ตอนที่ 255 เริ่มงานแต่ง
แม้หลิงฮันจะมีพลังอยู่ที่ระดับก่อเกิดธาตุ แต่เขามีสายตาของจอมยุทธระดับสวรรค์ เขาสามารถบอกระดับพลังบ่มเพาะของคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับสวรรค์ได้
แต่เขากลับไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของหยานเทียนจ้าว?
หยานเทียนจ้าวบรรลุระดับสวรรค์แล้ว?
เป็นไปไม่ได้ เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ขนาดเขาที่เป็นจักรพรรดิปรุงยายังต้องใช้เวลาถึงสองร้อยปีในการบรรลุระดับนั้นซึ่งไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน
หลิงฮันตรวจสอบหยานเทียนจ้าวอย่างละเอียด แต่ก็ทำได้เพียงขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ถึงออร่าอันชั่วร้ายจากหยานเทียนจ้าวแต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร
ที่บอกได้ก็คือออร่าที่ชั่วร้ายนี้เป็นกำแพงที่ทำให้ไม่สามารถมองระดับพลังของหยานเทียนจ้าว
หลิงฮันถอนหายใจในใจ ถึงแม้เขาจะเคยเห็นสัตว์ประหลาดอย่างจักรพรรดิดาบกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มาก่อนในชีวิตที่แล้ว แต่ตอนนั้นเขาอยู่ในจุดสูงสุดของโลกแล้ว การจะได้พบเห็ยอัจฉริยะไร้ที่เปรียบเช่นนั้นก็ไม่นับว่าแปลกอะไร
แต่ชีวิตที่สองนี่ล่ะ?
ก่อนหน้านี้ก็มีหลงไหเชวียนที่ได้รับมรดกสืบทอดของนิกายพันศพ แค่ตอนแรกมันก็นับว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะอยู่แล้ว แต่หลังจากมันถูกจักรพรรดิจอมอสูรยึดร่างไป ในอนาคตมันต้องน่ากลัวกว่าเดิมแน่ๆ
และตอนนี้ยังมีหยานเทียนจ้าวที่สามารถปิดบังสายตาของหลิงฮันโผล่ขึ้นมาอีกคน
ตอนนี้หลิงฮันเป็นเพียงจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุและยังอยู่แคว้นเล็กๆอย่างแคว้นพิรุณ แต่เขากลับพบเจอสัตว์ประหลาดสองคนที่ฝืนลิขิตสวรรค์แล้ว... งั้นถ้าเป็นทั่วทั้งภูมิภาคเหนือ หรือทั่วทั้งโลกล่ะ เขาจะพบเจอกับสัตว์ประหลาดอีกมากมายขนาดไหน?
ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้ของเขามีอัจฉริยะโผล่ขึ้นมาเยอะไปหน่อยรึไง? ถึงได้พบเจอง่ายขนาดนั้น
“โอ้ น้องชายหยานนี่เอง” หลิงฮันยิ้มและมองซ้ายขวา “แล้วคุณหญิงหยานล่ะ?”
“แม่ของข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายเลยพักผ่อนอยู่ที่บ้าน” หยานเทียนจ้าวตอบอย่างสุภาพ ท่าทีของเขาก็เรียบร้อยทำให้ใครที่มองต้องรู้สึกประทับใจ
หลิงฮันพยักหน้า “น้องชายหยานวางแผนจะช่วยเหลือข้าด้วยงั้นรึ?”
“ฮ่าๆ วันนี้ข้าแค่มาร่วมงานแต่งงานของพี่สาวอู๋ตงและเพลิดเพลินไปกับไวน์ชั้นดีเท่านั้น สำหรับเรื่อนอื่นข้าขอไม่ยุ่งเกี่ยว” หยานเทียนจ้าวหัวเราะและเดินไปอีกฝั่ง การวางตัวของเขาดูไม่เหมือนชายหนุ่มในวัยสิบสี่สิบห้าปีแม้แต่น้อย
เมื่อเหล่าจอมยุทธเฒ่ามองเห็นหยานเทียนจ้าว พวกเขาก็อดจะตกตะลึงไม่ได้เพราะไม่สามารถมองเห็นการบ่มเพาะของเด็กหนุ่มรุ่นเยาว์
“หลิงฮัน!” เสียงอันเกรี้ยวกราดดังขึ้น พร้อมกับมีชายร่างสูงเดินเข้ามาใกล้หลิงฮัน “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
หลิวปู้เฉิง ลุงเจ็ดของหลิวอู๋ตง
หลิงฮันทำท่าครุ่นคิดและถาม “นี่เป็นงานแต่งงานของอู๋ตง ข้าจะมาร่วมแสดงความยินดีด้วยไม่ได้รึ?”
หลิวปู้เฉิงมองไปยังหลิงฮันและขมวดคิ้ว “ถ้าเจ้ามาเพื่อแสดงความยินดีและเพลินเพลิดไปกับไวน์ชั้นดีพวกเราจะต้องต้อนรับเจ้าแน่นอน แต่ที่พักตระกูลหลิงไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะทำอะไรได้ตามใจชอบ”
หลิงฮันยิ้มและพยักหน้า จากคำพูดและน้ำเสียงของหลิวปู้เฉิง เขาไม่สามารถบอกได้ว่าตระกูลหลิวมีความคิดอะไรอยู่
‘คอยดูต่อไปแล้วกัน’
แขกเกือบจะทุกคนได้มาถึงแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่นั่งอยู่ที่โต๊ะที่จัดเตรียมไว้ให้ แต่ก็มีแขกที่อยู่นอกเหนือการคาดหมายอย่างหลิงฮันอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ตระกูลหลิวได้เตรียมที่โต๊ะฉุกเฉินเอาแล้ว
“ฟูหยวนเชิง ปรมาจารย์ฟูมาถึงแล้ว!” คนรับใช้ประกาศเสียงดัง ซึ่งทำให้แขกทุกโต๊ะตกตะลึงในทันที ฟูหยวนเชิงคือหนึ่งในสองปรมาจารย์นักปรุงยาผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นพิรุณ และมีสถานะด้อยกว่าจักรพรรดิพิรุณเพียงคนเดียว
ผู้นำตระกูลหลิวออกมาต้อนรับฟูหยวนเชิงด้วยตนเอง พวกเขาทั้งสองพูดคุยกับอย่างสนุกสนาน
การแต่งงานของบุตรสาวตระกูลหลิวสามารถเชิญชวนฟูหยวนเชิงมาได้ นั่นยังไม่นับว่าเป็นเกียรติอีกรึ?
แต่คนที่นั่งอยู่ต่างก็รู้ดีว่าฟูหยวนเชิงไม่ได้มาที่นี่เพราะไว้หน้าตระกูลหลิว แต่เขามาเพราะหลิงฮัน!
พวกเขาเคยได้ยินมานานแล้วว่าสองปรมาจารย์นักปรุงยาโปรดปรานหลิงฮันมาก และการที่ฟูหยวนเชิงมาที่นี่ก็ทำให้เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาสนับสนุนหลิงฮันอย่างเต็มที่ราวกับเป็นบุตรของตนเอง
“ผู้อาวุสามเจี่ยโป๋หยุนแห่งตำหนักสมบัติวิญญาณมาถึงแล้ว!” เมื่อฟูหยวนเชิงนั่งลงที่เก้าอี้ ตัวตนที่ยิ่งใหญ่อีกคนก็มาถึง
แม้สถานะของเจี่ยโป๋หยุนจะไม่สูงเท่าฟูหยวนเชิง แต่เขาก็เป็นจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ และในแคว้นพิรุณ นี่คือระดับพลังขั้นสูงสุด ปกติแค่จะได้เห็นตนตนระดับนี้เพียงแวบเดียวก็ยากมากแล้ว ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะมาเข้าร่วมงานแต่งงานวันนี้
หลิวอู๋ตงกับเฟิงหมิงคงไม่สามารถทำให้ตัวตนระดับนี้ปรากฏตัวได้ ถ้างั้นเจี่ยโป๋หยุนคงจะมาเพราะหลิงฮันไม่ก็เฟิงหยาง
ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ฝ่ายไหน
ทันใดนั้นเอง ในที่สุดเฟิงหยางก็มาถึง มันพาดมือทั้งสองข้างไว้ที่หลังและเดินมานั่งที่เก้าตรงกลางห้อง เมื่อสายตาของมันกวาดผ่านหลิงฮัน รอยยิ้มยันเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของมันพร้อมกับจิตสังหาร
คำพูดในใจของมันก็คือ ‘ข้าจะให้เจ้าได้เห็นผู้หญิงของตัวเองแต่งงานกับชายอื่น ดูสิว่าเจ้าจะทำอะไรได้?’
หลิงฮันทำเป็นมองไม่เห็น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนลงมือ
“เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจงสาบานต่อฟ้าดิน!” เมื่อเสียงผู้ประกาสดังขึ้น แขกทุกคนเห็นคนสองคนเดินเข้ามายังห้องโถงหลังจากทั้งสองฝั่ง ชายหนุ่มในฝั่งซ้ายคือเฟิงหมิง หญิงสาวในฝั่งขวาคือหลิวอู๋ตงที่กำลังเดินมาอย่างช้าๆโดยมีสาวใช้คอยช่วยประคอง
ใครที่มีลูกตาจะสามารถมองเห็นว่านางถูกผนึกพลังบ่มเพาะเอาไว้ และกำลังถูกลากตัวมาโดยสาวใช้ที่อยู่ข้างๆนาง
“รอก่อน!” หลิงฮันยืนขึ้น
‘นั่นแหละ นั่นแหละ การแสดงที่น่าสนุกเริ่มแล้ว’ แขกทุกคนคิดอยู่ในใจและเต็มไปด้วยความคาดหวัง งานแต่งงานแล้วทำไมล่ะ? มันมีอะไรดีรึ? ยังไงพวกเขาก็ไม่ใช่เจ้าบ่าวอยู่แล้ว แขกส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมงานแต่งก็เพราะอยากจะเห็นการเผชิญหน้าระหว่างหลิงฮันกับเฟิงหยาง
“เจ้าหมายความว่าอะไรหลิงฮัน?” หนึ่งในสมาชิกตระกูลหลิวถามอย่างเย็นชา
“ข้าไม่ยอมรับงานแต่งงานนี้!” หลิงฮันพูดและส่ายหัว
“ฮ่าๆ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร คนของตระกูลหลิวจะแต่งานกับใครต้องได้รับการยอมรับจากเจ้าด้วยงั้นรึ?” ชายคนนั้นพูดอย่างเย็นชา มันมีอายุสามสิบปี มีพลังบ่มเพราะระดับก่อเกิดธาตุขั้นเจ็ด
หลิงฮันมองไปยังหลิวปู้เฉิง แต่อีกฝ่ายกลับยังคงนั่งอย่างสงบนิ่งราวกับไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น หลิงฮันเข้าใจในทันที เสียงในตระกูลหลิวแตกออกเป็นสองฝ่ายจริงๆ ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนงานแต่งงานส่วนอีกฝ่ายไม่ยอมรับงานแต่งงาน
แต่ดูเหมือนฝ่ายที่ไม่ยอมรับจะเสียเปรียบ ดังนั้นหลิวอู๋ตงจึงต้องแต่งงาน
และเพราะตระกูลหลิวแบ่งเป็นสองฝ่าย หลิวฮันจึงสามารถเข้ามาในที่พักตระกูลหลิวได้อย่างง่างดาย ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องใช้กำลังบุกเข้ามาแล้ว
หลิงฮันเดินไปข้างหน้าและพูด “ข้าจะพูดอีกครั้ง ข้าไม่ยอมรับงานแต่งงานนี้!”
“ไสหัวไป!” สมาชิกตระกูลหลิวตะโกนออกมาและพุ่งเข้ามาต่อยหลิงฮัน
หมัดที่พุ่งเข้ามาถูกปกคลุมไปด้วยออร่าอันน่าสะพรึงกลัว ในการที่มันเป็นคนของตระกูลหลิว พลังต่อสู้ของมันจึงแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นเจ็ดทั่วไป พลังต่อสู้ของชายคนนี้เทียบเท่าได้กับจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นแปด
หลิงฮันยกมือขึ้นและปล่อยหมัดออกไปอย่างไม่แยแส