TQF:บทที่ 15 กลับไปตลาดอีกครั้ง
TQF:บทที่ 15 กลับไปตลาดอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเสียงน้องชายของเธอ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ออกจากมิติและเดินไปร่วมรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัว หลังจากอาหารเย็นแล้วนางเฉิงได้ส่งเด็กๆทั้งหลายเข้านอนในขณะที่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ช่วยทำความสะอาด เมื่อมองไปที่แม่ของเธอเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างอยู่ภายในใจ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว จึงถามผู้เป็นแม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า
“ท่านแม่มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ”
“ไม่มีอะไรหรอก เสี่ยวเสี่ยว” นางเฉิงตอบในขณะที่เธอส่ายหัว ทั้งๆที่เธอยังแสดงออกว่ามีบางอย่างภายในใจ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว หยุดมือและถามด้วยรอยยิ้มว่า
“ท่านแม่มีอะไรได้โปรดบอกข้าได้”
“เสี่ยวเสี่ยว ไม่มีอะไร”เมื่อมองไปที่ดวงตาใสบริสุทธิ์ของลูกสาวนางเฉิงยกมือลูบผมของลูกสาวด้วยความรัก
“เสี่ยวเสี่ยว ต้องขอบใจเจ้าที่ช่วยเหลือพวกเราในช่วงเวลาลำบากนี้”
“ท่านแม่อย่าพูดแบบนั้น พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน โอ้ใช่แล้ว ข้าเก็บเกี่ยวข้าวจากมิติได้แล้วข้าจะนำมันออกมาเล็กน้อย ต่อจากนี้ไปเราสามารถกินข้าวขาวได้ทุกวัน”
เมื่อเห็นแม่ของเธอไม่ต้องการพูดเรื่องบางอย่างเธอจึงเปลี่ยนเรื่อง
นางเฉิงดูมีความสุขมากและถามคุณว่า
“เจ้าเก็บเกี่ยวมาแล้วเช่นนั้นหรอ?”
ลูกสาวของเธอเพิ่งบอกกับเธอว่าปลูกข้าวเมื่อวานและมันสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายใน 1 วันมันทำให้เธอประหลาดใจยิ่งนัก หลังจากเห็นว่าลูกสาวของเธอพยักหน้ารอยยิ้มของเธอก็สดใสยิ่งขึ้นและพูดว่า
“ เสี่ยวเสี่ยว ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่กลับไปตลาดอีกครั้งในอีก 2 วันข้างหน้า พ่อของเจ้าต้องการสมุนไพรมากขึ้นเราเอามันไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินตำลึงกันเถอะ!”
“ได้ค่ะท่านแม่ เราจะไปตลาดกันอีกใน 2 วันข้างหน้า”
เธอได้เก็บเกี่ยวผลผลิตในมิติทุกวันแม้ว่าเธอจะไม่ได้สนใจขายสิ่งเหล่านี้ และตอนนี้ครอบครัวของเธอก็มีเนื้ออยู่บนโต๊ะทุกวันมันดีมากกว่าชาวบ้านส่วนใหญ่
“ไม่ต้องรีบ พ่อของเจ้าดูเหมือนจะดีขึ้นในช่วง2-3วันมานี้ เรายังพอมีเวลา”
ตั้งแต่ที่เธอได้รับบาดเจ็บพร้อมกับพ่อของเธอ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของเธอได้และถามขึ้นว่า
“ท่านแม่ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ ใครทำร้ายท่านพ่อ”
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้!” นางเฉิง มองไปที่ใบหน้าของลูกสาวเธอยังตกตะลึงเธอพยายามหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้ จากนั้นพูดว่า
“มันเป็นโชคดีของเจ้าที่หลงลืมความทรงจำในอดีต ดังนั้นอย่าไปกังวลกับมันเลย เจ้าและน้องยังเด็ก ชีวิตความเป็นอยู่ของเราในตอนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก!”
“ท่านแม่ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ข้าควรรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น โปรดบอกข้าเถอะ”
“ก็ได้ เสี่ยวเสี่ยว แต่วันนี้เจ้าต้องไปพักผ่อนก่อน แม่จะบอกเจ้าในภายหลัง!”เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ นางเฉิง ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเข้าไปยังห้องนอนของเธอ เมื่อมองเห็นเพียงด้านหลังของแม่หายเข้าไปในห้อง เฉิงเสี่ยวเสี่ยว รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เธอไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดแม่ของเธอจึงต้องการปิดบังเรื่องนั้นจากเธอ เธอรู้สึกหงุดหงิดสักครู่จากนั้นเธอกลับไปยังห้องของเธอ
ในตลาด...มีคนรับใช้ของตระกูลหนิงจำนวนมากอยู่บนท้องถนน คำพูดที่พวกเขากำลังสอบถามคือพวกเขากำลังมองหาแม่ค้าที่เป็นแม่กับลูกสาว แต่แล้วพวกเขาก็ต้องผิดหวัง หลังจากผ่านไป 2-3 วันพวกเขายังไม่สามารถค้นหาสองแม่ลูกนี้ได้ราวกับว่าพวกเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
เหล่าผู้อาวุโสที่รออยู่บ้านตระกูลหนิงก็รู้สึกผิดหวังเช่นกัน พวกเขารอให้แม่และลูกสาวปรากฏตัวพวกเขาอยากรู้ว่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้มาจากไหน
เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหาทั้งสองคนได้ผู้อาวุโสแต่ละคนจึงอำลาผู้เฒ่าหนิง ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ขอให้ผู้เฒ่าหนิงแจ้งข่าวให้ทราบหากได้ยินข่าวเกี่ยวกับแม่และลูกสาวหรือแม้กระทั่งพวกเธอทั้งสองคนปรากฏตัวพวกเขาจะมาที่นี่ทันที หลังจากที่ผู้เฒ่าหนิงได้สัญญากับเหล่าผู้อาวุโส พวกเขาก็ลาจากไป
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ คนที่พวกเขากำลังตามหาอยู่นั้นกำลังจะปรากฏขึ้นอีกครั้งที่ตลาดในไม่ช้านี้!
นางเฉิง นำสินค้าจากมิติ เป็นข้าวขาว 80 จิน , ไก่ 20 ตัว,กระต่าย 30 ตัว, กะหล่ำปลี 15 จิน ด้วยของเหล่านี้มันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาทั้งสองคนจะหาบมันไปขายที่ตลาดด้วยตนเอง
“เสี่ยวเสี่ยว แม่คิดว่าเราควรไปยืมรถม้าลากวัว ไม่อย่างนั้นเราคงไม่สามารถนำของพวกนี้ไปยังตลาดได้!”
นางเฉิงตระหนักว่ามันค่อนข้างลำบากเมื่อพวกเธอของที่จะขายมากมาย
แม้ว่า เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ต้องการนำของเหล่านี้ไปขายจำนวนมากยิ่งขึ้นแต่เธอรู้ว่ามันอาจดึงดูดความสนใจที่ไม่ประสงค์ดีดังนั้นเธอจึงยอมรับข้อเสนอจากแม่ของเธอ
แม่ว่าบ้านของพวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้เคียงกับผู้อาศัยในหมู่บ้านต้นไม้ แต่พวกก็อยู่ที่นี่มาเป็นเวลามากกว่า 3 ปี เธอมีปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านละแวกนี้ หลังจากที่พบว่านางเฉิงต้องการยืมรถม้าลากวัวและเห็นจำนวนของที่จะนำไปขายผู้เฒ่าแห่งหมู่บ้านต้นไม้ก็ตกลงที่จะให้พวกเธอยืมรถม้าของเขา
มันง่ายที่จะไปตลาดด้วยรถม้านอกจากนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องเดินทางด้วยเท้าซึ่งมันทำให้พวกเขาเดินทางได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญการมีรถม้าทำให้เด็กน้อยทั้ง 3 คนสามารถไปตลาดกับพวกเธอได้ นอกจากนี้ยังใช้เวลาเพียงครึ่งวันในการไปกลับตลาด นางเฉิงจึงตัดสินใจพาลูกทั้ง 4 คนไปพร้อมกับเธอและทิ้งสามีที่บาดเจ็บไว้อยู่บ้านเพียงคนเดียว
“นี่คือตลาดอย่างนั้นหรอ!”
“มีของขายมากมาย!พี่ใหญ่ดูนี่สิ!พวกเขามีผลไม้เชื่อม!”
“พวกเขาขายขนมปังด้วย!ท่านแม่ข้าอยากกินขนมปัง!”
