะให้ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูงสุด บรรลุขอบเขตแก่นทองคำ ถือเป็นเรื่องยากอย่างที่สุด มันจึงไม่เชื่อว่าหนิงฝานจะทำได้สำเร็จ

เหตุผลที่หนิงฝานขอเลื่อนการประลองนั้น เพราะตนเองต้องการยกระดับเพื่อเตรียมรับศึกในอีก 100 ข้างหน้า นอกจากนี้ พลังในยามนี้ของหนิงฝานก็เพียงพอให้สังหารไป๋เฟยเถิงแล้ว

เขาไม่ได้หวาดกลัวมันแม้แต่น้อย...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด