ตอนที่ 5 : พลุแตก
ทันทีที่เห็นลูกค้าเข้ามาแม่ของเขาก็ต้อนรับอย่างดีเธอนั่งลงพร้อมกับถามขึ้น
''ไม่ทราบว่ากลิ่นหอมนี่คืออะไรงั้นเหรอคะ ?''
เมื่อแม่ของเทียนหลางได้ยินคำถามเธอก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
''นั่นคือเมนูพิเศษของวันนี้คะ เป็นสตูเนื้อ คุณสนใจหรือเปล่า ?''
''แน่นอนค่ะ กลิ่นมันหอมมากฉันต้องการที่จะลองทานมัน งั้นฉันเอาข้าวผัดไข่ ผัดผัก แล้วก็หมูผัดซอสด้วยนะคะ''
''ได้เลยจ้ะ''
แม่ของเทียนหลางเดินมาด้านหน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะตะโกนบอกถึงรายการที่ลูกค้าสั่ง ไม่นานนักอาหารทั้งหมดก็ได้มาวางต่อหน้าของสาวสวยคนนี้อย่างรวดเร็วเธอมองมันด้วยสายตาเป็นประกายก่อนจะสูดดมกลิ่นอันหอมหวนของมัน
ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ตักพวกมันเข้าปากทันทีที่เธอได้ลิ้มรสชาติอาหารฝีมือของ
เทียนหลาง เธอก็ติดใจมันทันที เธอทานทุกอย่าง ๆ รวดเร็ว
''อร่อยจริง ๆ เลยนะเนี้ย ~ ไม่คิดเลยว่าในที่แบบนี้จะมีร้านอาหารอร่อย ๆ แบบนี้อยู่ด้วย''
สาวสวยนั่งเล่นโทรศัพอยู่ชั่วครู่ก่อนจะจ่ายเงินและเดินออกไป ไม่นานนักลูกค้าก็ค่อย ๆ มาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เทียนหลางต้องวุ่นวายอยู่แต่ในห้องครัวจนแทบไม่ได้เดินออกไปไหนเลย
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ลูกค้าแต่ละคนเดินออกไปด้วยใบหน้าพึงพอใจเพราะอาหารที่แสนวิเศษของเทียนหลางทำให้เหล่าลูกค้านั้นติดใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็ถึงเวลาปิดร้าน เทียนหลางเดินออกมาจากห้องครัวก่อนจะนั่งลงและบ่นออกมา
''ไม่คิดเลยว่าการทำอาหารจะเหนื่อยขนาดนี้''
เทียนหลางไม่คิดเลยว่าลูกค้าของเขาจะเยอะขนาดนี้แม้จะเป็นเพียงแค่คืนแรกก็ตาม เขาคิดว่าคงต้องรีบบ่มเพาะให้ก้าวหน้าขึ้นมากกว่านี้ไม่งั้นเขาคงต้องทำงานเหนื่อยจนตายเป็นแน่ และเทียนหลางมีความคิดที่ว่าเขาจะสอนแม่และพ่อของเขาให้ทำอาหารพวกนี้เป็นด้วยไม่อย่างงั้นเวลาเขาไม่อยู่บ้านคงไม่มีคนทำอาหารแน่ ๆ
'หรือว่าฉันควรจะหาลูกศิษย์ในเรื่องอาหารสักคนดี... แล้วสอนอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเขา อืม....'
หลังจากขบคิดเรื่องนี้อยู่สักพักเขาก็ตัดสินใจจะปล่อยมันไปเพราะมันเป็นเรื่องของอนาคตซึ่งคิดไปตอนนี้มันก็ไร้ประโยชน์เสียเปล่า ๆ เทียนหลางจึงกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องก่อนจะหยิบโทรศัพขึ้นมาและเปิดเว่ยป๋อขึ้นมาเพื่อเช็คดูข่าวสารหรืออะไรใหม่ ๆ
ในระหว่างที่เทียนหลางกำลังดูอะไรเพลิน ๆ อยู่นั้นสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับโพส
หนึ่งซึ่งพูดถึงร้านอาหารบัวหยกของครอบครังเขา
เทียนหลางจิ้มเข้าไปดูก็พบว่าเป็นเนื้อหาเพียงง่าย ๆ แต่ถูกโพสด้วยคนที่เหมือนจะเป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่าไอดอล หรือคนดังคนหนึ่งเนื้อหาได้ในถูกพรรณาถึงความอร่อย และรสชาติทีเกินบรรยายในอาหารที่เทียนหลางทำ
ในคอมเม้นท์แรก ๆ ไม่ค่อยจะมีคนเชื่อสักเท่าไหร่เพราะมันดูเหมือนจะเกินจริงไปนิดแต่หลังจากที่มีคอมเม้นท์ของลูกค้าคนอื่น ๆ ที่มาอุดหนุนเขาในคืนนี้ก็ทำให้โพสของเธอนั้นน่าเชื่อถือขึ้นมาก อีกอย่างเธอนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นคนดังคนหนึ่งในเว่ยป๋อด้วย
เทียนหลางอ่านข่าวอีกเล็กน้อยก่อนจะหลับ หลังจากที่เทียนหลางหลับไปแล้วโพสนั้นก็ยังถูกพูดถึงเป็นวงกว้างอย่างมากเรียกได้ว่าร้านอาหารบัวหยกของครอบครัวเทียนดังเป็นพลุแตกเพียงแค่ชั่วข้ามคืน
.......................................
เช้าวันต่อมาเทียนหลางตัดสินใจจะไปเดินตลาดเพื่อหาดูส่วนผสมที่จะทำอาหารวันนี้และเขาคิดว่าจะทำอาหารจานพิเศษไว้ขายเป็นเมนูพิเศษด้วย ก่อนมาตลาดนั้นเทียนหลางได้พูดคุยกับแม่และพ่อของเขาแล้วว่าควรจะเพิ่มราคาอาหารขึ้นอีกเล็กน้อยเพราะด้วยความอร่อยของมันเหล่าลูกค้าคงไม่ว่าอะไรถ้าหากจะขึ้นราคามันนิดหน่อยและความอร่อยยังเหมือนเดิม
เทียนหลางเดินไปเดินมาตามตลาดพร้อมกับซื้อของต่าง ๆ โชคดีที่เทียนหลางมีแหวนมังกรดำมันมีมิติขนาดเล็กอยู่จึงทำให้เทียนหลางสามารถใส่ของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปได้หากเทียนหลางไม่มีมันหล่ะก็เขาคงต้องถือของพะรุงพะรังอย่างแน่นอน ในระหว่างที่เทียนหลางกำลังจับจ่ายใช้สอยอยู่นั้นจมูกของเขาก็พลันได้กลิ่นที่คุ้นเคย
นั่นคือกลิ่นของสมุนไพรนั่นเอง เทียนหลางเดินตามกลิ่นไปอย่างรีบร้อนเขาไม่คิดเลยว่าในโลกใบนี้จะมีสมุนไพรที่ใช้ในการบ่มเพาะอยู่ด้วย เทียนหลางตรงมาเรื่อย ๆ ก็มาหยุดอยู่ที่ร้านขายผักร้านหนึ่ง เทียนหลางสอดส่องสายตาไปตามแผงผักจนในที่สุดก็พบมันในที่สุด สมุนไพรที่เขาตามหา