ตอนที่ 173 โอ้ บัดซบ, อีกคนตกลงไปแทน
เฟิงเฟินไดหวาดกลัวอย่างมาก ตอนแรกนางต้องการที่จะผลักเฟิงเฉินหยู แต่นางไม่คิดว่าเมื่อนางเอื้อมมือออกไป คนที่นางผลักลงไปจะกลายเป็นเฟิงเซียงหรู
เมื่อมองไปที่เฟิงเซียงหรูและมองไม่เห็นนาง เฟิงเฟินไดเริ่มใจเสีย นางตะโกนถามขันทีที่ดูแลเรืออยู่หลายครั้ง “ทำมไมเจ้ายังยืนอยู่เฉย ๆ ? ไปช่วยชีวิตนางเดี่ยวนี้ ! เจ้าไม่เห็นคนตกลงไปหรือ ?”
ขันทียื่นมือออกไปอย่างไร้ประโยชน์ “คุณหนู บ่าวรับใช้คนนี้ว่ายน้ำไม่เป็น นอกจากนี้แม้ว่าบ่าวรับใช้คนนี้ว่ายน้ำเป็นก็จะไม่มีจุดหมาย การตกลงไปในทะเลสาบที่เย็นเช่นนี้คือความตาย ! '
ใบหน้าของเฟิงเฟินไดเต็มไปความกลัว แม้ว่าตอนแรกนางจะวางแผนที่จะผลักเฟิงเฉินหยู แต่นางก็ยังเป็นเด็กหญิงอายุสิบขวบ นางจะคิดหลายสิ่งได้อย่างไร ไม่ว่าทะเลสาบจะเย็นหรือไม่ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางรู้ นางคิดไม่ถึงว่าการตกลงไปจะหมายถึงความตาย นางแค่อยากให้เฟิงเฉินหยูดูโง่งม ยิ่งกว่านั้นมีเรือมากมายในทะเลสาบและมีขันที เมื่อใครบางคนตกลงไปในน้ำพวกเขาควรช่วยเหลือทันที แต่ทำไมขันทีถึงบอกว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็น ?
“เราไม่ได้ดูแลเรือเหล่านี้เพียงแค่ครั้งเดียวหรือสองครั้ง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยมีกรณีนี้ที่มีคนตกน้ำเกิดขึ้นมาก่อนเลยขอรับ” คำพูดของขันทีทำให้นางสงสัย ในขณะเดียวกันก็เป็นคำกล่าวที่มีความหมายเป็นนัยว่าเจ้ากำลังขอร้องในเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้
เฟิงเฟินไดเป็นห่วงอย่างยิ่ง การตายของเฟิงเซียงหรูไม่ใช่สิ่งที่นางสนใจมาก แต่นางก็ไม่สามารถตายได้อย่างแน่นอน เฟิงเฉินหยูยังคงยืนอยู่ที่นั่น ตราบใดที่นางพูดในฐานะพยาน ทุกคนก็เชื่อว่านางผลักเฟิงเซียงหรูลงไปในน้ำเพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น
นางก้มที่ขอบเรือและตะโกนไปที่ทะเลสาบ “พี่สาม ! พี่สาม !”
บ่าวรับใช้เม่ยเซียงที่เฟิงเซียงหรูพามาด้วยรู้สึกกังวล นางยื่นมือของนางลงไปในน้ำ
แต่พวกเขาจะได้ยินคำตอบของเฟิงเซียงหรูได้อย่างไร ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบกลับแม้แต่ระลอกคลื่นในน้ำที่เฟิงเซียงหรูตกลงไปในน้ำก็ค่อย ๆ หายไป
เฟิงเฉินหยูหยุดอยู่ใกล้กับหูของเฟิงเฟินไดและพูดเบา ๆ ว่า "น้องสี่ฆ่าน้องสาม เจ้าทำเพื่ออะไรกันแน่ ? ”
เฟิงเฟินไดขมวดคิ้ว มีเหงื่อเย็นเกาะอยู่ มือทั้งสองของนางกำแน่น ทันใดนั้นนางก็รู้สึกมุ่งมั่นที่จะจัดการกับเฟิงเฉินหยู นางหันหน้าไปจ้องมองเฟิงเฉินหยูด้วยความโกรธแค้น จมูกของพวกเขาแตะกันและดูเหมือนกำลังจะต่อสู้
ในเวลานี้พวกเขาได้ยินเสียง "ตู้ม" ขณะที่อีกคนหนึ่งกระโดดลงไปในทะเลสาบ
ทั้งสองตกใจ และหันมามอง
ในเวลานี้จำนวนเรือที่มาเพิ่มขึ้น ใบหน้าของฮูหยินและคุณหนูบนเรือที่มีสีสัน พวกเขาต่างจับที่กาบเรือกันแน่น กลัวที่จะเคลื่อนไหว
คนที่กระโดดเข้าไปนั้นเป็นผู้ชายและดูเหมือนจะเป็นทหารองครักษ์ หลังจากกระโดดลงไป พวกเขาใช้พลังงานภายในของเขาดำน้ำลงไปหาเฟิงเซียงหรูอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขายกมือขึ้นและนำเฟิงเซียงหรูขึ้นสู่ผิวน้ำ
เฟิงเฟินไดถอนหายใจด้วยความโล่งอก และอยากจะพูดว่า "อย่างน้อยนางก็ถูกช่วยขึ้นมาได้" แต่เมื่อนางมองหน้าขาวซีดของเฟิงเซียงหรูอีกครั้ง นางก็กลืนคำพูดเหล่านี้ที่มาถึงปากของนาง
นางจะรอดหรือไม่ ?
ทหารองครักษ์พานางไปที่ผิวน้ำ จากนั้นก็ว่ายไปในทิศทางเรือ เฟิงเฟินไดตะโกนอย่างกระวนกระวาย “เรือของเราอยู่ที่นี่ !” แต่คนนั้นเพิกเฉยนางและนำเฟิงเซียงหรูไปยังเรือใหญ่อีกลำ
เฟิงเฉินหยูมองตามนางซึ่งถูกนำไปขึ้นเรือลำใหญ่ จากนั้นนางสังเกตว่าเรือทำจากหยกขาว นอกจากนี้ยังตกแต่งด้วยทองคำซึ่งทำให้มันสวยงามมาก
ในเวลานี้นอกห้องโดยสารของเรือมีคนมาดูทั้งสองคนที่กำลังว่ายน้ำอย่างใจจดใจจ่อ
ซวนเทียนฮั่ว ?
คิ้วของเฟิงเฉินหยูมีรอยย่นและเมื่อนางเห็นทหารองค์รักษ์คนนั้นนำเฟิงเซียงหรูไปที่เรือลำนั้น ซวนเทียนฮั่วโน้มตัวลงและเอื้อมมือออกไป เขาอุ้มเฟิงเซียงหรูขึ้นบนเรือด้วยตัวเองแล้ววางนางลงบนเรือ จากนั้นเขาพูดอะไรบางอย่างกับสาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เขา
หลังจากนั้นสาวใช้ก็เริ่มเอายาดมมาให้เฟิงเซียงหรูสูดดมและบีบนวด ไม่นานหลังจากนั้นเฟิงเซียงหรูที่หน้าซีดก็เริ่มฟื้นขึ้นมา
ความอิจฉาในใจของเฟิงเฉินหยูพุ่งขึ้นทันที ทันใดนั้นนางก็เอนตัวไปข้าง ๆ และส่งเสียงกรี๊ด จากนั้นนางก็ตกลงไปในน้ำทันที
เฟิงเฟินไดพูดไม่ออก มีงานเลี้ยงในทะเลสาบหรือ? ทำไมเฟิงเฉินหยูคนนี้ถึงกระโดดลงไปในน้ำเอง? เนื่องจากตัวนางเองต้องการที่จะตกลงไปอยู่แล้ว ทำไมนางถึงเปลี่ยนที่กับเฟิงเซียงหรู?
นางรู้สึกว่าใจของนางพองขึ้น ในเวลานี้นางได้ยินขันทีที่ดูแลเรือพูดว่า “องค์ชายเจ็ดทรงใจดีจริง ๆ” นางจึงมองดูเท่านั้น แน่นอนว่านั่นคือองค์ชายเจ็ด ซวนเทียนฮั่วที่นั่งพูดคุยกับเฟิงเซียงหรู
เฟิงเฟินไดเข้าใจในทันที ดูเหมือนว่าเฟิงเฉินหยูจะรู้สึกอิจฉา?
ฮ่า ๆ! หากนี่ไม่ใช่พราชวังนางก็คงจะหัวเราะเสียงดัง เฟิงเฉินหยู เจ้าไม่ลืมตามอง และดูว่าองค์ชายเจ็ดเป็นคนเช่นไร เจ้ามีค่าให้เขาสนใจหรือ? แม้ว่าเจ้าจะมีค่าเช่นนั้น แต่ตราบใดที่ทุกคนทราบความจริงว่าเจ้าเป็นคนสร้างสถานการณ์ขึ้นเอง ไม่จำเป็นต้องมีองค์ชายเจ็ดลงมือทำ แค่เสียงโวยวายของประชาชนก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าจมน้ำตาย
การตกน้ำของเฟิงเฉินหยูสร้างความตกใจสำหรับทุกคนอีกครั้ง คุณหนูบางคนเริ่มรู้สึกกลัวและถามขันทีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด “เจ้าบอกว่ามันมั่นคงและไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่หรือ ? ทำไมคนสองคนถึงตกน้ำไปแล้ว”
มีบางคนที่สายตาดีและมองเห็นว่าเฟิงเฉินหยูตกน้ำได้อย่างไร แต่พวกเขาไม่เข้าใจ พวกเขาจึงถามว่า “ทำไมคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิงถึงกระโดดลงไปในทะเลสาบเอง ?”
เป็นธรรมดาซวนเทียนฮั่วก็เห็นฉากนี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ตอบสนอง เขาเอาเสื้อคลุมมาคลุมลงบนร่างกายของเฟิงเซียงหรู แล้วพูดเบา ๆ กับนางว่า “ทนอีกหน่อย เมื่อเราไปถึงเกาะ จะมีคนช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้า”
เฟิงเซียงหรูกำลังจ้องมองเสื้อผ้าที่เปียกของนาง และเริ่มร้องไห้ “ข้าขอโทษ ข้าทำเสื้อผ้าที่เจ้าส่งมาให้ข้าเปียก ! ข้าไร้ประโยชน์มาก !” เมื่อเด็กหญิงเริ่มร้องไห้ นางก็ยากที่จะอธิบาย ด้วยน้ำตาและน้ำมูก นางไม่สามารถรักษามารยาทที่เหมาะสมในการใช้คำสรรพนามที่เหมาะสม และใช้คำว่าเจ้ากับข้าแทน
อย่างไรก็ตามซวนเทียนฮั่วไม่โกรธ เขาส่ายหัวเพียงเล็กน้อยเมื่อเขามองเด็กคนนี้ “อย่าร้องไห้ ข้าไม่โทษเจ้า เสื้อผ้าเปียก ไม่นานเมื่อซักและตากแห้งเดียวก็เหมือนเดิมแล้ว หากไม่ได้ผล ข้าจะส่งอีกชุดหนึ่งให้เจ้า”
เฟิงเซียงหรูมองเขาตาโต และรู้สึกถึงความมุ่งมั่น นางจำคำศัพท์ที่อันชิพูดและจำตำแหน่งของนางได้ นางรู้ว่าไม่ว่านางจะอยากจมลงไปในอ้อมแขนขององค์ชายเจ็ดสักเท่าใด ในเวลานี้นางก็ต้องอดทน
อย่างไรก็ตามนางไม่ทราบว่าซวนเทียนฮั่วมองนางเป็นแค่เด็ก นางเป็นเด็กหญิงตัวน้อยอายุสิบขวบที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นผู้หญิง
แต่เดิมเขาไม่มีความคิดใด ๆ เกี่ยวกับบุตรของตระกูลเฟิงนอกจากเฟิงหยูเฮง
แต่ก่อนหน้านี้เฟิงหยูเฮงพาเด็กหญิงคนนี้มาด้วยตลอด แม้ในเวลานี้นางขอให้เขาปฏิบัติต่อเด็กหญิงคนนี้เป็นอย่างดี และได้เตรียมชุดเสื้อผ้าฤดูหนาวที่สวยงาม
เขารู้ว่ามันไม่สามารถส่งไปคฤหาสน์เฟิงโดยใช้ชื่อของเฟิงหยูเฮงได้ เขาจึงส่งไปในนามของเขาเอง แน่นอนว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เกิดการคาดเดาไปต่างต่างนานา แต่เขาไม่สนใจ เขาคือซวนเทียนฮั่ว เขาเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยข้องแวะกับคนอื่น เขาไม่กลัวที่จะถูกเอ่ยถึงจากคนอื่นและเขาก็ไม่กลัวคนอื่นที่คาดเดาถึงแรงจูงใจของเขา ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเขาจะไม่มีวันเสียใจ และไม่เคยอธิบายการกระทำของเขา
เรื่องกับเด็กผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกัน
“ลุกขึ้น” เขาเอื้อมมือไปประคองเฟิงเซียงหรู “เข้าไปข้างใน มันจะอุ่นขึ้นนิดหน่อย”
เฟิงเซียงหรูพยักหน้า แม้ว่านางจะตัวสั่นด้วยความหนาวแต่ใจของนางก็อบอุ่น ไหล่ที่มือของซวนเทียนฮั่วจับนั้นอุ่นมาก แก้มของนางร้อนจัด
หัวใจดวงเล็ก ๆ ของนางกำลังหวังว่ามือนั้นจะไม่ปล่อยไปจากไหล่ของนาง น่าเสียดายที่ความอบอุ่นกระจายไปอย่างรวดเร็ว
“องค์ชายพะยะค่ะ หญิงสาวที่ตกน้ำ พระองค์ต้องการช่วยชีวิตนางหรือไม่พะยะค่ะ ?” ทหารองครักษ์ที่ช่วยเฟิงเซียงหรูกลับไปที่เรือของซวนเทียนฮั่ว ร่างกายของเขาเปียกโชกแต่เขาไม่สั่น
ซวนเทียนฮั่วมองลงไปในน้ำอีกครั้ง เฟิงเฉินหยูกำลังจมเร็วกว่าเฟิงเซียงหรู หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กังวลว่านางก็ตัวแข็งเช่นกัน
“ไปช่วยนาง !” หลังจากนั้นเขากล่าวเสริม “หลังจากนำนางขึ้นมาให้นำนางกลับไปที่เรือลำเดิมของนาง ฝากเรื่องอื่น ๆ ไว้กับขันที”
ทหารองครักษ์พยักหน้าแล้ว กระโดดกลับลงไปในน้ำ
ไม่นานหลังจากนั้นเฟิงเฉินหยูก็ถูกนำขึ้นสู่ผิวน้ำ
ต้องบอกว่าเฟิงเฉินหยูมีอาการดีกว่าเฟิงเซียงหรูเล็กน้อยเนื่องจากนางไม่อ่อนแอ แต่เมื่อนางเห็นว่าทหารองครักษ์ที่ช่วยชีวิตนาง พานางไปในอีกทางหนึ่ง นางรู้สึกไม่เต็มใจและเริ่มผลักคนนั้นออกไป แม้ว่านางจะเสียชีวิต นางก็ไม่ต้องการกลับไปที่เรือกับเฟิงเฟินได
บนเรือในทะเลสาบมีคำพูดเยาะเย้ยที่ไม่สุภาพมากดังเสียงพูดว่า “ถ้านางไม่ต้องการขึ้นจากน้ำ ก็ปล่อยให้นางอยู่ในน้ำ !”
ทุกคนได้ยินเสียงและเห็นเรือลำใหญ่แล่นผ่าน ห้องโดยสารบนเรือมีผ้าม่านสีเทา ภายในผ้าม่านมีชายและหญิงนั่งอยู่ตรงข้ามชาดื่มกัน
คำพูดที่พูดมาจากชายคนหนึ่ง ตามด้วยเสียงหัวเราะของผู้หญิงทันที “แต่มันตลกขนาดไหน ในวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ คนแรกตกลงไปแล้วอีกคนก็ตกาม พวกเขาตกลงไปในน้ำ”
ทั้งสองกระซิบอย่างเงียบ ๆ “องค์ชายสี่และคุณหนูตระกูลบุ”
ขณะที่พวกเขาพูดว่าเรือลำนั้นได้เข้าใกล้เรือหยกสีขาวของซวนเทียนฮั่วแล้ว ซวนเทียนฮั่วเหลือบไปรอบ ๆ จากนั้นก็พูดว่า "พี่สี่"
ซวนเทียนยี่พยักหน้า “น้องเจ็ดนิสัยดีจริง ๆ และยังคิดที่จะช่วยชีวิตผู้คน”
ซวนเทียนฮั่วยิ้มเบา ๆ และนิ่งเงียบ
บุหนี่ชางยืนขึ้นจากด้านของซวนเทียนยี่ เมื่อเดินออกจากห้องของนาง นางโค้งคำนับให้ซวนเทียนฮั่วและกล่าวว่า “บุหนี่ชางคารวะองค์ชายเจ็ดเพคะ”
ซวนเทียนฮั่วยกมือของเขา “ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้” ท่าทางของเขาสงบแต่ก็ไม่คุ้นเคย
บุหนี่ชางเล่าถึงงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ว่าองค์ชายคนนี้สนิทกับเฟิงหยูเฮงอย่างไรเรียกนางว่าน้องสะใภ้ และคุ้นเคยมาก แต่ทำไมนางถึงได้รับการต้อนรับที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง แม้จะหมั้นกับองค์ชายสี่ ?
ตอนนี้เฟิงหยูเฮงเสียชีวิตแล้ว นางเปลี่ยนความโกรธของนางไปที่บุตรสาวคนอื่นของตระกูลเฟิง บุหนี่ชางชำเลืองมองที่เฟิงเซียงหรูซึ่งอยู่ข้างซวนเทียนฮั่ว แล้วมองไปที่เฟิงเฉินหยูซึ่งยังคงอยู่ในน้ำและกำลังจะตาย นางตะคอกอย่างเย็นชา “คนในตระกูลเฟิงนี้ช่างกล้า”
เฟิงเซียงหรูไม่สามารถทนต่อการฟังสิ่งนี้ และกล่าว “คุณหนูบุ ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“เจ้าพูดว่าอะไร?” ดวงตาของบุหนี่ชางสว่างขึ้นทันที “บุตรสาวของอนุมีสิทธิ์พูดกับข้าแบบนี้หรือ”
“เจ้า…” ดวงตาของเฟิงเซียงหรูกลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธ ในเวลานี้นางคิดเป็นพิเศษว่าเฟิงหยูเฮงได้ปฏิเสธคำที่ไม่พึงประสงค์ดังกล่าวทันที แม้จะพยายามอย่างที่สุดในการสร้างประโยคนี้ นางก็ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์
ซวนเทียนฮั่วที่พูดแทน “บุตรสาวของตระกูลบุกับฮูหยินใหญ่ ? ถ้านี่คือการเลี้ยงดูที่เจ้าได้รับมาจริง ๆ แล้ว มันไม่เหมาะที่จะแต่งงานกับครอบครัวของข้า”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ซวนเทียนยี่ไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้อีกต่อไป แม้ว่าซวนเทียนฮั่วจะเป็นน้องชายของเขา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างบุตรชายของฮ่องเต้ก็หลากหลาย ซวนเทียนฮั่วได้รับการเลี้ยงดูจากพระชายาหยุนและเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เขาและซวนเทียนหมิงมีความคล้ายคลึงกัน
“น้องเจ็ดใจเย็น ๆ การโต้เถียงระหว่างผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมดา” ซวนเทียนยี่พูดเพื่อยุติสถานการณ์ แต่คำพูดที่เขาพูดนั้นไม่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตามซวนเทียนฮั่วไม่ไว้หน้าเลย และส่ายหน้า "พี่สี่ พระองค์ต้องไม่โทษเสด็จพ่อ ในช่วงเวลาที่เสด็จพ่อจัดให้มีการแต่งงานครั้งนี้ก็เพราะเล็งเห็นถึงความรู้ความสามารถของครอบครัวบุ ดังนั้นคุณหนูจะต้องมีค่า ใครจะรู้ว่าคุณณหนูบุจะได้รับการศึกษาเช่นนี้ นี่ไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของเสด็จพ่ออย่างแท้จริง”
ซวนเทียนยี่พูดอะไรได้บ้าง เขารู้อยู่เสมอว่าในความเป็นจริงซวนเทียนฮั่วดูเหมือนจะเป็นเทพเจ้า แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นราชาแห่งนรกที่ยิ้มแย้ม ใครก็ตามที่ทำให้ขุ่นเคือง เขาอาจจะพบกับชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าการกระทำของซวนเทียนหมิง
“เป็นไปได้อย่างไรที่เป็นเช่นนั้น” เขาปฏิบัติตามขณะจ้องมองที่บูหนี่ชาง “ทำไมเจ้าไม่ขอโทษคุณหนูตระกูลเฟิงอีก!”