เด็กน้อยทั้ง 3 คนพูดคุยไปมาขณะที่มองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น นางเฉิงมุ่งหน้าต่อไปเพื่อหาที่ว่างในการวางของขาย ส่วน เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เธอเป็นห่วงเรื่องการขายสินค้าทั้งหมด ในความจริงแล้วถ้าพวกเธอวางขายสินค้าเหล่านี้บนถนนเธอไม่คิดว่าพวกเธอจะสามารถขายพวกมันออกได้ภายในวันเดียว เธอต้องการหาสถานที่ที่สามารถซื้อขายทุกอย่างได้เพียงครั้งเดียว แม้ว่าเป็นเพียงรถม้าลากวัว กับเด็กเล็กอีก 3 คน แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติคนส่วนใหญ่ในตลาดเคยพบเห็นรถม้าลากวัวซึ่งเป็นรูปแบบการเดินทางไปมาอยู่เป็นประจำ
นางเฉิงหยุดรถม้าและเช็ดเหงื่อของเธอ
“เสี่ยวเสี่ยว พื้นที่ตรงนี้ยังมีที่ว่าง ควรที่จะขายของตรงนี้!”
“ที่นี่หรือท่านแม่?” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว มองไปรอบๆแล้วขมวดคิ้ว ที่นี่เป็นถนนที่ไม่มีใครจะเดินผ่าน แต่จุดที่มีผู้คนเดินผ่านพลุกพล่านนั้นต่างถูกยึดครองโดยพ่อค้าแม่ค้ารายอื่นแล้วอีกอย่างพวกเธอมีรถขนสินค้าขนาดใหญ่ดังนั้นทางเลือกของพวกเธอจึงมีจำกัด
“แต่ว่า..ท่านแม่จะมีคนเดินมาถนนสายนี้หรือไม่” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว สอบถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
เจิ้งปิน พยักหน้าเห็นด้วย “ท่านพี่พูดถูก ท่านแม่คงไม่มีใครเดินมาที่นี่!”
“ท่านแม่ข้ากับพี่ชายจะเดินออกไปด้านนอกเพื่อชักชวนให้ผู้คนเดินมาในนี้ท่านคิดว่าอย่างไร?” หลานหลาน ตัวน้อยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา
นางเฉิงมองดูพวกเขาอย่างอ่อนโยน
“เอาเถอะ ไม่มีตำแหน่งว่างตรงไหนอีกแล้ว แม่ว่าหากใครสนใจในสินค้าพวกเขาคงจะเดินเข้ามาเอง”
“เดี๋ยวก่อนท่านแม่อย่าเพิ่งขนของลง!”เมื่อเห็นว่าท่านแม่ของเธอพร้อมที่จะขนของลงแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยว รีบหยุดแม่ของเธอทันที
“ท่านแม่ข้าคิดว่าที่นี่ไม่ใช่จุดที่ดีและเราไม่สามารถขายของจำนวนมากได้จากที่นี่ ทำไมเราไม่ไปที่โรงเตี๊ยมเล็กๆหรือร้านขายของชำเพื่อขายข้าวของเราโดยตรง?”
“ดี..”
นางเฉิงรู้สึกว่าสิ่งที่ลูกสาวของเธอพูดนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล แม้เธอจะลังเลเล็กน้อยแต่เธอก็ยังคงพยักหน้า
“ตกลงเราไปที่โรงเตี๊ยมกันเถอะ หากพวกเขาไม่ต้องการเราจะไปยังร้านขายข้าว เพื่อดูว่าเราขายอะไรได้บ้าง!”
“ตกลงไปที่โรงเตี๊ยมกันเถอะ!”
เมื่อพวกเขามาถึงโรงเตี๊ยมแห่งเดียวในเมือง โชคดีว่ามันไม่ได้เป็นช่วงเวลาอาหารกลางวันพวกเขาจึงไม่ค่อยยุ่งมากมาย เฉิงเสี่ยวเสี่ยว หันไปพูดกับแม่ของเธอว่า
“ท่านแม่ท่านรออยู่ที่นี่ ข้าจะเข้าไปคุยกับเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเพื่อมาตรวจสินค้าของเรา!”
“อืม..ระวังตัวด้วย!”นางเฉิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เธอไม่มีความคิดที่ดีไปกว่าลูกสาวของเธอดังนั้นเธอจึงเห็นด้วยกับความคิดของลูกสาว
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยิ้มอย่างมั่นใจและพูดว่า “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะกลับมาโดยเร็ว!”
------------------------------------------