บทที่ 21 การแข่งขันเฟ้นหาอัจฉริยะ เริ่มต้นขึ้น
บทที่ 21
การแข่งขันเฟ้นหาอัจฉริยะ เริ่มต้นขึ้น
เมื่อถึงรุ่งสาง แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องความมืดให้แยกออก ขณะที่ส่องทะลุลงพื้นโลก เมืองหยุ่นวู่เหมือนหม้อต้มน้ำที่เริ่มเดือด ค่อย ๆ ปลุกทั้งเมืองให้ตื่นขึ้น ทางด้านตะวันตกของเมืองหยุ่นวู่เป็นเวทีขนาดใหญ่สำหรับการต่อสู้อย่างเป็นทางการ โดยปกติจะใช้สำหรับการแข่งขันประลองยุทธ์ แต่วันนี้เป็นวันพิเศษเป็นการแข่งขันเฟ้นหาอัจฉริยะ
สนามปะลองเนืองแน่นไปด้วยผู้คน นับผู้ชมได้หลายพันคน
“ท่านหัวหน้าผู้คุ้มกันหวัง อะไรนำพาท่านมาที่นี่ ข้าได้ยินมาว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยชุนเฟิงเพิ่งรับงานคุ้มกันใหญ่”
“ข้าหาเวลาออกมา แม้ว่าไม่ค่อยมีมากนัก บุตรชายของข้าเข้าร่วมในวันนี้”
“พ่อค้าเจา บุตรชายท่านไม่สามารถเข้าร่วมการประลองการต่อสู้อัจฉริยะนี้ ใช่หรือมั้ย”
“บุตรชายของข้ายังไม่โตพอ แต่บุตรบุญธรรมได้เข้าร่วมในวันนี้ ถ้าบุตรชายท่านไม่ได้อายุสิบหกปี ถ้าไม่มีบุตรบุญธรรม ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
“ข้ามาที่นี่เพื่อมาดูการเปลี่ยนมือของอำนาจ”
ผู้มีอิทธิพลทุกคนในเมืองหยุ่นวู่มาที่นี่เพื่อการแข่งขันอัจฉริยะรายปักษ์ มันเป็นการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่และในเวลาเดียวกันก็เป็นโอกาสที่ดีในการสอดแนมซึ่งกันและกัน
ผลของการแข่งขัน หากหนึ่งในตระกูลนั้นมีสาวกที่โดดเด่นเป็นพิเศษ พวกเขาจะพยายามสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในทางตรงข้าม ทศวรรษที่ผ่านมาคนที่โดดเด่นล้วนขอถอนตัวจากตระกูลหลี่เนื่องจากแทบไม่มีผู้ที่ได้เข้าร่วมนิกายคังเหลียนในปีนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายของตระกูลหลี่ ที่จะพิสูจน์ว่าชื่อพวกเขายังมีค่าพอในเหล่าตระกูลหลัก
"ดูนั้นสิ! หยางมาที่นี่ ตระกูลหยางก่อตั้งมาเกือบศตวรรษพวกเขามีประวัติยาวนานที่สุดในบรรดาสี่ตระกูลหลัก พวกเขาจะสร้างอีกตำนานในวันนี้หรือไม่”
ฝูงชนเฝ้ามองตระกูลหยางที่หลั่งไหลเข้ามาจากทางเข้าด้านหนึ่ง
ด้วยกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาตระกูลอื่น ๆ พวกเขามีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดเก้าคนเข้าร่วมในวันนี้
“ข้าต้องเป็นศิษย์นิกายคังเหลียนให้ได้”
หยางฉีกำหมัดแน่น เขาเปล่งเจตนาสังหารที่แสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมที่จะฆ่าแม้แต่พระเจ้าหากพระเจ้าขัดขวางเขา
“ตระกูลกวนอยู่ที่นี่เช่นกัน หลายปีนี้ตระกูลกวนเปล่งเสน่ห์อย่างที่พวกเขามี ข้าประเมินว่าภายในไม่กี่ปีตระกูลกวนจะแซงหน้าตระกูลหยาง แม้แต่ตระกูลเฉินตูก็อาจรักษาไว้ไม่ได้เช่นกัน
ในสายตาของทุกคน การผงาดขึ้นของตระกูลกวนอาจดูเกินจริงเกินไป ตระกูลเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จักเมื่อยี่สิบปีก่อนตอนนี้ยี่สิบปีผ่านมา พวกเขาแซงหน้าตระกูลหลี่และกำลังไล่ตามตระกูลหยางและตระกูลเฉินตูมาติดๆ
ในมุมมองของบางคน พวกเขานั้นแซงหน้าตระกูลหยางไปแล้ว เหตุผลก็เพราะการรับเข้านิกายล่วงหน้าของกวนเซี่ย
ด้วยความเป็นผู้นำ กวนหยูก้าวเข้ามาพร้อมสิ่งที่เขาภูมิใจ รอยยิ้มสะท้อนความถือตัว
โดยบังเอิญ ที่ทางเข้าด้านตรงข้าม ตระกูลหลี่เดินเข้ามาในเวลาเดียวกัน
นำโดยหลี่เทียนฮั่น เขาจ้องเขม็งไปในแววตาของกวนหยู โดยไม่ลังเล
ไม่มีความรู้สึกผิดใด ๆ ในสายตาของกวนหยู เขากลับดูมีชีวิตชีวาและแข็งแรงแทน ในโลกที่โหดร้ายนี้ ใครถูกและใครผิดไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือการเลือกที่จะกระทำและกวนหยูเชื่อว่าเขาเลือกเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว การได้เห็นตระกูลหลี่ตกต่ำนั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งเขาและการผงาดขึ้นของตระกูลกวน
ด้วยทรรศนะวิสัยอันเลือนราง หลี่เทียนฮั่นค่อยๆหลี่เปลือกตา
“ตระกูลหลี่อยู่ที่นี่แล้ว และมีผู้เข้าท้าชิงเพียงสี่คน ดูเหมือนว่าการล่มสลายของตระกูลหลี่นั้นถูกกำหนดไว้แล้ว ข้าสงสัยว่าตระกูลหลี่จะมีใครประสบความสำเร็จหรือไม่”
“อย่าพึ่งคิดไปไกลเลย ข้าได้ยินมาว่าในเขตเมืองหยุ่นวู่ มีอัจฉริยะปรากฏขึ้นมากมาย อาทิ เหอปิงแคว้นตอนเหนือ ซี่เฟยแคว้นตอนใต้ ฮงซิ่วแคว้นตะวันออก และซุนตี่ แคว้นตะวันตก การได้รับเลือกเข้านิกายจากส่วนที่เหลือของตระกูลใหญ่ ง่ายยิ่งกว่าการที่ตระกูลหลี่ติดหนึ่งในห้าอันดับแรกเสียอีก”
“ถ้าตระกูลหลี่ไม่สามารถทำได้ในครั้งนี้ พวกเขาคงหมดหวังที่จะกลับมา”
เสียงสนทนาเซ็งแซ่ทั่วอัฒจันทร์
ผู้ที่เดินตามหลี่เทียนฮั่นมาติดๆคือหลี่ฟู่เฉิน เข้ากวาดสายตาไปยังผู้ชม เขายังจำท่าทีของคนเหล่านี้ได้
“ตระกูลหลี่อยู่ในตำแหน่งตกอับจริงๆ!”
หัวใจของหลี่ฟู่เฉินละห้อย
เขาไม่ได้ตำหนิคนเหล่านี้ว่ามองตัวเองเป็นศูนย์กลาง หลักสำคัญของโลกนี้คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดครองอำนาจสูงสุด หากใครไม่สามารถปรับตัวได้พวกเขาก็แค่รอคอยการอวสาน หากสนใจเฉพาะผลประโยชน์ของตนโดยไม่สนใจเกียรติยศหรือละทิ้งความซื่อสัตย์แล้ว ผลท้ายสุดกลับกลายเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุด
กฎของเหตุและผล กรรมนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม
กรรมดูเหมือนจะไม่มีอยู่จริงในบางครั้ง แต่มักจะเข้ามาไม่ช้าก็เร็ว
***
สนามปะลองมีรูปร่างเหมือนโคลอสเซียม มีเวทีกลางที่ล้อมรอบไปด้วยผู้ชม ระหว่างเวทีและผู้ชมเป็นเส้นเรียบมีผู้เข้าแข่งขันรออยู่กับกลุ่มของพวกเขา
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้รับคำแนะนำใด ๆ จากหลี่ซานเหอ หลี่หงไคและหลี่เซียงตงยืนเคียงข้างหลี่หยุ่นไห่และแยกตัวออกจากหลี่ฟู่เฉิน
***
หลี่ฮงไคเหลียวมองไปที่หลี่ฟู่เฉิน คิดกับตัวเอง “หลี่ฟู่เฉินผยองเกินไป เขาไม่ต้องการคำแนะนำจากท่านอาซานเหอ เขาไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ทักษะการต่อสู้ของทั้งเซียงตงและของข้าดีขึ้นอย่างมาก เราทิ้งอดีตอันยาวนานของเราไปแล้ว แต่ตัวเขาก็ยังคงเป็นเขาเช่นเดิม”
“ขอต้อนรับท่านผู้อาวุโสเฉินและท่านเจ้าเมือง”
ที่พลับพลา กวนฮง,กวนหยาน,หยางหลี่, หยางจั่น, เฉินตูปาและหลี่ซานเหอแสดงความเคารพต่อเฉินจงหมิงและเฉินตูเจียนเหอ
เฉินตูเจียนเหอโบกมือ “ไม่ต้องสุภาพนักหรอก นั่งลงเถิดและสนุกไปกับการแข่งขัน!”
บุคคลทั้งเจ็ดเหล่านี้เป็นศิษย์สาวกภายในของนิกายคังเหลียน มีคุณสมบัติที่จะนั่งบนแท่นพลับพลาได้
เฉินจงหมิงหันมองเฉินตูเจียนเหอ “เจ้าเมืองเฉินตู มันได้เวลาอันควรให้เริ่มการแข่งขัน”
“ใช่แล้ว!”
เฉินตูเจียนเหอ เปล่งเสียงและเริ่มประกาศกฎการแข่งขันและรางวัล
กฎพื้นฐาน 4 ข้อของการแข่งขัน:
1. ห้ามมีการโจมตีที่รุนแรง
2. หลังจากยอมแพ้ ให้ยุติการต่อสู้ทันที
3. ห้ามมีอาวุธซุกซ่อนอยู่
4. ห้ามทานโอสถก่อนหรือระหว่างการแข่งขัน
การละเมิดใด ๆ จะส่งผลให้บุคคลนั้นถูกตัดสิทธิ์ทันทีและถูกลงโทษ
รางวัลสำหรับการแข่งขัน:
อันดับที่ 6 ถึง 20 - 1,000 เหรียญทอง โอสถลมปราณจิตวิญญาณระดับวิญาณขั้นต่ำสีเหลือง 1 ขวด
อันดับที่ 4 ถึงที่ 5 - 2,000 เหรียญทอง โอสถเม็ดลมปราณจิตวิญญาณ2 ขวด
อันดับที่ 3 - 3,000 เหรียญทอง โอสถเม็ดลมปราณจิตวิญญาณ5ขวด
อันดับที่ 2 - 5,000 เหรียญทอง โอสถเม็ดโอสถลมปราณเพิ่มพูนสีเหลืองขั้นกลาง 1ขวด
อันดับที่ 1 – 10,000เหรียญทอง โอสถลมปราณเพิ่มพูนสีเหลืองขั้นกลาง 2ขวด
สิ่งสำคัญที่สุดของทั้งหมด นั่นคือ ผู้เข้าชิงห้าอันดับแรกจะได้เข้าสู่นิกายคังเหลียนในฐานะศิษย์
เมื่อได้ยินเสียงประกาศรางวัล หลี่ฟู่เฉินรู้สึกตื่นเต้น โอสถลมปราณจิตวิญญาณหนึ่งขวดมูลค่ามากกว่าสองร้อยเหรียญทองและโอสถลมปราณเพิ่มพูนหนึ่งขวดมีมูลค่าสองพันเหรียญทอง หากเขาได้อันดับหนึ่ง มูลค่ารางวัลมากกว่าหนึ่งหมื่นเหรียญทอง มันช่างเป็นรางวัลที่เย้ายวน แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตปฐพีก็โหยหา
“รางวัลที่คุ้มค่าเช่นนี้ แค่ติดยี่สิบอันดับแรกก็มากเพียงพอแล้ว ช่างตำแหน่งศิษย์นิกายคังเหลียนเหอะ”
“เห็นได้ชัดว่า หลายคนมาที่นี่เพื่อรางวัล มันไม่ง่ายเลยที่จะติดหนึ่งในห้า
มีผู้ชมมากมายที่อิจฉาคนเหล่านี้
เมื่อเฉินตูเจียนเหอประกาศกฎและรางวัลการแข่งขันเสร็จสิ้น ผู้เข้าแข่งขันก็เริ่มจับสลาก
ในครั้งนี้มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดร้อยหกสิบคนอายุไม่เกินสิบหกปีและมีระดับการฝึกฝนขั้นต่ำที่ขอบเขตพลังงานขั้นที่ห้า
บนเวทีประลอง หลี่ฟู่เฉินสุ่มได้หมายเลขสามสิบเจ็ด หมายความว่าเขาจะต่อสู้กับเยาวชนคนอื่นที่เลือกหมายเลขสามสิบเจ็ดเช่นเดียวกัน
“การแข่งขันเหล่าอัจฉริยะได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้เข้าแข่งขันสองคนที่มีหมายเลขหนึ่งโปรดขึ้นมาบนเวที”
ในที่สุด การแข่งขันเฟ้นหาอัจฉริยะก็เริ่มต้นขึ้น….
ติดตามอัพเดทได้ที่ FB@indynovels