GE82 รอยยิ้มของนาง แม้แสนหยกสวรรค์ก็มิอาจแลก [ฟรี]
ยามกลางวัน ดวงตะวันทอแสง
สายลมพัดโชยมุนเวียนในหุบเขาของศิษย์ฝ่ายใน ผู้เยาว์คนหนึ่งก้าวเดินท่ามกลางใบไม้ที่ร่วงโรยราวกับบทเพลงขับขาน มุ่งตรงไปยังโถงหลักของนิกาย
โถงหลักของนิกายกุ่ยเชว่ตั้งอยู่ในสถานที่เงียบสงบ ดูงดงามราวกับสรวงสวรรค์ แต่สถานที่แห่งนี้เป็นของนิกายฝ่ายอธรรม
แม้ผู้เยาว์ที่มาไม่ได้ห้อยป้ายผู้อาวุโสเอาไว้ แต่ผู้คนจำนวนมากในนิกายจดจำได้ ว่าผู้เยาว์คนนี้คือหนิงฝาน
หนิงฝานสวมอาภรณ์ขาวดำ ที่เอวห้อยป้ายหยก
เมื่อมุ่งผ่านป่าที่งดงาม เส้นทางที่ทอดยาวก็นำไปถึงโถงขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากหยก มีข่ายอาคมป้องกัน
เมื่อหนิงฝานไปถึง ผู้คุ้มกันทั้ง 4 ที่เฝ้าประตูต่างคารวะด้วยความเคารพ “คารวะผู้อาวุโสหนิง!”
เมื่อผ่านประตูเข้าไป สตรีนางหนึ่งสวมอาภรณในแบบจีน ห่มคลุมด้วยชุดคลุมสีฟ้าอีกชั้นยืนรอ เมื่อนางเห็นหนิงฝานมา นางจ้องมองไม่วางตา
ดูราวกับนางมารออยู่ตรงนี้มานานมากแล้ว แววตาของนางดูเศร้าโศกเล็กน้อย ขอบตาดำคล้ำ ราวกับพักผ่อนไม่เพียงพอ
“หนิงฝาน… เหตุใดคืนวานเจ้าไม่มาหาข้า...” หลานเหม่ยจ้องมองด้วยแววตาโศกเศร้า เหมือนยามที่คนรักไปมีคนอื่น
“จะให้ข้าขัดเกลาผสานกับเจ้าหรือ?” หนิงฝานชงักฝีเท้า พยักหน้าให้ผู้เฝ้าประตูเล็กน้อย เป็นเชิงบอกให้ทั้ง 4 ไม่ต้องส่ง แล้วหันมองหลานเหม่ยด้วยสายตาเย้าหยอก
“ฮึ่ม! มิใช่… ย่อมต้องรักษาข้าอยู่แล้ว...”
“เจ้าไม่ต้องร้อนใจ ด้วยเพราะข้าต้องมารายงานสิ่งที่ได้พบในป่าภูติพราย จึงไม่มีเวลาปรุงโอสถให้เจ้า ไว้หลังจากนี้ข้าจะไปหา และช่วยรักษาให้เจ้า”
หนิงฝานยิ้มให้นางเล็กน้อย หนิงฝานรู้สึกขอบคุณนาง หากไม่ได้แผนที่ป่าภูติพรายของนาง เขาคงพบอันตรายมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแต่งงานกับนาง หรือรักษาอาการเป็นหมันให้นาง หนิงฝานทำได้ แม้นางจะเป็นสตรีที่เลือดร้อนไปบ้าง แต่ไม่มีเหตุผลใดต้องปฏิเสธ
“ย่อมได้… เจ้าต้องมาหาข้า… ช้าก่อน! ตัวเจ้ามีกลิ่นของสตรี!” นางขมวดคิ้วมุ่น นางได้กลิ่นหอมจางๆของสตรีจากตัวหนิงฝาน
“เพราะข้าฝึกวิชาขัดเกลาผสาน...” หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง เขาไม่ได้อธิบาย แต่ก็ไม่ได้ปิดบัง
นั่นหมายความว่า หนิงฝานหาผลประโยชน์จากสตรี...
เมื่อได้รู้เช่นนั้น หัวใจของหลานเหม่ยกลับบีบรัดแน่น นางเจ็บปวดไม่สบายใจ อย่างที่นางไม่เคยเป็นมาก่อน
นางก้มหน้าและกล่าวถามเบาๆ “เป็นสตรีที่อยู่ในโถงขัดเกลาผสานเช่นนั้นหรือ?”
“อืม… นางคิดช่วงชิงพลังข้า แต่ข้าต้านวิชานางได้”
“เป็นเช่นนี้… แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องฝึกตนด้วยวิชาขัดเกลาผสาน… ในนิกายกุ่ยเชว่เรามีวิชาระดับสูงมากมายให้เจ้าได้ฝึกฝน ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าแล้ว ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก...”
หนิงฝานกล่าวขัดนาง
“จริงอยู่ที่ข้ามีพรสวรรค์ แต่หากไม่ฝึกตนด้วยวิชาขัดเกลาผสาน อีก 100 ปีข้างหน้า ข้าคงไม่อาจปกป้องสิ่งใดได้… ข้าไม่มีทางเลือก ทั้งศัตรู ทั้งตระกูล ล้วนมีความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขาม… ข้าขออภัย...”
หนิงฝานมองนางอย่างรู้สึกผิด และเป็นครั้งแรกที่เขาขอโทษนาง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นางตกตะลึง นางไม่รู้จะทำเช่นใด
“ไม่… เจ้ามิต้องขออภัยข้า ไม่ว่าจะทำสิ่งใดกับสตรีนางใด ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับข้า… ภรรยาของเจ้าคือจื่อเฮ่อ ช่างเถอะ ข้าจะนำเจ้าเข้าโถงหลักนิกาย ยามนี้มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนรอเจ้าอยู่”
แม้นางจะกล่าวว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่จิตใจของนางกลับสวนทาง
สำหรับหนิงฝานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลิกฝึกวิชาขัดเกลาผสาน... หากต้องการพลัง...ย่อมต้องจ่ายสิ่งตอบแทนอย่างเท่าเทียม แม้สิ่งนั้นจะเป็นชื่อเสียง แต่ตลอดมา หนิงฝานไม่เคยมีมันอยู่แล้ว
ไม่มีบุรุษผู้ใดยอมรักสตรีเพียงคนเดียวในโลก เส้นทางการฝึกตนของหนิงฝาน ย่อมไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ
หากมิอาจครอบครองต้องแย่งชิง หากไมิอาจแย่งชิงต้องใช้เล่ห์กล!
เมื่อเข้าไปภายในโถงหลักนิกาย หนิงฝานเห็นกุ่ยเชว่สื่อนั่งอยู่ ถัดอันดับขั้นลดหลั่นลงมา สมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญของนิกาย
นอกจากนี้ยังมีที่นั่งสำหรับแขกที่นิกายเทียบเชิญมา บริเวณนั้น มีสตรีในอาภรณ์เขียวที่อาภรณ์มีการออกแบบซับซ้อนนางหนึ่ง นั่งอยู่ด้วยสีหน้าที่เย็นชา
นางเป็นผู้อาวุโสของนิกายฝ่ายธรรมะ นิกายไท่ชูไพ่ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุด นาม ‘ชู่ซวนเชียนสื่อ’
นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในแคว้นเยว่ ประมุขนิกายภูเขาโบราณ หนึ่งในสิบผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเยว่ ‘ฉินสื่อหยู’
ตั้งแต่นิกายกุ่ยเชว่ก่อตั้งมา ยังไม่เคยมีเหตุการณ์ใดที่รวมผู้เชี่ยวชาญในแคว้นไว้มากมายเช่นนี้มาก่อน ยามนี้กุ่ยเชว่สื่อจึงไม่กล้าประมาท
ผู้อาวุโสนิกายกุ่ยเชว่และแขกเหรื่อ พูดคุยสนทนาเกี่ยวกับการฝึกฝน ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องหนิงฝานแม้แต่น้อย
ราวกับเรื่องที่พวกมันสนใจ ไม่ได้มีเพียงเรื่องของป่าภูติพรายเท่านั้น
เมื่อหนิงฝานและหลานเหม่ยมาถึง ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดกลับรู้สึกหนาวเหน็บ เพราะผู้ที่พวกมันเฝ้ารอก็มาถึง
เมื่อเห็นหนิงฝาน ดวงตาของไป๋เฟยเถิงหลี่แคบด้วยความตกตะลึง
เพราะแม้หนิงฝานต้องเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังจำนวนมาก เขายังคงท่าทีสงบ กลิ่นอายพลังไม่ปั่นป่วน แต่กลับทำให้อาวุธของมันสั่นเทา
กลับกลายเป็นว่า เหล่าผู้เชี่ยวชาญหวาดกลัวหนิงฝานแทน! ด้วยเพราะหนิงฝานสังหารภูติผีมากมายนับไม่ถ้วน ทั่วร่างของเขาจึงแผ่กลิ่นอายของภูติผีออกมาส่วนหนึ่ง
“เด็กนี่ช่างประหลาดนัก!” สีหน้าไป๋เฟยเถิงซีดขาวไร้โลหิต มันขบคิด เป็นไปไม่ได้ที่หนิงฝานจะสังหารภูติผีที่ทรงพลังไปมากขนาดนั้น
หรือเพราะหนิงฝานครอบครองวิชาที่ไม่ธรรมดา จึงสามารถสังหารภูติผีได้เป็นจำนวนมาก
หากเป็นเช่นนั้นจริง หนิงฝานก็สามารถสังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำไปมากมาย ทั้งได้ครอบครองสมบัติของภูติผีเหล่านั้นไม่น้อยเช่นกัน บางที อาจมีสมบัติที่เป็นประโยชน์กับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม
ไป๋เฟยเถิงคาดเดาถูก หนิงฝานมีสมบัติระดับสูงกับตัว 2 ชิ้น หนึ่งคือระฆังทะเลตัววันออก อีกหนึ่งคือมีดบินระดับสูงอีก 5 เล่ม
“หากชิงสมบัติของมันมาได้...”
ความคิดเช่นนั้นปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนจะหายไป เพราะไป๋เฟยเถิงรู้ดีว่าไม่อาจทำได้
ผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรมไม่จำเป็นต้องปิดบังความโลภของตน แต่นิกายกุ่ยเชว่ก็มีกฏที่รองรับความโลภเหล่านั้น
นั่นคือการประลองตัดสิน!
ตัวตนระดับผู้อาวุโสของนิกายสามารถท้าประลองกัน โดยมีสมบัติที่เท่าเทียมเป็นเดิมพัน ผู้ชนะจะได้เดิมพันของอีกฝ่าย ผู้แพ้ต้องสูญเสียเดิมพัน
ยามนี้ ไป๋เฟยเถิงจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ หากผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆแยกย้ายไปเมื่อใด มันจะท้าประลองหนิงฝาน
หนิงฝานไม่ไม่ทราบในสิ่งที่ไป๋เฟยเถิงคิด แต่หากรู้เขาย่อมไม่ใส่ใจ ในเมื่อเพิ่งเข้าร่วมนิกาย หนิงฝานก็อยากเช่นกันว่าผู้อาวุโสอย่างมันจะแน่สักแค่ไหน
แม้ไป๋เฟยเถิงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง แต่ในป่าภูติพราย เขาสังหารภูติผีระดับนี้ไปหลายร้อยตัวแล้ว… ยามนี้ หนิงฝานประครองมือคารวะผู้เชี่ยวชาญทุกคนอย่างมั่นใจ
“ข้าหนิงฝาน ผู้อาวุโสแห่งนิกายกุ่ยเชว่ คารวะผู้เชี่ยวชาญแคว้นเยว่”
เสียงของหนิงฝานดังสะท้อนไปทั่วโถง แม้จะเสียงดัง แต่ไม่มีผู้ใดกล่าวว่าไม่เหมาะสม
ยิ่งสีหน้าเรียบเฉยของหนิงฝาน ยิ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆนับถือ
ไป๋ปี้ เยี่ยนซวนหยิน และผู้เยาว์คนอื่นๆสีหน้าแปรเปลี่ยนอัปลักษณ์ หนิงฝานอายุน้อยกว่าพวกมัน แต่กลับมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ กระทั่งน้อยคนในแคว้นเยว่จะไม่รู้จักหนิงฝาน
ผู้เชี่ยวชาญของนิกายภูเขาโบราณ ฉินสื่อหยู รู้จักหนิงฝานเป็นอย่างดี
เมื่อครั้งที่อยู่ในงานประมูลผลไม้แห่งเต๋า มันได้ประจักษ์กับจิตสังหารระดับแก่นทองคำของเขา และยามนี้ ยิ่งหนิงฝานบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง ยิ่งต้องแข็งแกร่งเกินหยั่งถึง มันเสียใจที่ยามนั้นมันตระหนี่กับหนิงฝานเกินไป ราวกับตัดรอนความสัมพันธ์ในครั้งนั้น
ช่างน่าเสียดาย...
ผู้เชี่ยวชาญทุกคนแผ่สัมผัสเทพเพื่อหวังสำรวจร่างกายของหนิงฝาน แต่กลับไม่มีผู้ใดสัมผัสสิ่งใดได้
จะมีก็เพียงชู่ซวนเชียนสื่อแห่งนิกายไท่ชูไพ่เท่านั้น ที่ขมวดคิ้ว
เพราะยามที่สัมผัสเทพของนางสัมผัสร่างหนิงฝาน นางรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกกระบี่กรีดแทง จนทำให้นางเร่งถอนสัมผัสเทพกลับทันที นางตกตะลึงและครุ่นคิด ไม่นานนัก นางก็ยิ้มให้หนิงฝานอย่างงดงาม
“สหายน้อยหนิงช่างไม่ธรรมดานัก ครานี้...นิกายกุ่ยเชว่ได้ศิษย์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว”
ชู่ซวนเชียนสื่อยิ้ม!
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆในโถงรวมถึงกุ่ยเชว่สื่อตกตะลึง
ปกติแล้ว ชู่ซวนเชียนสื่อจะเป็นสตรีที่เย็นชา แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสุดท้ายคนใด ก็ไม่มีผู้ใดเคยเห็นรอยยิ้มของนาง แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มของวิหารพิรุณ ยังชื่อชอบสตรีนางนี้ กระทั่งยอมจ่ายหยกสวรรค์ 1 แสนเพื่อแลกกับรอยยิ้มของนาง กลับถูกนางปฏิเสธ
แต่นางกลับยิ้มให้หนิงฝานอย่างไม่มีเงื่อนไข… หากผู้เชี่ยวชาญของวิหารพิรุณรู้เรื่องเข้า ไม่รู้ว่ามันจะโกรธแค้นขนาดไหน
กุ่ยเชว่สื่อก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ หลังจากได้ฟังคำชื่นชมหนิงฝานจากชู่ซวนเชียนสื่อ นอกจากนี้ นางยังมองกุ่ยเชว่สื่อด้วยสายตาอิจฉา
รอยยิ้มของนาง... แม้แสนหยกสวรรค์ก็มิอาจแลกได้… หนิงฝานช่างทำให้นิกายกุ่ยเชว่ได้หน้านัก
สำหรับชู่ซวนเชียนสื่อแล้ว หนิงฝานที่อายุเพียง 17 ปี ไม่ต่างไปจากผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม...