บทที่ 22 ศัตรูของทุกคน
บทที่ 22
ศัตรูของทุกคน
สองคนที่จับสลากได้หมายเลขหนึ่ง เป็นชายหนุ่มขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่ห้า
ด้วยสำนึกในความปลอดภัย พวกเขาติดอาวุธด้วยดาบที่ทำจากไม้พิเศษ ดาบไม้ที่มีความทนทานยิ่งและสามารถต้านทานพละกำลัง1,000กิโลกรัม ขณะเดียวกันก็มีชุดเกราะหนา ดังนั้นถ้าไม่มีเจตนาสังหารคู่ต่อสู้ ก็จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจนถึงตาย
คลิ้ง!แคล้ง!
ขณะที่ทั้งคู่ต่อสู้ ดาบปะทะกันต่อเนื่องไม่หยุด
***
เพียงชั่วพริบตา การแข่งขันนับสิบก็ได้ข้อสรุป เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้ชมว่า ผู้เข้าแข่งขันจากตระกูลใหญ่มีความสามารถมากกว่าตระกูลเล็ก ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจากตระกูลหลักยังไม่มีใครแพ้
“หมายเลขสิบห้าก้าวขึ้นมาบนเวที”
เมื่อผู้ตัดสินให้สัญญาณ เด็กหนุ่มผมยาวเดินไปที่เวทีโดยมีหลี่ฮงไคตามมาด้านหลัง
หลี่ฮงไคยิ้มเยาะ“เจ้าโชคร้ายมากที่ได้ข้าเป็นคู่ต่อสู้”
ภายใต้การได้รับคำชี้แนะจากหลี่ซานเหอ เขาคาดเดาว่า ไม่มีใครสูสีกับตัวเขา เว้นแต่ผู้เข้าแข่งขันจากตระกูลใหญ่
“ฮึ ฮึ ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าไม่รู้หรือว่าโง่กันแน่” ซี่เฟยล้อเลียนด้วยสายตาเย็นชา
"เขาเป็นใคร? ไม่ดูทะนงตัวและโง่เขลาเกินไปเหรอ ที่กล้าดูถูกปีศาจทางใต้ ซี่เฟย”
***
“เขาคือหลี่ฮงไคจากตระกูลหลี่”
“เพราะมีคนโง่เขลาเหล่านี้ตระกูลหลี่ถึงตกต่ำ”
คำพูดของหลี่ฮงไค ทำให้ตระกูลหลี่เป็นหัวข้อให้ผู้ชมนินทา
บนแท่นยืน หลี่เทียนฮั่นแสดงสีหน้าไม่พอใจ
หลี่ซานเฮอตะโกนขึ้น “พวกคนเหล่านี้จะรู้มั้ยว่าหลี่ฮงไคนั้นก็มีดีพอ”
ที่ด้านข้าง หยางหลี่กล่าวแดกดัน “หลี่ซานเหอข้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถ แต่ดูเหมือนเป็นเพียงแค่ข่าวลือ คู่ต่อคู่ของฝ่ายเจ้าไม่ได้เป็นแค่คนธรรมดา ซี่เฟย ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจทางตอนใต้ แม้แต่ฝั่งตระกูลกวนของข้า ยังไม่มีใครรับประกันได้เลยว่าจะชนะ ยกเว้นกวนเผิ้ง ดังนั้นอย่าพูดถึงคนตระกูลหลี่ของเจ้าเลย”
“เรื่องของตระกูลกวนและของตระกูลหลี่ไม่เกี่ยวกัน” หลี่ซานเหอโต้หัวชนฝา
หลังจากได้ยินหลี่ซานเหอโต้แย้ง เฉินจงหมิงถึงกับส่ายศรีษะเขาไม่เคยประทับใจในตระกูลหลี่เลย
สามดาบเพียงสามดาบเท่านั้น! หลี่ฮงไคโดนซี่เฟยบดขยี้
หลี่ฮงไคไม่อยากจะเชื่อและรู้สึกกลัวจนหวาดผวา
“ช่างน่าอับอายเสียจริง! ลงจากเวทีเถอะ!เจ้าคนตระกูลหลี่”
“ดีแล้วที่ได้ขจัดคนไร้ค่าออกไป”
มันเริ่มต้นด้วยการยิ้มเย้ยเล็กน้อย กลายเป็นหัวเราะเยาะ และตามด้วยสรรพสำเนียงเสียงหัวเราะเยาะเซ็งแซ่
สมาชิกตระกูลหลี่รู้สึกขายหน้าและต้องการที่จะฝังศีรษะจมดินเหมือนนกกระจอกเทศ
“ให้ตายเถอะ หลี่ซานเหอสอนอะไรพวกเขากันแน่”
หลี่เทียนฮั่นสาปแช่งหลี่ซานเหอ เขาไม่เคยจำว่าหลี่ฮงไคเป็นคนจองหอง
หยางลี่มองไปที่หลี่ซานเหอ ตอนนี้ตระกูลหลี่แทบเป็นศัตรูกับทุกคน ข้าสงสัยว่าท่านรู้สึกเช่นไร”
“หยางหลี่ หุบปากของท่านซะ”
หลี่ซานเหอจ้องเขม็งกลับไปที่หยางลี่
“ท่านนั่นแหละสมควรหุบปาก” เฉินจงหมิงเปล่งเสียงไม่แยแส และปล่อยพลังลมปราณเพื่อเปลี่ยนสภาวะรอบด้าน ในเวลาไม่นานหลี่ซานเหอรู้สึกหนาวสั่นราวกับว่ามีคนสาดถังน้ำเย็นใส่เขา
เสียงหัวเราะ ดังเยาะหลี่ซานเหอผู้น่าสมเพช
หลี่ฮงไคไม่รู้จะหลีกหนีจากความอัปยศนี้อย่างไร เขารู้สึกสูญเสียจิตวิญญาณ หลี่หยุ่นไห่สาปแช่งผู้แพ้ในความคิด แต่กลับกล่าวว่า “ปรับความรู้สึกของเจ้าเสีย เมื่อถึงเวลา ข้าจะทำให้ทุกคนเงียบเอง”
เมื่อได้ยินคำประกาศของหลี่หยุนไห่ หลี่ฟู่เฉินแนะนำว่า“หลี่หยุนไห่,ปัจจุบันความประทับใจที่มีต่อตระกูลหลี่อยู่ที่จุดต่ำสุด ข้าขอให้เจ้าจงอดกลั้นไว้เถิด”
“สนใจแต่เรื่องของเจ้าเถอะ หลี่ฟู่เฉิน ข้ารู้ว่าข้าควรจะทำอย่างไร”
ก่อนหน้าวันนี้ หลี่หยุนไห่คิดว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นคู่แข่งของเขา ตอนนี้เมื่อการแข่งขันอัจฉริยะได้เริ่มขึ้น เขารู้สึกว่าหลี่ฟู่เฉินนั้นไม่คู่ควร เขาควรจะมองไปให้ไกลและไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่ในตระกูลหลี่
ด้วยความรำคาญหลี่ฟู่เฉินตัดสินใจหยุด ผู้คนอย่างพวกเขาคงต้องการบทเรียนที่รุนแรงเพื่อสอนให้รู้ข้อจำกัดของคนๆหนึ่งหมายความว่าอย่างไร
ความจริงแล้วไม่มีอะไรผิดปกติในการเป็นคนเย่อหยิ่ง แต่ผู้นั้นต้องมีทักษะที่จะพิสูจน์ความเย่อหยิ่งนั้นด้วย ถ้าไม่มีทักษะที่แท้จริง ความหยิ่งย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมไม่พอใจ
หยางไคเป็นคนที่อวดดี คิดแบบเดียวกันไหม?
ที่ทางเข้าของหลี่เซียงตง เป็นเพราะหลี่ฮงไค เสียงเยาะเย้ยจากฝูงชนดังคับคั่ง หลี่เซียงตงแสดงศักยภาพได้ต่ำกว่าที่คิด และพ่ายแพ้กับคู่ต่อสู้ที่ความเป็นจริงไม่ได้เก่งเทียบเท่าเขา ห่วงโซ่ของเหตุการณ์นี้ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหลี่ยิ่งแย่ลงไม่จบสิ้น
ในที่สุด, ก็ถึงตาของหลี่หยุ่นไห่คู่แข่งของเขา อัจฉริยะจากแคว้นใต้ แม้ว่าเขาจะไม่โด่งดังเท่าซี่เฟยแต่เขาก็ไม่แพ้ใคร
การเยาะเย้ยจากผู้ชมไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการแสดงวิชายุทธ์ของเขา หลังจากฟาดฟันกันหลายสิบครั้ง หลี่หยุนไห่ก็เอาชนะคู่ต่อสู้ได้
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง หลี่หยุนไห่กวาดสายตาไปที่ผู้ชม แต่การเยาะเย้ยยังไม่ยุติ กลับยิ่งมากขึ้น
“ถ้าข้ารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ข้าควรพาเขากลับไปที่ตระกูลหลี่ซะ” หลี่ฟู่เฉินยังคงนิ่งเงียบ
“หมายเลข 37”
ถึงตาของหลี่ฟู่เฉินแล้ว
หลี่ฟู่เฉินกระโดดขึ้นไปบนเวทีอย่างคล่องแคล่ว เงยหน้าขึ้นและมองเห็นผู้เข้าแข่งขันจากตระกูลกวนในฐานะศัตรูของเขา
“หลี่ฟู่เฉิน, กวนเซี่ยฝากสาสน์ถึงเจ้า”
เขาคือกวนเจี้ย ดวงตาของเขาส่องประกายแวววาว เขาพูดเบา ๆ กับหลี่ฟู่เฉินด้วยเจตนาที่ชัดแจ้งคือเบี่ยงเบนความสนใจของหลี่ฟูเฉิน แล้วถีบตัวออกจากพื้นอย่างแรง พุ่งไปด้านหน้าหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟูเฉินยังคงไม่สั่นไหว ดาบของเขาไม่ถูกกระทบกระเทือน เขาปัดมือเพื่อปลดอาวุธกวนเจี้ยได้ในพริบตา
“ช่างแตกต่างกันมากระหว่างทักษะการต่อสู้ของพวกเรา กลอุบายใดก็ช่วยไม่ได้หรอก”
ขณะประกาศ หลี่ฟู่เฉินปะทะฝ่ามือส่งให้คู่ต่อสู้ลอยออกไป
“ยังไม่ทันได้วาดดาบเหรอ ตระกูลหลี่บ้าไปแล้ว!”
กวนฮงและกวนหยานรู้สึกขุ่นเคืองใจยิ่ง
***
ในอีกไม่กี่รอบถัดไป ก็จะถึงตาผู้เข้าแข่งขันที่โด่งดัง
มีสามคนที่หลี่ฟู่เฉินให้ความสนใจ พวกเขาคือหยางไค, เหอปิงจากแคว้นเหนือและฮงซิ่วจากแคว้นตะวันออกที่งดงาม
พวกเขานับว่าเป็นผู้ที่แกร่งที่สุด หยางไคเป็นผู้รอบรู้ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานหรือทักษะการต่อสู้ คู่ต่อสู้ยังไม่ทันได้ตอบโต้ ก็หลุดออกจากเวทีด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ราวกับว่าผู้ใหญ่กำลังต่อสู้กับเด็กอย่างไม่ต้องสงสัย
ทักษะการต่อสู้ของเหอปิงนั้นโดดเด่นกว่าหยางไคด้วยการฟาดฟันเพียงหนึ่งครั้ง เขาสามารถบังคับให้คู่ต่อสู้ออกจากเวทีแม้ว่าจะถูกสกัดกั้นด้วยดาบก็ตาม
จือฮงซิ่ว เป็นหญิงสาวที่งดงามและมีเสน่ห์ดึงดูด ทักษะดาบของนามงามดั่งท่าที ด้วยการกวัดแกว่งเพียงครั้งเดียว เงาของดาบงดงามดั่งนกยูง ทำให้คู่ต่อสู้ถึงกับตื่นตะลึง
อัจฉริยะที่โดดเด่นอีกคนคือเฉินตูจิวแห่งตระกูลเฉินตูเขาออกวิชายุทธ์ได้แข็งแกร่ง เนื่องจากตระกูลเฉินตูเป็นตระกูลของเจ้าเมืองการบ่มเพาะของเขาไม่ใช่แค่ระดับสีเหลืองขั้นสูง แต่จริงๆแล้วเป็นถึงระดับสีเหลืองขั้นสูงสุด ซึ่งเป็นรูปแบบของเช่าหยางหลู
รูปแบบเช่าหยางหลูเป็นรูปแบบที่ยากจะต้านทาน มีจำนวนทั้งสิ้นเก้าระดับ เฉินตูจิวได้ทำการฝึกฝนจนถึงระดับจุดสูงสุดของอันดับสี่ ด้วยความแข็งแกร่งที่โดดเด่นในพลังลมปราณ เขาไม่ได้น้อยหน้าหยางไคแม้เพียงนิ้วเดียว…