ตอนที่แล้วตอนที่ 252 การชักชวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 254 มุ่งหน้าสู่ที่พักตระกูลหลิว

ตอนที่ 253 องค์ชายเจ็ด


ก่อนหน้านี้องค์ชายสามคิดว่าคำแนะนำของเขาจะชักจูงหลิงฮันได้สำเร็จ เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลิงฮันจะเมินเฉยความหวังดีของเขาเช่นนี้ องค์ชายสามอดที่จะรู้สึกโมโหไม่ได้

ถ้าเป็นคนอื่น องค์ชายสามคงตำหนิอย่างโหดเหี้ยมหรือไม่ก็ตบหน้าอย่างรุนแรงไปแล้ว แต่เมื่อมันนึกถึงนักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่สองคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังหลิงฮัน เขาก็ทำได้เพียงระงับความโกรธเอาไว้ในใจและพูด “หลิงฮัน เจ้ามีความสามารถอะไรในการต่อต้านเฟิงหยาง? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เจ้าอ่อนแอกว่าเฟิงหยาง แค่ตระกูลหลิวส่งจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณออกมาเจ้าก็ไม่สามารถผ่านประตูไปได้แล้ว!”

หลิงฮันยิ้ม “ข้าไม่เคยนึกเลยว่าองค์ชายจะเป็นห่วงข้าขนาดนี้!”

องค์ชายสามรู้ว่าคำพูดของหลิงฮันเป็นเพราะเหน็บแนม ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมนและพูด “หลิงฮัน อย่าวู่วามเพียงเพราะเรื่องสตรี อย่าลืมว่าพวกเราเป็นบุรุษที่แสวงหาเป้าหมายอันยิ่งใหญ่!”

หลิงฮันส่ายหัวในใจ ดูเหมือนว่าองค์ชายสามจะยังไม่รู้ว่าเขาเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงแล้ว ไม่เช่นนั้นมันคงมีความมั่นใจในตัวหลิงฮันและไม่กล้าพูดกับเขาเช่นนี้

ที่จริงเขาก็ไม่ได้จงใจปิดบังเรื่องนี้ ดังนั้นถ้าหากตรวจสอบดีๆก็จะรู้ได้ไม่ยากว่าเขาได้รับสถานะนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงมาแล้ว อย่างน้อยมีก็ตำหนักสมบัติวิญญาณที่รู้เรื่องนี้แล้ว แต่ทำไมองค์ชายจักรพรรดิที่สามคนนี้ถึงได้มีข้อมูลล้าหลังเช่นนี้?

ต้องมีใครสักคนทำอะไรบางอย่าง ซึ่งทำให้องค์ชายสามไม่ได้รับข้อมูลนี้

ในเมืองจักรพรรดิ บุลคลเพียงหนึ่งเดียวที่มีอำนาจในการทำเช่นนี้คือ... จักรพรรดิพิรุณ!

ไม่ว่าใครต่างก็พูดกันว่าจักรพรรดิพิรุณองค์ปัจจุบันมีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธและการวางแผนที่ยอดเยี่ยม เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าบุตรของเขากำลังแอบสร้างขุมกำลังพันธมิตรอยู่อย่างลับๆ?

ถึงแม้เขาจะรู้เขาก็ไม่ได้ลงมืดขัดขวางหรือแทรกแซงใดๆ เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิพิรุณต้องการดูว่าบุตรคนใดมีความฉลาดหลักแหลมที่สุดที่เขาจะมอบบัลลังก์ให้ การมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมองเห็นผลประโยชน์ล่วงหน้าก็เป็นการทดสอบสำหรับองค์ชายจักรพรรดิ

โชคร้ายที่องค์ชายหนึ่งกับองค์ชายสามไม่รู้เรื่องนี้และคิดว่าการกระทำของพวกเขาเป็นความลับที่จักรพรรดิพิรุณไม่ล่วงรู้

หลิงฮันถอนหายใจ องค์ชายสามไม่ผ่านการทดสอบขององค์จักรพรรดิ

ถ้าหลิงฮันจงใจผลักดันสนับสนุนองค์ชายสาม ด้วยอำนาจของเขา ต่อให้องค์ชายสามอ่อนแอยังไงก็จะคงจะได้ครองบัลลังก์อยู่ดี แต่น่าเสียดายที่มันไม่เลือกช่วยเหลือหลิงฮันและพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขายอมแพ้เฟิงหยาง

“องค์ชายสาม อู๋ตงคือสหายของข้า และข้าไม่ใช่คนประเภททอดทิ้งสหายของตนเอง!” หลิงฮันพูด

องค์ชายสามเกือบจะระเบิดความโกรธออกมา ทั้งๆที่มันแนะนำหลิงฮันอย่างจริงใจขนาดนี้ ทำไมหลิงฮันถึงไม่เชื่อมันเลย? องค์ชายสามพูดออกมาด้วยความโกรธ “อย่าเสแสร้งเป็นสุภาพบุรุษหรือรักความยุติธรรม ถ้าเจ้าต้องการสาวงาม ข้าสามารถมอบให้เจ้าได้เป็นพันหรือหมื่นคน! แม้กระทั่งจือหยานข้าก็มอบให้เจ้าได้!”

ในใจของมัน แม้แต่ซุนจือหยานก็เป็นเพียงเครื่องมือ ตราบใดที่นางสามารถช่วยให้มันครอบครองบัลลังก์ได้ มันก็พร้อมเสียสละนางตลอดเวลา

หลิงฮันส่ายหัว “คนที่เดินอยู่บนเส้นทางที่แตกต่างกันไม่สามารถร่วมมือกันได้ ขอเชิญองค์ชายกลับไป!”

สีหน้าขององค์ชายสามกลายเป็นมืดมน “หลิงฮัน เจ้าลืมเรื่องเนตรแห่งสัจธรรมแล้วรึ? ใครที่มีความปรารถนาละโมภในสมบัติลับของแคว้นจะต้องถูกลงโทษขั้นรุนแรง!”

“องค์ชายกำลังขู่ข้า?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม

“นั่นก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเจ้าเอง!” องค์ชายสามเค้นเสียงและสะบัดผ้าคลุมเดินจากไป

ช่างอารมณ์ร้อนเสียจริง!

หลิงฮันยิ้ม ถ้าองค์ชายสามรู้ว่าเขาเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงแล้ว มันจะทำหน้ายังไงนะ? มันจะรู้สึกเสียใจจนเอาหัวโขกกำแพงเลยรึเปล่า?

หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาหาเขาอีกคน

นั่นคือองค์ชายหนึ่ง

องค์ชายหนึ่งก็เหมือนกับองค์ชายสาม มันพยายามชักจูงให้หลิงฮันไม่เข้าร่วมงานแต่งงานพรุ่งนี้ ท่าทีขององค์ชายหนึ่งเด็ดเดี่ยวกว่าองค์ชายสามมาก แต่สุดท้ายความพยายามของมันก็ต้องเสียเปล่า มันทุบโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราดก่อนที่จะเดินจากไป

หลิงฮันถอนหายใจ นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องสะสางด้วยตัวเอง แต่ทำไมพวกเขาถึงต้องพยายามมาชักจูงให้เขาเปลี่ยนใจด้วย?

“นายน้อยฮันอยู่ที่นี่รึเปล่า?” ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

วันนี้เขามีแขกมาเยี่ยมเยอะจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขานำตัวฮูหนิวเข้าไปนอนพักผ่อนในหอคอยทมิฬก่อนหน้านี้ เด็กน้อยคงจะถูกปลุกเพราะเสียงเอะอะและกระโดดกัดคนที่มารบการการนอนหลับของนางด้วยความโกรธแล้ว

หลิงฮันเดินไปเปิดประตูและเห็นชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู เขามีใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลา ถึงแม้เสื้อผ้าของเขาจะดูค่อนข้างธรรมดาและมีสีหน้าที่สงบนิ่ง แต่กลิ่นอายโดยธรรมชาติของเขานั้นค่อนข้างจะทรงพลังทีเดียว

“ข้าคือฉีฉางเย่ ต้องขออภัยด้วยที่ข้ามารบกวนนายน้อยฮันในเวลาดึกๆดื่นๆแบบนี้!” ชายหนุ่มคนนี้ดูมีอายุประมาณยี่สิบปีและมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับรวมธาตุขั้นเก้า ในหมู่รุ่นเยาว์ของเมืองจักรพรรดิ เขาไม่นับว่าโดดเด่นอะไร

แซ่ ‘ฉี’ อีกแล้วรึ

หลิงฮันยิ้มจางๆและพูด “โอ้ เป็นองค์ชายเจ็ดนี่เอง”

หลิงฮันไม่นึกว่าก่อนเลยว่าองค์ชายเจ็ดก็จะมาโน้มน้าวไม่ให้เขาไปเข้าร่วมงานแต่งงานพรุ่งนี้เหมือนกัน

องค์ชายเจ็ดยิ้มและพูด “นายน้อยฮันจะไปเข้าร่วมงานแต่งงานพรุ่งนี้ให้ได้สินะ?”

“หรือองค์ชายเจ็ดจะบอกว่าข้าไม่สมควรไปงานแต่งงานนั่น?”

“ผิดแล้ว!” องค์ชายเจ็ดส่ายหัว บนใบหน้าของเขาปรากฏร่องรอยความโกรธเล็กน้อย “อาณาเขตบริเวณนี้เป็นของแคว้นพิรุณ แต่เฟิงหยางกลับใช้นิกายจันทราเหมันต์ในการข่มขู่บังคับให้หญิงสาวคนหนึ่งแต่งงาน! ถ้าข้าเป็นจักรพรรดิ ข้าจะชกมันให้กระเด็นออกไปจากแคว้นนี้แน่นอน ข้าไม่คิดว่านิกายจันทราเหมันต์จะกล้าลุกลานแคว้นพิรุณเพียงเพราะศิษย์ตัวเล็กๆเพียงคนเดียว ถ้าพวกมันทำเช่นนั้นจริงๆ พวกมันก็จะกลายเป็นตัวตลกของดินแดนทางเหนือ”

สำหรับคนที่มีชีวิตมาแล้วสองชีวิตอย่างหลิงฮัน สายตาของเขาจึงแหลมคมอย่างมาก ถึงแม้องค์ชายเจ็ดจะพูดแค่นั้น เขาก็รู้ว่าองค์ชายเจ็ดหมายถึงอะไร

“เช่นนั้นองค์ชายเจ็ดจะช่วยเหลือข้า?”

องค์ชายเจ็ดพยักหน้าและพูด “วันพรุ่งเชิญนายน้อยฮันลงมือตามใจชอบ ข้าจะเป็นผู้หนุนหลังให้ท่านเอง!”

หลิงฮันอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “ทำไมองค์ชายถึงมั่นใจในตัวข้าขนาดนั้น? ตระกูลหลิวมีจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณคอยดูแลอยู่ ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของข้า... แค่ก้าวผ่านประตูไปข้าก็คงทำไม่ได้”

ตอนนี้หลิงฮันกำลังทดสอบองค์ชายเจ็ด ทั้งๆที่พวกเขาทั้งสองไม่เคยพบกันมาก่อน ทำไมองค์ชายเจ็ดถึงเดินทางมาเพื่อเสนอที่จะช่วยเหลือเขา?

องค์ชายเจ็ดหัวเราะและพูด “ลูกผู้ชายไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อม ความจริงข้าได้ตรวจสอบมาแล้วและพบว่านายน้อยฮันเป็นคนที่ได้รับเหรียญตราสีเงินของนักปรุงยามาถึงสามเหรียญ ในแคว้าพิรุณนี้ แม้แต่บิดาของข้าก็ไม่กล้าทำอะไรนายน้อยฮัน”

อย่างที่คิด ชายหนุ่มคนนี้รู้แล้วว่าเขาเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูง เพราะงั้นถึงได้คิดจะช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที

หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะและถาม “องค์ชายคิดจะช่วยเหลือข้ายังไงรึ?”

องค์ชายเจ็ดอดที่จะรู้สึกดีใจไม่ได้ เขารู้แล้วว่าตอนนี้หลิงฮันยอมรับในตัวเขาแล้ว ไม่เช่นนั้นหลิงฮันคงไม่ถามคำถามเช่นนี้ “ถึงแม้ข้าจะไม่แข็งแกร่งมาก แต่ข้าก็จะสนับสนุนนายน้อยฮันเต็มที่พร้อมกับส่งจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณสองคนไปช่วยเหลือ”

หลิงฮันตกตะลึง ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณคือระดับพลังบ่มเพาะที่สูงที่สุดในแคว้นพิรุณ แม้จะเป็นจักรพรรดิพิรุณก็ทำได้เพียงขอให้พวกเขาช่วยเหลือด้วยความสมัครใจโดยที่ไม่สามารถออกคำสั่งกับพวกเขาได้ ดังนั้นแม้องค์ชายเจ็ดจะไม่สามารถส่งจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณมาช่วยเขาได้ แค่ส่งจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณมาช่วยเหลือเขานั้นก็นับว่าเป็นสิ่งที่น่าประทับใจแล้ว

“งั้นข้าก็ขอน้อมรับการช่วยเหลือจากองค์ชายอย่างสุดซึ้ง!” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด