ตอนที่แล้วตอนที่ 171 ความฝันที่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 173 โอ้ บัดซบ, อีกคนตกลงไปแทน

ตอนที่ 172 เฟิงเฟินไดสร้างปัญหา


งานเลี้ยงในพระราชวังแห่งนี้มีทางเข้าสองทางแยกสำหรับแขกทั้งชาย และหญิง เฟิงจินหยวนให้คำแนะนำเล็กน้อยกับบุตรสาวทั้งสามคนของเขา จากนั้นก็ไปนั่งในรถม้าของเขาเอง

วันนี้ตระกูลเฟิงเตรียมรถม้า 2 คันเท่านั้น บุตรสาวทั้งสาวต้องนั่งด้วยกัน

เฟิงเซียงหรูและเฟิงเฟินไดคุ้นเคยกับเรื่องนี้มานานแล้ว มีเพียงเฟิงเฉินหยูยังนึกถึงรถม้าของนาง เมื่อเห็นว่านางแสดงท่าทางไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ยี่หลินเตือนนางอย่างรวดเร็วว่า “คุณหนูใหญ่ได้ยกรถม้าให้กับท่านฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูจำได้หรือไม่เจ้าค่ะ?”

เฟิงเฉินหยูกัดฟันของนาง “ตอนนี้นางไม่สามารถแม้แต่จะนั่งบนเตียง นางให้ข้านั่งรถม้านี้ได้อย่างไร”

“คุณหนูต้องไม่โกรธนะเจ้าคะ การเข้าไปในพระราชวังเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

เฟิงเฉินหยูเข้าใจสิ่งนี้และหายใจเข้าลึก ๆ ในท้ายที่สุดนางก็ระงับความหดหู่ในใจอย่างแรง นางเดินไปข้างหน้าและเป็นคนแรกที่เข้ามาในรถ

เฟิงเฟินไดตวัดดวงตาของนางมองเฟิงเฉินหยูจากนั้นติดตามนางไป เฟิงเซียงหรูเป็นคนสุดท้ายที่จะได้ขึ้นรถม้า

นางนั่งลงอย่างระมัดระวังและใช้มือของนางจับเสื้อผ้าของนางให้แน่นเพราะนางกลัวว่ามันจะสกปรก

ยิ่งเฟิงเฟินไดและเฟิงเฉินหยูมองดูผ้าไหมจิตวิญญาณทะเลสาบที่ละเอียดอ่อน พวกเขารู้สึกว่าตาของพวกเขาจะตาบอด พวกเขาได้แต่หลีกเลี่ยงสายตาของพวกเขา ไม่มีใครในสามคนนี้กล้าที่จะใส่ใจคนอื่น

คราวนี้พวกเขาเข้าไปในประตูที่เรียกว่าประตูเซียงรุย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นประตูที่ผู้หญิงเก่ง ๆ เดินผ่านเมื่อฮ่องเต้เลือกฮูหยินของเขา จักรพรรดิไม่ได้พาใครมาใกล้เมื่อสิบปีที่แล้ว หลายคนคิดว่าประตูนี้จะไม่เปิด อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดว่าแขกหญิงสำหรับงานเลี้ยงนี้จะได้รับการต้อนรับผ่านประตูเซียงรุย

เช่นเคยประตูมีกลุ่มนางกำนัลอาวุโสที่จดบันทึกเทียบเชิญ ในเวลาเดียวกันพวกเขายังเก็บบันทึกว่าใครเข้ามาในวัง

เมื่อรถม้าของตระกูลเฟิงหยุดที่ด้านข้าง คนจำนวนมากหันไปมอง

เฟิงเฟินไดเต็มไปด้วยความั่นใจเพราะนางไม่ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยงเหล่านี้ ชั่วครู่หนึ่งนางไม่สามารถอดทนมันได้และเป็นคนแรกที่ออกจากรถ

แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักคุณหนูสี่ของตระกูลเฟิง เมื่อมองนาง พวกเขารู้สึกว่านางไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าชั้นดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดว่านางเป็นคนสำคัญ มีแม้กระทั่งคนที่คิดว่านางเป็นเพียงสาวใช้ และกล่าวว่า “นี่สมกับเป็นครอบครัวเฟิงซึ่งเป็นขุนนางขั้นหนึ่ง แม้แต่สาวใช้ก็ยังแต่งกายดี”

หูของเฟิงเฟินไดได้ยินคำเหล่านี้ทันที นางจ้องอย่างรุนแรง “เจ้าพูดว่าใครเป็นสาวใช้ ?”

ผู้หญิงคนนั้นตกใจแต่ก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่านางทำผิดพลาด นางขอโทษและโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว

เฟิงเฟินไดไม่ใส่ใจนางอีกต่อไป เพราะนางยืนอยู่คนเดียวในขณะที่ชื่นชมประตูของพระราชวัง

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้ามาในพระราชวัง ทุกอย่างแปลกใหม่สำหรับนาง แม้แต่พวกนางกำนัลอาวุโสและนางกำนัลที่ยืนอยู่ที่ประตูก็ดูแปลกใหม่สำหรับนางมาก

แต่การที่เด็ก ๆ ต่อแถวเข้ามาในพระราชวังทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเพราะนางเห็นว่าพวกเขาสวมเสื้อผ้าที่สวยกว่า เสื้อผ้าและเครื่องประดับแทบทุกชิ้นมีคุณภาพสูงและราคาแพง จากนั้นเฟิงเฟินไดจึงรู้ว่าชุดเสื้อผ้าที่นางคิดว่าดูดีมากไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับเสื้อผ้าที่สาวใช้บางคนสวม โดยเฉพาะเครื่องประดับที่นางใส่พวกมันดูเก่ามาก

แม้ว่าฮันชิจะเป็นที่โปรดปรานของเฟิงจินหยวนมาหลายปี แต่เฉินซื่อเป็นคนดูแลเรื่องเงิน นางไม่สามารถได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงได้ สำหรับเฟิงจินหยวน เขาไม่ใช่คนที่จะให้ของขวัญใด ๆ กับอนุเป็นการส่วนตัว ในความเป็นจริงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฮันชิไม่ได้รับอะไรเลย

เฟิงเฟินไดได้แต่สาปแช่งฮันชิอยู่ในใจของนาง แต่ก่อนที่นางจะแช่งอันชิออกไป นางได้ยินเสียงฮือฮาอย่างฉับพลันมาจากฝูงชน ดวงตาของทุกคนหันไปมองในทิศทางเดียวกัน

นางแปลกใจเล็กน้อยและเหลียวไปมอง นางเห็นเฟิงเซียงหรูที่กำลังออกจากรถ ชุดนั้นทำจากผ้าไหมจิตวิญญาณทะเลสาบที่ละเอียดอ่อน แก้มที่บอบบางของนางทำให้นางดูราวกับนางฟ้าจากกลางทะเลสาบ นางสวยมากจนทำให้เด็กทุกคนอิจฉา

ก่อนหน้านี้เฟิงเฟินไดไม่รู้สึกว่าเฟิงเซียงหรูมีความงามมากนัก นางไม่แม้แต่จะมองพี่สามของนาง อย่างไรก็ตามในวันนี้นางพบว่านางมองข้ามคนจำนวนมาก และมีความสำคัญในคฤหาสน์ นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฟิงเซียงหรูจะเบ่งบานในแบบที่นางเป็น

“ข้าได้ยินว่าองค์ชายเจ็ดส่งเสื้อผ้าเหล่านี้ให้นางเมื่อวานนี้” ผู้คนในฝูงชนเริ่มถกกันอย่างเงียบ ๆ

“ทำไมองค์ชายเจ็ดจึงส่งชุดเสื้อผ้าไปให้ลูกสาวของอนุในตระกูลเฟิง”

"ใครจะไปรู้ ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายเจ็ดและคุณหนูรองของตระกูลเฟิงสนิทกัน แต่พระองค์สนิทกับคุณหนูสามเมื่อไหร่เมื่อไหร่?”

“อย่ากังวลที่จะพูดถึงมัน องค์ชายเจ็ด เราจะมีสิทธิ์พูดคุยเรื่องพระองค์ได้อย่างไร”

เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาทุกคนก็เห็นด้วย ตราบใดที่พวกเขาคิดว่าการปรากฏตัวของซวนเทียนฮั่วที่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นของโลกนี้ ทุกคนรู้สึกว่าแม้การพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับเขาเป็นการลำบากใจต่อองค์ชายเจ็ด

ดังนั้นพวกเขาจึงปิดปาก และไม่มีใครพูดอะไรอีก แม้แต่คนที่มองนางด้วยความตกใจในตอนแรกก็เปลี่ยนไปพูดว่า "เป็นไปได้มากที่สุดที่องค์ชายเจ็ดมอบให้เป็นของขวัญ"

เฟิงเซียงหรูไม่ได้สนใจเรื่องนี้ หลังจากออกจากรถแล้วนางก็ยืนขึ้นต่อแถว

ในเวลานี้เฟิงเฉินหยูยังออกจากรถม้า ทุกคนแสดงความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา

“นางเป็นใคร?” ในที่สุดใครบางคนก็ไม่สามารถทน และเริ่มถามว่า “ตระกูลเฟิงไม่มีลูกสาวที่มีสีผิวแบบนี้?”

คนที่มีข้อมูลบางอย่างหัวเราะ และพูดว่า “สีผิวอะไรนั่นเป็นผงทาทหน้าสีดำที่ฮองเฮาทรงมอบให้”

“โอ้!” ในที่สุดคนที่รู้จักเฟิงเฉินหยูก็กล่าว “ถ้าอย่างนั้นนั้นก้คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฟิง นางเป็นสาวงามไม่ใช่หรือ? และนางได้รับการจัดอันดับว่าเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง?”

“ถึงแม้จะเป็นคนที่มีความงามมาก แต่ทาหน้าเช่นนี้ยังจะสามารถมองเห็นได้หรือไม่” พวกเขาพูดกันเสียงดัง ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ไปทักทายเฟิงเฉินหยู

เฟิงเฟินไดรู้สึกสบายใจเมื่อได้ยินคนอื่นพูดถึงเฟิงเฉินหยู และเดินหน้าต่อไป นางยืนอยู่ถัดจากเฟิงเฉินหยูกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ท่านเป็นบุตรสาวของตระกูลเฟิงกับฮูหยินใหญ่ ทำไมท่านถึงไม่ไปทักทายฮูหยินและคุณหนูพวกนั้น? จากการจัดอันดับอย่างเป็นทางการของครอบครัว เราทุกคนนั้นอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าท่านมาก”

เฟิงเฉินหยูอยากจะบีบคอเฟิงเฟินได เป็นไปได้หรือว่านางไม่ต้องการไปทักทายพวกเขา? แต่ลองดูที่ฮูหยินใหญ่และเด็กพวกนั้น เมื่อพวกเขาเห็นนางเข้าไป พวกเขาจะเบือนหน้าหนี เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่าพวกเขาไม่สนใจนาง แล้วทำไมจึงต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว?

นางไม่ได้โต้เถียงกับเฟิงเฟินได ขณะที่นางหันหลังและยืนเข้าแถว แต่หลังจากที่นางก้าวไม่กี่ก้าว นางก็เห็นเฟิงเซียงหรูพูดคุยอย่างมีความสุขกับคุณหนูของตระกูลอื่นสองสามคนในแถว นอกจากนี้ยังมีคุณหนูอีกคนหนึ่งที่เดินไป และพูดเสียงดังว่า “เจ้าคือคุณหนูสามของตระกูลเฟิงที่เข้าร่วมในงานเลี้ยงกลางฤดูใบไม้ร่วงกับองค์ชายเก้าหรือไม่ ?”

เฟิงเซียงหรูหันไปเผชิญหน้ากับนาง และยิ้มตอบว่า “ใช่ คุณหนูหยวนสบายดีหรือไม่?”

ใบหน้าของคนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าคุณหนูหยวนมีรอยยิ้ม ขณะที่นางพูดอย่างรวดเร็ว“ข้าสบายดี แล้วเจ้าล่ะ?”

เฟิงเซียงหรูพยักหน้าด้วย “ข้าสบายดี”

เด็กหญิงทั้งสองรวมตัวกันพูดคุยและหัวเราะอย่างเต็มที่ เฟิงเฉินหยูและเฟิงเฟินไดพบว่าการมองสิ่งนี้เป็นเรื่องเจ็บปวด แต่พวกเขาสามารถเข้าแถวกับเฟิงเซียงหรูได้ ไม่มีตัวเลือกอื่นพวกเขาทำได้แค่กัดฟัน และเดินขึ้นไป

เมื่อคุณหนูคนอื่น ๆ เห็นทั้งสองคนตามมา จึงค่อย ๆ ลดเสียงของพวกเขา ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ พวกเขาไม่พูดอีกต่อไป

เฟิงเฟินไดเป็นคนหนึ่งที่สร้างปัญหา และกล่าวว่า “ในที่สุดก็เงียบสักที” สิ่งนี้ทำให้คุณหนูคนอื่น ๆ มองด้วยความไม่พอใจ

ในความเป็นจริงเฟิงเซียงหรูต้องการเตือนเฟิงเฟินไดให้ระวังคำพูดคำจาให้มากขึ้นหลังจากเข้าไปในพระราชวัง แต่ด้วยธรรมชาติของเฟิงเฟินได ดูเหมือนว่านางจะฟังคำแนะนำหรือไม่? คำพูดที่จะพูดไม่กี่คำที่จะพูดแต่นางมักจะกลืนมันลงไป ในท้ายที่สุดนางตัดสินใจต่อต้านและไม่พูด อันชิพูดถูก แต่ละคนมีทางเลือกของตัวเอง ไม่มีใครสามารถควบคุมคนอื่นได้

ทุกคนเริ่มเข้าสู่พระราชวัง เฟิงเซียงหรูไม่เห็นซวนเทียนเก้อและเพื่อนของนาง หลังจากสอบถามคุณหนูคนอื่น ๆ นางพบว่าองค์หญิงวู่หยางเดิมเป็นสมาชิกของราชวงศ์ และไม่จำเป็นต้องเข้าแถวกันเลย สำหรับคุณหนูอื่น ๆ พวกเขาก็ถูกนำตัวเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยองค์หญิงวู่หยาง

ในที่สุดพวกเขาก็ผ่านการตรวจสอบเทียบเชิญและเข้าสู่พระราชวัง เฟิงเซียงหรูสังเกตว่างานเลี้ยงนี้ดูเหมือนจะอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ แม้ว่านางจะผ่านประตูที่แตกต่างกัน แต่พวกเขากำลังไปในทิศทางของลานหลิวลี่

จากนั้นนางก็คิดว่ามันเป็นฤดูหนาว งานเลี้ยงในพระราชวังอาจจะจัดขึ้นภายใน

แต่นางกำนัลนำทางพวกนางไปยังพื้นที่ถัดจากทะเลสาบขนาดใหญ่ ทะเลสาบขนาดใหญ่นั้นไม่แข็ง ในทะเลสาบนี้มีเรือที่มีขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เรือบางลำมีคน บางลำไม่มีคน

เมื่อเห็นผู้คนอีกกลุ่มมาถึง ขันทีที่ดูแลเรือก็รีบชักเรือขึ้นฝั่งแล้วพูดกับนางกำนัลที่นำทาง “มีกี่กลุ่มที่อยู่ข้างหลังพวกเขา”

นางกำนัลตอบ “อีกประมาณ 3 กลุ่ม” จากนั้นเขาก็หันหลังกลับ และพูดกับแขกหญิงที่นำโดยนางกำนัล “งานเลี้ยงวันนี้จะจัดขึ้นบนเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลสาบ ทุกคนต้องนั่งเรือเพื่อไปที่เกาะเล็ก ๆ ข้าราชสำนัก ฮูหยินและคุณหนูที่มาถึงก่อนหน้านี้ได้ไปถึงเกาะแล้ว ให้เรารีบด้วย!” หลังจากที่เขาพูดจบแล้วเขาก็เริ่มจัดให้ผู้คนขึ้นเรือได้ครั้งละตระกูล

เด็กสาวทั้งสามคนจากตระกูลเฟิงล้วนต้องไปด้วยกันอย่างเป็นธรรมดา เรือที่ทั้งสามคนขึ้นนั้นมีขนาดไม่ใหญ่นัก เมื่อมันเริ่มแล่นไปมีการโคลงเคลงเล็กน้อย บางคนจับกาบเรือแน่น แต่ก็ยังยืนดูฉากที่แปลกตา

เฟิงเฉินหยูยืนอยู่ข้างเฟิงเฟินได ตั้งแต่นางขึ้นเรือ นางเริ่มมองไปรอบ ๆ ทะเลสาบ เฟิงเฟินไดมองนางและรู้ว่านางกำลังมองหาใครซักคน จากนั้นนางก็คิดถึงสิ่งที่ฮันชิพูดถึง ความรักของนางต่อองค์ชายเจ็ด นางจะไม่รู้ความคิดของเฟิงเฉินหยูได้อย่างไร นางพูดจาเย้ยหยันอย่างเยือกเย็น “พี่ใหญ่อย่ายึดมั่นในความรู้สึกใด ๆ ต่อองค์ชายเจ็ดเลยเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ไม่ได้คิดหรือว่าตอนนี้พี่สาวมีค่าพอหรือไม่”

“เฟิงเฟินได” เฟิงเฉินหยูไม่ได้โกรธในครั้งนี้ นางเตือนอย่างเย็นชาเท่านั้น “อย่าคิดว่าการกลับมาครั้งนี้เพราะพระราชโองการจะทำให้เจ้าอยู่ในคฤหาสน์ได้นาน ตราบใดที่ท่านพ่อไม่ยอมแพ้ในตัวข้า เจ้าจะไม่สามารถกลับมาได้ ท้ายที่สุด…” นางมองไปที่ด้านข้าง “เหนือเจ้ายังมีเฟิงเซียงหรูอยู่ แม่ของเจ้าเป็นคนที่มักถูกหลอก เจ้ารู้สึกถึงจุดนี้ เจ้ายังมีความหวังในชีวิตนี้หรือไม่ ?”

ในท้ายที่สุดเฟิงเฉินหยูที่มีอายุมากกว่านาง ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา การทำให้คนอื่นกลัวเป็นสิ่งที่นางมีความเชี่ยวชาญเล็กน้อย

เฟิงเฟินไดเริ่มโกรธกับสิ่งที่เฟิงเฉินหยูพูดและกระทืบเท้าของนาง อย่างไรก็ตามนางลืมไปว่านางอยู่บนเรือ เรือโคลงเคลงไปมาซักพักหนึ่งทำให้เฟิงเซียงหรูกลัวจนหน้าซีด

ขันทีที่ดูแลเรือกล่าวว่า “คุณหนูอย่าขยับตัวแรงขอรับ เรือลำนี้มีขนาดเล็ก ถ้าคุณหนูตกน้ำในวันที่หนาวเย็นนี้ คุณหนูจะต้องเสียใจ”

คำพูดเหล่านี้ทำให้เฟิงเฟินไดนึกถึงขณะที่นางจ้องมองไปที่น้ำเย็น น้ำเย็นในทะเลสาบ ด้วยเหตุผลบางอย่างนางรู้สึกว่าถ้าเฟิงเฉินหยูตกในเวลานี้และจมน้ำตาย บางทีนางอาจจะได้รับตำแหน่งบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ของนาง

เมื่อนางคิดเช่นนี้ มือของนางก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง

โชคไม่ดีเฟิงเฉินหยูสังเกตเห็นท่าทีของนาง เมื่อเฟิงเฟินไดเริ่มจ้องมองทะเลสาบอย่างตั้งใจ นางเริ่มมองเป็นพิเศษ ตอนนี้นางเห็นมือของเฟิงเฟินไดขยับขึ้นเล็กน้อย นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฟิงเฟินไดกำลังคิดอะไรอยู่

แต่เฟิงเฉินหยูยังไม่ได้เห็นความคิดของเฟิงเฟินไดอย่างถ่องแท้ ขณะที่นางถอยหลังกลับไปสองสามก้าวอย่างระมัดระวัง เมื่อเฟิงเฟินไดลงมือทำนางก็ดึงเฟิงเซียงหรูไปด้วย !

เฟิงเฟินไดไม่ได้ให้เวลาเฟิงเฉินหยูเพื่อปกป้องตัวเอง เพราะนางผลักเฟิงเซียงหรูทำให้เฟิงเซียงหรูตกลงไปในน้ำ

จะได้ยินเสียง “ตู้ม” ตามด้วยเสียงร้องของเฟิงเฉินหยู “แย่แล้ว ! ช่วยด้วย ! มีคนตกลงไปในน้ำ !” นางตะโกนขณะมองที่เฟิงเซียงหรูในน้ำ นางถามซ้ำแล้วซ้ำอีก “น้องสาม เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? น้องสาม ?”

ทะเลสาบในฤดูหนาวนั้นหนาวเข้ากระดูก แม้ว่ามันจะไม่หยุดนิ่ง แต่ก็มีน้ำแข็งบางส่วนที่ลอยอยู่ โดยปกติเมื่อเจ้าหน้าที่เอื้อมมือลงไปในน้ำ พวกเขาก็จะหน้าตาบูดบึ้งจากความหนาว

เฟิงเซียงหรูรู้สึกว่าตัวเองแข็งทื่อในทันที นางไม่สามารถแม้แต่ยกแขนของนางขณะที่นางจมลงอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด