ตอนที่ 256 เปิดม่านลงมือ
‘ปัง’ เมื่อหมัดเปล่าๆของหลิงฮันที่ไร้การใช้ทักษะใดๆได้ชกเข้าไปที่ช่องโหว่เพียงเล็กน้อยของคู่ต่อสู้ แต่ในสายตาของคนอื่น หมัดของหลิงฮันนั้นกระแทกใส่หน้าอกของสมาชิกตระกูลหลิวอย่างง่ายราว จนอีกฝ่ายกระเด็น
หมัดของหลิงฮันทรงพลังอย่างมาก ชายคนนั้นส่งเสียงอู้อี้อยู่ชั่วขณะก่อนที่จะสลบไป
แขกคนอื่นล้วนแต่ตกตะลึง สมาชิกของตระกูลหลิวคนนั้นอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุขั้นเจ็ด ในขณะที่พลิงฮันอยู่เพียงระก่อเกิดธาตุขั้นหนึ่ง แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่สามารถต้านทานหนึ่งหมัดของหลิงฮันได้?
สีหน้าขององค์ชายหนึ่งและองค์ชายสามเปลี่ยนไป หลิงฮันแข็งแกร่งจริงๆ เขาแข็งแกร่งจนสามารถจัดการศัตรูที่มีพลังระดับก่อเกิดธาตุขั้นเจ็ดได้ด้วยหมัดเดียว ซึ่งไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเฟิงหยางมากนัก
เมื่อไม่นานนี้ พลังบ่มเพาะของหลิงฮันนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกมันแม้แต่น้อย พวกมันตัดสินใจลดตัวลงมาเป็นสหายกับหลิงฮันเพียงเพราะเห็นคุณค่าในเบื้องหลังหลิงฮัน แต่ตัวตนของหลิงฮันนั้นไม่คู่ควรที่จะให้พวกมันเก็บมาคิดอะไรมาก แต่...สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันน่าเหลือเชื่อมาก
ในขณะเดียวกัน มุมปากขององค์ชายเจ็ดยิ้มกว้าง ยิ่งหลิงฮันแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งดีใจมากขึ้น
สมาชิกตระกูลหลิวบางคนมีท่าทีดีใจ ในขณะที่บางคนก็มีท่าทีโกรธเกรี้ยว เห็นได้ชัดว่าความคิดของพวกเขาแบ่งเป็นสองฝ่าย
หลิงฮันเดินหน้าต่อไปราวกับคนที่เขาชกไปเมื่อสักครู่เป็นเพียงมดปลวกที่ไม่ต้องหันไปมองอีกครั้ง
“หลิงฮัน เจ้าช่างกล้าจริงๆที่มาก่อความผิดขึ้นที่ตระกูลหลิว!” ชายวัยกลางคนกระโดดออกมา ในหมู่คนเยาว์คงเป็นเรื่องยากที่จะหาใครมาหยุดหลิงฮัน ชายคนนี้มีอายุประมาณสี่สิบปีและมีพลังระดับก่อเกิดธาตุขั้นเก้า มันติดอยู่ในระดับนี้มานานเพราะอยากจะทำให้ระดับพลังของมันมั่นคง
หลิงฮันยิ้ม “ก็แค่ความกล้านิดๆหน่อย ข้าแค่มาตามหาสหายเท่านั้น”
“ถ้าเช่นนั้นก็ทำตัวให้มีศักดิ์ศรีซะ” ชายตระกูลหลิวพูด ชื่อของมันคือหลิวเชิง มันใกล้จะทะลวงผ่านระดับห้วงจิตวิญญาณแล้ว ดังนั้นมันจึงมีคุณสมบัติพอที่จะล่วงรู้ความลับของตระกูลหลิวและรู้ว่าตระกูลหลิวแบ่งออกเป็นสองฝ่าย
มันคือฝ่ายที่สนับสนุนเฟิงหยาง เพราะเฟิงหยางสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์มากมายแก่ตระกูลหลิว แต่เพราะยังมีคนในตระกูลหลิวมากมายที่สนับสนุนหลิงฮัน มันจึงไม่อยากเป็นศัตรูกับหลิงฮัน
หลิงฮันพูด “ถ้าอู๋ตงเต็มใจแต่งงาน ข้าจะส่งของขวัญอันล้ำค่ามาแสดงความยินดีอย่างแน่นอน แต่ถ้ามีใครมาบังคับฝืนใจนาง ในฐานะสหายข้าจะไม่ยอมรับเด็ดขาด!”
“เจ้าไม่คิดว่าตัวเองเป็นพวกชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านรึไง?!” หลิวเชิงเค้นเสียง “เห็นแกที่เจ้าทำลงไปเพราะช่วยสหาย ถ้าตอนนี้เจ้าถอยหลังกลับไป ข้ายังยอมยกโทษให้กับความอวดดีของเจ้าได้”
“ให้อู๋ตงพูด ข้าจะเป็นคนฟังจากปากนางเอง” หลิงฮันยังคงเดินไปข้างหน้าต่อ
“อวดดี!” ตอนนี้หลิวเชิงโมโหมาก มันไม่ใช่เพียงแค่สมาชิกธรรมดาของตระกูลหลิว แต่มันเป็นคนที่กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นตัวตนระดับสูงของตระกูล ไม่มีใครกล้าขัดขืนคำพูดของมัน
หลิงฮันเดินผ่านหลิวเชิงอย่างไม่แยแสแม้แต่น้อย
“เจ้ากล้าดีอย่างไร!” หลิวเชิงทนต่อความอัปยศไม่ไหว มันหันหลังเอื้อมมือออกไปคว้าไหล่หลิงฮันทันที
‘หมับ’ หลิงฮันไม่แม้แต่หันไปมอง เขาจับข้อมือของหลิวเชิงด้วยมือเดียวและโยนออกไป ‘ตุบ’ หลิวเชิงถูกเขวี้ยงกระเด็นและบังเอิญล่วงลงมาตรงเท้าของเฟิงหยาง
แข็งแกร่งจริงๆ แม้แต่หลิวเชิงก็ไม่สามารถต่อต้านหลิงฮันได้ เขามีดาวต่อสู้กี่ดาวกันแน่? ไม่ว่าจะดูยังไงหลิงฮันก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นหนึ่ง ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?
ในหมู่ฝูงชน หยานเทียนจ้าวแสยะยิ้ม ประกายแสงสีเขียวปรากฏขึ้นในส่วนลึกของดวงตาของของมัน แสงสว่างในดวงตาของมันเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นดาวหกแฉกและจับจ้องไปยังหลิงฮัน รอยยิ้มของมันค่อยกว้างขึ้นเรื่อยๆ
เฟิงหยางก้มหน้ามองหลิวเชิงที่ล่วงลงมาตรงเท้าเท้าของมันชั่วขณะก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของมันสงบนิ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“หลิงฮัน เจ้าทำเกินไปแล้ว!” ชายชราที่ดูมีอายุประมาณห้าสิบปีเดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่พอใจ
หลิวสือ ระดับห้วงจิตวิญญาณ!
ตอนนี้หลิงฮันคือตัวตนไร้พ่ายในหมู่จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุ ไม่ว่าจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุจะเข้ามาหยุดยั้งหลิงฮันมากมายขนาดไหน ก็เท่ากับการสร้างความอัปยศให้ตัวเอง ดังนั้นจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณของตระกูลหลิวจึงต้องเดินออกมาอย่างหน้าด้าน ถึงแม้มันจะรู้สึกอายที่ต้องรังแกคนที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่า แต่มันก็ไม่สามารถทนดูหลิงฮันสร้างความวุ่นวายในที่สาธารณธได้
“พี่ชายกว่าง ข้ายกเศษขยะชิ้นนี้ให้ท่าน!” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
กว่างหยวนยืนขึ้นด้วยความไม่พอใจ “มันคือจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ ไม่ใช่เศษขยะ! เฮ้อ ข้านี่โชคร้ายจริงๆที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้า!” ถึงแม้กว่างหยวนจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็กระโดดออกมาปรากฏตัวตรงหน้าหลิวสือแล้ว
“กว่างหยวน?” เป็นธรรมดาที่หลิวสือจะรู้จักกว่างหยวน จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณคือตัวตนที่มีอำนาจในแคว้นพิรุณ
ยิ่งกว่านั้นกว่างหยวนยังแข็งแกร่งอยู่ในอันดับต้นๆของจอมยุทธพเนจร แม้แต่ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลิวก็ไม่กล้าดูถูกเขา
กว่างหยวนหัวเราะและพูด “พี่ชายหลิว ท่านไม่ลงมือข้าก็จะไม่ลงมือเช่นกัน ตกลงไหม?”
ใบหน้าของหลิวสือบิดเบี้ยว คำพูดเหล่านั้นดูเหมือนจะไว้หน้ามัน แต่ไม่ว่าใครก็รู้ว่าที่นี่คือตระกูลหลิว และวันนี้ก็เป็นวันที่บุตรสาวตระกูลหลิวจะแต่งงาน แต่เจ้าที่เข้ามาก่อความวุ่นวายกลับไม่ยอมให้ข้าลงมือ?
“น้องหยางกว่างหยวน เจ้าจะเห็นแก่หน้าข้าและไม่ยื่นมือเข้ามาได้รึไม่?” หนึ่งในจอมยุทธระดับแนวหน้าของตระกูลหลิวเดินออกมาและยิ้มให้กว่างหยวน
“หลิวชว่าง!” ใบหน้าของกว่างหยวนกลายเป็นตึงเครียด ชายคนนี้คือที่ใส่หน้ากากแสดงรอยยิ้มแต่ภายในมีแต่ความคิดชั่วร้าย มันเรียกเขาว่าน้องชายและชวนคุยอย่างอารมณ์ดี แต่มันสามารถกลายเป็นศัตรูและโจมตีใส่เขาได้ตลอดเวลา ยิ่งกว่านั้นมันยังมีพลังระดับห้วงจิตวิญญาณขั้นหก ซึ่งมีระดับสูงกว่ากว่างหยวนเสียงอีก
“ฮ่าๆ ข้าขอร่วมสนุกด้วยแล้วกัน!” ชายชราร่างผอมยืนขึ้น หัวของมันล้านและมีดวงตาที่เล็ก แต่ดวงตาของมันส่องประกายอันเย็นเฉียบออกมา
“แม้แต่ลู่จงเทียนก็ด้วย!” ครั้งหลิวชว่างกลายเป็นตรึงเครียดแทน
ลู่จงเทียนคือจอมยุทธพเนจรเช่นกัน เขาอยู่ในยุคสมัยก่อนหน้ากว่างหยวน ไม่มีข่าวคราวของเขามาห้าปีแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าเขาตาย แต่ตระกูลหลิวรู้ว่าหลี่จงเทียนได้เข้าร่วมกับตระกูลจักรพรรดิ ในเมื่อชายคนนี้ปรากฏตัวและดูเหมือนว่าจะอยู่ฝ่ายเดียวกับหลิงฮัน... หรือว่านี้จะเป็นสัญญาณของตระกูลจักรพรรดิที่บอกว่าพวกเขาอยู่ฝ่ายใด?
แม้แต่องค์ชายหนึ่งกับองค์ชายสามก็ตกตะลึง แน่นอนว่าพวกมันรู้ถึงสถานะของลู่จงเทียน เขาคือหนึ่งในจอมยุทธระดับแนวหน้าของตระกูลจักรพรรดิ พวกมันทั้งสองเองก็มีตัวตนระดับนี้คอยปกป้องอยู่ข้างกาย และหลี่จงเทียนคือ... คนขององค์ชายเจ็ด!
‘น้องเจ็ดกับหลิงฮันร่วมมือกันงั้นรึ?’
แต่ไม่ว่าพวกมันจะมองยังไงก็ไม่มีทางที่หลิงฮันจะได้เปรียบในการต่อสู้วันนี้ ทำไมน้องเจ็ดถึงทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้? เขาก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าหลิงฮันจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน แต่ทำไมยังคงยืนกรานที่จะช่วยเหลือเขา? รู้ทั้งรู้ว่าเฟิงหยางมีนิกายจันทราเหมันต์อยู่เบื้องหลัง จะมีใครในแคว้นจักรพรรดิที่กล้าต่อต้านขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่แบบนั้น?
‘แปลกจริงๆ น้องเจ็ดไม่น่าจะเป็นคนโง่ขนาดนั้น’