ตอนที่ 16 แล้วไงล่ะ?
ข้างนอกหอคอย บรรยากาศกลายเป็นเงียบงัน
ไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นยกเว้นเสียงดาบยาวของเจียงวู่เฉิงที่เลื่อนกลับเข้าไปในฝัก
โดยไม่สนใจสายตาที่ตกตะลึงของคนโดยรอบ เจียงวู่เฉิงหันหลังและเดินจากไป แต่ก่อนเขาจะไปเขาหยุดตรงหน้าเจียงหลินพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา"ครั้งนี้ข้าฟันไปที่ไหล่ของเจ้า แต่ถ้าเป็นครั้งต่อไปข้าจะฟันไปที่หัวของเจ้า"
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เจียงหลินก็ตกใจและอับอายเป็นอย่างมากเขารู้สึกละอายใจและไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ความประหลาดใจไม่หายไปจากบรรดาลูกศิษย์ของตำหนักขุนพลดาบจนถึงตอนที่เจียงวู่เฉิงเดินไปจากสายตาของพวกเขา
จากนั้นทุกคนในปัจจุบันไม่สามารถหยุดคุยกันถึงสิ่งเหล่านี้ได้
"ศิษย์พี่เจียงหลินพ่ายแพ้ นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง!"
"หนึ่งกระบวนท่า แค่หนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น!"
"ความแข็งแกร่งของพวกเขาแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ใช่แค่พลังลมปราณของพวกเขาเท่านั้น แต่ความต่างระหว่างวิชายุทธ์ของพวกเขาก็ด้วย"
มันเป็นแบบนั้น
เจียงวู่เฉิงสามารถเอาชนะเจียงหลินได้ด้วยการใช้ลมปราณเพียงอย่างเดียว และสำหรับวิชายุทธ์นั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเจียงเมิ่งเอ๋อซึ่งเป็นคนที่ใช้ดาบได้อย่างยอดเยี่ยมและถูกผู้คนยกย่องให้เป็นอัจฉริยะคนแรกในตำหนุกขุนพลดาบ แต่ต้องอย่าลืมว่าเจียงวู่เฉิงเป็นคนสอนดาบให้กับนาง
แม้แต่เจียงเมิ่งเอ๋อเองก็รู้ว่านางไม่มีคุณสมบัติจะเทียบกับเขาในเรื่องเชิงดาบ
ในตำหนักขุนพลดาบดูเหมือนว่าจะไม่มีใครใช้ดาบได้ดีเท่าเจียงวู่เฉิงอีกแล้ว
เนื่องจากความแตกต่างอย่างมากในด้านการต่อสู้เจียงวู่เฉิงจึงสามารถเอาชนะเจียงหลินได้ในหนึ่งกระบวนท่าและทำให้เขาบาดเจ็บ ถ้าเจียงวู่เฉิงต้องการก็น่าจะมีโอกาศฆ่าเจียงหลินได้
...
เรื่องที่เจียงวู่เฉิงผ่านชั้นที่เจ็ดของหอคอยทดสอบและเอาชนะเจียงหลินด้วยกระบวนท่าเดียวนั้นโด่งดังไปทั่วตำหนักขุนพลดาบอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นคนทั้งตำหนักขุนพลดาบต่างตกตะลึงอย่างมาก
ดังนั้นข่าวจึงมาถึงเจียงเมิ่งเอ๋อในที่สุด
"เมิ่งเอ๋อ มีบางอย่างเกิดขึ้นในตำหนักขุนพลดาบในวันนี้" เจียงหลานกล่าวกับเจียงเมิ่งเอ๋อ "เจียงวู่เฉิงสามารถรวบรวมพลังลมปราณและกลายเป็นนักรบนอกจากนี้การบ่มเพาะของเขาก็มาถึงขั้นที่6ของวิถีลมปราณและวันนี้ยังสามารถผ่านชั้นที่เจ็ดของหอคอยทดสอบแถมยังเอาชนะเจียงหลินภายในกระบวนท่าเดียวอีกด้วย"
"โอ้?"
แม้แต่เจียงเมิ่งเอ๋อก็ยังรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้
"ก่อนที่ความสัมพันธ์ของเรากำลังจะจบลงเขามักจะพูดว่าเขาจะเป็นนักที่แท้จริงในไม่ช้า ตอนนั้นข้าคิดว่าเขาจะแค่พูดปลอบใจตัวเอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่ใช่" หลังจากประหลาดใจนางก็ยิ้มเล็ก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้จริงจังมากนัก
"เมิ่งเอ๋อ ข้าคิดว่าเจ้าควรจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้" เจียงหลานกล่าวอย่างจริงจัง "แม้ว่าหลายคนในตำหนักขุนพลดาบจะคิดว่าเจียงวู่เฉิงปิดบังมาตลอดแต่พวกเรารู้ดีว่าเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วเขาไม่มีพลังลมปราณในร่างแม้แต่น้อย"
ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา เจียงเมิ่งเอ๋ออยู่กับเจียงวู่เฉิงตลอดเวลาไม่มีใครรู้จักเจียงวู่เฉิงดีกว่าพวกเขา
"ในเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเขาเปลี่ยนจากคนธรรมดาที่ไม่มีพลังลมปราณใดๆไปสู่นักรบแห่งขั้น6ของวิถีลมปราณและเอาชนะเจียงหลินได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นกล่าวได้ว่าความก้าวหน้าของเขาน่ากลัวอย่างมาก"เจียงหลิน กล่าว
"นั่นก็จริง"เจียง เมิ่งเอ๋อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย"แต่ แล้วไงละ?"
เจียงหลานตกตะลึง
"ท่านกำลังคิดว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้น่ากลัวในการต่อสู้ในเดือนหน้างั้นรึ?"เจียงเมิ่งเอ๋อ เอ่ยถาม
เจียงหลานพยักหน้า
เรื่องที่เจียงวู่เฉิงได้สาบานว่าจะต่อสู้กับเจียงเมิ่งเอ๋อได้แพร่สะพัดไปทั่วตำหนักขุนพลดาบ ในตอนแรกพวกเขาไม่ได้จริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องเปลี่ยนใจ
ถ้าเจียงวู่เฉิงเอาชนะเจียงเมิ่้งเอ๋อต่อหน้าลูกศิษย์ทั้งหมดของตำหนักขุนพลดาบ และบรรดาผู้อาวุโสคนอื่นๆ นางก็จะล้มเหลวในการเป็นผู้นำหอดาบนอกจากนี้นางและพ่อของนางจะถูกหัวเราะเยาะจากผู้คนโดยรอบ
เจียงเมิ่งเอ๋อได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆในตำหนักขุนพลดาบ หากถูกก้าวนำหน้าไปโดยใครบางคนภายในสองเดือน นั่นไม่ใช่จะเป็นเรื่องตลกหรือ?
"ท่านพ่อ ท่านกังวลมากเกินไป"เจียง เมิ่งเอ๋อกล่าวอย่างไม่สนใจ"มันเป็นปกติที่เจียง วู่เฉิงจะสามารถบ่มเพาะลมปราณได้หลังฝึกอยู่4ปี แม้เขาจะสามารถกลายเป็นนักรบขั้น6ได้จากคนธรรมดา เขาก็ย่อมไม่อาจเลื่อนเป็นขั้น7แห่งวิถีลมปราณได้ในเดือนหน้า ท่านคิดว่ายังไง ท่านพ่อ?"
"ไปถึงขั้นที่เจ็ดในหนึ่งเดือน?" เจียงหลานรู้สึกมึนงงอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวอย่างมั่นใจว่า "เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!"
"มันมีระยะห่างอย่างมากในขั้นที่หกและขั้นที่เจ็ดของวิถีพลังลมปราณแม้กระทั่งอัจฉริยะในการฝึกฝนอย่างเจ้ายังใช้เวลาครึ่งปีเต็มในการก้าวจากขั้นที่6ไปถึงขั้นที่7ของขั้นวิถีลมปราณนอกจากนี้เจ้าก็ไม่สามารถทำมันสำเร็จได้ถ้าไม่มีเม็ดยาหรือสมบัติต่างๆในการช่วยเหลือ แล้วจะนับประสาอะไรกับคนคนเดียว ดังนั้นไม่ว่าเจียงวู่เฉิงจะเติบโตเร็วเพียงใดเขาก็ไม่สามารถไปถึงขั้นตอนที่เจ็ดของวิถีลมปราณได้ในหนึ่งเดือน"
เจียงหลาน กล่าวอย่างมั่นใจและเด็ดขาด
และแน่นอนว่าระยะห่างของขั้นที่6และขั้นที่7ของวิถีลมปราณนั้นมีมากจนเกินไป จนทำให้คนที่คิดว่าจะทำมันสำเร็จเป็นเรื่องที่เพ้อฝันอย่างมาก
"ใช่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้แม้ว่าเขาจะทำมันสำเร็จ แต่เขาจะทำอะไรได้?"เจียงเมิ่งเอ๋อกล่าวอย่างน่ารังเกียจ
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจียงเมิ่งเอ๋อกล่าวว่าเจียงหลานก็ผ่อนคลายและยิ้มให้นาง
อันที่จริงไม่ว่าเจียงวู่เฉิงจะสามารถไปถึงขั้นที่เจ็ดของวิถีลมปราณในเดือนเดียวหรือไม่ก็ตามเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี
ปัจจุบันเจียงวู่เฉิงมีการบ่มเพาะในขั้นวิถีลมปราณ ไม่ว่าเขาจะมีความพิเศษหรือมีความสามารถมากแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถต่อสู้กับเจียงเมิ่งเอ๋อได้ยกเว้นเขาจะอยู่ในขั้นอาณาทะเลลมปราณ
"บางที่ข้าอาจจะคิดมากในเรื่องของเจียงวู่เฉิงมากไป มันคงไม่สามารถจะคุกคามเจ้าได้" เจียงหลานยิ้มอย่างโล่งอก "เลิกพูดถึงเขาเถอะ บอกข้าเกี่ยวกับท่านปรมาจารย์ ท่านได้ตอบกลับมาหรือไม่?"
"ข้าได้รับคำตอบแล้ว" เจียงเมิ่งเอ๋อตอบอย่างคาดหวัง "ท่านปรมาจารย์กล่าวว่าจะเสนอชื่อข้าในการประลองอีกหนึ่งเดือนเพื่อเป็นสักขีพยานในการกลายเป็นผู้นำดาบคนใหม่!"
"ฮ่าฮ่าเยี่ยมมากถ้านางแสดงความสามารถออกมาในการต่อสู้ คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน"เมื่อได้ยินข่าวดีเจียงหลานรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
ณ หอดาบผู้อาวุโสที่งสี่รวมตัวกันอยู่นำโดยผู้อาวุโสหง
"ฮ่าฮ่าปรมาจารย์น้อยผ่านชั้นที่เจ็ดและเอาชนะเจียงหลินด้วยกระบวนท่าเดียว มันยอดเยี่ยมจริงๆ"
"เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างมากที่ปรมาจารย์น้อยสามารถก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้"
"หากปรมาจารย์น้อยยังคงพัฒนาตัวเองไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เขาอาจจะเอาชนะเจียงเมิ่งเอ๋อได้ในการต่อสู้ในเดือนหน้า"
เมื่อได้ยินข่าวดีบรรดาผู้อาวุโสต่างหัวเราะอย่างมีความสุข
"ศิษย์พี่เราปิดบังเรื่องราวต่อปรมาจารย์น้อยไว้เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เป็นนักรบ แต่ตอนนี้เราควรบอกเขาหรือไม่?"ผู้อาวุโสอีกคนถาม
"ไม่ต้องรีบ" อาวุโสหงส่ายหัวและพูดว่า "มันเร็วเกินไปเราควรจะบอกเขาทีหลัง"
"ข้าจะเขียนจดหมายและส่งไปหานายท่านที่วังมังกรทอง เขาน่าจะยินดีอย่างมากที่รู้ว่าปรมาจารย์น้อยมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว"
...
คนจากตำหนักขุนพลดาบทั้งหมดต่างตกอยู่ในความตกตะลึงกับการต่อสู้ของเจียงวู่เฉิงและเจียงหลิน อย่างไรก็ตามเจียงวู่เฉิงผู้เป็นเหมือนวีรบุรุษครั้งนี้ไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย หลังจากได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการต่อสู้เขาก็ออกจากภูเขาเก้าหมาป่าโดยตรง
เจียงวู่เฉิงมีความกระตือรือร้นที่จะไปที่บ่อน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำยาลมปราณแรกเริ่ม