ตอนที่ 93 การจากลาที่แสนเจ็บปวด (ฟรี)
ทหารในชุดเกราะสีเงินหลายคนปิดล้อมหมู่บ้านเอาไว้ด้วยอาวุธครบมือ บ้างก็สะพายคันธนูไว้ที่แผ่นหลังประจันหน้ากับชาวบ้านกว่าร้อยคนอยู่ เสี่ยวฮวาก็เป็นหนึ่งในผู้คนเหล่านั้นด้วย พวกเขาต่างก็มีใบหน้าที่ขาวซีดลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาทุกคู่จ้องมองไปยังเหล่าพลทหาด้วยความหวาดกลัว
บนพื้นดินที่ไม่ห่างจากกลุ่มชาวบ้านมีผู้คนทั้งหมดสามคนกำลังนอนแผ่อยู่บนพื้น บนร่างกายของพวกเขามีศรธนูทิ่มแทงอยู่ สายโลหิตสีแดงชาดไหลนองอยู่แทบเท้าเหล่าทหาร
“บอกมา พวกเจ้าเคยพบเห็นคนผู้หรือไม่?”
พลทหารวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะสีทองตะโกนขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับชูแผ่นกระดาษที่มีภาพเสมือนของคนผู้หนึ่งไปกลางอากาศ
บนกระดาษสีขาวแผ่นั้นมีภาพวาดของชายหนุ่มที่ดูมีความห้าวหาญเป็นอย่างยิ่ง ขนคิ้วของเขาประดุจคมกระบี่สองสาย หากไม่ใช่หลงเฉินแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีกเล่า?
“ข้าได้บอกไปแล้วว่าในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีผู้ใดมีนามว่าหลงเฉิน พวกเจ้ากำลังพูดถึงผู้ใดกัน นี่ยังมาเข่นฆ่าผู้คนอย่างเลือดเย็น พวกเจ้าช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว” เสี่ยวฮวาตะเบ็งเสียงออกมาด้วยความโกรธจนถึงขีดสุด
ก่อนหน้านี้เหล่าพลทหารโผล่ออกมาจากที่ใดก็ไม่อาจทราบได้ ทว่าชั่วพริบตาเดียวก็ได้ปิดล้อมหมู่บ้านของพวกเขาเอาไว้ เมื่อนักล่าสัตว์ทั้งสามคนนั้นได้วิ่งออกไปดูก็จึงถูกสังหารลงไปในทันที
ผู้คนในหมู่บ้านจึงทั้งตกใจและโกรธเคือง ทว่าเมื่อพบว่าต้องเผชิญหน้ากับธนูยาวนับร้อยของเหล่าทหาร พวกเขาจึงไม่อาจลุกฮือขึ้นสู้อย่างวุ่นวายได้ ทำได้แค่เพียงกัดฟันกำมือด้วยความเกลียดชัง
“เหอะ ดูเหมือนว่าหากไม่เห็นโลงศพก็คงจะไม่หลั่งน้ำตากันสินะ เล็งศรไปที่เด็กกลุ่มนั้นซะ! ข้าอยากจะรู้นักว่าพวกเจ้าจะปากแข็งไปได้นานสักเพียงไหน” พลทหารวัยกลางคนผู้นั้นตะโกนออกมาด้วยโทสะ พลางก็ได้ปรายตามองไปยังทหารที่อยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นปลายศรของธนูก็ถูกเล็งไปที่เด็กนับสิบคน
“เจ้าพวกสัตว์นรก”
หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนออกมาอย่างเหลืออด พร้อมทั้งกระโจนร่างอันผ่ายผอมของเขาเข้าขวางหน้ากลุ่มเด็กน้อยเอาไว้
“ฆ่า”
พลทหารวัยกลางคนกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น สายตาจ้องมองไปยังเฒ่าชราอย่างดูแคลนราวกับว่าพวกเขเหล่านั้นเป็นผักปลากลุ่มหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
“ฆ่าสิ พวกเราไม่กลัวหรอก หลงเฉินเกอเกอจะต้องมาล้างแค้นให้กับพวกเราอย่างแน่นอน”
เด็กน้อยผู้หนึ่งแหวกตัวผ่านร่างของเฒ่าชราออกไปยืนอยู่เบื้องหน้าของพลทหารวัยกลางคนผู้นั้น พร้อมทั้งชี้นิ้วขนาดเล็กของเขาออกไปแล้วตะโกนขึ้นมาอย่างกล้าหาญ
“เสี่ยวหู่จื่อ เจ้ากล่าววุ่นวายอันใดกัน?”
หัวหน้าหมู่บ้านตกใจขึ้นมายกใหญ่ รีบตะโกนห้ามปรามพร้อมกับยกมือขึ้นมาป้องไปที่ปากของเด็กน้อยในทันทีทว่าก็สายเกินไปเสียแล้ว
พลทหารวัยกลางคนผู้นั้นทอประกายดวงตาเจิดจ้าขึ้นมา พลันที่มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มเหยียดขึ้นมา “แล้วหลงเฉินก็มาที่นี่จริงๆ นำพวกเขาไปฆ่าทิ้งให้หมดสิ้น พวกเราต้องรีบออกไปค้นหาหลงเฉินต่อ เขาคงจะหนีไปได้ไม่ไกลนัก”
เมื่อสิ้นเสียงของพลทหารที่สามชุดเกราะสีทอง ธนูในมือของพลทหารก็ได้เล็งไปที่ชาวบ้านในทันที เมื่อปลายธนูถูกดึงเหยียดออกไปด้านหลัง ใบหน้าของชาวบ้านก็ถอดสีไปตามๆ กันด้วยความหวาดกลัว
“หาที่ตาย”
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังมาจากเบื้องหลังจนกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของผู้คนทั้งหลาย เงาร่างสายหนึ่งเคลื่อนไหวเข้ามาประดุจพายุหมุนอันบ้าคลั่งมุ่งหน้ามายังกลุ่มชาวบ้าน ติดตามมาด้วยประกายแสงของคมกระบี่สายหนึ่งที่แผ่รังสีสังหารอันมหาศาลออกมา พลันก็ได้ตัดผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว
“ชิ้ง”
ปลายลูกศรจำนวนมากลอยอยู่กลางอากาศราวกับปลาที่หลุดออกจากแหอวน เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาไม่หยุด รวมไปถึงเสียงร้องไห้ระงมจากเด็กน้อยนับสิบคน
หลงเฉินปรากฏกายขึ้นมาต่อหน้าเหล่าพลทหารที่บัดนี้มีใบหน้าตกตะลึงขึ้นมาอย่างมาก แม้แต่พลทหารวัยกลางคนผู้ที่นำทัพเข้ามาก็ยังตื่นตกใจด้วยเช่นกัน
“โจวฉางชิง เจ้าคนบัดซบ พวกเจ้าจงตายไปเสียเถิด”
หลงเฉินระเบิดโทสะออกมาอย่างแรงกล้า รังสีสังหารปกคลุมทั่วบรรยากาศจนยากที่จะหายใจได้ทั่วท้อง เขาจดจำใบหน้าของพลทหารวัยกลางคนได้ดี ชายผู้นี้มีนามว่าขุนนางหมานฮวงโจวฉางชิงนั่นเอง
เจ้าคนบัดซบผู้นี้ช่างเลวระยำสิ้นดี ถึงกับลงมือต่อผู้คนที่ไร้ซึ่งอาวุธ อีกทั้งยังมีสตรีและเด็กรวมอยู่ด้วย การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอันใดจากสัตว์นรกตัวหนึ่ง และชาวบ้านพวกนี้ต่างก็เป็นผู้มีพระคุณของเขา การกระทำเช่นนี้ย่อมไม่อาจให้อภัยได้อย่างแน่นอน
“ลี้ลมตัด”
หลงเฉินตะโกนออกมาสุดเสียง กระบี่หนักในมือฟาดฟันไปยังกลุ่มพลทหารที่อยู่เบื้องหน้า ความรวดเร็วของประกายแสงจากกระบี่ไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป
“ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ……”
ความบ้าคลั่งของประกายกระบี่กวัดแกว่งไปยังร่างของพลทหารกลุ่มนั้นจนไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบกลับขึ้นมาแต่อย่างใด ชิ้นเนื้อน้อยใหญ่สาดกระเซ็นไปกลางอากาศ สายโลหิตสีแดงนับพันสายทาทับไปทั่วทั้งผืนฟ้า
ทหารศึกนับร้อยคนต้องกับคมกระบี่หนักของหลงเฉินจนร่างที่เคยมีลมหายใจกลับกลายเป็นร่างไร้ชีวิตขึ้นมา ชายหนุ่มผู้นี้ประดุจเทพมรณะที่เหี้ยมโหดอย่างถึงที่สุด
มีเพียงขุนนางหมานฮวงโจวฉางชิงเท่านั้นที่ยังหลบรอดจากการสังหารหมู่ไปได้ ทว่าในขณะนี้เขากลับไม่เห็นร่างของหลงเฉินที่เคยอยู่เบื้องหน้าอีกต่อไป พลันก็รับได้ถึงสิ่งที่กำลังจะตามมา
ตามคำสั่งจากเบื้องบนที่ได้สั่งการลงมานั้นได้บอกกล่าวว่าหลงเฉินนั้นไร้ซึ่งข่าวคราวมาเนิ่นนานเกินไปแล้ว และต่อให้เขาหลบหนีไปได้ก็คงจะบาดเจ็บสาหัสเจียนตายอย่างแน่นอน
อีกทั้งองค์ชายสี่ยังกำชับเอาไว้ว่าหากหลงเฉินยังมีชีวิตก็ต้องเห็นร่างจริงกับตา และหากว่าตายไปก็จะต้องพบศพ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่อาจวางใจได้ จึงส่งพลทหารออกตามล่าหาเบาะแสมากว่าครึ่งเดือนแล้ว จนในที่สุดพวกเขาก็ได้เดินทางมาพบกับหมู่บ้านแห่งนี้
พวกเขาจึงคาดเดาว่าหลงเฉินจะต้องเคยมาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ หรือหลบอยู่ในหมู่บ้านเพื่อพักรักษาตัวอย่างแน่นอน ฉะนั้นขุนนางหมานฮวงจึงคิดที่จะสังหารชาวบ้านเพื่อบีบบังคับให้หลงเฉินปรากฏตัวออกมาในที่สุด
และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็เป็นไปตามการคาดเดาของเขาอย่างสมบูรณ์ หลงเฉินได้มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาจริงๆ ทว่าน่าเสียดายที่เขากลับไม่ได้คาดการถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่หลงเฉินปรากฏตัว จนทำให้เขาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกไปจากร่างเสียแล้ว
จู่จู่ภายในโสตประสาทของโจวฉางชิงก็ได้ปรากฏฉากการต่อสู้ของหลงเฉินกับหว่างซานขึ้นมา ฉากต่อสู้อันน่าหวาดกลัวที่ลือเลื่องไปทั่วทั้งจักรวรรดิเฟิงหมิง แล้วเขาที่เป็นเพียงยอดฝีมือขอบเขตก่อโลหิตตอนต้นจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของหลงเฉินได้อย่างไรกันเล่า?
เดิมทีเขาคิดว่าจะมาจับพยัคฆ์ที่ใกล้ตายตัวหนึ่ง ทว่าผลลัพธ์กลับตาลปัตรไปจนหมดสิ้น เมื่อพบว่าหลงเฉินไม่ได้บาดเจ็บอย่างที่คิดอีกทั้งยังลงมือได้อย่างเหี้ยมโหด พลันฝีเท้าทั้งสองก็รีบถอยร่นไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดึงโล่เหล็กกำบังร่างกายเอาไว้
คมกระบี่ของหลงเฉินได้ฟาดเข้าไปยังโล่เหล็กกล้าอย่างรุนแรงจนโล่ที่กำบังร่างกายของโจวฉางชิงได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ พลทหารวัยกลางคนสามารถหลบรอดจากการสังหารไปได้ ทว่าที่แขนกลับมีโลหิตสายหนึ่งไหลออกมาไม่หยุด
ขุนนางหมานฮวงนั้นเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่งที่ได้พบพานการต่อสู้จนโลหิตไหลอาบมานับไม่ถ้วนแล้ว การบาดเจ็บที่แล่นขึ้นไปจนถึงหน้าอกในตอนนี้ถือว่ายังสามารถฝืนเอาไว้ได้อยู่ จากนั้นเขาก็พุ่งทะยานร่างเข้าไปในป่าลึกด้านข้างเพื่อหลบหนีจากที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
“คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงของหลงเฉินเต็มเปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พลันก็ได้ปลายเท้าดึงลูกศรดอกหนึ่งขึ้นมาไว้ในมือ จากนั้นก็พุ่งปลายศรออกไปด้วยพลังสภาวะชนิดหนึ่งที่อยู่ภายในฝ่ามือ
“โบร๋ว”
ลูกศรดอกนั้นแหวกผ่าขุมอากาศประดุจสายฟ้าแลบอย่างรุนแรงไปที่แผ่นหลังของขุนนางหมานฮวงอย่างรวดเร็วโดยที่พลทหารผู้นั้นไม่ทันจะรู้ตัวเสียด้วยซ้ำไป ทันใดนั้นคมศรที่เป็นเสมือนยมทูตมาช่วงชิงชีวิตก็ได้ปักเข้าไปที่ร่างของชายผู้นั้นในทันที
“ฉึก”
ปลายลูกศรปักทะลุเกราะสีทองบริเวณหัวไหล่ของขุนนางหมานฮวงจนแตกสลายออกอย่างง่ายดาย ขุนนางหมานฮวงตกใจเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งร่างกายก็สั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ จู่จู่ร่างกายของเขาก็ได้ลอยกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบจั่งแล้วถูกตรึงเอาไว้ที่ลำตัวของต้นไม้ใหญ่
โลหิตสาดกระเซ็นออกมามากมายมหาศาล เพราะที่ปลายลูกศรของหลงเฉินนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายที่ท้วมท้นจนทำให้อวัยวะภายในของโจวฉางชิงระเบิดออกเป็นชิ้นๆ
“เสี่ยวเสว่ยอย่าฆ่าเขา”
เมื่อหลงเฉินหันไปกระทบกับแสงสีขาวที่กำลังจะมุ่งหน้าไปยังขุนนางหมานฮวงจึงได้ตะโกนห้ามปรามออกมาอย่างรีบร้อน เนื่องจากขุนนางหมานฮวงยังมีประโยชน์ต่อเขาอยู่จึงไม่อาจให้เสี่ยวเสว่ยสังหารเขาในตอนนี้
เมื่อเห็นว่าขุนนางหมานฮวงไม่อาจหลบหนีไปได้แล้ว หลงเฉินจึงรีบวิ่งกลับไปตรวจสอบร่างกายของผู้คนในหมู่บ้านที่ถูกคมธนูทำร้ายจนบาดเจ็บ ทว่าพวกเขาทั้งสามคนกลับไม่อาจทนพิษบาดแผลได้ได้จึงสิ้นใจลงไป
ความโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้จึงทำให้จิตใจของหลงเฉินเจ็บปวดรวดร้าวอย่างมากมายราวกับถูกมีดพันเล่มกรีดแทงเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น ความรู้สึกเกลียดชังจึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมา ทว่ายังไม่แน่ใจว่าจะเกลียดชังต่อยิงฮวา องค์ชายสี่ ขุนนางหมานฮวง หรือว่าตัวเองดี
“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าต้องขอโทษด้วย”
หลงเฉินมองไปยังใบหน้าชโลมไปด้วยหยาดน้ำตาของเฒ่าชรา ยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาอย่างไม่อาจคลี่คลายลงได้
“เด็กเอ๋ย จะโทษเจ้าก็ไม่ถูกนัก เจ้าอย่าได้ปวดใจไปเลย” เฒ่าชรากล่าวพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
วาจาเช่นนี้ยิ่งทำให้หลงเฉินเกิดความลำบากใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด หากเขาไม่ได้มายังหมู่บ้านแห่งนี้ก็คงจะไม่สร้างปัญหาเช่นนี้ให้กับพวกเขาอย่างแน่นอน
“หลงเฉิน พวกเราเข้าใจจิตใจของเจ้าดี พวกเราต่างก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ฉะนั้นเจ้าอย่าได้รู้สึกเช่นนี้เลย” เสี่ยวฮวากล่าวปลอบใจออกมาด้วยซุ่มเสียงอันแผ่วเบา
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกฟอดหนึ่งแล้วกล่าวต่อเสี่ยวฮวาอย่างจริงจัง “ข้าต้องไปแล้ว”
ร่างกายของเสี่ยวฮวายสั่นเทาขึ้นมาในทันที ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความตกตะลึงแล้วกล่าวออกมาอย่างร้อนรน “เจ้า……เจ้าต้องการจะจากพวกเราไปอย่างนั้นหรือ?”
หลงเฉินจดจ้องไปยังใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังของเสี่ยวฮวา แล้วพยายามข่มกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ พลันก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำออกมาว่า “ต้องขอโทษด้วย ข้าจำเป็นที่จะต้องไปแล้ว พวกเจ้าก็ได้ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่าบนตัวข้านั้นมีความแค้นฝังอยู่มากมาย ถ้าหากไม่จากไปเสียแต่ตอนนี้ คงจะต้องนำพาความเฮงซวยเข้ามาในหมู่บ้านของพวกเจ้าอย่างแน่แท้”
จากนั้นมือใหญ่ข้างหนึ่งก็ได้ปาดเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตาของหญิงสาว แล้วกล่าวต่ออีกว่า “หมู่บ้านแห่งนี้ได้ทำเพื่อข้ามามากแล้ว ข้าไม่อาจทนให้พวกเจ้าเหน็ดเหนื่อยได้อีกต่อไปแล้วเช่นกัน หวังว่า……เจ้าจะยกโทษให้ข้า”
“ผัวะ”
เสี่ยวฮวาปัดไปที่มือของหลงเฉินอย่างรุนแรง พร้อมกับด่าทอออกมาด้วยความเจ็บปวดใจ “เจ้าไสหัวไปซะ เจ้ามันคนหลอกลวง ข้าเกลียดเจ้าที่สุด”
เมื่อสิ้นเสียงที่สั่นเครือนั้น เสี่ยวฮวาก็ได้สะบัดกายแล้ววิ่งกลับเข้าไปในบ้านของตัวเอง เสียงตึงตังดังขึ้นมาเป็นสายจากนั้นก็เป็นเสียงปิดประตูอย่างรุนแรง
หลงเฉินถอนหายใจออกมา พร้อมทั้งหันไปมองยังประตูไม้ที่เพิ่งจะปิดลงไป ความอึดอัดภายในจิตใจเอ่อล้นขึ้นมาจนไม่อาจสรรหาคำพูดใดออกมาได้ เสี่ยวฮวาบอกกับเขาว่าเขานั้นเป็นชายหนุ่มของนางตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาตื่นขึ้นมา ใบหน้าที่มีรอยยิ้มสดใสกลับถูกเขาทำลายไปแล้วในที่สุด
“เด็กเอ๋ย เจ้าไม่ต้องลำบากใจไป กลับไปเสียเถิด ทว่าจงจำเอาไว้เสมอว่าถ้าหากโลกภายนอกนั้นย่ำแย่จนเกินไป เจ้าสามารถหวนกลับมายังบ้านหลังนี้ได้ทุกเมื่อ” เฒ่าชราตบไปที่ไหล่ของหลงเฉินแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงใจ
“ขอบคุณท่านหัวหน้าหมู่บ้าน” หลงเฉินพยายามเค้นน้ำเสียงออกมาจากลำคอ
“ส่วนเรื่องของเสี่ยวฮวานั้นให้ข้าจัดการเอง เจ้าวางใจเถิด เสี่ยวฮวาเป็นเด็กที่รู้จักคิด อีกไม่นานนางก็จะเข้าใจทุกอย่างได้เอง”
หลงเฉินฝืนยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น จากนั้นก็ได้ควานหาโอสถในแหวนมิติ โอสถเหล่านี้จะต้องมีประโยชน์ต่อพวกเขาในยามฉุกเฉินอย่างแน่นอน
ขณะนี้เทพแห่งพงไพรก็ได้จากหมู่บ้านนี้ไปแล้ว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปพวกเขาจำเป็นจะต้องพึ่งพาตัวเองแล้ว หลงเฉินจึงทิ้งโอสถรักษาอาการบาดเจ็บเอาไว้ให้พวกเขาอยู่หลายเม็ด อีกทั้งยังบอกกล่าวถึงวิธีผสมโอสถรักษาเบื้องต้นเพื่อให้พวกเขาสามารถปรุงขึ้นมาได้เองในภายหลัง
ถึงแม้ว่าที่หมู่บ้านจะมีวิธีการปรุงโอสถของพวกเขาเองอยู่แล้ว ทว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่อาจเทียบเคียงกับวิธีการปรุงโอสถของหลงเฉินได้เลย นอกจากนี้เขายังจดบันทึกเคล็ดวิชาสำหรับฝึกยุทธ์ของพลังขอบเขตขั้นก่อรวมเอาไว้ให้อีกส่วนหนึ่ง มีทั้งหมัดทลายวายุ ท่าร่างไล่วายุ และกระบวนท่าง่ายๆ อีกหลายท่า
หลังจากนี้ที่หมู่บ้านคงจะสร้างยอดฝีมือที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ อีกทั้งถ้าหมู่บ้านแห่งนี้มียอดฝีมือขอบเขตก่อโลหิตอยู่หลายคน เช่นนั้นคงจะปลอดภัยมากขึ้นไม่น้อยเลย
นอกจากนี้หลงเฉินยังแบ่งปันโอสถทะลวงโลหิตเอาไว้ให้อีกหลายสิบเม็ด ขอเพียงมีคนที่สามารถเข้าสู่พลังขอบเขตขั้นก่อรวมระดับที่เก้าได้ก็สามารถใช้โอสถทะลวงโลหิตเพื่อเพิ่มพูนพลังเข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตได้ในทันที
เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วยาม หลงเฉินก็สามารถสะสางเรื่องราวของหมู่บ้านได้จนหมดสิ้น เขาเชื่อว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไปหมู่บ้านแห่งนี้จะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมากมายอย่างแน่นอน
เมื่อหลงเฉินย่างฝีเท้าไปจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ผู้คนทั้งหมู่บ้านที่ตามมาส่งต่างก็มีใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีเด็กน้อยอีกหลายคนตามมากอดแข้งขาของเขาเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย
ฉากที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าในตอนนี้ทำให้หลงเฉินเกิดความเจ็บปวดใจขึ้นมามากกว่าเดิม ทว่าเขาจำเป็นจะต้องจากไปแล้วจริงๆ พลันก็ได้ทอดสายตามองไปยังบ้านไม้ของเสี่ยวฮวาที่ยังคงปิดสนิทอยู่ นางคงจะเกลียดเขาไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
หลงเฉินกล่าวลาผู้คนในหมู่บ้านแล้วเดินห่างออกไปช้าๆ
“รอสักครู่”
หลงเฉินหยุดฝีเท้าในทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย เมื่อหันหน้ากลับไปก็พบว่าที่ประตูบ้านของเสี่ยวฮวาได้ถูกเปิดออก และร่างของหญิงสาวนางหนึ่งก็กำลังวิ่งตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเสี่ยวฮวาทอประกายความสดใสประดุจแสงจันทร์ในยามค่ำคืน ทว่าขอบตาแดงก่ำที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักหน่วงยังคงปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน
“หลงเฉิน ข้าทราบว่าไม่อาจรั้งเจ้าเอาไว้ได้ นี่เป็นสิ่งที่ข้าทำขึ้นมาเองเมื่อครู่นี้ หวังว่าเจ้าจะนำติดตัวเอาไว้ตลอดไป”
เมื่อกล่าวจบแล้วเสี่ยวฮวาก็ได้ยื่นสร้อยคอที่ร้อยขึ้นมาจากหินสีสันสดใสนับร้อยคล้องมาที่คอของหลงเฉิน
“ของขวัญที่ซอมซ่อเช่นนี้ช่างน่าหัวเราะเสียจริง” เสี่ยวฮวายิ้มออกมา ทว่าภายในดวงตากลับมีหยาดน้ำตาพรั่งพรูออกมามากมาย
“ข้าจะเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี หรือไม่เช่นนั้นเจ้าก็มาด้วยกันกับข้าเถิด” หลงเฉินมองไปยังใบหน้าของเสี่ยวฮวาด้วยความเจ็บปวดใจ
ดวงตาของเสี่ยวฮวาทอประกายสดใสขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าไม่นานนักก็ถูกซ่อนเอาไว้ พร้อมทั้งส่ายหน้าไปมา “เจ้าและข้าต่างก็เหมือนกับอยู่กันคนละโลก ข้าไม่อาจไปจากคนที่ข้ารักได้ ข้าหวังเพียงแค่ว่าในช่วงเวลาที่เจ้ามองไปที่สร้อยคอเส้นนี้แล้วจะได้นึกถึงข้า……ที่จะรักเดียวใจเดียว……ตามเจ้าออกไปล่าสัตว์……และมีทารกด้วยกัน”
น้ำเสียงสั่นเครือของเสี่ยวฮวาเอ่ยออกมาอย่างยากลำบากในตอนท้าย เมื่อกล่าวจบใบหน้าของนางก็ได้ซบลงไปที่อกของหลงเฉินพร้อมทั้งร้องไห้ออกมาเสียงดัง
หลงเฉินสมควรจะต้องจากไปแล้ว ทว่าการจากลาในครั้งนี้ช่างเศร้าสลดเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูก ต่อให้มีพลังยุทธ์ที่สูงล้ำก็ไม่อาจขจัดอารมณ์เช่นนี้ออกไปได้
จากนั้นหลงเฉินก็ได้ลากร่างกึ่งตายของขุนนางหมานฮวงออกเดินไปตามเส้นทางเข้าไปในป่าลึกอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวฮวาจับจ้องไปยังแผ่นหลังที่กำลังลับหายไปของหลงเฉินด้วยดวงตาที่มีน้ำตาไหลรินออกมาจนพร่ามัวไปหมด สายลมอันเย็นยะเยือกพัดผ่านปะทะกับร่างของหญิงสาว ใบไม้ปลิวว่อนไปทั่วทั้งผืนฟ้า นี่เป็นช่วงเวลาที่จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงอันหนาวเหน็บแล้ว....
ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา